ค่าใช้จ่ายสำหรับเรียนต่อป.โทเมืองนอก มีอะไรบ้าง

ขอบอกเลยว่า การเรียนต่อโทเมืองนอกนั้นส่วนใหญ่จะใช้เวลา 1-2 ปี ยกเว้นบางหลักสูตรหรือบางมหาลัยที่เรียนแค่หนึ่งปีเท่านั้น จะต่างกับเรียนป.ตรีที่ใช้เวลานานกว่า ซึ่งสมัยนี้ก็มีมหาวิทยาลัยน่าเรียนต่อให้เราเลือกมากมาย แต่ถ้าเราเลือกเรียนเป็นภาคอินเตอร์ อาจจะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น โดยเราจะต้องวางแผนงบประมาณให้ดีก่อน เพื่อให้เราได้เรียนต่อตามความฝันสำเร็จนั่นเอง

1. ค่าขอวีซ่านักเรียน

กรณีที่คุณต้องการเรียนต่อโทเมืองนอก บางประเทศอาจจะต้องขอวีซ่านักเรียนกันก่อนครับ อย่างเช่น ถ้าคุณสนใจเรียนต่อที่อังกฤษ ก็จะต้องทำวีซ่านักเรียนและเตรียมเอกสารขอวีซ่าอังกฤษให้พร้อมด้วย ซึ่งอัตราค่าวีซ่าอังกฤษจะอยู่ที่ประมาณ $335 ครับ ทั้งนี้ค่าธรรมเนียมขอวีซ่านักเรียนแต่ละประเทศจะไม่เหมือนกันนะ  แนะนำให้ลองเช็กจุดหมายปลายทางที่คุณต้องการก่อน แล้วค่อยยื่นขอวีซ่าครับ นอกจากนี้บางวีซ่ายังมีค่าใช้จ่ายสำหรับตรวจสุขภาพและค่าเอกสารอื่นๆ ด้วย

2. ค่าเดินทางไป-กลับ

เมื่อเตรียมค่าธรรมเนียมในการขอวีซ่าแล้ว ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเดินทางไปยังเมืองนอกด้วย ขอบอกเลยว่า ค่าตั๋วเครื่องบินจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพราะฉะนั้นถ้าเราเห็นราคาตั๋วชั้นประหยัด ก็ให้รีบจองทันที! (กรณีที่วางแผนเรียนต่อต่างประเทศเรียบร้อยแล้วนะครับ) หรือบางแห่งอาจจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าก่อน 1 เดือน เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเดินทางมากขึ้น
อ่านเพิ่มเติม : 5 วิธีจองตั๋วเครื่องบินไปต่างประเทศให้ได้ราคาถูกที่สุด!!

3. ค่าเทอมตลอดหลักสูตร

อันนี้สำคัญมากๆ สำหรับค่าใช้จ่ายเรียนต่อต่างประเทศ หรือค่าลงทะเบียนเรียนตามหลักสูตร เราจะต้องเช็กค่าเรียนให้ดีว่ามีค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่  ทั้งนี้เเฟรงค์จะขอยกตัวอย่างค่าเทอมโดยเฉลี่ยของมหาวิทยาลัยสำหรับเรียนต่อปริญญาโทคร่าวๆ ได้แก่ อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ดังนี้

• ค่าเทอมปริญญาโทอเมริกา เฉลี่ยอยู่ที่ 900,000 บาทต่อปี
• ค่าเทอมปริญญาโทอังกฤษ เฉลี่ยอยู่ที่ 650,000 บาทต่อปี
• ค่าเทอมปริญญาโทออสเตรเลีย เฉลี่ยอยู่ที่ 800,000 บาทต่อปี
• ค่าเทอมปริญญาโทนิวซีเเลนด์ เฉลี่ยอยู่ที่ 730,000 บาทต่อปี

