ฝันว่าน้ำท่วมถนน 

คนที่ฝันเห็นน้ำท่วมถนน ทายว่า คุณจะมีเกณฑ์เดินทางไกล หรือโยกย้ายที่อยู่อาศัย หรือที่ทำงาน  หากมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี ฐานะการเงินมั่นคง ถือว่าเป็นโอกาสทองของคุณเลยนะ ยิ่งขยันและอดทน มักจะประสบความสำเร็จตามที่ได้วางแผนไว้

ฝันว่าน้ำท่วมบ้าน (บ้านของตัวเอง)

ถ้าคุณฝันว่าน้ำท่วมบ้านของตัวเอง ทายว่า อาจมีเรื่องร้อนใจที่เกิดขึ้นกับคนที่อยู่ภายในบ้าน ระวังจะถูกหักหลัง ให้ทำทุกอย่างมีสติ ไม่ใจร้อนมากเกินไป  โดยเฉพาะคนที่มีคู่ก็ควรใจเย็นๆ ควรปรับความเข้าใจกันมากขึ้น ส่วนคนที่ทำธุรกิจหรือลงทุน ในช่วงนี้ควรตัดสินใจให้ดีๆ ไม่ควรไปค้ำประกันให้ใครง่ายๆ มิเช่นนั้นตัวคุณเองจะเดือดร้อน 

ฝันว่าน้ำท่วมบ้านคนอื่น

คำทำนายฝันบอกว่า มีเกณฑ์ที่สูญเสียของรักของหวง หรือทรัพย์สินภายในบ้าน ให้ระวังเรื่องการถูกโจรกรรม หรือโดนงัดแงะภายในบ้าน  ในช่วงนี้ให้ระวังความปลอดภัยในบ้าน อย่าประมาทเด็ดขาด! 

ฝันเห็นน้ำท่วมห้อง

แต่ถ้าคุณฝันเห็นน้ำท่วมห้อง มักทายไม่ค่อยดีนัก ในช่วงนี้จะทำอะไรก็ติดขัดได้ง่าย หรือทำงานเกินหน้าที่ ต้องทำงานหนัก ต้องอดทนให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ เหล่านี้ไปให้ได้  ส่วนการเงินมีรายได้เข้ามาเรื่อยๆ แต่ให้ระวังเรื่องค่าใช้จ่ายเช่นเดียวกัน 

ฝันเห็นฝนตก น้ำท่วม

กรณีที่ฝันเห็นฝนตก น้ำท่วม ทำนายว่า อาจลางร้ายหรือเกิดอุบัติเหตุภายในบ้าน  ถ้าเป็นไปได้ในช่วงนี้ควรหลีกเลี่ยงไปงานศพ สำหรับคนโสดมีเกณฑ์จะได้พบรักคนที่อยู่ไกล หรือพบรักในต่างแดน  ส่วนการงานหากมีผู้ใหญ่คอยให้ความช่วยเหลือจะผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ไปด้วยดี

อ่านเพิ่มเติม: ฝันว่ารถหาย ทำนายฝันบอกอะไรบ้าง?

ฝันว่าน้ำท่วมบ้าน ฝันว่าน้ำท่วมถนน จะมีลางบอกเหตุแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่จะมีคำทำนายที่ไม่ค่อยดีนัก ให้ระวังเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ ทรัพย์สิน หรือความปลอดภัยในบ้าน เป็นสิ่งสำคัญมากที่ไม่ควรมองข้าม ถึงแม้ความฝันว่าน้ำท่วมบ้านจะเป็นแค่ความเชื่อ แต่คงไม่ดีแน่ๆ หากเกิดภัยน้ำท่วมบ้านตัวเอง ดังนั้นคุณควรมีประกันบ้านกับ bolttech.co.th คุ้มครองภัยไฟไหม้ ภัยเนื่องจากน้ำ พร้อมมีแผนครอบคลุมภัยน้ำท่วม อุ่นใจเเม้ภัยมาเยือน

The post ฝันว่าน้ำท่วมบ้าน ฝันเห็นน้ำท่วม ทำนายว่าอะไร? appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

วัตถุประสงค์การลดภาษีที่ดิน 2566

โดยมาตรการภาษีที่ดิน กระทรวงมหาดไทยได้เสนอเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบของคนไทย จากเหตุการณ์อุทกภัยในด้านการจัดเก็บภาษีและสิ่งปลูกสร้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทางครม.เห็นชอบในการปรับลดภาษีที่ดินแและสิ่งปลูกสร้าง 2566 จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับคนไทยหลังจากสถานการณ์โควิด-19 มีเวลาในการปรับตัวมากขึ้น 

ใครบ้างต้องเสียภาษีที่ดิน?

ผู้เสียภาษีที่ดิน (ผู้เป็นเจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง หรือครอบครองหรือทำประโยชน์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง ในวันที่ 1 มกราคม 2566)

มาตรการลดภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง 2566

ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่จากกระทรวงการคลัง มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 30 มิถุนายน 2566 เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย เป็นไปตามมาตรการดังต่อไปนี้ 

• ลดภาษีที่ดิน ในอัตรา 15 ของจำนวนภาษีที่คำนวณได้สำหรับการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของปีภาษี พ.ศ.2566 
• ลดค่าโอนอสังหาริมทรัพย์ ปรับจากเดิมร้อยละ 2 เหลือ 1% 
• ลดค่าจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ ปรับจากเดิมร้อยละ 1 เหลือ 0.01% สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัย ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว อาคารพาณิชย์ และห้องชุด (ทั้งบ้านมือ 1และมือ 2) เฉพาะที่มีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 3 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อสัญญา 

เอาเป็นว่า ใครที่มีเกณฑ์ต้องจ่ายภาษีที่ดิน ยื่นภาษี ลองคำนวณค่าใช้จ่ายต่างๆ วางแผนการเงินให้พร้อม และยื่นจ่ายภาษีที่ดินภายในเวลาที่กำหนด โดยมาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปี 2566 ทำให้เราลดค่าใช้จ่ายต่างๆ และมีระยะเวลาในการยื่นภาษีอีกด้วย

The post มาตรการลดภาษีที่ดิน 2566 จากกระทรวงการคลัง appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. ต้นเศรษฐีพันล้าน

ต้นเศรษฐีพันล้าน เหมาะสำหรับคนที่ทำอาชีพธุรกิจ หรือค้าขาย เพราะเป็นต้นไม้มงคลที่เชื่อว่าจะช่วยเสริมเรื่องเงินทอง เพิ่มความมั่งคงให้กับคนในบ้าน มีลักษณะคล้ายๆ ไม้อวบน้ำที่ได้รับความนิยม ขยายพันธุ์ง่าย ต้นเศรษฐีควรปลูกลงกระถางเพื่อย้ายไปมาได้สะดวก หากรู้จักวิธีดูแลต้นเศรษฐีพันล้านให้มีเจริญเติบโตดี ใบมีสีเขียวสวย ไม่อมส้มอมแดง และให้ต้นอ่อนจำนวนมาก เชื่อว่าผู้ปลูกจะมีโชคลาภเข้ามา ทั้งโชคแบบลาภลอย หรือโชคที่ได้จากคนรู้จัก 

