1. อย่าปล่อยให้โต๊ะรก

ถ้าอยากให้ “Money money come come.” มาเลยเงินมา ๆ หากโต๊ะทำงานรกราวกับอยู่ในป่าลึกนี่ไม่ใช่เรื่องดีของคุณแน่ ๆ ดังนั้น การจัดโต๊ะให้สะอาดเรียบร้อย จะช่วยให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น หยิบจับอะไรก็ง่าย ดูก็สบายตา รับรองว่า ทำงานได้ลื่นไหลไม่ต้องเหนื่อยหาข้าวของ ยิ่งทำให้เราทำงานได้ไว เรียกทรัพย์ได้แน่นอน

2. ลูกแก้วเรียกทรัพย์

ไม่เชื่อก็ต้องลองนะครับ การนำลูกแก้วเรียกทรัพย์วางไว้บนโต๊ะ ช่วยเสริมดวงได้เหมือนกัน ตรงนี้แฟรงค์ลองมาด้วยตัวเองแล้วก็ถือว่า เรียกเงินทองได้ดีเลยล่ะ แต่ต้องวางในตำแหน่งที่ไกลจากมือเอาไว้ก่อน เพื่อป้องกันการปัดลูกแก้วหล่นแตกเศษแก้วบาดมือ หรือตำเท้าของเราได้ต้องระวังนะครับ ซึ่งเคสนี้แม้จะเบิกประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลเพื่อรักษาได้ก็ตาม แต่แฟรงค์ก็เป็นห่วงอยู่ดี 

3. อะไรที่หมดแล้วต้องทิ้ง

อย่าปล่อยดินสอหัก ปากกาหมึกหมด เศษกระดาษ ขยะ ถุงขนมกินแล้ว แก้วน้ำไม่ได้ล้าง ไม่ควรวางบนโต๊ะทำงาน จริง ๆ ไม่ได้มีนัยยะเสริมอะไรมากมายเลยครับ เพื่อความสะดวก และความสะอาด รวมทั้งดีต่อสุขอนามัยของคุณล้วน ๆ เพราะสุขภาพดีย่อมนำพามาซึ่งเงินทองถูกไหมละ

4. หนังสือ เอกสาร หรือชั้นวางควรวางซ้ายมือ

เชื่อกันว่ามุมโต๊ะด้านซ้ายคือมุมแห่งการเสริมพลังความรู้  อะไรที่ไม่ได้ใช้งานทุกวัน นาน ๆ หยิบมาใช้ที เช่น หนังสือ เอกสารอื่น ๆ หรือชั้นหนังสือควรวางไว้ทางซ้ายมือ (สำหรับคนถนัดขวา) ส่วนคนถนัดซ้ายอาจจะต้องเปลี่ยนมาไว้ทางด้านขวานะครับ เพื่อความสะดวกเนาะ ถามว่าทำไมการจัดโต๊ะแบบนี้ช่วยเรียกเงินทองได้ก็เพราะว่าโต๊ะทำงานที่เก็บเอกสารไว้ชัดเจน ทำให้หยิบจับง่าย ประสานงานได้สะดวกไงล่ะ ไม่ติดขัด สมองโลดแล่น พอมีงานเข้ามาก็สามารถปิด Job สร้างรายได้สบาย ๆ 

5. ของใช้บ่อยให้วางไว้ด้านขวา

บนโต๊ะทำงานเยื้องทางด้านขวา ควรจะวางของใช้บ่อย ๆ ไว้ตรงนั้นครับ เช่น กล่องใส่ดินสอ โทรศัพท์ประจำโต๊ะ สมุดจดประจำวัน จุดติดโพสต์อิทเตือนเหตุการณ์สำคัญ หรือบางคนอาจจะมีหน้าจอคอมพิวเตอร์วางไว้ตรงขวามือก็ได้ครับ รับรองทำงานสะดวกเยอะ 

6. สายไฟต้องเก็บให้เป็นระเบียบ

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะครับ การจัดสายไฟให้เป็นระเบียบช่วยได้จริงนะ โดยเฉพาะสายไฟโน๊ตบุ๊ก สายไฟคอมพิวเตอร์ สายชาร์จมือถือ สายไฟอื่น ๆ ที่วางบนโต๊ะ ถ้าเราเดินสายให้เป็นระเบียบสะอาดตา จะช่วยให้การงาน การเงินราบรื่นทันทีอย่างบอกไม่ถูก !! แฟรงค์ลองมาแล้ว
และนี้ก็เป็นการจัดโต๊ะทำงาน เสริมฮวงจุ้ยโต๊ะทำงาน ทำแล้วเรียกทรัพย์ ไม่ต้องเปย์เยอะ ใครมีวิธีเสริมดวงยังไงบอกแฟรงค์ได้นะ จะได้ลองเอาไปทำมั้ง อิอิ 
Content by Butter Cutter
Artwork by Kamonwan Wongchai

The post จัดฮวงจุ้ยโต๊ะทำงาน ทำแล้วเรียกทรัพย์ ! appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

การตั้ง KPI 3 ด้านที่น่าสนใจ

-เริ่มด้วยการตั้ง KPI ที่เน้นมุมมองของพนักงาน
แปลกดีนะครับ ปกติแล้วเรามักจะเจอการตั้ง KPI จากความสามารถในการผลิต ประสิทธิภาพในการทำงาน หรือเน้นมุมมองจากงานหรือจากบริษัทเป็นหลัก แต่ที่นี่คิดต่างอย่างน่าสนใจ ตรงที่เค้าเลือกที่จะตั้ง KPI จากความรู้สึกของพนักงานครับ เพราะผู้บริหารให้ความสำคัญของพนักงานมากที่สุด ทำให้เกิดเป็นออฟฟิศในฝันให้กับพนักงานตรงที่