ขอย้ำว่า! จะเป็นการคำนวณค่าเทอมโดยเฉลี่ย ราคาอาจจะเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับแต่ละหลักสูตรการเรียนการสอนด้วย เช่นสาขาวิชาแพทย์ วิศวะ พาณิชย์ เศรษฐศาสตร์ กฎหมาย ภาษา รวมถึงมหาวิทยาลัยที่ต้องการเลือกเรียนด้วย (อันนี้ยังไม่รวมค่าครองชีพนะครับ) ดังนั้น คุณต้องเผื่อค่าใช้จ่ายให้เพียงพอต่อหลักสูตรของคุณให้ดี แล้วอย่าลืมเช็กอัตราค่าแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศด้วย

4. ค่าที่พักระหว่างเรียน

หลังจากวางแผนค่าเทอมแล้ว เราก็ต้องคำนวณค่าที่พักระหว่างเรียนเช่นกัน โดยราคาที่พักตามนอกเมืองจะค่อนข้างประหยัดกว่าในเมือง เช่น ค่าพักเฉลี่ยนอกกรุงลอนดอนอยู่ที่ 20,400 บาทต่อเดือน แต่ถ้าพักอยู่ในกรุงลอนดอนจะประมาณ 26,000 บาทต่อเดือน สำหรับใครที่ไม่อยากเสียค่าที่พักแพงๆ ก็สามารถเลือกอยู่หอพักตามมหาวิทยาลัยได้  จะช่วยเซฟค่าใช้จ่ายให้น้อยลงเกือบครึ่งเลยล่ะ

5. ค่าอุปกรณ์การเรียน

สำหรับค่าอุปกรณ์การเรียนอย่างเช่น สมุด หนังสือ เครื่องเขียน หรือของใช้ที่จำเป็นต่อการเรียน ก็ควรเตรียมเผื่อไว้กันด้วย ซึ่งบางมหาวิทยาลัยอาจจะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับการเรียน แนะนำให้คุณอ่านรายละเอียดของมหาวิทยาลัยที่ต้องการสมัครก่อน  เราจะได้วางแผนการเงินอย่างถูกต้อง

6. ค่าประกันศึกษาต่อต่างประเทศ

กรณีที่คุณวางแผนเรียนต่อต่างประเทศหลายเดือน หรือนานเป็นปี ก็จะต้องมีค่าธรรมเนียมสุขภาพคุ้มครองเมื่อยามเจ็บป่วยด้วย  ยกตัวอย่างถ้าคุณต้องการขอวีซ่าอังกฤษ ที่มีระยะเวลา 6 เดือนขึ้นไป จะมีค่าบริการสุขภาพเพิ่มเข้ามา แต่ถึงอย่างไรก็อาจจะไม่ครอบคลุมเท่าการซื้อประกันเดินทางสำหรับเรียนต่อต่างประเทศ เนื่องจากมันจะช่วยดูแลทั้งอุบัติเหตุและสุขภาพได้ดีกว่า เหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษาที่ต้องการศึกษาต่างประเทศเฉพาะ เวลาเจ็บป่วยก็มีคนช่วยดูแล ไม่ต้องจ่ายค่ารักษาเอง เเฟรงค์แนะนำให้เตรียมทำเผื่อไว้เลย อุ่นใจกว่า

