1. ประกันรถชั้น 1 ความคุ้มครองได้มากที่สุด

ประกันรถยนต์ชั้น 1 ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นกรณีรถชนแบบมีคู่กรณี และไม่มีคู่กรณี  รถสูญหาย รถไฟไหม้ หรือรถน้ำท่วม นอกจากนี้ยังคุ้มครองทั้งความเสียหายต่อรถของผู้เอาประกัน และความเสียหายต่อบุคคลที่สาม เหมาะสำหรับมือใหม่หัดขับ ไม่ต้องกังวลหากเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เป็นแผนประกันภัยที่อุ่นใจมากที่สุด

2. ประกันรถชั้น 1 คุ้มครองการชนแบบไม่มีคู่กรณี

มือใหม่หัดขับ มักมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูงกว่า เพราะไม่ค่อยมีทักษะการขับขี่ที่ชำนาญ หรือ จอดรถยังไม่เป็น เสี่ยงทำให้ขับรถชนได้ง่าย โดยเฉพาะเป็น การชนแบบไม่มีคู่กรณี นั่นหมายความว่า อุบัติเหตุที่ไม่ใช่เกิดจากรถชนรถ ยกตัวอย่างเช่น ขับรถชนรั้วบ้าน กำแพง เสาไฟฟ้า เป็นต้น แต่ถ้าคุณมีประกันชั้น 1 จะครอบคลุมการชนแบบไม่มีคู่กรณี โดยจะดูแลค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการซ่อมรถของคุณ ต่างจากประกันชั้นอื่นๆ ที่ไม่คุ้มครองในส่วนนี้

3. ประกันรถชั้น 1 เลือกซ่อมศูนย์ได้ อุ่นใจกว่า

ใครที่เพิ่งขับรถใหม่ๆ อาจกังวลใจเรื่องการเคลม แนะนำซื้อประกันชั้น 1 ถือเป็นทางเลือกที่ดีเลย เนื่องจากประกันชั้น 1 สามารถเลือกซ่อมศูนย์ได้ ดูแลอุ่นใจกว่าซ่อมอู่ ให้บริการช่วยเหลือตามขั้นตอน ตั้งแต่การติดต่อเคลม การประสานงานกับเจ้าหน้าที่ประกัน และ การรายงานความคืบหน้ารถที่ส่งซ่อม มั่นใจเรื่องอะไหล่แท้ ไม่เสี่ยงโดนหลอก หากคุณเป็นมือใหม่หัดขับที่กังวลเรื่องการเคลม หรือ อยากดูแลรถใหม่ให้ดีที่สุด แนะนำซื้อประกันชั้น 1 ไว้เลย

4. ประกันชั้น 1 อาจมีบริการเสริมต่างๆ ที่ช่วยคุณได้

ประกันชั้น 1 มักมาพร้อมกับ บริการเสริมต่างๆ เช่น บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน บริการเรียกรถยกหรือรถลาก เป็นต้น ถือเป็นบริการช่วยเหลือฉุกเฉินที่จำเป็นสำหรับมือใหม่หัดขับ ที่อาจยังไม่ชำนาญในการแก้ปัญหาเรื่องรถยนต์ที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง บริการเหล่านี้จะช่วยให้รู้สึกอุ่นใจมากขึ้น

**อย่างไรก็ตามในแต่ละบริษัทฯ ประกันภัยจะมีความคุ้มครองหรือบริการเสริมที่ต่างกันไป แนะนำให้ผู้เอาประกันภัยศึกษารายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจซื้อทุกครั้ง**

5. ประกันรถชั้น 1 คุ้มครองรถสูญหาย รถน้ำท่วม

เพราะมือใหม่หัดขับ อาจยังไม่คุ้นเคยกับการเลือกจอดรถในสถานที่ที่ปลอดภัย หรือบางคนอาจจะเผลอลืมล็อครถไว้ เสี่ยงโดนเหล่ามิจฉาชีพขโมยรถได้ แต่ถ้าคุณมีประกันรถยนต์ชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองกรณีรถสูญหายจากการโจรกรรม รวมถึง คุ้มครองกรณีรถน้ำท่วม ทำให้คุณใช้งานรถได้แบบอุ่นใจ 

การเลือก ซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 เหมาะสำหรับมือใหม่หัดขับ เพราะให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุแบบมีคู่กรณี ไม่มีคู่กรณี รถสูญหาย รถไฟไหม้ หรือรถน้ำทว่ม และบางบริษัทฯ ประกันภัยอาจได้มีบริการเสริมต่างๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคุณ ถ้าคุณกำลังสนใจ ซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 กับ bolttech เบี้ยราคาดี คุ้มครองคุ้มค่ามากที่สุด มีหลากหลายแผนให้เลือก จากบริษัทประกันภัยชั้นนำ เปรียบเทียบแผนได้ รู้ราคาทันที ซื้อง่ายผ่านออนไลน์ได้ หรือ เข้ามาเช็กเบี้ยฟรีบนหน้าเว็บไซต์ ที่ bolttech.co.th มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำทุกท่าน

The post ทำไมประกันรถยนต์ชั้น 1 เหมาะสำหรับมือใหม่ appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1) ติดต่อศูนย์บริการของแบรนด์รถยนต์

• โดยส่วนใหญ่แล้ว การเลือกซ่อมศูนย์จะมีการรับประกันให้อยู่แล้ว
• มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง มั่นใจได้อะไหล่แท้ มีคุณภาพ
• หากเลือกซ่อมศูนย์ ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันรถยนต์แพงกว่า

2) สอบถามชุมชนผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า

• เข้าร่วมกลุ่ม Facebook หรือ ฟอรั่มออนไลน์ของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า
• ขอคำแนะนำจากสมาชิกที่มีประสบการณ์
• แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับอู่ซ่อมรถที่น่าเชื่อถือ

3) ค้นหาออนไลน์

ใช้ Google Maps หรือเว็บไซต์หาอู่ซ่อมรถ ​​https://www.wecanfix.co.th เพื่อเป็นตัวช่วย ค้นหาอู่ซ่อมรถ
ค้นหาด้วยคำว่า "อู่ซ่อมรถยนต์ไฟฟ้า" หรือ "EV repair shop"
เปิดโลเคชั่น เพื่อให้เว็บไซต์สามารถ ค้นหาอู่ซ่อมใกล้ฉัน

ส่วนใหญ่ อู่ซ่อมรถ EV ที่ลงทะเบียนกับเว็บไซต์ เป็นโซนกรุงเทพฯ และปริมณฑล เชียงใหม่ เชียงราย ชลบุรี ชุมพร เมื่อกดเข้าไปดูรายละเอียดของอู่ซ่อมรถ แต่ละที่จะปรากฎ สถานที่ตั้ง วิธีการเดินทาง สิ่งอำนวยความสะดวก ประเภทรถที่รองรับ บริการที่มี ระบบชำระเงินที่รอบรับ ช่องทางการติดต่อ รายละเอียดอื่นเพิ่มเติม และยังมีรีวิวสำหรับลูกค้าที่เคยเข้ารับบริการ หากต้องการรับบริการ จองคิวซ่อมออนไลน์ได้

อู่ซ่อมรถไฟฟ้า ในกรุงเทพฯ และปริมลฑล

• ไทยรัตน์ ยานยนต์ : โทร 02-879-9131-5
• เค ออโต้ คัลเลอร์ : โทร 081-927-9417 หรือ 02-883-9670-1
• เปี๊ยกการาจ : โทร 029708753
• ทรัพย์สิทธิ์ คาร์ อินเตอร์ : โทร 023782884-5
• สยามนิสสัน เอส.เอ็ม.ที. บริการ : โทร 027228484-6
• สยามนิสสัน กรุงไทย : โทร 02-510-5555 , 02-943-5600-14
• เลกซัส ออโต้ ซิตี้ (สาขารามอินทรา) : โทร 02-521-1111
• เลกซัส ออโต้ ซิตี้ (สาขาสุขุมวิท) : โทร 02-2608123, 087-0842112
• บีเอ็มดับบลิว มิลเลนเนียม ออโต้ (สาขาพระราม4) : โทร 02-663-3222, 1286
• โพธิ์ทอง บอดี้เพนท์ : โทร 02-7357144, 02-7357145, 093-1355177
• สยามนิสสัน บอดี้ (สนง.ใหญ่ วิภาวดีรังสิต) : โทร 02-561-0813-6, 02-5795157-9
• คุงการาจ (สาขาประชาชื่น20) : โทร 0-2587-8198-9
• พระนคร ยนตรการ (วิภาวดี) เกรท วอลล์ มอเตอร์ : โทร 02-5615000

ค้นหาอู่ซ่อมรถไฟฟ้า อู่ซ่อมรถใกล้ฉัน ที่น่าเชื่อถือ อาจต้องใช้เวลาเปรียบเทียบ เลือกอู่ซ่อมรถที่ไว้วางใจได้ การันตีการซ่อม เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน หากคุณมีประกันรถยนต์ไว้ แนะนำให้เลือกอู่ซ่อมรถที่อยู่ในเครือประกัน ข้อดีคือ สามารถซ่อมได้เลย ไม่ต้องสำรองจ่ายก่อน อู่ซ่อมได้รับมาตรฐาน สามารถประสานงานกันได้ง่าย และ มีตัวเลือกอู่ซ่อมได้หลากหลาย

หากคุณสนใจ ซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์ เข้ามาดูแผนได้ที่ bolttech.co.th ซื้อง่าย ผ่านออนไลน์ มีหลายแผนให้เลือก เช่น ประกันรถยนต์ชั้น 1 ประกันชั้น 2+ หรือ ประกันชั้น 3+ อุ่นใจกว่า รับประกันจากบริษัทประกันชั้นนำ เปรียบเทียบแผนได้ รู้ราคาทันที บนหน้าเว็บไซต์ เช็กเบี้ยเลย !!