ตำแหน่งฮวงจุ้ยที่ควรปลูกต้นเศรษฐีพันล้าน

ได้แก่ ทิศตะวันออกหรือตะวันออกเฉียงเหนือ กรณีที่ต้นไม้โตมากก็ควรนำต้นไม้มงคลปลูกหน้าบ้าน

2. ต้นวาสนา

บ้านหลังไหนที่ปลูกต้นวาสนา คนโบราณเชื่อกันว่า ต้นวาสนาเป็นต้นไม้มงคล เรียกทรัพย์ และสิ่งที่ปราถนาให้กับเจ้าของบ้าน นอกจากนี้สามารถปลูกเป็นต้นไม้ประดับในบ้านหรืออาคารได้เช่นกัน บริเวณส่วนดอกของวาสนาจะออกช่อตรงยอดของลำต้น เป็นดอกสีขาวขนาดเล็กๆ หรือสีเหลืองอ่อน ทำให้ได้กลิ่นหอมๆ ในตอนเย็นหรือกลางคืน

ตำแหน่งฮวงจุ้ยที่ควรปลูกต้นวาสนา

หลายคนนิยมปลูกทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของบ้าน เพราะเชื่อว่าจะช่วยให้คนในบ้านมีอำนาจวาสนา ได้เลื่อนตำแหน่ง 

3. ต้นเงินไหลมา

อีกหนึ่ง ต้นไม้มงคลปลูกในบ้าน นั่นก็คือ ต้นเงินไหลมา หรือ ซิงโกเนียม (Syngonium) เสริมความมั่งมี ปลูกง่ายโตไว มีให้เลือกหลากหลายสายพันธุ์ โดยสาเหตุที่คนนิยมปลูกเพราะว่า จะช่วยเสริมสิริมงคล ทำให้มีเงินทองไหลมาเทมา และประดับบ้านให้ดูสวยงามมากขึ้น  

ตำแหน่งฮวงจุ้ยที่ควรปลูกต้นวาสนา

โดยตำแหน่งที่ควรวางกระถางต้นไม้ คือ ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของบ้าน 

4. ศุภโชค

ศุภโชค ต้นไม้มงคล เรียกทรัพย์ หรือเรียกอีกหนึ่งฉายาว่า ต้นไม้เรียกเงิน เป็นพืชไม้ยืนต้นมีถิ่นกำเนิดจากทวีบอเมริกาใต้ ทนแดด ทนแล้งได้ดี สามารถนำไปประดับบ้าน ตกแต่งสวนหย่อม หรือตกแต่งในเทศกาลต่างๆ ได้เป็นอย่างดี เคล็ดการเลี้ยงหลังจากที่ได้รับต้นศุภโชคแล้ว ควรรดน้ำทันที และเอาไว้ในที่ร่มก่อน หากใครที่ได้ปลูกศุภโชคต้นไม้มงลคล  เชื่อว่าจะช่วยเรียกเงิน เพิ่มความโชคลาภ ความอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะคนที่ทำกิจการค้าขายก็จะมีโชคลาภ 

ตำแหน่งฮวงจุ้ยที่ควรปลูกต้นศุภโชค 

แนะนำให้วางกระถางต้นศุภโชคทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบ้าน

5. ต้นชวนชม

ต้นไม้มงคลเรียกทรัพย์หน้าบ้าน มีฉายาเรียกว่า “กุหลาบทะเลทราย” เอกลักษณ์ของดอกไม้จะมีสีชมพู สวยงาม ในความเชื่อของคนจีนนอกจากเชื่อกันว่า ต้นชวนชมจะเสริมให้มีเสน่ห์ น่าหลงใหล มีคนคอยช่วยเหลือเกื้อกูล และต้นชวนชมยังเป็นต้นไม้แห่งความมั่งคง ร่ำรวยในแง่ของศาสตร์ฮวงจุ้ยด้วย  

ตำแหน่งฮวงจุ้ยที่ควรปลูกต้นชวนชม 

แนะนำให้ตั้งกระถางไว้ในทิศหนือของตัวบ้าน หรือไม่ก็เป็นทิศตะวันออกเฉียงเหนือได้เช่นกัน 

6. ต้นโกสน

มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศมาเลเชีย โดดเด่นที่สีใบจะมีความต่างกันเช่น สีเหลือง เขียว ม่วง ส้ม ชมพู แดง ขาว คละกันไป คนไทยสมัยก่อนเชื่อกรัว่าถ้าบ้านไหนปลูกต้นโกสนไว้ในบ้านจะช่วยเสริมบารมี ปกป้องคนในบ้ายให้ปลอดภัย อยู่เย็นเป็นสุข จึงนิยมปลูกจนถึงสมัยปัจุบัน อีกทั้งต้นโกสนยังเป็นพิชที่ช่วยฟอกอากาศภายในบ้าน ส่วนใครที่ต้องการปลูกต้นโกสนแต่ไม่มีบริเวณบ้านหรืออยู่ตอนโด สามารถนำไปวางไว้ที่ระเบียงหน้าต่างแทน 

ตำแหน่งฮวงจุ้ยที่ควรปลูกต้นโกสน 

เราควรปลูกไว้ทางทิศตะวันออกของบ้าน เพื่อให้ใบได้รับแสงแดดในยามเช้า 

7. ต้นกวักเงินกวักทอง

มาถึงต้นไม้มงคลเรียกทรัพย์ในบ้าน อย่างต้นกวักเงิน มีความเชื่อกันว่าปลูกแล้วจะขายของดี เรียกเงินเรียกเงินทอง และช่วยกรองให้อากาศบริสุทธิ์มากขึ้น ข้อดีก็คือปลูกง่าย ทนทาน ปลูกต้นไม้ในบ้านหรือไว้บนโต๊ะทำงาน หรือแต่งสวนได้เช่นกัน เพราะต้นกวักเงินสามารถปลูกู่ได้ทั้งในร่มและแสงแดด 

ตำแหน่งฮวงจุ้ยที่ควรปลูกต้นกวักเงิน 

การปลูกต้นกวักเงิน ควรไว้ทางทิศตะวันออก จะช่วยเสริมสิริมงคลให้แก่บ้าน และผู้อาศัยมากยิ่งขึ้น 

8. เฟิร์นข้าหลวง

เฟิร์นข้าหลวง เป็นต้นไม้มงคลหรือต้นไม้ประดับชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมปลูก มีลักษณะการเรียงของใบเป็นแบบเรียงวนคล้ายดอกกุหลาบ ทำให้เฟิร์นข้าหลวงมีลักษณะเป็นพุ่มสวยงาม โดยตามหลักความเชื่อของคนไทยเฟิร์นข้าหลวงจะช่วยเสริมเกียรยศ ความซื่อสัตย์ ยุติธรรม โดยพื้นที่เหมาะสมในการปลูกต้นไม้มงคลชนิดนี้คสรปลูกในสวนหรือพื้นที่นอกบ้านที่รับแสงอ่อนๆ ควรดูแลรดน้ำต้นไม้อย่างสม่ำเสมอ 

*ถือเป็นไม้มงคลสำหรับอาชีพ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ครู นายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด นิยมปลูกตามความเชื่อของคนไทย 