7. ค่าใช้จ่ายชีวิตประจำวัน

นอกจากเราวางแผนเรียนต่อต่างประเทศกันแล้ว อย่าลืมเตรียมค่าใช้จ่ายส่วนตัวกันด้วยนะ  ไม่ว่าจะเป็น ค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าเสื้อผ้า ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต รวมถึงค่าเดินทางระหว่างไปเรียน โดยค่าครองชีพของแต่ละประเทศจะต่างกัน ยิ่งถ้าคุณอาศัยอยู่ในเมืองค่าครองชีพสูงกว่านอกเมืองแน่นอน ฉะนั้นเราต้องประเมินค่าใช้จ่ายตรงนี้ให้ดี เพื่อควบคุมการเงินให้เหมาะสม
พอคำนวณค่าใช้จ่ายเบื้องต้นแล้ว ก็ถึงเวลาเก็บเงิน! เพื่อเรียนต่อโทเมืองนอกอย่างเดียว ถึงแม้ว่าการเรียนต่อต่างประเทศจะต้องใช้เงินค่อนข้างมาก อีกหนึ่งวิธีที่ช่วยคุณก็คือการสมัครยื่นขอทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนไทย แต่เราควรอ่านคุณสมบัติของเราให้ตรงกับทุนที่ต้องการด้วย เพื่อง่ายต่อการขอทุน แล้วไม่ว่าเราจะเลือกขอเงินทุนหรือออมเงินเอง มันจะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อเราวางแผนค่าใช้จ่ายเรียนต่อต่างประเทศเป็น หลังจากเรามีค่าใช้จ่ายเพียงพอแล้ว ก็เหลือแค่สานฝันตัวเองให้ไปถึงจุดหมายอย่างเดียว
แหล่งข้อมูล : 

• Siuk-thailand.com
• idp.com

The post วางแผนค่าใช้จ่ายเรียนต่อป.โทเมืองนอกยังไง? appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. อย่าปล่อยให้โต๊ะรก

ถ้าอยากให้ “Money money come come.” มาเลยเงินมา ๆ หากโต๊ะทำงานรกราวกับอยู่ในป่าลึกนี่ไม่ใช่เรื่องดีของคุณแน่ ๆ ดังนั้น การจัดโต๊ะให้สะอาดเรียบร้อย จะช่วยให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น หยิบจับอะไรก็ง่าย ดูก็สบายตา รับรองว่า ทำงานได้ลื่นไหลไม่ต้องเหนื่อยหาข้าวของ ยิ่งทำให้เราทำงานได้ไว เรียกทรัพย์ได้แน่นอน

2. ลูกแก้วเรียกทรัพย์

ไม่เชื่อก็ต้องลองนะครับ การนำลูกแก้วเรียกทรัพย์วางไว้บนโต๊ะ ช่วยเสริมดวงได้เหมือนกัน ตรงนี้แฟรงค์ลองมาด้วยตัวเองแล้วก็ถือว่า เรียกเงินทองได้ดีเลยล่ะ แต่ต้องวางในตำแหน่งที่ไกลจากมือเอาไว้ก่อน เพื่อป้องกันการปัดลูกแก้วหล่นแตกเศษแก้วบาดมือ หรือตำเท้าของเราได้ต้องระวังนะครับ ซึ่งเคสนี้แม้จะเบิกประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลเพื่อรักษาได้ก็ตาม แต่แฟรงค์ก็เป็นห่วงอยู่ดี 

3. อะไรที่หมดแล้วต้องทิ้ง

อย่าปล่อยดินสอหัก ปากกาหมึกหมด เศษกระดาษ ขยะ ถุงขนมกินแล้ว แก้วน้ำไม่ได้ล้าง ไม่ควรวางบนโต๊ะทำงาน จริง ๆ ไม่ได้มีนัยยะเสริมอะไรมากมายเลยครับ เพื่อความสะดวก และความสะอาด รวมทั้งดีต่อสุขอนามัยของคุณล้วน ๆ เพราะสุขภาพดีย่อมนำพามาซึ่งเงินทองถูกไหมละ

4. หนังสือ เอกสาร หรือชั้นวางควรวางซ้ายมือ

เชื่อกันว่ามุมโต๊ะด้านซ้ายคือมุมแห่งการเสริมพลังความรู้  อะไรที่ไม่ได้ใช้งานทุกวัน นาน ๆ หยิบมาใช้ที เช่น หนังสือ เอกสารอื่น ๆ หรือชั้นหนังสือควรวางไว้ทางซ้ายมือ (สำหรับคนถนัดขวา) ส่วนคนถนัดซ้ายอาจจะต้องเปลี่ยนมาไว้ทางด้านขวานะครับ เพื่อความสะดวกเนาะ ถามว่าทำไมการจัดโต๊ะแบบนี้ช่วยเรียกเงินทองได้ก็เพราะว่าโต๊ะทำงานที่เก็บเอกสารไว้ชัดเจน ทำให้หยิบจับง่าย ประสานงานได้สะดวกไงล่ะ ไม่ติดขัด สมองโลดแล่น พอมีงานเข้ามาก็สามารถปิด Job สร้างรายได้สบาย ๆ 