The post อู่ซ่อมรถยนต์ไฟฟ้า ค้นหาง่ายแค่ปลายนิ้ว! appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. Nissan Almera S (ปี 2019) 

Nissan Almera S หรือ อัลเมร่า เอส รถเก๋งจากแบรนด์ที่คนไทยคุ้นเคย ซึ่งพอเปิดตัวรถซีดานอีโค่คาร์ ในปี 2019 ก็ได้รับความสนใจจากแฟนๆ เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะครอบครัวคนเมืองที่ต้องการการขับขี่ที่สะดวกสบาย ห้องโดยสารที่กว้างขวาง และฟังก์ชันความปลอดภัยที่ตอบโจทย์การขับขี่แบบสุดๆ โดย อัลเมร่า เอส มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 999 cc. แบบ 100 แรงม้า ประหยัดน้ำมันถึง 23.3 กม. ต่อลิตร รถเก๋งขับเคลื่อนด้วยระเบบเกียร์ออโต้แบบ CVT ซึ่งในระยะราคานี้ อัลเมร่า เอส ถือเป็นรถเก๋งรุ่นเดียวที่ให้เกียร์ออโต้มานะครับ 

แถมเทคโนโลยีการขับขี่ก็ยังพร้อม ทั้งพวงมาลัยพาวเวอร์ ระบบกระจายแรงเบรก ระบบป้องกันล้อล็อค  เทคโนโลยีช่วยออกตัวบนทางลาดชัน และอื่นๆ อีกมากมาย แต่เสียดายที่ระบบความบันเทิงในห้องโดยสารจะน้อยไปนิด ไม่มีพวกหน้าจอสัมผัสหรืออื่นๆ ตามที่รถสมัยนี้มีกัน แต่ถ้าบวกลบกับการได้รถเก๋งเกียร์ออโต้ราคาถูกแบบนี้ ก็ถือว่าคุ้มมากครับ เครื่องเสียงไปติดเองก็ได้!

ราคา 499,000 บาท

2. Nissan Almera E (ปี 2019)

ถ้าใครชอบการออกแบบรถเก๋งของ อัลเมร่า เอส ที่ให้การขับขี่ที่สบาย ห้องโดยสารที่กว้างขวาง และเกียร์ออโต้ แต่ก็ยังแอบอยากได้ฟังก์ชันความบันเทิงภายในห้องโดยสารที่อัลเมร่า เอส ไม่มีให้ เราขอแนะนำให้คุณเพิ่มเงินขึ้นอีกนิด แล้วซื้อ นิสสัน อัลเมร่า อี  คันนี้เลยครับ เพราะนอกจากรถเก๋งจะดีไซน์สวยงามตามแบบฉบับ อัลเมร่า แล้ว ฟังก์ชันต่างๆ ยังอัพเกรดจากอัลเมร่า เอส แบบจัดเต็มไปเลยครับ ทั้งพวงมาลัยพาวเวอร์พร้อมปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชัน ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยปุ่ม พร้อมวิทยุ MP3 พร้อมช่องเชื่อมต่อภายนอก นอกจากนั้นยังเพิ่มเทคโนโลยีความปลอดภัย ทั้งเทคโนโลยีสัญญาณเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์ด้านหน้าขณะขับขี่อัจฉริยะ และเทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ ที่ อัลเมร่า เอส ไม่ได้มีอีกด้วย ซึ่งหารถเก๋งราคาถูกไม่เกิน 600,000 บาทแบบนี้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกอีโค่คาร์ที่น่าสนใจมากๆ เลยครับ 

ราคา : 509,000 บาท

3. Honda Brio Amaze V CVT (ปี 2016) 

ฮอนด้า บริโอ อเมซ ปี 2016 คันนี้ บอกเลยครับว่าใครที่ต้องการรถยนต์สำหรับขับในเมืองแบบประหยัดน้ำมัน และติดแบรนด์ ฮอนด้า ไว้ ฮอนด้า บริโอ อเมซ คันนี้ตอบโจทย์แบบสุดๆ ไปเลยครับ ด้วยการเป็นรถอีโค่คาร์ ที่มาการออกแบบให้กะทัดรัด เหมาะสำหรับขับขี่ในเมือง เข้าซอกออกซอยไหนก็สะดวก จอดง่าย แถมภายในรถเก๋งยังจัดเต็มด้วยฟีเจอร์ที่คนเมืองต้องการ ทั้งเครื่องเสียงวิทยุ MP3 ช่องชาร์จ USB และช่องการเชื่อมต่อสำหรับสมาร์ทโฟนทั้งแบบสาย AUX และ ระบบ Bluetooth ขับง่ายด้วยพวงมาลัยระบบพาวเวอร์แบบไฟฟ้า พร้อมปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชันของรถเก๋งอีกด้วย คุ้มค่าสุดๆ

ราคา : 517,000 บาท

4. Toyota Yaris Ativ Entry  (ปี 2019) 

Toyota Yaris Ativ Entry  (ปี 2019) หรือ โตโยต้า ยาริส เอทิฟ คือรถเก๋งซีดานอีโค่คาร์จากแบรนด์ โตโยต้า ยอดนิยมอันดับ 1 ของไทย แถมยังเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมอีกต่างหาก จะจัดอันดับจากที่ไหนก็ต้องมีชื่อของรถยนต์รุ่นนี้ติดด้วยทุกครั้งไปนะครับ โดยในรุ่นปี 2019 นี้ ยาริส เอทิฟ นอกจากภายนอกจะออกแบบให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น เน้นความคมชัดของเส้นเงา ไฟหน้าแบบ LED Light Guiding  ภายในรถเก๋งยังจัดเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งระบบเครื่องเสียงพร้อมหน้าจอสัมผัสที่สามารถเชื่อมต่อระบบบลูทูธได้ พวงมาลัยแบบพาวเวอร์พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง ระบบสตาร์ทด้วยปุ่ม และอื่นๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าเป็นรถที่ทันสมัยไม่น้อยหน้าแบรนด์อื่นเลย

ในด้านของเครื่องยนต์ เอทิฟ เอนทรี มาพร้อม เครื่องยนต์ 3NR-FKE DUAL VVT-i ขนาด 1.2 ลิตร 92 แรงม้าแต่ปล่อยมลพิษน้อยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้มาตรฐาน  EURO 5 เป็นรถเก๋งราคาถูกที่ชาวเมืองชอบมาก นั่งสบาย ฟังก์ชันครบ ขายต่อง่าย แถมรถเก๋งราคาไม่เกินแสนอีกต่างหาก ซื้อ ซื้อ ซื้อ! 

 ราคา : 529,000 บาท

5. Mitsubishi Attrage GLX - CVT  (ปี 2019) 

Mitsubishi Attrage GLX - CVT  (ปี 2019) หรือ มิตซูบิชิ แอททราจ 2019 เป็นรถเก๋งอีโค่คาร์จากมิตซูบิชิที่สร้างเสียงฮือฮาได้ตั้งแต่เปิดตัว เพราะนอกจากจะจัดฟังก์ชันมาเต็มทั้งระบบความปลอดภัยในการขับขี่ ระบบกระจายแรงเบรก ป้องกันการลื่นไถล ช่วยการออกตัวทางลาดชัน ฟังก์ชันความบันเทิงในห้องโดยสาร ทั้งหน้าจอระบบสัมผัสพร้อมช่อง DVD  ที่สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน พวงมาลัยเป็นแบบพาวเวอร์พร้อมปุ่มควบคุม สตาร์ทด้วยปุ่มได้ตามฉบับรถเก๋งสมัยใหม่ ครบทุกความต้องการแบบเหลือๆ แถมยังเปิดราคามาเท่ากับ Toyota Yaris Ativ Entry รุ่นปีเดียวกันด้วย เรียกว่าแฟนยาริสอาจมีบางส่วนปันใจมารับแอททราจคันนี้ด้วยเลย ใช้ในเมืองก็คุ้ม ขับทางไกลก็ประหยัดน้ำมัน 

 ราคา 529,000 บาท

6. Mazda 2 1.3 E Sedan (ปี 2019)

Mazda 2 1.3 E Sedan (ปี 2019) หรือ มาซด้า 2 รถเก๋งซีดานยอดนิยมของชาวกรุงเทพฯ เพราะเป็นรถเก๋งราคาถูกที่มีสมรรถภาพสูง ห้องโดยสารนั่งสบาย แถมโฉมปี 2019 นี้ยังสวยงามโฉบเฉียว มาพร้อม เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 1,299 ซีซี เกียร์ออโต้ 6AT  และยังอัดแน่นไปด้วยฟังก์ชันด้านความปลอดภัยชั้นนำอย่าง i-ACTIVSENSE ที่หลายคนบอกว่าเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้นอย่างมากเลยครับ แถมระบบความบันเทิงในห้องโดยสารยังจัดเต็มด้วยระบบ MZD CONNECT เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด  ที่เชื่อมต่อระบบความบันเทิง เครื่องเสียงในรถยนต์ของคุณเข้ากับสมาร์ทโฟนเพื่อควบคุมจัดการ โดยสามารถทำงานร่วมกับปุ่มควบคุมบนพวงมาลัยพาวเวอร์ได้อย่างดีเลยครับ 

ราคา 546,000 บาท

7. Suzuki Ciaz GL Plus CVT (ปี 2019)

Suzuki Ciaz GL Plus CVT ปี 2019 ซูซูกิ เซียส รถเก๋งซีดานสไตล์สปอร์ตจากซูซุกิคันนี้มาพร้อมข้อดีที่ครบทุกความต้องการเลยครับ ทั้งห้องโดยสารที่กว้างขวางนั่งสบาย เทคโนโลยีการขับขี่ที่ปลอดภัย ระบบช่วยขับ ช่วยเบรก และอื่นๆ ครบ พร้อมช่วยประหยัดน้ำมันเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเงินในกระเป๋า โดยอัตราการกินน้ำมัน ซูซูกิเค้าเคลมไว้ว่า เซียส 2019 คันนี้กินน้ำมันเพียง  20 กม./ลิตร ไปจนถึงถึงฟังก์ชันความบันเทิงในห้องโดยสาร ทั้งเพลง ระบบนำทาง ระบบเชื่อมต่อ เรียกได้ว่ามาครบ!! จบที่รถเก๋งคันนี้เลย ไม่แปลกที่หลายคนจะเริ่มสนใจแบรนด์ซูซูกิมากขึ้นเพราะเซียสคันนี้ 