ตำแหน่งฮวงจุ้ยที่ควรปลูกเฟิร์นข้าหลวง 

ปลูกเฟิร์นไว้ใกล้หน้าต่างที่อยู่ทางทิศเหนือ เพราะหน้าต่างทางทิศตะวันออกและตะวันตกมีแสงแดดมากเกินไป หรือไม่ก็ตั้งไว้ใกล้หน้าต่างทางทิศใต้ได้เช่นกัน วางต้นไม้ให้ห่างจากหน้าต่างเล็กน้อย 

ต้นไม้มงคล ถือเป็นความเชื่อที่อยู่คู่กับคนไทยมายาวนาน เราสามารถปลูกได้ทั้งเพื่อเป็นไม้ประดับสวยงาม หรือปลูกตามความเชื่อด้านไม้มงคล แต่ก่อนที่คุณจะปลูกต้นไม้อย่าลืมศึกษาวิธีการปลูก การดูแลรักษาต้นไม้มงคลด้วย เพราะแต่ละชนิดจะมีวิธีการดูแลรักษาต่างกันไป หากเราดูแลรักษาอย่างถูกต้องจะทำให้ต้นไม้ออกมาสวยงาม ทำให้บ้านของคุณน่าอยู่มากขึ้น

The post ต้นไม้มงคลเรียกทรัพย์ เสริมโชคลาภ appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. น้ำฝนรั่วซึมเพดาน

เเทบเจอเกือบทุกหลัง สำหรับปัญหา “น้ำรั่วซึม” มักเกิดขึ้นในช่วงที่ฝนตก โดยเฉพาะช่วงที่มีพายุฝนกระหน่ำ ทำให้น้ำฝนรั่วซึมผ่านหลังคาเสียหายตามไปด้วย เรียกว่าเป็นงานหินที่ต้องเรียกช่างเข้ามาแก้ไขโดยเฉพาะ

นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ที่อาศัยอยู่คอนโดชั้นที่ติดอยู่กับดาดฟ้า มักเจอกับปัญหาน้ำฝนรั่วซึมฝ้าเพดานจนเป็นเหตุให้เพดานถล่มเสียหาย  ก็ต้องจ่ายค่าซ่อมเอง แต่ถ้าคุณมีประกันบ้านอยู่แล้วจะช่วยแบ่งเบาภาระในส่วนตรงนี้ได้

2. หลังคาพังจากลมพายุ

ปัญหาลมพายุ มักเกิดขึ้นในฤดูฝน ลมกระโชกแรง บางพื้นที่เกิดพายุฤดูร้อนทำความเสียหายหนักต่อสิ่งก่อสร้าง ต้นไม้ อาคาร บ้านเรือน เช่น ลมพัดกระเบื้องหลังคาแตก หรือหลังคาบ้านหลุดปลิวไปเลย

3. กระจกแตกเสียหาย

รู้หรือไม่ว่า? กระจกสามารถแตกได้เพราะแรงสั่นสะเทือน ไม่ว่าจะเกิดจากภัยธรรมชาติ การทุบซ่อมอาคารใกล้เคียง การเจาะเสาเข็มใกล้ๆ พื้นที่ใกล้เคียง หรืออุบัติเหตุต่างๆ ที่ทำให้เกิดกระจกแตก โดยกระจกที่อยู่ในความคุ้มครองประกันบ้าน หมายถึงกระจกที่ติดตั้งกับอาคารเท่านั้น  หากกระจกแตกหรือร้าวขึ้นมา ปกติจะเปลี่ยนยกใหม่ทีเดียว

4. บ้านเสียหายจากไฟฟ้าลัดวงจร

ไฟฟ้าลัดวงจร อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ภายในบ้าน สร้างความเสียให้กับที่อยู่อาศัย เรามักจะเห็นข่าวไฟไหม้บ้านอยู่บ่อยครั้ง สาเหตุเกิดจากอุปกรณ์ไฟฟ้าลัดวงจร ไม่ว่าจะเกิดจากฉนวนไฟฉีกขาด การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเกินกำลัง หรือกระแสไฟฟ้ารั่วไหล เป็นต้น ทำให้บ้านเรือนได้รับความเสียหาย โชคร้ายถึงขั้นไฟไหม้วอดบ้านทั้งหลังได้

เพื่อความสบายใจ ควรให้ช่างเข้ามาตรวจสอบอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ภายในบ้าน หากมีส่วนใดชำรุดหรือเสียหายจะได้รีบแก้ไขทันที

หมดปัญหาเรื่องบ้านๆ เพียงมีประกันบ้าน

ปัญหาเรื่องบ้านๆ ที่ไม่บ้านสำหรับคุณต่อไป แต่คุณจะอุ่นใจขึ้นถ้ามีประกันบ้านกับ bolttech.co.th ที่ช่วยคุ้มครองที่อยู่อาศัยของคุณจากเหตุไม่คาดฝัน เช่น ไฟไหม้ ฟ้าผ่า ภัยเนื่องจากน้ำอย่างน้ำรั่วซึม มีแผนคุ้มครองเพิ่มเติมอย่างภัยลมพายุ ภัยกระจก ภัยความเสียหายจากเครื่องใช้ไฟฟ้า ความเสียหายจากควัน เป็นต้น ซึ่งค่าใช้จ่ายในการซ่อมบ้านตรงนี้ประกันจะเข้ามาตรวจสอบ หากอยู่ในความคุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม์ บริษัทประกันจะดำเนินการเคลมให้กับคุณ โดยไม่ต้องควักเงินเก็บของคุณมาจ่าย ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับคุณด้วย

ซื้อประกันบ้านตอนนี้ ปกป้องที่อยู่อาศัยของคุณจากเหตุไม่คาดฝัน มีแผนให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม ทาวน์เฮ้าส์ หรือคอนโด สามารถเข้ามาเทียบแผนประกันได้ เบี้ยถูก คุ้มครองหายห่วง!

The post 4 ปัญหาเรื่องบ้านๆ ที่พบบ่อย สำรวจก่อนถ้าไม่อยากเสียเงิน appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. หนีทันทีเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณไฟไหม้

เมื่อคุณได้ยินเสียงสัญญาณ “กริ่ง” แจ้งเตือนไฟไหม้ ให้รีบหนีโดยเร็วที่สุด เพราะไฟจะลุกลามได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าไฟไหม้ระดับเล็กน้อย สามารถใช้ถังดับเพลิงควบคุมไฟเบื้องต้นได้ หลังจากนั้นติดต่อเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้ามาตรวจสอบความเสียหาย

หมายเหตุ: กรณีเกิดเพลิงไหม้แต่ไม่มีเสียงสัญญาณเตือนใดๆ ให้คุณกดปุ่มเตือนไฟไหม้ (Fire Alarm) เพื่อให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในตึกรีบอพยพจากที่เกิดเหตุโดยเร็วที่สุด 

2. โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิง

หลังจากที่คุณออกมาจากที่เกิดเหตุได้อย่างปลอดภัย ให้รีบโทรแจ้ง 199 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้ามาระงับช่วยเหตุไฟไหม้