5. ของใช้บ่อยให้วางไว้ด้านขวา

บนโต๊ะทำงานเยื้องทางด้านขวา ควรจะวางของใช้บ่อย ๆ ไว้ตรงนั้นครับ เช่น กล่องใส่ดินสอ โทรศัพท์ประจำโต๊ะ สมุดจดประจำวัน จุดติดโพสต์อิทเตือนเหตุการณ์สำคัญ หรือบางคนอาจจะมีหน้าจอคอมพิวเตอร์วางไว้ตรงขวามือก็ได้ครับ รับรองทำงานสะดวกเยอะ 

6. สายไฟต้องเก็บให้เป็นระเบียบ

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะครับ การจัดสายไฟให้เป็นระเบียบช่วยได้จริงนะ โดยเฉพาะสายไฟโน๊ตบุ๊ก สายไฟคอมพิวเตอร์ สายชาร์จมือถือ สายไฟอื่น ๆ ที่วางบนโต๊ะ ถ้าเราเดินสายให้เป็นระเบียบสะอาดตา จะช่วยให้การงาน การเงินราบรื่นทันทีอย่างบอกไม่ถูก !! แฟรงค์ลองมาแล้ว
และนี้ก็เป็นการจัดโต๊ะทำงาน เสริมฮวงจุ้ยโต๊ะทำงาน ทำแล้วเรียกทรัพย์ ไม่ต้องเปย์เยอะ ใครมีวิธีเสริมดวงยังไงบอกแฟรงค์ได้นะ จะได้ลองเอาไปทำมั้ง อิอิ 
Content by Butter Cutter
Artwork by Kamonwan Wongchai

The post จัดฮวงจุ้ยโต๊ะทำงาน ทำแล้วเรียกทรัพย์ ! appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

จัดระเบียบหนี้สิน

หลายคนคงมีหนี้ประเภท หนี้บัตรเครดิต หรือหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล หรือแม้แต่หนี้ในการผ่อนชำระสินค้าตกค้างกันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่ง หากปีนี้เราอยากมีสภาพคล่องทางการเงินที่เพิ่มมากขึ้น สิ่งสำคัญเลยก็คือ เราควรจัดระเบียบหนี้สินครับ จัดลำดับความสำคัญว่า

• หนี้ประเภทนี้ควรแบ่งจ่ายเท่าไร หนี้แบบไหน ควรรีบปิดก่อน แน่นอนว่าหากเราชำระหนี้พร้อม ๆ กัน แต่ไม่ได้จัดลำดับความสำคัญ

เราก็จะหนักในเรื่องการใช้จ่ายครับ ซึ่งวิธีนี้เนี่ย จะทำให้หนี้บางก้อนหมดได้ไว และค่อยๆปิดหนี้อีกได้อย่างรวดเร็วด้วยครับ ที่สำคัญในการชำระหนี้ เราควรชำระหนี้ให้ตรงเวลาครับ จะได้ไม่ถูกค่าธรรมเนียมในการเรียกเก็บเพิ่มเติมครับ

Photo by Melissa Walker Horn on Unsplash

จัดสรรเงินโบนัส และเงินเดือน

สำหรับหลาย ๆ คน ต้นปีมักจะได้เงินโบนัสมาเป็นก้อน หากเรานำเงินในส่วนนี้มาใช้จ่ายทีเดียวหมด คงไม่ดีแน่นอนครับ แต่หากเรานำเงินโบนัสมาแบ่งเป็นก้อนๆ เช่น