ราคา 568,000 บาท

8. Honda Brio Amaze SV CVT (ปี 2016)

 


Honda Brio Amaze SV CVT (ปี2016)  หรือ ฮอนด้า บริโอ  เป็นรถเก๋งรุ่นที่ออกมาช่วงเดียวกับ ตัว ฮอนด้า บริโอ้ (2016) แต่รุ่นนี้เป็นรุ่นสปอร์ตนะครับ  โดยรายละเอียดเรื่องของสมรรถภาพเครื่องยนต์ ความประหยัดพลังงานไปจนถึงห้องโดยสารจะไม่ต่างจากรุ่นปกตินัก แต่ในบริโอ้ สปอร์ตคันนี้ จะเพิ่มชุดแต่งและฟังก์ชันพิเศษขึ้นมาจากรุ่นปกติ ทั้งระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ Honda Smart Key System , ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ One Push Ignition System ใครที่ชอบรถเก๋งฮอนด้าบริโอ้ปี 2016 แต่อยากจัดเต็มเรื่องเทคโนโลยี ต้องรุ่นนี้เลยครับ

ราคา 579,000 บาท

9. Honda City S Turbo (ปี 2019)

Honda City S Turbo (ปี 2019) หรือ ฮอนด้า ซิตี้ 2019 อันนี้คือเบอร์หนึ่งตลอดกาลสำหรับรถเก๋งราคาถูกอย่างรถซิตี้คาร์ ไม่ว่าจะออกมากี่โฉม ชื่อ ซิตี้ ก็ยังครองใจชาวเมืองอย่างไม่รู้คลาย ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะฮอนด้า ซิตี้ นอกจากจะออกแบบมาได้อย่างสวยงามน่าขับขี่ ขนาดตัวรถกำลังพอเหมาะกับการขับขี่ในเมือง ห้องโดยสารกว้างขวางนั่งสบาย เครื่องยนต์ ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมขับขี่ นอกจากนั้นรถเก๋งยังมีระบบความปลอดภัยขณะขับขี่ ทั้ง VSA ช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง ระบบกระจายแรงเบรก ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (HSA) ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค และอื่นๆ อีกมากมายจัดที่ฮอนด้าจัดเต็มมาให้รถยอดนิยมของแบรนด์คันนี้ หากคุณซื้อรถเก๋งคันนี้ไปแล้วจะขับง่าย ขายต่อคล่อง มีศูนย์บริการมากมายด้วย

 ราคา 579,500 บาท

10. Nissan Almera V (ปี 2019)

 

Nissan Almera V หรือ นิสสัน อัลเมร่า รุ่น วี ปี 2019 เป็นรถเก๋งสี่ประตู อัลเมร่าตัวรองท็อปที่จัดเต็มทั้งเครื่องยนต์และฟังก์ชันใช้สอยภายใน ที่เพิ่มจากรุ่น อี แบบครบครัน ทั้งชุดตกแต่งพร้อมระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ Nissan CONNECT ที่มีเครื่องเสียง จอสั่งการระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว กล้องมอง 360 องศา Around View Monitor ไลฟ์สไตล์คนเมืองเป็นอย่างไร อัลเมร่าวีพร้อมตอบสนองทุกรูปแบบเลยครับ 

ราคา 599,000 บาท

และนี่ก็คือ 10 รถเก๋งคุณภาพดี รถเก๋งราคาถูกไม่เกิน 6 แสนบาท  เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการใช้รถ หรือขับในเมือง เพราะนอกจากจะนั่งสบายขับขี่นุ่มนวลแล้ว หลายรุ่นยังมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม แต่ไม่ว่าระบบจะดีแค่ไหน ก็ต้องมีประกันรถยนต์ และ พรบ. เพื่อดูแลด้วยนะครับ และถ้าคุณเป้นมือใหม่ยังไม่มั่นใจในการขับขี่ เราก็แนะนำว่าทำ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ไปเลย เพราะคุ้มครองหมดทุกรูปแบบ และจะให้เพอร์เฟกต์ ก็ต้องต่อกับประกันที่รวดเร็ว เรียบง่าย และจริงใจกับคุณที่สุด ว่าแล้วก็ ต่อประกันรถยนต์จาก Frank เลย

The post 10 อันดับรถเก๋งเกียร์ออโต้ คุณภาพดี ราคาประหยัด ไม่เกิน 6 แสน appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

• ขับรถออกหันหน้าทิศเหนือ
• อย่าลืมไหว้แม่ย่านาง
• หาฤกษ์ออกรถแบบแม่นๆ  
• ให้พ่อแม่นั่งรถเป็นคนแรก
• เจิมรถเพื่อความสิริมงคล

1. ขับรถออกหันหน้าทิศเหนือ

สำหรับการออกรถใหม่นั้น อย่างแรกให้คุณขับรถหันหน้าออกทางทิศเหนือก่อนครับ เพราะหลักฮวงจุ้ยเชื่อว่าเป็นทิศที่เป็นมงคลมากที่สุด ไม่ว่าจะเริ่มจะเริ่มกิจการร้านค้า สร้างบ้านใหม่ หรือออกรถป้ายแดง ก็ควรหันหน้าออกทางทิศเหนือ นอกจากนี้ยังเป็นทิศทางของทรัพย์หรือโชคลาภอีกด้วย เราจึงเห็นทางศูนย์บริการรับรถหรือเต็นท์หลายแห่งจัดเตรียมพื้นที่รองรับลูกค้าที่ต้องการเสริมดวงรถครับ

2. อย่าลืมไหว้แม่ย่านาง

หลายคนอาจจะเคยรู้จัก “แม่ย่านาง” กันดีอยู่แล้ว ท่านก็คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยคุ้มครองให้ปลอดภัยจากการเดินเรือครับ แต่คนไทยนิยมนำมาใช้งานกับรถยนต์ด้วย เพราะถือเป็นพาหนะในการเดินทางเหมือนกัน ดังนั้น เวลาที่เราจะออกรถคันใหม่ก็ควรไหว้แม่ย่านางก่อน เพียงแค่นำพวงมาลัยมากราบไหว้ง่ายๆ ส่วนใครที่อยากจัดเต็มก็ลองเตรียมผลไม้มงคล เช่น ส้ม กล้วย หรือแอปเปิ้ลมาด้วยก็ยิ่งดีครับ หลังจากนั้นเราก็นำริบบิ้นน่ารักๆ มาผูกหน้ารถ โดยจะแบ่งตามดวงวันเกิด ดังนี้

• ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ ควรใช้ริบบิ้นสีเขียว      
• ผู้ที่เกิดวันจันทร์ ควรใช้ริบบิ้นสีม่วง
• ผู้ที่เกิดวันอังคาร ควรใช้ริบบิ้นสีน้ำเงิน
• ผู้ที่เกิดวันพุธ ควรใช้ริบบิ้นสีเหลือง
• ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี ควรใช้ริบบิ้นสีแดง
• ผู้ที่เกิดวันศุกร์ ควรใช้ริบบิ้นสีชมพู
• ผู้ที่เกิดวันเสาร์ ควรใช้ริบบิ้นสีฟ้า

** ทั้งนี้ก็ให้เรานำพวงมาลัยมาห้อยหรือแขวนที่หน้ารถยนต์ของคุณด้วย เพื่อความเป็นสิริมงคล

3. หาฤกษ์ออกรถแบบแม่นๆ 

แน่นอนเวลาเราจะออกรถใหม่สักคัน ก็ต้องหาฤกษ์หายามกันก่อน จะช่วยเสริมความสิริมงคลให้กับชีวิต ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน การเงิน และการเดินทางครับ เพียงแค่คุณหาฤกษ์ออกรถตามดวงวันเกิดของตัวเอง และเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม หลังจากได้ฤกษ์ออกรถแล้ว ก็ให้แจ้งกับทางโชว์รูมรถเลยครับ เพื่อจะได้มีเวลาเช็กรถก่อนถึงวันออกรถจริงด้วย
อ่านเพิ่มเติม : ออกรถปลายปีหรือสิ้นปีดีกว่า

4. ให้พ่อแม่นั่งรถเป็นคนแรก

เคยได้ยินไหมครับว่า “พ่อแม่คือพระในบ้านของเรา” ถ้าเราอยากขอพรให้เดินทางแคล้วคลาด และปลอดภัย ก็ควรให้คุณพ่อคุณแม่กล่าวคำขอพรก่อน หลังจากนั้นก็ให้ท่านนั่งรถคันใหม่ไปกับคุณด้วย หรือจะเป็นผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถือก็ได้ เอาตามที่คุณสะดวกครับ เสมือนเป็นตัวช่วยสร้างขวัญกำลังใจที่ดีกับเรานั่นเอง

5. เจิมรถเพื่อความสิริมงคล

สุดท้ายในการออกรถใหม่! ก็อย่าลืมเจิมรถ ปิดทอง และพรมน้ำมนต์ เพื่อปัดเป่าสิ่งไม่ดีต่างๆ กันล่ะ หรือจะลองนิมนต์พระสงฆ์เดินทางมาทำพิธีให้ก็ได้ครับ เพราะจะมีบางคาถาสวดสำหรับคนที่ออกรถคันใหม่เฉพาะ หลังจากเสร็จพิธีก็สามารถวางพระพุทธรูปองค์เล็กๆ ไว้หน้ารถคนขับ จะช่วยปกป้องให้เราพ้นจากอันตราย และไม่ต้องคอยระแวงจนถึงที่หมายด้วย 
ทั้งหมดนี้ จะเป็นฮวงจุ้ยเสริมดวงก่อนออกรถใหม่ที่ Frank.co.th มาบอกเพื่อนๆ ทุกคน สามารถนำมาปรับใช้กันได้เลย มันจะขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคลด้วยนะครับ เราจะเลือกทำหรือไม่ทำก็ได้ไม่บังคับ แต่เพื่อความสบายใจที่แน่นอน เราก็ต้องมีประกันรถยนต์ให้ช่วยคุ้มครองทั้งรถทั้งคุณด้วย ยิ่งถ้าเป็นมือใหม่หัดขับที่เพิ่งถอยรถใหม่ แนะนำให้ซื้อประกันรถยนต์ชั้น1 จะเหมาะกว่าครับ เพราะครอบคลุมทุกการดูแล จึงทำให้คุณมั่นใจทุกการขับขี่มากขึ้น เอาเป็นว่า เสริมดวงแล้ว ก็อย่าลืมซื้อประกันรถยนต์ล่ะ!
 