3. หาผ้าชุบน้ำปิดปาก ปิดจมูก

ถ้าคุณยังติดอยู่ในสถานที่เกิดเหตุ พยายามหาผ้าที่อยู่ใกล้ตัว เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว เป็นต้น นำผ้ามาชุบด้วยน้ำเปล่า เอามาปิดปาก ปิดจมูก หรือนำผ้าห่มชุบน้ำมาห่มตัว  จะช่วยป้องกันการสูดดมควันไฟและความร้อนจากเปลวไฟ

4. หาถุงพลาสติกครอบศีรษะแล้วคลานต่ำหนี

รู้หรือไม่ว่า? สาเหตุคนที่เสียชีวิตจากไฟไหม้ มักเกิดจากการขาดอากาศหายใจมากถึง 80% เนื่องจากได้รับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon Monoxide) หากเราสูดดมเข้าสู่ร่างกายมากๆ อาจทำให้สำลักควันและเสียชีวิตได้ วิธีเอาตัวรอดคือ หาถุงพลาสติกตักเอาอากาศบริสุทธิ์แล้วคอบบริเวณศีรษะ แล้วคลานต่ำพร้อมกับใช้ผ้าชุบน้ำปิดจมูก

5. อย่าใช้ลิฟต์เมื่อเกิดไฟไหม้

วิธีตัวรอดจากไฟไหม้คือ ห้ามใช้ลิฟต์เด็ดขาด!! เนื่องจากกระแสไฟฟ้าอาจถูกตัดขาดทำให้คุณเสี่ยงติดอยู่ภายในลิฟต์ได้ ให้คุณสังเกตบันไดหนีไฟและใช้เป็นทางออก ซึ่งเป็นประตูฉุกเฉินที่คอนโดมีไว้อยู่แล้ว แต่การใช้บันไดหนีไฟต้องระมัดวังสะดุดล้ม หรือเบียดเสียดกับคนอื่นจนตกบันได พยายามหลีกเลี่ยงทางออกที่มีผู้คนแออัด

6. กรณีที่เปลวไฟอยู่หน้าห้อง ห้ามเปิดประตู

ก่อนที่จะเปิดประตูออกจากห้องของคุณ ควรสำรวจประตูหรือคลำลูกบิดให้แน่ใจว่ามีความร้อนหรือไม่ เมื่อจับแล้วรู้สึกร้อนแสดงว่าอาจมีเปลวไฟอยู่หน้าประตู ห้ามเปิดประตูเด็ดขาด เพราะว่าเปลวไฟสามารถพุ่งเข้าหาคุณได้ตลอดเวลา แนะนำให้คุณหาผ้าชุบน้ำอุดบริเวณขอบประตูให้สนิท  และขอความช่วยเหลือที่หน้าต่างหรือระเบียง ไม่ว่าจะเป็นการทุบกระจกหน้าต่าง ตะโกนดังๆ โบกผ้า ใช้ไฟฉายส่อง เป็นต้น ถือเป็นการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ

7. กรณีไฟไหม้ในห้องตัวเอง รีบหนีออกมา

กรณีไฟไหม้คอนโดที่เกิดภายในห้องของคุณ โดยอยู่ในระดับที่ไม่รุนแรงสามารถใช้น้ำดับไฟหรือถังดับเพลิงควบคุมได้ แต่ถ้าไฟไหม้ระดับรุนแรงจนไม่สามารถควบคุมได้ ให้คุณรีบออกจากห้องแล้วปิดประตูห้องทันที เพื่อไม่ให้ไฟลุกลามไปยังห้องข้างเคียง และกดกริ่งแจ้งสัญญาณไฟไหม้ พร้อมโทรแจ้งหน่วยดับเพลิง 199

บ้านไฟไหม้ คอนโดไฟไหม้ มักเกิดขึ้นได้เสมอทุกที่ทุกเวลา สิ่งสำคัญคุณต้องตั้งสติให้ได้มากที่สุดและใช้เทคนิคเอาตัวรอดที่แนะนำข้างต้น อย่างน้อยๆ จะช่วยป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้

ด้วยเหตุนี้เองถึงต้องมีประกันบ้าน ประกันคอนโด เข้ามาช่วยดูแลรับมือความเสี่ยงภัยต่างๆ กับที่อยู่อาศัยของคุณ ซึ่งประกันที่ bolttech.co.th มีแผนให้คุณเลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม คอนโด สามารถซื้อความคุ้มครองได้ พร้อมคุ้มครองอัคคีภัย เข้ามาเทียบแผนประกันได้เลย

The post 7 หนทางเอาตัวรอดจากไฟไหม้คอนโด appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. น้ำส้มสายชู

เมื่อพูดถึง “น้ำส้มสายชู” ทุกคนต่างรู้กันดีว่ามีประโยชน์นับร้อย ทั้งช่วยกำจัดมด ขจัดคราบน้ำฝังแน่นบนกระจก หรือดับกลิ่นบุหรี่ในรถแล้ว แถมช่วยกำจัดปลวกในบ้านด้วย  หาซื้อได้ง่ายๆ ราคาถูก เพียงผสมน้ำส้มสายชูกับมะนาว 2 ซีก จากนั้นหยดน้ำมันหอมระเหยลงไปหน่อย เสร็จแล้วใส่ขวดเสปย์ไปฉีดกำจัดปลวกได้เลย 

2. ตะไคร้ ข่า

วิธีกำจัดปลวกขึ้นบ้าน ด้วยสมุนไพรอย่าง ตะไคร้ ข่า ก็เห็นผลได้ดีเช่นเดียวกัน ทำง่ายๆ เพียงนำตะไคร้มาทุบเพื่อให้กลิ่นออกมา (รวมกับข่าประมาณ 2 กิโลกรัม) จากนั้นผสมน้ำส้มสายชู 1 ขวด เหล้า 1 ขวด น้ำส้มสายชู 1 ขวด และน้ำเปล่า 20 ลิตร  แล้วใส่ขวดเสปย์ทิ้ง 1 สัปดาห์ ก็จะได้น้ำยากำจัดปลวกสมุนไพรนั่นเอง

3. ใบขี้เหล็ก

คุณรู้หรือไม่ว่า? “ใบขี้เหล็ก” สามารถกำจัดปลวกได้นะ เพียงแค่นำใบขี้เหล็ก 5 กรัมมาบด ตำ หรือปั่นให้ละเอียด จากนั้นเทน้ำลงไปประมาณ 20 มิลลิลิตร เสร็จแล้วกรองเฉพาะน้ำใส่ขวดในขวดสเปรย์ แล้วนำไปฉีดตามบริเวณที่ปลวกอาศัยอยู่ ประมาณ 3-5 วัน  หลังจากนั้นปลวกก็จะค่อยๆ หายไปเอง 

4. เกลือ

อีกหนึ่งเคล็ดลับกำจัดปลวก ด้วยสูตรธรรมชาติง่ายๆ นั่นก็คือ “เกลือผสมน้ำอุ่น” ในปริมาณครึ่งต่อครึ่ง พอผสมเสร็จให้คนจนเกลือละลาย และเทใส่ขวดสเปรย์ไปฉีดบริเวณที่มีรังปลวกขึ้นบ้าน  เพราะเกลือจะทำให้ดินเค็ม ปลวกไม่ชอบรสเค็มอยู่แล้ว ทำให้ปลวกย้ายไปอยู่ที่อื่น