• แบ่งสำหรับการชำระหนี้
• แบ่งสำหรับเงินเก็บ หรือแบ่งสำหรับใช้จ่ายฉุกเฉิน

การแบ่งเป็นส่วนๆแบบนี้ อยากให้ใช้วิธีเดียวกันกับเงินเดินที่ได้มาด้วยเช่นกันครับ เพราะเมื่อครบปี หรือครบระยะเวลาที่เราตั้งไว้ ก็สามารถนำเงินก้อนนี้ไปใช้หนี้ หรือมีเงินเก็บที่เพิ่มขึ้นมากเช่นกันครับ นี่คือวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินของตัวเองตลอดปีหมู 2562 นี้ครับ และหากเราทำได้อย่างเต็มที่ และมีวินัยในการใช้เงิน รับรองว่า ปีหมูนี้จะเป็นปีหมูออมสินของทุกคนแน่นอนครับ
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก masii.com
Rewrite by Butter Cutter

The post สร้างสภาพคล่องทางการเงินให้ตัวเอง ต้อนรับปีหมูออมสิน 2562 appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. จัดการอย่างมืออาชีพ

เราต้องรู้จักวางแผนและจัดการเงินของเรา ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน หรือเงินออมก็ตาม เราต้องแบ่ง และจัดการให้เป็นสัดเป็นส่วน อย่าให้คำว่า “เดี๋ยวค่อยเก็บ” มาคอยจัดการความคิดของเรา เพราะถ้าเราเก็บหลังจากที่เราใช้จ่ายไปแล้ว เราแทบจะไม่มีเงินเหลือให้เก็บเลย เมื่อเงินเดือนออก ให้รีบออมเงินก่อน แล้วค่อยแบ่งมาเป็นค่าใช้จ่าย

2. สร้างนิสัยการอดออม

ทำให้การออมเงินเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเรา กระตุ้นให้ตัวเองอยากออมเงินอยู่เสมอ เราต้องทำให้ตัวเองรู้สึกสนุกกับการออมเงิน และรู้สึกเฝ้าคอยผลตอบรับของการออมเงิน คอยมาตรวจเช็คว่าเราจะได้ผลตอบแทนจากการออมเงินเท่าไร เราก็จะรู้สึกอยากออมเงินมากขึ้น และทำให้เรารู้จักวางแผนในการออมเงินทุกขณะ

3. หาวิธีออมเงินที่เหมาะกับตัวเอง

การวางแผนบริการจัดการเงินมีอยู่มากมายหลายแบบ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกใช้วิธีไหน บางคนเลือกที่จะหยอดกระปุกออมสินทุก ๆ วัน ในขณะที่บางคนเลือกที่จะแบ่งเงินออมตัดจากบัญชีไปเลย โดยเลือกแบ่งเงินให้เป็นสัดเป็นส่วน ขึ้นอยู่กับว่าเราถนัดที่จะใช้วิธีการไหนในการออม ให้เลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด แล้วเราจะสนุกกับการออมเงิน

4. ทุ่มเทให้กับการทำงาน

การทำงานหนัก แม้ว่าจะเหนื่อยบ้าง แต่ผลตอบแทนที่เราจะได้รับ มันค่อนข้างคุ้มค่ากับสิ่งที่เราลงแรงไป ไม่เพียงแต่ความก้าวหน้าที่รอเราอยู่ แต่ผลตอบแทนจากการทำงานของเรา เงินเดือนที่เพิ่มมากขึ้น ก็จะทำให้เรายิ้มไม่หุบ แล้วเราจะรู้สึกว่าความเหนื่อยที่เคยเกิดขึ้น มันได้หมดไปแล้วจริง ๆ
การทำงานและผลตอบแทนของการทำงาน มีความสอดคล้องกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเราตั้งใจทำงานอย่างหนัก ผลตอบแทนในการทำงานก็จะตอบแทนเราอย่างเห็นได้ชัด เราจึงต้องวางแผนการบริหารเงินให้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่าให้ความตั้งใจในการทำงานของเรา หมดไปอย่างไรประโยชน์

ขอบคุณเคล็ดลับการเงินดีๆ จาก

The post เคล็ดลับการบริหารเงินให้เหมาะกับคนทำงาน appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.