The post 5 เคล็ดเสริมดวงก่อนออกรถคันใหม่! appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

ถ้ามีครบโบรกเกอร์ประกันผีชัวร์ ๆ 

1. ไม่ยอมบอกชื่อ จะขายอย่างเดียวแบบไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ
2. ไม่มีข้อมูลไรให้ มีแค่ประกันกับใจถึง ๆ เบี้ยถูกเกินจริง
3. ตรวจเลขใบอนุญาตตัวแทนไม่เจอ
4. ไม่ให้เวลาพิจารณา ต้องซื้อตอนนี้
5. ตื้อทุกวันเป็นประจำ
6. โอนเงินเข้าบัญชีบุคคลธรรมดา

และนี้คือรายละเอียดที่แฟรงค์อยากจะเล่าให้ฟังเพื่อให้คุณผู้อ่านตัดสินใจ เลือกประกันรถยนต์ หรือประกันรถจักรยานยนต์ ประกันอื่น ๆ ต้องซื้อกับโบรกเกอร์ประกันที่ไหน สามารถพิสูจน์จับจุดอ่อนของโบรกเกอร์ผีได้จากสิ่งเหล่านี้เลยครับ

1. ไม่บอกหลอกให้งง

หากประกันเกิดในความฝัน โบรกเกอร์ผีมาไม่รู้จักกัน (555+) หากเจอโบรกเกอร์ประกันภัยโนเนมไม่บอกว่า เป็นใครมาจากไหน ไม่ยอมบอกชื่อ นามสกุล เลขที่ใบอนุญาต หรือที่มาของการเสนอขาย จะขายอย่างเดียวแบบไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ อันนี้แฟรงค์คงต้องบอกว่า “ฉันว่าเราหยุดก่อนดีไหม”

2. ไม่มีอะไรให้พิจารณา

โบรกเกอร์ผีที่พร้อมต้มคุณให้เปื่อย คือ โบรกเกอร์ประกันที่ไม่มีข้อมูลไรให้ มีแค่ประกันกับใจถึง ๆ เบี้ยถูกเกินจริง ประหยัดเกิ๊น ประหยัดเวอร์ ๆ เบี้ยแบบนี้มีจริงหรือไง เอาเป็นว่า ขอให้สังหรณ์ไว้ก่อนนะครับ อย่าเห็นแก่ของถูก อย่าเห็นแก่ความประหยัด เพราะอาจจะเป็นหนทางแห่งกลโกงก็เป็นได้...

3. ไม่มีที่มา ไม่มีที่ไป

ถ้าโบรกเกอร์ให้เลขใบอนุญาตตัวแทนประกันภัยหรือใบนายหน้าประกันภัยมา แต่พอเรามาค้นหาตรวจเลขใบอนุญาตตัวแทน หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ อ่ะ ! แบบนี้งานงอกแล้วครับผม 

วิธีเช็กโบรกเกอร์ประกันภัย

แนะนำโหลดแอปพลิเคชัน “รอบรู้ประกันภัย” โดยคปภ. มาเช็กครับ (Android/iOS)

• นำเลขใบอนุญาตจดมาเลย วXXXXX/XXXX 
• ตรวจสอบใบอนุญาตนายหน้านิติบุคคล สำหรับตรวจบริษัทฯ ว่ามีตัวตนจริงไหม 
• ถ้ามีตัวตนแอปพลิเคชันจะบอกทุกอย่างให้คุณรู้ ตั้งแต่ เลขทะเบียนการค้า, วันที่ออกใบอนุญาต, ใบอนุญาตหมดอายุ, สถานะใบอนุญาต และที่อยู่ของโบรกเกอร์

4. นี่แหละคือความกดดัน

หากคุณเจอโบรกเกอร์ประกันภัยโทรมา ไม่ให้เวลาพิจารณา ต้องซื้อตอนนี้ ทำตอนนี้เจอโบรกเกอร์ประกันภัยแบบนี้ อ่ะชัดเจนแน่นอนครับ โบรกเกอร์ประกันภัยผีพร้อมหลอกคุณแล้วววว

5. โทรจิกเก่ง

ตื้อทุกวันเป็นประจำ จิกตลอดเวลาราวกับเป็นคนรัก หรือคนในครอบครัวอีกคน หากเจอโบรกเกอร์แบบนั้นพร้อมกับนิสัยทั้งหมดที่เล่ามา ให้ระแวงไว้ก่อนเลยครับว่า เรากำลังเจอโบรกเกอร์ประกันภัยผีตามหลอกราวีไม่เลิก เข้าวัดทำบุญก็หนีไม่พ้นนะ ต้องบล็อกเบอร์อย่างเดียวล่ะเด้อ

6. บัญชีธนาคารแปลกดีจัง

ปกติการทำประกันผ่านโบรกเกอร์ต้องโอนเงินเข้าบริษัทของตัวแทนประกันภัยนะครับ หากโบรกเกอร์ที่คุณเจอบอกให้โอนเงินเข้าบัญชีบุคคลธรรมดา โอนเข้าบัญชีของฉันมาเลยฉันจะดูแลให้เอง บอกเลยว่า หยุด! นะครับ ห้ามโอนนะครับ เนื่องจากทุกโบรกเกอร์เขาจะมีใบเสร็จแสดงที่มาของเงิน ไม่ได้เปิดช่องทางให้ลูกค้าโอนหาพนักงานโดยตรงนะจ้ะ 
เห็นไหม ? คนหลอกกันน่ากลัวกว่าผีหลอกคนอีกนะครับ เอาเป็นว่า เจอสถานการณ์อย่างที่เล่ามา ป้องกันไว้ก่อนดีกว่าแก้ทีหลัง ทำประกันที่ไหนก็เช็กให้ดี เช็กให้ครบ ดูให้ดี ก่อนโอนเงินทำประกัน หรือถ้าไม่อยากเหนื่อย กลัวโดนหลอก ให้แฟรงค์ดูแลคุณทำประกันกับ Frank.co.th ได้นะ มีประกันให้เลือกหลากหลายฝุด ๆ เชียวล่ะ
Content by Butter Cutter
Artwork by Pimvipar Upatampaganon

The post 6 นิสัยของโบรกเกอร์ประกันผี !!! appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

จองคิวทำใบขับขี่ 3 ขั้นตอนง่าย ๆ 

1. เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียนการใช้งาน
2. จองที่นั่งอบรมใบขับขี่
3. ระบบส่งหลักฐานยืนยันการจอง

1. เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียนการใช้งาน

อันดับแรกคุณจะต้องเข้าสู่ระบบเว็บไซต์จองคิวสอบใบขับขี่ หรือถ้าใครยังไม่เคยเข้าสู่ระบบมาก่อน ก็ต้องลงทะเบียนจองคิวสอบใบขับขี่ใหม่ครับ โดยจะต้องกรอกข้อมูลส่วนตัวลงในช่องว่างต่างๆ ให้ครบ หลังจากนั้นก็ให้กดยืนยันการลงทะเบียน  เมื่อเรียบร้อยก็จะมีป็อปอัพเเจ้งเตือนเด้งขึ้นมา เป็นอันว่าคุณลงทะเบียนบนเว็บไซต์สำเร็จแล้ว ก็สามารถเข้าสู่ระบบเพื่อเริ่มต้นการใช้งานแอปพลิเคชันได้ทันที
** ทั้งนี้เรายังสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจาก Play store หรือ App store ได้ด้วยนะ เพียงให้พิมพ์ชื่อ DLT Smart Queue แล้วก็กดติดตั้งครับ

2. จองที่นั่งอบรมใบขับขี่

สำหรับใครที่ต้องการขอใบอนุญาตขับขี่ใหม่จะต้องเข้าอบรมอย่างน้อย 5 ชั่วโมงก่อน จึงสามารถเข้าสอบภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติได้ เพียงให้คุณเลือกประเภทใบอนุญาต, จังหวัด, สำนักงานขนส่ง รวมถึงเดือนและปีที่ต้องการจองคิวอบรมใบขับขี่ อันนี้สามารถเลือกสำนักงานขนส่งใกล้บ้านทั่วประเทศไทยได้ครับ ทั้งกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด หลังจากนั้นจะมีตารางปฏิทินแสดงขึ้นมา เพื่อให้เราเลือกวันที่ต้องการเข้าไปอบรม  ขอบอกก่อนว่า ทางกรมการขนส่งทางบกจะเปิดให้จองคิวอบรมใบขับขี่ทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์เท่านั้นนะครับ ถ้าวันไหนเต็มก็จะไม่เปิดให้จอง แต่ถ้าวันไหนว่างเราก็สามารถจองคิวอมรบใบขับขี่ได้เลย
แนะนำให้จองคิวเผื่อไว้ก่อนประมาณ 3 เดือน เนื่องจากมีผู้สนใจเข้ามาจองคิวสอบใบขับขี่จำนวนมาก อาจจะใช้เวลารอคิวเป็นเดือน ๆ ขึ้นอยู่กับสถานที่สำนักงานกรมการขนส่งที่เลือกลงทะเบียน

3. ระบบส่งหลักฐานยืนยันการจอง

เมื่อเราจองคิวอบรมใบขับขี่แล้ว ให้รอผลการจอง หลังจากนั้นทางระบบก็จะออกใบจองมาให้ครับ  โดยจะแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับช่วงวันเวลา และห้องอบรม พร้อมเอกสารประกอบการดำเนินการครับ รวมถึงหมายเหตุในวันอบรมด้วย หากใครต้องการปริ้นท์หลักฐานการจองคิว หรือยกเลิกการจองที่นั่ง ก็สามารถกลับมายังหน้าแรกเพื่อเข้ามาทำรายการได้ แต่จะอนุญาตให้แก้ไขก่อนล่วงหน้า 2 วันของวันที่ทำการจอง 
*** หมายเหตุ : โปรดแต่งกายสุภาพในวันที่นัดอบรม กรุณางดใส่เสื้อแขนกุด กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ แล้วต้องมาก่อนเวลานัด 30 นาที หากไม่มาติดต่อภายในเวลาที่กำหนด ถือว่าท่านสละสิทธิ์และต้องทำการจองคิวใหม่ หรือจะเตรียมพร้อมด้วยการอ่านบทความถ่ายรูปใบขับขี่ยังไงไม่ให้ดูป่วยก็ได้นะ