5. พริกป่น

ด้วยความเผ็ดร้อนของ “พริกป่น” จะช่วยป้องกันแมลงขึ้นบ้าน กำจัดปลวกได้ดีเลยล่ะ เพียงลองใช้พริกป่นโรยที่ปลวกขึ้นบ้าน แต่ระวังพริกป่นกระเด็นเข้าตาในที่มีลมแรงนะ! โดยใช้พริกป่นโรยอย่างน้อย 3-5 วัน  และปลวกจะค่อยๆ หายไปหรือตายในที่สุด

6. ดินเบา

ด้วยคุณสมบัติของ “ดินเบา” เป็นสสารอินทรีย์ธรรมชาติ ที่สามารถนำมาใช้เป็นสารกำจัดแมลงได้ ไม่ว่าจะกำจัดมด กำจัดแมลง หรือกำจัดปลวก เป็นวิธีกำจัดปลวกตามธรรมชาติ  เมื่อแมลงสัมผัสโดนดินผงเบาจะค่อยๆ แห้งตายไปในที่สุด เห็นผลได้ดีระดับหนึ่งเลย

7. น้ำมันสะเดา

นอกจากนี้ “น้ำมันสะเดา” ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีกำจัดปลวก ช่วยควบคุมการเจริญเติบโตและแพร่พันธุ์ของปลวกได้ ขั้นตอนง่ายๆ คือ ใช้น้ำมันสะเดาทารอบๆ บริเวณเฟอร์นิเจอร์ไม้ทุกชนิด จากนั้นปลวกก็จะหนีไปเอง  เป็นวิธีที่ปลอดภัยกับคนในบ้านด้วย

วิธีกำจัดปลวกไม่ยากอย่างที่คิดเลย ไม่ต้องเสียเงินจ้างบริษัทกำจัดปลวกด้วย หากใครทำวิธีไหนแล้วได้ผล สามารถบอกต่อเพื่อนๆ คนอื่นได้เลย นอกจากนี้เพิ่มความอุ่นใจมากขึ้น ซื้อประกันบ้านและทรัพย์สิน bolttech.co.th คุ้มครองที่อยู่อาศัยของคุณเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน ไฟไหม้ ฟ้าผ่า พร้อมมีให้บริการเสริมกำจัดสัตว์ดุร้าย*  ก่อนเลือกซื้อแพ็กเกจแนะนำให้ศึกษาแผนประกันของคุณอีกครั้ง

The post 7 วิธีกำจัดปลวก ปลอดภัยไร้สารเคมี appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

ความคุ้มครองภัยหลัก

ประกอบไปด้วย 6 ภัยหลัก ได้แก่ ไฟไหม้ ฟ้าผ่า ระเบิด ยวดยานพาหนะ อากาศยาน ภัยเนื่องจากน้ำ (ไม่รวมน้ำท่วม)

1. ไฟไหม้

อยู่ในความคุ้มครองภัยหลัก ที่เกิดอันตรายจากไฟ ขาดการควบคุมดูแล ทำให้ลุกลามไปตามบริเวณที่มีเชื้อเพลิง ลุกไหม้ต่อเนื่อง โดยประกันบ้านจะคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นจาก 3 เหตุการณ์ ได้แก่ ไฟไหม้บ้าน ฟ้าผ่าลงกลางหลังคา และแก๊สหุงต้มรั่ว แต่ถ้าเกิดเพลิงไหม้จากการวางเพลิง (เจตนา) ของผู้เอาประกัน หรือเจตนาของผู้รับผลประโยชน์จะไม่สามารถเคลมได้ 

2. ฟ้าผ่า

หมายถึง ความเสียหายโดยตรงที่เกิดจากฟ้าผ่า รวมถึงความเสียหายต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าจากการเกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจรเนื่องมาจากฟ้าผ่า โดยต้องมีรอยฟ้าผ่าอย่างชัดเจนบริเวณสถานที่เอาประกันภัย  

3. ระเบิด

หมายถึง การระเบิด หรือแรงดันของอากาศที่ทำให้ระเบิด ไม่ว่าจะเป็นการระเบิดของแก๊สหุงต้ม การระเบิดของไมโครเวฟ เป็นต้น ยกเว้นการระเบิดที่เกิดจากวัตถุระเบิด กัมมันตภาพรังสี นิวเคลียร์ หรือวัตถุอันตรายใดๆ ที่อาจเกิดระเบิด 

4. ยวดยานพาหนะ

ประกันบ้านจะคุ้มครองภัยยวดยานพาหนะ โดยเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินที่เอาประกันภัย เช่น รั้ว กำแพง และประตู ซึ่งมาจากการเฉี่ยวชนของยวดยานพาหนะหรือสัตว์พาหนะ เช่น ช้าง ม้า วัว ควาย เป็นต้น แต่ไม่รวมถึงอากาศยาน 

5. อากาศยาน

อีกหนึ่งความคุ้มครองภัยหลัก นั่นคือ ความคุ้มครองอากาศยาน เป็นความเสียหายที่เกิดจากอากาศยาน หรือวัตถุที่ตกจากอากาศยานและยานอวกาศ รวมถึงชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องบิน 

สมมติว่า เป็นจรวดอาวุธ บั้งไฟ พลุ โคมลอย บอนลูนที่ตกกระแทกตัวอาคาร หรือทรัพย์สินเสียหาย อันนี้ไม่ได้อยู่ในความคุ้มครองประกันบ้านตามเงื่อนไข 

6. ภัยเนื่องจากน้ำ (ไม่รวมน้ำท่วม)

ภัยเนื่องจากน้ำ เป็นภัยที่เกิดขึ้นโดยอุบัติเหตุจากการปล่อย การรั่วไหล หรือล้นออกมาของน้ำหรือไอน้ำ ยกตัวอย่างง่ายๆ กรณีน้ำฝนรั่วจากหลังคาแล้วทำให้ฝ้าเพดานเสียหายหรือชำรุด ประกันบ้านก็จะคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้น 

ความเสียหายที่เคลมไม่ได้คือ น้ำท่วม น้ำไหล่บ่า น้ำฝนที่สาดเข้ามาในบ้านโดยเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ และข้อยกเว้นอื่นๆ ที่อยู่ในเงื่อนไขกรมธรรม์ 

ความคุ้มครองภัยเพิ่มเติม ที่สามารถซื้อเองได้

นอกเหนือ 6 ภัยหลักข้างต้นที่กล่าวมา ผู้เอาประกันสามารถซื้อความคุ้มครองภัยเพิ่มเติ่มได้ ไม่ว่าจะเป็น โจรกรรม ลมพายุ เครื่องใช้ไฟฟ้า กระจก แผ่นดินไหว ความรับผิดชอบส่วนบุคคล เป็นต้น เพื่อคุ้มครองครอบคลุมที่อยู่อาศัยของคุณมากขึ้น 

✓ ภัยการโจรกรรม

สามารถเคลมได้เมื่อมีร่องรอยการงัดแงะต่อตัวอาคารชัดเจน และคุ้มครองเฉพาะทรัพย์สินที่เก็บไว้ภายในตัวอาคารเท่านั้น ไม่รวมทรัพย์สินที่เก็บไว้นอกตัวอาคาร  