4 สิ่งที่ต้องเตรียมไปสอบใบขับขี่ 

• ใบปรินท์เอกสารการจองอบรม
• บัตรประชาชนตัวจริง
• ใบรับรองแพทย์ มีอายุไม่เกิน 1 เดือน
• ใบอนุญาตขับรถฉบับเดิม (ถ้ามี)

 

หลังจากจองคิวอบรมใบขับขี่เรียบร้อยแล้ว เราก็จะต้องเตรียมเอกสารดำเนินเรื่องเช่นกัน ขอบอกเลยว่า สบายมากๆ ครับ เพราะการเตรียมเอกสารสมัยนี้ไม่ยุ่งยากเหมือนแต่ก่อน เนื่องจากเราไม่จำเป็นต้องถ่ายเอกสารหลายชุด หรือใช้รูปถ่ายหลายใบให้เสียเวลา เพียงแค่เรานำเอกสารไปยื่นกับทางเจ้าหน้าที่สำนักงานกรมการขนส่ง ไม่กี่อย่างเท่านั้น

1. ใบปริ้นท์เอกสารการจองอบรม 

คือ เอกสารจองอบรมใบขับขี่ที่เราจองก่อนหน้านี้ ให้เราลองย้อนกลับไปหน้าแรกบนเว็บไซต์ DLT e-Booking  แล้วคลิกไปที่พิมพ์ใบ Ticket จะมีรายละเอียดการจองของคุณ พร้อมกับแสดงบาร์โค้ด ก็สามารถปริ้นท์ออกมาได้เลย
**แนะนำให้คุณไปก่อนเวลานัดอย่างน้อย 30 นาที หรือก่อน 1 ชั่วโมงก็ได้นะ

2. บัตรประชาชนตัวจริง

ขอบอกเลยว่า จะต้องเป็นบัตรประชาชนตัวจริงเท่านั้นนะครับ ไม่สามารถใช้สำเนาบัตรประชาชนตัวจริงได้ ซึ่งจะต้องมีข้อมูลในบัตร และรูปหน้าในบัตรอย่างชัดเจน คราวนี้เราก็จะได้ใช้ความเป็นสมาร์ทการ์ดของบัตรประชาชนสักที อิอิ

3. ใบรับรองแพทย์ มีอายุไม่เกิน 1 เดือน

ถือเป็นหลักฐานแสดงว่า ผู้ขอใบขับขี่ไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นอันตรายขณะขับรถ และไม่เป็นคนวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน โดยเราจะต้องนำหลักฐานใบรับรองแพทย์ที่มีผู้รับรองกำหนด และตราประทับสถานพยาบาลชัดเจน แต่ทั้งนี้ใบรองแพทย์จะต้องมีอายุไม่เกิน 1 เดือนด้วยนะครับ  จะใช้สำหรับผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถใหม่ และใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลชั่วคราว ขาดเกิน 1 ปี / ขาดเกิน 3 ปี และใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล ขาดเกิน 3 ปี 
*** หากใครยังไม่มีใบรองเเพทย์ ก็สามารถไปตรวจสุขภาพตามคลินิกต่าง ๆ ราคาจะประมาณ 100 บาทครับ หรือถ้าไปตามโรงพยาบาลใหญ่ ก็ราคาประมาณ 200-300 บาท แต่อย่าลืมนะว่าใบรับรองแพทย์จะต้องมีอายุไม่เกิน 1 เดือน นับตั้งแต่วันที่ไปขอใบรับรองแพทย์จนถึงวันที่มาสมัครใบขับขี่

4. ใบอนุญาตขับรถฉบับเดิม (ถ้ามี)

อันนี้สำหรับผู้ที่เคยสอบใบขับขี่มาก่อน แล้วต้องการต่อใบขับขี่รถยนต์ หรือรถมอเตอร์ไซค์ ก็ให้เตรียมใบอนุญาตขับรถฉบับเดิมที่ต้องการต่อใบขับขี่ด้วย 
เมื่อถึงวันสอบใบขับขี่จริง เราก็จะต้องผ่านด่านทดสอบมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การอบรมเบื้องต้น ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย สอบภาคทฤษฎี และสอบภาคปฏิบัติ เพนกวินเเฟรงค์เชื่อว่าถ้าเราอ่านข้อสอบใบขับขี่รถยนต์และรถมอไซค์มาอย่างดี ก็จะช่วยให้คุณทำข้อสอบได้อย่างผ่านฉลุย ไม่ต้องเสียเวลาสอบหลายรอบด้วยครับ 
หลังจากจองคิวเข้าอบรม ทำข้อสอบผ่าน และรับใบขับขี่เสร็จแล้ว ก็สามารถดาวโหลดแอปพลิเคชันใบขับขี่ดิจิลแทนใบขับขี่ตัวจริงได้เลยนะครับ ก็เสมือนพกพาใบขับขี่ตัวจริงให้สะดวกสบายมากขึ้นกว่าเดิม แล้วที่สำคัญอย่าลืมซื้อประกัน ! ต่อพ.ร.บ. ด้วย หรือจะเข้ามาเช็กเบี้ยประกันรถยนต์ออนไลน์ หรือประกันรถจักรยานยนต์กับ frank.co.th ด้วย เทียบเบี้ยฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมเลือกกรมธรรม์ได้ตามที่คุณต้องการ มั่นใจเลยว่าคุณจะได้รับบริการที่ดีที่สุดจากบริษัทประกันภัยชั้นนำ เพียงแค่คลิกไม่กี่ขั้นตอนเท่านั้น ก็รับความคุ้มครองไปเลย
 

The post วิธีจองคิวอบรมใบขับขี่ผ่านเว็บไซต์ ทำง่าย ๆ ด้วยตัวเอง appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. Waterside Resort Restaurant

อันดับแรกร้านอาหารอร่อยที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอบอุ่น ต้องขอแนะนำร้าน Waterside Resort Restaurant (วอเตอร์ไซด์รีสอร์ทเรสเตอรองท์) เลยครับ เนื่องจากร้านนี้จะเน้นฟิวชั่นอาหารไทยกับอาหารจีน มีรสชาติกลมกล่อม เหมาะกับการพาคุณแม่กินข้าวมื้อเย็นมากๆ  ซึ่งเราจะประทับใจตั้งแต่เดินเข้าไปยังในร้าน มองเห็นวิวริมแม่น้ำและสะพานไม้ที่ทอดยาว ประดับด้วยโคมไฟสวยงาม มีบรรยากาศให้คุณเลือกทั้ง 2 แบบเลยนะ ได้แก่ แบบด้านนอก (Outdoor) และ แบบด้านใน (Indoor) เสมือนพาครอบครัวมาพักผ่อนแบบสไตล์รีสอร์ทครับ หรือจะลองเดินถ่ายรูปชิล ๆ กับคุณแม่ได้เช่นกัน ยิ่งถ้ามาตรงกับช่วงวันเกิดทางร้านก็จะมีเซอร์ไพรส์เค้กสุดพิเศษ พร้อมกับตีกลองยาวโชว์อีกด้วยครับ จะพาคุณแม่หรือจะพาครอบครัวไปรับประทานก็ได้ทั้งนั้น

เมนูแนะนำให้กับคุณแม่

ชวนบอกรักคุณแม่ด้วยเมนูแสนอร่อย ได้แก่ ยำวอเตอร์ไซค์, ขาหมูเยอรมันทอด, ส้มตำผลไม้รวมกุ้งเผา, คอหมูย่าง, ปลากระพงทอดราดสมุนไพร และกุ้งอบวุ้นเส้น 

วิธีการเดินทาง

แค่คุณขับรถจากแยกเกษตร-นวมินทร์ตัดใหม่ แล้วเลี้ยวซ้ายตรงไปประมาณ 100 เมตร หลังจากนั้นจะเห็นสะพานให้ชิดขวาเพื่อกลับรถบริเวณนั้น แล้วตรงไปประมาณอีก 800 เมตร จะเห็นร้านวอเตอร์ไซด์รีสอร์ทเรสเตอรองท์อยู่ด้านซ้ายมือนั่นเอง จะเปิดให้บริการทุกวัน ช่วงเวลา 17.00 - 01.00 น. เบอร์ติดต่อ 02-018 9200 

2. The Local by Oam Thong Thai Cuisine 

หากคุณแม่ของคุณชื่นชอบร้านอาหารสไตล์ไทยพื้นบ้าน ก็ลองพามาที่  The Local by Oam Thong Thai Cuisine หรือ ร้าน เดอะ โลคอล บาย ออมทอง กันก่อนครับ เรียกว่าครบสูตรเรื่องอาหารไทยนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น อาหารภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง หรือภาคอีสาน  ซึ่งแต่ละเมนูนั้นจะมาจากตำราอาหารเก่าแก่ และคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ อย่างเช่น น้ำพริกแกงสูตรลับจากทางร้านมาปรุงแต่งกับเมนู และผักบางชนิดที่ปลูกขึ้นเองครับ จึงหากินไม่ได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป นอกจากนี้บรรยากาศรอบๆ ร้าน เดอะ โลคอล บาย ออมทอง จะมีลักษณะเป็นอาคารทรงไทยแบบโบราณ และข้าวของเครื่องใช้สมัยก่อน เลยทำให้ได้กลิ่นอายของยุคเก่าๆ ถือเป็นร้านอาหารอร่อยพาแม่ไปกินข้าวเฉพาะ หรือจะพาคนในครอบครัวไปได้เช่นกันครับ

เมนูแนะนำให้กับคุณแม่

ลองสั่งอาหารสไตล์พื้นบ้านให้กับคุณแม่ก่อน เขาลือกันว่าเด็ดมากครับ เช่น แกงรัญจวนไก่, แกงคั่วเนื้อปลาใบส้มแป้น, ข้าวซอยไก่ หมูฮ้อง เมี่ยงบัวหลวง ยำใบชะคราม ใบเหมียงผัดไข่ หรือจะลองยำตะไคร้สามเกลอใต้ เมนูเด็ดเพื่อสุขภาพของคุณแม่ ก็อร่อยไม่แพ้กัน ส่วนเมนูของหวานนั้นก็จะเป็นต้นตำรับจากทางร้านอย่างเช่น ข้าวเหนียวมะม่วงสูตรเด็ด บัวลอย และไอศกรีมกะทิ เป็นต้น เชื่อว่าคุณแม่จะต้องรู้จักเกือบทุกเมนูแน่นอนครับ

วิธีการเดินทาง

ให้ขับรถตามถนนสุขุมวิท แล้วมุ่งหน้าสุขุมวิท 23 แล้วเลี้ยวเข้าซอยประมาณกลางซอย จะเจอร้านเดอะโลเคิลบายออมทอง อยู่ด้านขวามือ ฝั่งตรงข้ามกับอาคารประสานมิตรพลาซ่า โดยที่นี่จะเปิดให้บริการเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงกลางวัน เวลา 11.30 - 14.30 น. และช่วงเย็น เวลา 17.30 - 23.30 น. หรือติดต่อเบอร์โทรที่ 02-664 0664 

3. ร้านกินลมชมสะพาน

อีกหนึ่งร้านอาหารอร่อยพาแม่ไปกิน ต้องยกให้ “ร้านกินลมชมสะพาน” ครับ จุดเด่นของร้านนี้จะอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเราจะได้เห็นวิวสะพานพระราม 8 อย่างชัดเจน  หากเดินเข้าทางหน้าร้านจะมีสระน้ำพุให้ถ่ายรูปเช็กอินก่อน ตรงบริเวณนั้นเราจะเห็นโซนครัว และอาหารทะเลกันสดๆเลย ส่วนบรรยากาศภายในร้านจะตกแต่งสไตล์เรือนไทยระหว่างภาคกลางกับภาคใต้ แน่นอนว่าคุณจะได้สัมผัสกลิ่นอายของความเป็นไทยร่วมสมัย และดนตรีสดให้ฟังตลอดคืน หรือถ้าใครอยากจะพาคุณแม่ไปล่องเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ทางร้านกินลมชมสะพานก็ยังมีบริการเรือให้ล่อง พร้อมกับดินเนอร์ชิล ๆ ยามค่ำคืนอีกด้วย แนะนำให้เราโทรจองโต๊ะล่วงหน้าก่อนครับ

เมนูแนะนำให้กับคุณแม่

ได้แก่ น้ำพริกไข่ปู กุ้งแม่น้ำเผา ห่อหมกทะเลมะพร้าวอ่อน ปลากะพงสมุนไพร, เมี่ยงกุ้งฝอย ปูไข่ผัดผงกะหรี่  และยำคอหมูย่างส้มโอ ทางร้านจะเน้นเป็นอาหารทะเล ยิ่งใครที่ชอบปลาเเซลมอนเป็นพิเศษ ก็ลองเข้ามาทานกันเลยครับ

วิธีการเดินทาง

สังเกตถนนสามเสน แล้วเลี้ยวเข้าซอยสามเสน 3  (ตรงทางเข้าสำนักงานเขตพระนคร) ขับตรงไปอีกประมาณ 500 เมตร สุดซอยก็จะเห็นร้านอาหารกินลมชมสะพาน อยู่ใกล้สะพานพระราม 8 ติดแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งพระนคร ซึ่งจะเปิดให้บริการตั้งแต่ 11.00 น. จนถึงเที่ยงคืน หรือต้องการโทรจองโต๊ะติดต่อได้ที่เบอร์  02-628 8382 

4. ร้านอาหาร สตีฟ คาเฟ่ แอนด์ ครุยซีน

ร้านอาหารแนะนำสำหรับคุณแม่ต่อมา ก็คือ ร้านสตีฟ คาเฟ่ แอนด์ ครุยซีน (Steve Cafe and Cuisine) ร้านอาหารสไตล์ค่าเฟ่น่ารักๆ เน้นอาหารไทยแท้ และรสชาติดั้งเดิม ด้วยเครื่องปรุงต่างๆที่นำมาเสิร์ฟครบเครื่อง จึงทำให้หลายคนติดใจในรสชาติ แล้วไม่เพียงแค่นี้นะ จุดเด่นของที่นี่ยังใช้บ้านเก่าแก่กว่า 60 ปีมาตกแต่งเป็นร้านอาหาร และที่สำคัญร้านอาหารบรรยากาศดีติดกับริมแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย  โดยจะเปิดให้นั่งเป็น 2 โซนครับ ได้แก่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และห้องแอร์ด้านใน มีหลังคาโปร่งสบาย สีสันไม่ฉูดฉาด ให้ความรู้สึกอบอุ่น เหมาะที่จะพาครอบครัวมานั่งกินทานข้าวยามเย็น หรือนั่งฟังดนตรีสดภายในร้าน ก็จะช่วยเพิ่มบรรยากาศให้กับมื้ออาหารมากขึ้น 

เมนูแนะนำให้กับคุณแม่

จะเน้นรสชาติเข้มข้น แนะนำให้ลองกิน น้ำพริกกะปิสูตรเด็ดจากทางร้าน คั่วหมู แก้มกุ้งทอด แกงเหลืองไหลบัว และข้าวผัดน้ำพริกมะขาม เป็นต้น สามารถทานคู่กับผักเครื่องเคียงต่างๆ ได้ตามใจชอบ ต้องบอกเลยว่า ทางร้านจะใช้น้ำซุบต้มผัก แทนซุปกระดูกหมูนะ เพราะอาหารจะไม่มันและคาว แถมยังดีต่อสุขภาพด้วย ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ

วิธีการเดินทาง

เปิดให้บริการทั้งหมด 2 สาขา ดังได้แก่ สาขาพระราม 6 ถนน พหลโยธิน (เข้าซอยอารีย์ 1 มาจนถึง 3 แยกซอยราชครู ร้านอยู่ทางขวา) สามเสนใน พญาไท กรุงเทพฯ หรือติดต่อที่ 02-619-9822 และ สาขา เทเวศน์ ซึ่งจะอยู่ใน ซ.วัดเทวราชกุญชร (ซอยข้างๆ หอสมุดแห่งชาติ) ถ้ามาจากถนนศรีอยุธยาขาออกก็ขับตรงเข้ามาจนสุดถนนก็จะเจอครับ หรือจะมาจากถนนสามเสนก็เลี้ยวเข้าซอยวัดมาได้เช่นกัน หรือโทรสอบถามที่ 02-281-0915 ครับ จะเปิดให้บริการทุกวัน ช่วงเช้า 11.30 -14:30 น. และช่วงเย็น 16.30 - 23.00 น. แต่ถ้ามาช่วงวันเสาร์ อาทิตย์จะเปิดตั้งแต่ 11.30 - 23.00 น. เลยครับ

5. บ้านน้ำเคียงดิน

พลาดไม่ได้เลยครับ อีกหนึ่งร้านอาหารอร่อยพาแม่ไปกินข้าวต้องลองมากันที่ “บ้านน้ำเคียงดิน” ร้านอาหารอร่อยสไตล์คันทรียุโรป เน้นการตกแต่งด้วยต้นไม้สีเขียวสบายตา และมีพื้นที่ของสัตว์อย่างห่าน และฝูงปลา ที่ว่ายในบ่อน้ำขนาดใหญ่ รวมถึงนกฟลามิงโก้ และกระต่ายตัวเล็กๆ ให้ได้ชื่นชมกัน พอหลังจากถ่ายรูปกันเสร็จแล้ว ก็แวะมากินข้าวที่บ้านน้ำเคียงดิน ต้องบอกเลยว่าร้านอาหารบรรยากาศดีมาก เพราะคุณจะได้เห็นบ้านแบบตะวันตก สามารถเลือกนั่งได้ทั้งโซนด้านใน และด้านนอก ส่วนอาหารก็มีหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย อาหารจีน และอาหารยุโรป  ก็คัดวัตถุดิบสดใหม่มาเสิร์ฟกันร้อนๆ ให้ฟินอีกด้วย แนะนำให้มาช่วงเย็นจนถึงพระอาทิตย์ตกดิน บรรยากาศจะสวยมากครับ เพราะร้านนี้จะประดับไฟสีส้มตลอดทางเดิน สามารถพาครอบครัวมาถ่ายรูปกันได้

เมนูแนะนำให้กับคุณแม่

อยากให้ลองลิ้มรสชาติอาหารไทยสูตรโบราณ ปลากระพงเจี๋ยนเต๋าเจี้ยว พร้อมน้ำราดสูตรแท้ดั้งเดิม ส่วนเมนูตะวันตกแนะนำให้สั่งเมนูซี่โครงหมูอบกาแฟและน้ำผึ้ง ที่เสริฟ์พร้อมมันบดร้อน ๆ หรือจะลองชิมขาหมูเยอรมันสักหน่อย อาหารชื่อดังจากทางร้าน

วิธีการเดินทาง

จะตั้งอยู่ตรงถนนอุทยาน หรือถนนอักษะ ระหว่างพุทธมณฑล สาย 3 กับ สาย 4 กรุงเทพฯ ซึ่งจะเปิดให้บริการวันจันทร์ - วันพฤหัส เวลา 17.00 - 22.30 น. และช่วงวันศุกร์ - วันอาทิตย์ เวลา 16.00 - 22.30 น. หรือสามารถโทรจองโต๊ะล่วงหน้าที่เบอร์ 02-441 3837 ครับ
 
ทั้งหมดนี้ จะเป็นร้านอาหารแนะนำสำหรับคุณแม่โดยเฉพาะ คุณก็สามารถเซอร์ไพรส์คุณแม่ ด้วยการขับรถพาไปกินข้าวที่ร้านอาหารอร่อย ๆ สักมื้อ เพื่อเติมเต็มรักให้กับคุณ และคนในครอบครัว หรือจะขับรถพาแม่ไปเที่ยวใกล้กรุงก็ได้ครับ ก็น่าสนุกเช่นกัน แล้วที่สำคัญไม่ว่าคุณจะพาคุณแม่ไปที่ไหน ก็อย่าลืมซื้อประกันรถยนต์ไว้ ให้คุ้มครองคุณแม่และตัวคุณกันด้วยนะ เพื่อตอบแทนความรักและความห่วงใยจากใจคุณนั่นเอง
 