*มีข้อยกเว้นทรัพย์สินที่ประกันบ้านไม่คุ้มครอง ให้อ่านรายละเอียดในกรมธรรม์ของคุณ 

✓ ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก

คุ้มครองก็ต่อเมื่อเป็นเหตุให้บุคคลภายนอกได้รับความเสียหายต่อทางร่างกาย และทรัพย์สิน บริษัทจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามจำนวนค่าเสียหายจริงต่อบุคคลภายนอก แต่ไม่เกินวงเงินเอาประกันภัย  

เช่น ผู้เอาประกันภัยประมาททำกระถางต้นไม้หล่นใส่หลังคาบ้านผู้อื่น หรือสุนัขของผู้เอาประกัน กัดเพื่อนบ้านของผู้เอาประกัน เป็นต้น 

✓ ภัยแผ่นดินไหว หรือ ภูเขาไฟระเบิด

เป็นภัยที่เกิดจากแผ่นดินไหว หรือภูเขาไฟระเบิด ทำให้ตัวอาคารแตกร้าว เสียหาย  

✓ ภัยความเสียหายต่อเครื่องไฟฟ้า

เป็นภัยเสริมที่คุ้มครองการเสียหายที่เกิดขึ้นจากเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ภายในบ้าน เช่น ไฟฟ้าลัดวงจร ใช้งานไฟฟ้าเกินกำลัง การรั่วไหลของกระแสไฟฟ้า เป็นต้น แต่ความเสียหายต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าต้องมีรอยไหม้เท่านั้น 

✓ ภัยลมพายุ

คือ ความเสียหายที่เกิดจากลมพายุที่ถูกพัดโดยตรง ทำให้ตัวอาคารได้รับความเสียหาย หรือลมพายุสิ่งของมากระแทกตัวอาคารทำให้ได้รับความเสียหาย ก็ยังอยู่ในความคุ้มครองภัยจากลมพายุ 

✓ ความเสียหายอันเกิดจากควัน

เป็นความเสียหายจากควัน มาจากการปรุงอาหาร หรือเครื่องทำความร้อน ทั้งนี้เครื่องใช้ดังกล่าวต้องมีท่อต่อกับปล่องไฟ และตั้งอยู่ภายในอาคาร หรือบนอาคารที่ระบุในกรมธรรม์  

ยกตัวอย่างเช่น น้องกวิ้นทำกับข้าวในห้องครัวโดยมีท่อต่อกับปล่องไฟ  แล้วจู่ๆ เครื่องปรุงอาหารเกิดควันลอยฟุ้ง ทำให้เกิดความเสียหายต่อตัวอาคารที่เอาประกันภัย ก็แจ้งเคลมบริษัทประกันได้ 

✓ ความคุ้มครองกระจก

จะคุ้มครองเมื่อเกิดความเสียหาย แตกร้าว หรืออุบัติเหตต่างๆ ที่ทำให้กระจกติดตั้งกับตัวอาคารเสียหาย แต่ต้องเป็นกระจกที่เป็นผนังอาคาร กระจกฉากกั้นในห้องน้ำ กระจกประตู กระจกหน้าต่าง โดยไม่คุ้มครองการเสื่อมสภาพของกระจก 

✓ ภัยจากน้ำท่วม

อีกภัยเสริมที่หลายคนนิยมซื้อเพิ่มเติม คือ ภัยจากน้ำท่วม (คุ้มครองเฉพาะบางกรมธรรม์เท่านั้น) เป็นภัยที่เกิดจากการไหลล้นน้ำธรรมชาติ หรือที่ส้รางขึ้น รวมถึงน้ำท่วมจากลมพายุ น้ำป่า และโคลนถล่ม ทำให้น้ำไหลเข้าบ้านจนได้รับความเสียหาย ประกันบ้านก็จะเข้ามาช่วยเคลมให้ 

แล้วมีความคุ้มครองภัยหลักอยู่แล้ว เราควรซื้อความคุ้มครองภัยเพิ่มเติมไหม? อันนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ สมมติว่าบ้านของคุณอยู่บริเวณพื้นที่ราบลุ่ม ใกล้แม่น้ำ ก็สามารถซื้อความคุ้มครองภัยน้ำท่วมเพิ่มเติมได้ หรือถ้ามูลค่าบ้านของคุณราคาแพง อยากได้ความคุ้มครองภัยต่างๆ ที่ครอบคลุมมากขึ้น แนะนำให้ดูแผนประกันบ้านเพิ่มเติมได้ 

ซึ่งจุดเด่น ประกันบ้านและทรัพย์สิน ที่ bolttech.co.th มีความคุ้มครองภัยหลัก และ ภัยเสริมที่คุณสามารถเลือกซื้อเพิ่มเติมได้ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม คอนโด ก็มีแผนรับรองให้กับคุณ หากสนใจเข้ามาเช็คเบี้ยประกันบ้านออนไลน์ได้ ราคาคุ้มค่า พร้อมมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำ ทำให้คุณได้เลือกแผนประกันที่เหมาะสมที่สุด

The post ประกันบ้าน คุ้มครองภัยหลัก VS คุ้มครองภัยเพิ่มเติม appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

ฝันว่าไฟไหม้บ้าน

มีความหมายว่า ช่วงนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงด้านการงาน หรือโยกย้าย  ให้ระมัดระวังเรื่องของคำพูดที่อาจมีปากเสียงได้ง่ายกับคนอื่น และระวังเรื่องใจร้อน ต้องมีสติอยู่เสมอ 

ฝันเห็นไฟไหม้บ้านตัวเอง

ทำนายว่า สามารถทำนายได้ทั้งเรื่องดีและไม่ดี เรื่องที่ดีคือ คุณอาจจะได้รับโชคลาภที่ไม่คาดคิด หรือมีชื่อเสียง  แต่ถ้าคำทำนายด้านไม่ดีคือ คุณอาจมีเกณฑ์ได้รับเคราะห์ ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียสิ่งของ การสูญเสียทรัพย์สิน ใช้ชีวิตไม่ประมาทจะดีที่สุด 

ฝันเห็นไฟไหม้บ้านคนอื่น

หากฝันว่าไฟไหม้บ้านคนอื่น ทำนายว่า ช่วงนี้คุณอาจมีเรื่องที่ต้องทำให้จ่ายเงินเยอะ ให้มีสติในการใช้เงิน  มิเช่นนั้นคุณอาจจะเดือดร้อนในภายหลัง และระวังเรื่องการมีปากเสียงกับคนที่รู้จัก 

ฝันเห็นไฟไหม้ของภายในบ้าน

กรณีฝันว่าไฟไหม้ของใช้ภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ทายว่า คุณมีเกณฑ์โยกย้ายสถานที่ทำงาน ที่อยู่อาศัย และมีโอกาสเดินทางไกล

ฝันว่าไฟไหม้บ้านแต่ดับได้

หมายความว่า ให้เจ้าของบ้านระวังเหตุร้ายไม่คาดคิด หรือ ระวังอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นภายในบ้าน ต้องมีสติอยู่เสมอ และเรื่องของการงานเป็นไปอย่างราบรื่นดี