The post 5 ร้านอาหารอร่อย พาแม่ไปกินข้าว appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. รถสีขาว

เริ่มต้นด้วยรถ “สีขาว” ก่อนเลย สีรถยอดฮิตของเหล่ารักรถทั้งหลาย ถ้าคุณกำลังใช้รถสีนี้ แสดงว่าคุณเป็นคนที่มีความจริงใจ และซื่อสัตย์มาก ถึงแม้จะมีลุคเจ้าระเบียบหน่อย ๆ แต่ก็ขยันขันแข็งดี  จนเป็นที่รักของทุกๆคน ไม่ว่าคุณจะขับรถสีขาวไปที่ไหน ก็มักจะมีคนมาต้อนรับอยู่เสมอ แต่ลึก ๆ แล้วก็แอบดื้อเงียบเหมือนกันนะ 
รู้หรือไม่ว่า ?
รถสีขาวอาจจะเป็นสีรถที่ดูแลยากนิดหน่อย ซึ่งเราสามารถ เคลือบสีรถยนต์ให้ดูเหมือนใหม่ เพื่อป้องกันได้นะครับ รถของคุณก็จะเงางาม และสวยมากขึ้น ยิ่งถ้าเป็น รถมือสองสีไหนที่ขายดีสุด ก็ต้องยกให้เป็นสีนี้เลยครับ

2. รถสีดำ

ต่อมาจะเป็นการทายนิสัยของคนชอบรถ “สีดำ” สีรถสุดคลาสสิคที่ครองใจคนทั่วโลก รองลงมาจากสีขาวครับ สำหรับคนที่ชื่นชอบรถสีดำทายนิสัยได้เลยว่า คุณเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงปรี๊ด !!! แต่ในมุมกลับกันคนที่ชอบสีดำถือว่ามีเสน่ห์ น่าค้นหาอยู่ไม่น้อย  ทำให้โดดเด่นอยู่เสมอ ๆ ในสายตาของเพศตรงข้ามครับ
รู้หรือไม่ว่า ? 
รถสีดำมักจะได้รับความนิยมสูงรองจากสีขาว ถ้าหากรักษาสีรถเป็นอย่างดี ความเงางามของมันจะสะกดตาผู้พบเห็นได้ดีเลยทีเดียว 

3. รถสีเทา

สำหรับเจ้าของรถคัน “สีเทา” ส่วนใหญ่ มักจะเป็นคนที่รักสงบ ใจเย็น มีความเป็นผู้ใหญ่สูง สง่าผ่าเผย จึงทำให้มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อคนรอบข้าง แต่จะไม่ชอบให้ใครเข้ามาตีกรอบมากจนเกินไป เพราะคนที่ชอบสีนี้ค่อนข้างยึดมั่นในตัวเองมากๆ ครับ บางครั้งก็แอบเก็บความรู้สึกไว้คนเดียวนะ
รู้หรือไม่ว่า ?
ล่าสุด รถสีเทาได้รับความนิยมจากชาวอังกฤษเป็นอย่างมากเลยนะ เห็นว่า ในปี 2018 มียอดขายมากที่สุดในสหราชอาณาจักรเลยล่ะ

4. รถสีบรอนซ์เงิน

มาต่อที่ รถยนต์ “สีบรอนซ์เงิน” เป็นสีรถที่ผู้ใหญ่นิยมกันมากที่สุด แถมยังให้ความรู้สึกหรูหราอีกต่างหาก ถ้าคุณกำลังใช้รถสีนี้อยู่ ทายนิสัยได้เลยว่า คุณเป็นคนที่มีความมั่นคง รักเพื่อนฝูง มีความเป็นผู้นำ และเข้มแข็ง เป็นสายลุยใจถึงแบบถึงไหนถึงกันครับ!! และที่สำคัญคนขับรถสีบรอนซ์เงินยังหาเงินเก่งอีกด้วย
รู้หรือไม่ว่า ?
รถสีบรอนซ์เงิน เหมาะกับโชว์เฟอร์ที่ไม่อยากล้างบ่อยๆ เพราะจะดูแลง่ายกว่าสีรถคันอื่น และเพื่อให้รถอยู่กับคุณไปนาน ๆ ก็ต้องคอยรักษาด้วยนะครับ

5. รถสีน้ำตาล

หากใครที่ชอบใช้รถ “สีน้ำตาล” ทายนิสัยคนนั้นได้เลยว่า เป็นคนที่รักอิสระ ไม่ค่อยเข้าสังคม รักสันโดษ มีโลกส่วนตัวสูง  ยิ่งถ้ามีคนอยู่เยอะๆ ก็จะไม่เข้าไปตรงบริเวณนั้นเด็ดขาด แถมยังเป็นคนเรียบง่าย แต่จะเจ้าระเบียบหน่อยๆ ต้องขอบอกว่า คนที่สนิทเท่านั้นถึงจะรู้ใจนั่นเอง
รู้หรือไม่ว่า ?
เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบรถออกเเนวคลาสสิค แบบวินเทจ ก็ลองเลือกสีน้ำตาลดูก่อน จะดูเป็นลุคผู้ใหญ่ขึ้น และไม่ค่อยซ้ำใครด้วยครับ

6. รถสีน้ำเงิน

เราลองมาเช็กกันนะครับ ถ้าคุณขับรถคัน “สีน้ำเงิน” หรือชอบรถสีน้ำเงินแสดงเลยว่า คุณเป็นนักวางแผนดีเด่น รู้จักแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี  โดยอาศัยหลักการและเหตุเป็นที่ตั้ง  พูดง่าย ๆ ก็คือเป็นคนที่มีเหตุผล ส่วนมากคนที่ชอบสีรถแบบนี้ค่อนข้างใส่ใจรายละเอียดดีมาก แต่จะยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งที่เคร่งครัด หรือยึดมั่นในสิ่งที่เชื่อมากเกินไป แบบไม่ยอมเปลี่ยนใจ
รู้หรือไม่ว่า ?
รถสีน้ำเงิน จะเน้นความโดดเด่นของโทนสี บางผลสำรวจก็บอกว่า สีฟ้าหรือสีน้ำเงิน อาจจะได้รับความนิยมสูงมากกว่าสีขาวในอนาคตอีกด้วย เพราะจะเริ่มขยายการตลาดมากขึ้น เหมาะสำหรับใช้เป็นรถบ้าน และขับส่วนตัวแบบเท่ ๆ ครับ

7. รถสีม่วง

ถ้าคุณชื่นชอบรถ “สีม่วง” บ่งบอกว่า คุณเป็นนักครีเอทีฟขั้นเทพ เหมาะกับผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ หรือชอบนำเสนอไอเดียใหม่ๆเสมอ มีความเป็นศิลปินสูง  ใครต่างก็มองว่าเป็นผู้ที่มีปัญญา หรือเฉลียวฉลาด แต่บางครั้งก็แอบเพ้อฝันอยู่บ่อยๆนะ เลยทำอะไรแบบสุดขั้ว และไม่รู้ตัว!! จึงทำให้คนใกล้ชิดคิดว่าคุณเพี้ยนนั่นเองครับ
รู้หรือไม่ว่า ?
สีนี้มักจะไม่ค่อยนิยมใช้กัน แต่มีสีสันโดดเด่น หากนำไปใช้งานถือว่ามีเอกลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใครเลยครับ

8. รถเหลือง

ถือว่าแปลกใหม่มากครับ สำหรับคนที่ชื่นชอบรถคัน “สีเหลือง” ทายนิสัยได้เลยว่า คุณเป็นคนที่ร่าเริง สดใส ไม่ชอบทำอะไรจำเจ มักจะแสวงหาความรู้ใหม่ๆ และค้นหาตัวเองอยู่เสมอ  ด้วยนิสัยที่ไม่ค่อยเครียดของคุณ จึงทำให้คนรอบข้างมีความสุข และเป็นที่ปรึกษาได้ดีอีกด้วย แต่โดยรวมจะเข้าสังคมเก่ง และพูดมากนิดหน่อย ทำให้โลกสดใส ไม่เหงาแน่นอน ยิ่งถ้าเปิดโอกาสให้ได้พูด ก็จะพูดไม่หยุดเลยครับ
รู้หรือไม่ว่า ?
เป็นอีกหนึ่งสีที่โดดเด่นไม่แพ้กัน เหมาะสำหรับวัยรุ่น ชอบผจญภัย โดยคุณสมบัติของสีเหลืองจะให้ความสว่าง ไม่ว่าจะขับขี่ในสภาวะฝนตก หมอกควัน หรือแม้แต่ตอนกลางคืน ก็จะเห็นสีรถได้อย่างชัดเจน

9. รถสีแดง

หากคุณชอบใช้รถคัน “สีแดง” บ่งบอกได้เลยว่า คุณเป็นนักปาร์ตี้ตัวยง และเข้าสังคมบ่อยมาก แบบวันไหนไม่ได้ไปเที่ยว ถือว่าแปลกครับ  เพราะนิสัยส่วนตัวจะไม่ค่อยอยู่นิ่งสักเท่าไหร่ นอกจากนี้ยังมีความทะเยอทะยานสูง โดยเฉพาะเรื่องของความรัก เป็นคนค่อนข้างเข้าถึงง่าย ไม่ลึกลับซับซ้อน และชอบให้คนมาเอาอกเอาใจครับ  แต่ข้อเสียคือใจร้อนไปหน่อย เอาเป็นว่า ใจเย็น ๆ ค่อยคิดค่อยทำดีกว่าครับ
รู้หรือไม่ว่า ?
เหมาะมากสำหรับสาว ๆ มองแล้วดูโดดเด่น แถมยังสังเกตง่าย สะดุดตากว่าสีรถคันอื่น ๆ ครับ แต่เป็นสีรถยนต์ที่เป็นกาลกิณีกับคนเกิดวันจันทร์นะ (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล)