คำทำนาย ฝันว่าบ้านไฟไหม้ ฝันเห็นไฟไหม้ ฝันว่าไฟไหม้บ้านคนอื่น มักจะเป็นไปในทางที่ไม่ค่อยดี แนะนำให้คุณมีสติเข้าไว้ อย่าใจร้อนเกินไป ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท หรือสามารถทำบุญเพื่อความสบายใจของตัวเราได้ ขึ้นอยู่กับความเชื่อของส่วนบุคคล

เปลี่ยนลางร้ายให้กลายเป็นดี เพียงซื้อประกันบ้าน bolttech.co.th คุ้มครองภัยไฟไหม้ ไม่ว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ก๊าซหุงต้มรั่วไหล หรือเกิดจากความประมาท พร้อมมีค่าชดเชยที่อยู่อาศัยชั่วคราว หากคุณสนใจเข้ามาเลือกแผนประกัน หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ของเราได้เลย ยินดีให้บริการลูกค้าทุกท่าน

The post ฝันว่าไฟไหม้บ้าน ทำนายฝันหมายถึงอะไร? appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. น้ำส้มสายชู ไล่มด

น้ำสมสายชูมีคุณประโยชน์มากมาย  ทั้งเรื่องของการทำอาหาร การทำความสะอาด และสามารถช่วยไล่มดอีกด้วยนะ เพียงผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำเปล่าในอัตราส่วน 1:1 แล้วใส่ขวดสเปรย์และฉีดบริเวณที่มดชอบไต่ ช่วยกำจัดมดในบ้านได้ดี 

2. น้ำมะนาว ไล่มด

วิธีกำจัดมดในบ้าน สูตรนี้ง่ายมาก!! เพียงใช้ลูกมะนาวที่เราคุ้นเคยมาหั่นแล้วบีบน้ำมะนาว 1 ส่วนผสมกับน้ำเปล่าในอัตรา 3 ส่วน หลังจากนั้นให้กรอกใส่ขวดเสปร์ย แล้วนำไปฉีดบริเวณที่มีมดขึ้นบ้าน รับรองมดทนไม่ได้แน่นอน!! 

3. กากกาแฟ ไล่มด

ใครจะเชื่อล่ะว่า? กากกาแฟจะสามารถไล่มดได้ ทั้งมดดำ มดคันไฟ มดแดง หรือมดชนิดต่างๆ วิธีไล่มดง่ายๆ คือ นำกากกาแฟไปโรยไว้ตามทางเดินของมด หรือโรยตู้กับข้าวที่มดชอบไต่ เป็นต้น เพราะมดไม่ชอบกลิ่นของกาแฟนั่นเอง

4. น้ำมันยูคาลิปตัล ไล่มด

น้ำมันยูคาลิปตัล จะมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์อยู่แล้ว ทำให้บ้านของคุณสดชื่นและหอมขึ้นได้ อีกหนึ่งข้อดีก็คือ เป็นกลิ่นที่มดไม่ชอบ เพียงแค่คุณใช้น้ำมันยูคาลิปตัส 10 หยดผสมน้ำส้มสายชู ¼ ถ้วย และน้ำเปล่า 2 ถ้วย จากนั้นนำไปใส่ในขวดเสปรย์ตามเดิม แล้วไปฉีดบริเวณที่มดขึ้นบ้าน ทั้งเพิ่มความสดชื่น แถมช่วยกำจัดมดอีกด้วย 

5. เปลือกไข่ไก่เผา ไล่มด

อีกหนึ่งวิธีกำจัดมด ที่หลายคนไม่ทราบเลย นั่นก็คือ เปลือกไข่ไก่ เป็นของที่หาใช้ได้ง่ายในบ้าน เพราะบ้านทุกหลังมักจะมีไข่ไก้ติดไว้ในตู้เย็น เพื่อนๆ สามารนำเปลือกไข่ไก่มาใช้หมุนเวียนด้วยการกำจัดมดได้ แต่ต้องนำเปลือกไข่ไก่เผาไฟซะก่อน เพื่อให้ได้กลิ่นเหม็นไหม้ฉุน แล้วนำไปโรยไว้ตามทางเดิน หรือรังของเจ้ามด เป็นวิธีไล่มดในบ้านชั้นเยี่ยมเลยล่ะ

ทั้งหมดนี้คือ 5 วิธีไล่มดธรรมชาติ ไร้สารเคมี ปลอดภัยต่อคนในบ้าน ถ้าบ้านหลังไหนมีมดมากวนใจก็ลองใช้วิธีนี้ดูก่อน ลองคำนวณปริมาณให้ดีตามความเหมาะสม ปัญหาเรื่องมดก็จะไม่มากวนใจเราและคนในบ้านของเรา  

เพิ่มความอุ่นใจด้วยประกันบ้าน คุ้มครองที่อยู่อาศัยของคุณเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน ไฟไหม้บ้าน ฟ้าผ่า ภัยเนื่องจากน้ำ และมีบริการขจัดสัตว์ดุร้ายรบกวน พิเศษมากสำหรับประกันบ้านของเรา (**ทั้งนี้ขึ้นอยู่แต่ละแผนประกันที่คุณเลือก และอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)

The post 5 วิธีไล่มดในบ้านแบบธรรมชาติ ไร้สารอันตราย appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

ค่าใช้จ่ายซื้อคอนโด อ่านเร็วๆ: 

• ค่าจอง 
• ค่าทำสัญญา 
• เงินดาวน์คอนโด 
• ค่าประเมินราคา 
• ค่าจดจำนอง 
• ค่าโอนกรรมสิทธิ์คอนโด 
• ค่าส่วนกลางคอนโด 
• ค่ากองทุน (จ่ายครั้งเดียว)  
• ค่าอากรแสตมป์ 
• ค่าประกันมิเตอร์น้ำ-ไฟฟ้า 
• ค่าประกันอัคคีภัย  
• ค่าประกันภัยอาคาร (โดยนิติบุคคลฯ)

1. ค่าจอง

เป็นเงินก้อนแรกที่ต้องจ่าย เปรียบเสมือนการจองห้องที่รอวันโอนกรรมสิทธิ์คอนโด  จำนวนมากน้อยเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับราคาคอนโดมิเนียมที่ต้องการซื้อ ส่วนใหญ่โดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 5,000 – 60,000 บาท เป็นต้น 

2. ค่าทำสัญญา

เมื่อทำการจองคอนโดเสร็จแล้ว ทางโครงการจะกำหนดวันสัญญาซื้อขาย เงินทำสัญญาปกติจะก้อนใหญ่กว่าเงินจอง โดยจำนวนเงินทำสัญญาขึ้นอยู่กับราคาคอนโด  มีตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนบาท 

3. เงินดาวน์คอนโด

ธนาคารบางแห่งได้ปล่อยสินเชื่อเพื่อกู้ซื้อคอนโด ได้ในสัดส่วน LTV ไม่เกิน 90% ให้เตรียมเงินดาวน์คอนโด ขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 10% ของราคาคอนโด (รวมเงินจองและเงินทำสัญญา) ส่วนใหญ่มีระยะเวลาการผ่อนดาวน์กันตั้งแต่เริ่มขายคอนโดไปจนถึงสร้างคอนโดเสร็จ 

4. ค่าประเมินราคา

ค่าประเมินคอนโด คือ จ่ายในวันที่ยื่นเรื่องกู้เงินกับธนาคาร ราคาประเมินคอนโดเฉลี่ยอยู่ที่ 2,000-3,000 บาท ต่อการประเมินหนึ่งครั้ง  ค่าประเมินนี้จ่ายแล้วจ่ายเลยถึงแม้จะกู้ผ่านหรือไม่ผ่านก็ตาม หากคุณยื่นเรื่องกู้หลายธนาคารก็ต้องจ่ายมาก แต่บางธนาคารก็ไม่มีการเรียกเก็บในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและข้อตกลง 

5. ค่าจดจำนอง

ค่าจดจำนอง เป็นค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นสำหรับผู้ที่ขอสินเชื่อธนาคาร หรือกู้ซื้อคอนโดเท่านั้น  หากคุณจ่ายคอนโดเป็นเงินสดก็จะไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนตรงนี้ เปรียบเหมือนหลักทรัพย์สินที่ค้ำประกันหนี้ โดยจะต้องจ่ายค่าจดจำนองที่ 1% ของวงเงินกู้ 

ยกตัวอย่าง น้องกวิ้นกู้เงินจากธนาคาร 2 ล้านบาท เพื่อซื้อคอนโดมิเนียม คิดเป็น 1%x2 ล้าน = 20,000 บาท นั่นเอง 

6. ค่าโอนกรรมสิทธิ์คอนโด

ค่าโอนกรรมสิทธิ์ จะต้องจ่ายทั้งผู้ซื้อและผู้ขายคอนโด เป็นค่าใช้จ่ายที่ 2% ของราคาคอนโดหรือราคาประเมินคอนโด  ส่วนใหญ่ออกคนละครึ่งเท่ากับเราออก 1% และผู้ขายออก 1%  

สมมติว่า น้องกวิ้นซื้อคอนโด ราคา 3,000,000 บาท คิดเป็น 3,000,000 บาท x 2% (ค่าธรรมเนียมการโอน) = 60,000 บาท  ดังนั้น เมื่อจ่ายคนละครึ่งเหลือเท่ากับ 30,000 บาท ที่น้องกวิ้นต้องจ่ายเป็นค่าโอนกรรมสิทธิ์ 

หมายเหตุ: แต่บางโครงการก็จัดโปรโมชัน ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน แต่เราก็ต้องศึกษาให้ละเอียดหรือสอบถามกับทางโครงการนั้นๆ โดยตรงว่าเงื่อนไขอะไรบ้าง 

7. ค่าส่วนกลางคอนโด

ค่าส่วนกลางของหมู่บ้านหรือคอนโด เป็นค่าใช้จ่ายบำรุงรักษาหรือซ่อมแซมทรัพย์สินส่วนกลาง โดยประเมินตามขนาดพื้นที่เป็นตารางเมตรของห้องชุด  เช่น ถ้าขนาดห้องคอนโด 30 ตารางเมตร มีค่าส่วนกลางราคา 30 บาท/เดือน/ตร.ม. ค่าส่วนกลางคอนโดที่ต้องจ่ายคิดเป็น 30 (ค่าส่วนกลาง) x 30 (ขนาดห้องตารางเมตร) x 12 (1 ปี) = 10,800 บาทต่อปี 

8. ค่ากองทุน (จ่ายครั้งเดียว)

ค่ากองทุน ต่างจากค่าส่วนกลางที่ต้องจ่ายตามรายปี เพราะค่ากองทุนนี้จ่ายเพียงครั้งเดียวเท่านั้น  เป็นเงินกองกลางที่ใช้บริหารโครงการในเรื่องต่างๆ ปกติจะเก็บอยู่ที่ประมาณ 500 บาทต่อตารางเมตร 

9. ค่าอากรแสตมป์

ธนาคารเรียกเก็บจากผู้ซื้อเพื่อไปจ่ายให้กับสรรพากร และจะเก็บอยู่ที่ 0.05% ของวงเงินกู้

10. ค่าประกันมิเตอร์น้ำ-ไฟฟ้า

ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ผู้ซื้อจะต้องจ่ายให้กับโครงการ แล้วโครงการจะนำเงินไปจ่ายให้กับไฟฟ้านครหลวงและการประปา  

11. ค่าประกันอัคคีภัย

ผู้ที่ต้องการกู้เงินซื้อคอนโด ส่วนใหญ่ธนาคารจะแนะนำให้ลูกค้าทำประกันอัคคีภัยสำหรับคอนโดเพื่อเป็นหลักประกัน เพราะถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันกับที่อยู่อาศัย บริษัทประกันจะเข้ามาช่วยรับผิดชอบในส่วนนี้ อาจจ่ายเป็นงวดที่ตกลงกับธนาคารหรือบริษัทประกันภัย ทั้งนี้ธนาคารมักจะบังคับให้ทำตามปีที่กำหนดเพื่อเป็นหลักประกันความเสี่ยง หากผ่อนจ่ายครบแล้วจะซื้อประกันภัยหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณ 

12. ค่าประกันภัยอาคาร (โดยนิติบุคคลฯ)

ทางนิติบุคคลของคอนโดบางโครงการ อาจมีการแนะนำให้ทำประกันอัคคีภัยหรือประกันคอนโด เพื่อคุ้มครองแก่ห้องชุดของคุณนอกเหนือจากความคุ้มครองพื้นที่ส่วนกลาง แต่ถ้าคุณทำประกันภัยกับธนาคารหรือซื้อประกันคอนโดส่วนตัวอยู่แล้ว ก็ควรสอบถามกับทางนิติบุคคล จะได้ไม่ซื้อประกันซ้ำซ้อน

ข้างต้นนี้เป็น ค่าใช้จ่ายซื้อคอนโด ที่ต้องเตรียมไว้ล่วงหน้า ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าตรวจห้อง ค่าตกแต่งภายใน ค่าเฟอร์นิเจอร์ ค่าเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น แนะนำให้คุณสอบถามกับทางโครงการของคอนโดก่อนว่า ฟรีค่าใช้จ่ายในส่วนไหนบ้าง? เพื่อสิทธิประโยชน์ของตัวคุณเอง เชื่อว่าถ้าคุณเตรียมพร้อมและวางแผนเก็บเงินมาอย่างดี รับรองว่าการซื้อคอนโดของคุณไม่ไกลเกินเอื้อม!!

ซื้อประกันบ้านและทรัพย์สิน กับ bolttech.co.th จะไฟไหม้ ฟ้าผ่า ระเบิด หรือน้ำรั่วเพดานพัง ก็ไม่ต้องกังวลใจ เพราะประกันจะช่วยดูแลค่าซ่อมที่อยู่อาศัยให้กับคุณ มีแผนให้เลือกได้หลากหลาย หรือจะซื้อความคุ้มครองเสริมได้ ไม่ว่าจะเป็นภัยจากการโจรกรรม ภัยกระจก หรือภัยเสียหายต่อเครื่องใช้ไฟฟ้า ช่วยดูแลที่อยู่อาศัยของคุณให้ปลอดภัย ราคาไม่แพง หากสนใจเข้ามาเช็คเบี้ยประกันได้เลย

The post ซื้อคอนโด ต้องเตรียมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง? appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.