10. รถสีเขียว

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์คัน “สีเขียว” แสดงว่า คุณเป็นคนที่รักสงบ พิถีพิถัน ชอบท่องเที่ยว และค้นหาสิ่งใหม่อยู่เสมอ มองโลกในแง่ดี  เหมาะสำหรับคนที่ใจบุญ รักผู้อื่นมากกว่าตัวเอง ไม่ว่าใครที่อยู่ใกล้กับคุณจะรู้สึกสบายใจครับ แต่คุณมักจะอ่อนไหว และขี้เบื่อง่ายเช่นกัน
รู้หรือไม่ว่า ?
รถยนต์คันสีเขียว ก็เริ่มมีหลายรุ่นให้เห็นมากขึ้น เป็นสีรถที่ปลอดภัยและรู้สึกสบายตา หากคุณชอบสีนี้จริงๆ ก็สามารถเลือกใช้ได้ตามใจชอบ
เห็นแล้วใช่ไหมครับ ว่าการเลือกสีรถยนต์หรือสีรถที่ชอบนั้น สามารถทำนายนิสัยของคุณได้อย่างไม่น่าเชื่อ!! และไม่ว่าคุณจะชื่นชอบสีรถแบบไหน ที่สำคัญก็อย่าลืมมองหาประกันรถยนต์เผื่อไว้กันด้วยนะ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยทุกเส้นทางมากขึ้น หรือถ้าคุณยังไม่รู้ว่าจะซื้อประกันรถยนต์ที่ไหนดีให้เหมาะกับนิสัยคุณ ก็ลองเข้ามาเช็กความคุ้มครองกับ frank.co.th ได้เลยครับ ต้องขอบอกก่อนว่า ประกันของเราสามารถเลือกได้ตามความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของคุณเลยครับ รับรองว่าถูกใจคุณอย่างแน่นอน
แหล่งข้อมูล : ridebuster.com
 

The post 10 สีรถยนต์ที่ชอบ ทายนิสัยแท้จริงของคุณได้ appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

อ่านสั้น ๆ

• คุ้มครองทรัพย์สิน ชีวิต ร่างกายบุคคลภายนอก
• คุ้มครองทั้งสองฝ่าย ในกรณีรถชนรถเท่านั้น
• รถชนรถ หมายถึง รถที่ติดเครื่องยนต์ เช่น รถยนต์ รถซาเล้งติดเครื่องยนต์ สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า เป็นต้น
• เหมาะกับผู้ใช้รถน้อย อายุรถค่อนข้างมาก

ประกันชั้น 3+ คุ้มครองอะไรบ้าง ?

ความคุ้มครองของประกันชั้น 3 พลัส มีความแตกต่างจากประกันชั้น 1 ประกันชั้น 2 พลัส หรือชั้นอื่น ๆ แต่ในความแตกต่างนั้น ก็มีความคล้ายคลึงอยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งความคุ้มครองของประกันชั้น 3+ มีดังต่อไปนี้

• ประกันชั้น 3+ ให้ความคุ้มครองทรัพย์สิน ชีวิต ร่างกายของบุคคลภายนอก
• ประกันชั้น 3+ คุ้มครองและชดเชยเฉพาะอุบัติเหตุรถชนรถเท่านั้น แต่ก็ยังคุ้มครองทั้งสองฝ่ายเฉกเช่นประกันชั้น 2+
• ประกันชั้น 3+ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ และเราเป็นฝ่ายผิด เราจะต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรกให้กับเจ้าหน้าที่ประกัน แต่บางบริษัทประกันจะนำค่าเสียหายส่วนแรกนี้ ไปเพิ่มในราคาเบี้ยประกันแทน ซึ่งจะเป็นตัวเลือกให้ผู้ที่กำลังจะต่อประกันรถยนต์ได้ลองพิจารณาและเลือกแผนประกันดู
• ประกันชั้น 3+ ไม่คุ้มครองกรณีรถยนต์สูญหาย เกิดเพลิงไหม้ ซึ่งหากไม่ใช่ผู้มีประสบการณ์ในการขับและดูแลรถ อาจมีความเสี่ยงที่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้

ประกันชั้น 3 กับ 3+ ต่างกันอย่างไร ?

แผนประกันชั้นนี้ หลายคนมีมุมมองเห็นว่าเป็นกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองต่ำมาก จึงเป็นสาเหตุให้คนรู้สึกไม่คุ้มค่า แต่จริง ๆ แล้วประกันชั้นนี้ยังไม่หายไปไหน ยังมีให้เลือกและคนส่วนหนึ่งก็ยังต่อประกันรถยนต์ชั้นนี้อยู่ ส่วนมากพบในจำพวกรถสาธารณะ อย่างเช่น รถตู้ รถแท็กซี่ หรือรถยนต์ส่วนบุคคลทั่วไปที่มีอายุมากพอสมควร แล้วประกันชั้น 3+ คุ้มครองอะไรบ้าง ตามที่กล่าวมา ประกันชั้น 3 ธรรมดาเองก็คุ้มครองเช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาในประกันชั้น 3+ คือ ความคุ้มครองที่มอบให้ทั้งสองฝ่าย ตามทุนประกันที่ระบุไว้ ในกรณีที่รถชนรถเท่านั้น ราคาต่างกันเล็กน้อย คนจึงนิยมต่อประกันรถยนต์ชั้น 3 พลัสมากกว่า อย่างไม่ต้องลังเล

ประกันชั้น 3 พลัส เหมาะกับรถหรือผู้ขับขี่แบบไหนบ้าง ?

ก่อนตัดสินใจต่อประกันชั้น 3 พลัส ลองพิจารณารถและพฤติกรรมการขับขี่ของตนเองดูสักนิด ว่าจะคุ้มค่าหรือไม่ เราจะขอแนะนำว่าประกันชั้น 3 พลัส จะเหมาะกับรถและผู้ขับขี่แบบไหน ประกันชั้น 3 พลัส เหมาะกับผู้ที่ใช้รถน้อย รถมีอายุพอสมควร และผู้ขับขี่มีความเชี่ยวชาญในการขับรถ และไม่ประมาท เพราะประกันชั้น 3 พลัสจะคุ้มครองเฉพาะในกรณีที่เกิดเหตุกับรถชนรถเท่านั้น หากชนสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ จนเกิดความเสียหาย จะต้องเสียค่าซ่อมรถยนต์เองอย่างน่าเสียดาย

กรณีรถชนรถ ที่ประกันชั้น 3 พลัส คุ้มครอง คือรถประเภทไหนบ้าง ?

ในความหมายของความคุ้มครอง กรณีรถชนรถ นั้นหมายถึง ยานพาหนะทุกชนิด ที่ใช้การขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ตัวอย่างเช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถซาเล้งติดเครื่องยนต์ รถ ATV สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า เป็นต้น

ตัวอย่างราคาเบี้ยประกันชั้น 3+

• ราคาเบี้ยประกันชั้น 3 พลัส Toyota Vios 1.5CC ปี 2010 เฉลี่ยอยู่ประมาณ 4,xxx บาทต่อปี
• ราคาเบี้ยประกันชั้น 3 พลัส Honda City 1.5CC ปี 2010 เฉลี่ยอยู่ประมาณ 4,xxx บาทต่อปี
• ราคาเบี้ยประกันชั้น 3 พลัส Isuzu D-max 1.9CC ปี 2010 เฉลี่ยอยู่ประมาณ 4,xxx บาทต่อปี

จะเห็นได้ว่า ประกันรถยนต์ชั้น 3 พลัส นั้นมีราคาค่อนข้างถูกกว่าประกันชั้นอื่นอย่างมาก คนส่วนหนึ่งจึงนิยมต่อประกันชั้น 3+ มากกว่าที่จะฝืนต่อประกันชั้น 1 และจ่ายราคาเบี้ยประกันที่อาจสูงกว่าถึง 3 เท่า เราจึงขอแนะนำอีกทางเลือก คือ ประกันชั้น 3+ นี้ ให้ผู้ที่กำลังจะต่อประกันรถยนต์ในครั้งต่อไปได้พิจารณากันดู หากตรงตามความต้องการ รับได้กับเงื่อนไขประกันชั้นนี้ ก็คงไม่เลวที่เลือกจะต่อประกันรถยนต์ชั้น 3 พลัส
หากใครสนใจประกันชั้น 3+ ราคาถูก อย่างตัวอย่างราคาด้านบนนี้ สามารถค้นหาแผนประกันรถรุ่นของตัวเองได้ที่ Priceza Money แผนประกันมากมาย มีให้เปรียบเทียบหลายบริษัทประกัน หลายโบรกเกอร์ เพื่อเป็นกลางให้กับผู้ใช้งานได้เลือกและตัดสินใจด้วยตนเอง รับรองว่าต่อประกันรถยนต์ครั้งต่อไป จะประหยัดและคุ้มค่าอย่างแน่นอน
Rewrite by Butter Cutter

The post ประกันชั้น 3+ คุ้มครองอะไรบ้าง ? appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

ปีใหม่กำลังจะมาถึงแล้วนะครับ เตรียมหาของขวัญกันแล้วหรือยัง?

Frank มีไอเดียง่ายๆ ที่จะช่วยให้เราไม่ต้องพลิกแผ่นดินหาของขวัญมาฝากกันครับ งานนี้เน้นสำหรับไอเดียสุดเจ๋งสำหรับคนรัก(รถยนต์)โดยเฉพาะเลยล่ะ แล้วที่สำคัญ อย่าลืมหาของขวัญสุดที่รักอย่างประกันรถยนต์  ให้ช่วยดูแลทั้งรถทั้งคุณขณะเดินทางกันด้วยนะครับ ไม่ว่าจะขับรถเส้นทางไหน ก็อุ่นใจมากขึ้น หรือจะเลือกซื้อความคุ้มครองพิเศษ กับ frank.co.th ให้ครอบคลุมรถของคุณแบบสุดๆ ได้เช่นกันครับ
ถือเป็นของขวัญชั้นเยี่ยมให้กับคุณได้ดีเลยล่ะ !!

The post 4 ไอเดียของขวัญสุดเจ๋งสำหรับคนรัก(รถ) appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.