• เน้นให้พนักงานมีจิตใจดี
• กล้าที่จะมีความคิดสร้างสรรค์
• โดยยังให้ธุรกิจทำกำไรเพียงพอที่จะเลี้ยงตัวเองได้ด้วย

-การตั้ง KPI เน้นการสร้างพลังของพนักงาน
พลังของเหล่าพนักงานนั้นมีความเหลือเชื่อกว่าที่คิดนะครับ บางครั้งสามารถทำเรื่องที่ไม่น่าเชื่อให้เกิดขึ้นได้ เพียงแค่บริษัทลงทุนเรื่องของความใส่ใจ สังเกต แต่ไม่ใช่คอยจับผิด และให้การสนับสนุนในทักษะที่จำเป็น บริษัทจะได้ผลลัพธ์ที่น่าตื่นตะลึงตามมาและกลายเป็นบริษัทในฝันที่พนักงานมองหาไปในที่สุดด้วยครับ

• ถามพนักงานเรื่องของความรู้สึกภูมิใจที่ได้ทำงานอยู่ที่นี่
• พนักงานให้ความเคารพซึ่งกันและกันอยู่รึเปล่า
• ทักษะที่ใช้ทำงานอยู่ต้องการการอบรมหรือการเรียนรู้เพิ่มเติมไหม

-การตั้ง KPI ด้านความรู้สึกภาคภูมิใจของพนักงานที่มีต่อบริษัท
ความภาคภูมิใจเนี่ยส่งผลมากกว่าที่คิดเยอะเลยนะครับ เพราะมันหมายความถึงความรักในงานที่พนักงานทำอยู่ ความรู้สึกว่างานที่เราทำนั้นมีคุณค่ามากน้อยแค่ไหน และพนักงานอยากทำงานกับบริษัทอยู่ไหม อย่าลืมว่าเครื่องมือ อุปกรณ์ หรือโปรแกรมต่างๆ นั้นคือเครื่องอำนวยความสะดวก หรือทำให้การทำงานง่ายขึ้น สะดวกขึ้น แต่งานที่ต้องติดต่อกับคนด้วยกันนั้นก็ยังต้องการคนทำงานอยู่นะครับ และถ้าเราสามารถวัดความรู้สึกที่แท้จริงออกมาได้ บริษัทในฝันนั้นรอคุณอยู่แล้วครับ เราสามารถวัดได้จาก

• ค่าตอบแทนจากการทำงานที่น่าอวดคนอื่นๆ
• ความรู้สึกสบายใจที่ได้ทำงานที่นี่ ไม่ต้องกังวลเรื่องการวาลแผนชีวิตในอนาคต
• งานยังมีความท้าทายอยู่ไหม
• เงินเดือนที่ได้รับน่าพอใจอยู่ไหม

Frank เองก็เป็นพนักกงานกินเงินเดือนครับ และได้ลองเสนอความคิดนี้ให้กับบริษัทที่ทำงานประจำอยู่ด้วย เพราะอยากให้บริษัทลองเปลี่ยนมุมมองในการวัด KPI ของการประเมินผลงานดูบ้าง ซึ่งบางทีสิ่งที่เราต้องการเราก็ต้องมีความกล้าที่จะสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเองนะครับ ส่วนผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ครั้งหน้าจะมาเล่าให้ฟังนะครับ ถือโอกาสลากันไว้ด้วยนะฮะ เผื่อหายหน้าไปจะได้ไม่ตกใจกันนะครับ ฮะๆๆๆๆๆ แต่ถ้าบริษัทไหนไม่ได้เป็นไปตามที่ใจ เราต้องการ เราก็อย่าลืมหมั่นพัฒนาตัวเองไปสู่ความสำเร็จด้วยตัวเองนะครับ

The post บริษัทในฝันของพนักงานกินเงินเดือนนั้นมีอยู่จริงนะ appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. เชื่อในความสำเร็จข้ามคืน

เรื่องของความสำเร็จข้ามคืน ตำนานของธุรกิจไอที ได้กำไรมหาศาลจากการทำธุรกิจส่งออกเพียงไม่กี่ครั้ง นักดนตรีที่ได้ไปร่วมวงกับวงดังระดับโลก เรื่องราวเหล่านี้มีให้เห็นผ่าน Social Media กันเป็นเรื่องปกติ ถึงขนาดบางคนขายคลาสเรียนหรือการจัดสัมมนาได้เงินไปเป็นกอบเป็นกำเลยก็มี จนกลายเป็นธุรกิจขายความรู้ที่เราเห็นกันอยู่ frank อยากบอกว่าก่อนที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จนั้น เรายังไม่เห็นเบื้องหลังของเขาเลยนะครับว่าก่อนที่จะก้าวมาถึงจุดนี้ได้เขาต้องพยามมาแล้วกี่ร้อยครั้ง ฝึกฝนมาแล้วกี่ปี หรือลองผิดลองถูกจนเจ๊งมาแล้วกี่ธุรกิจ เพราะทุกอย่างบนโลกนี้เป็นเหตุเป็นผลกันครับ

2. เชื่อว่าคนอื่นมีคำตอบให้คุณ

จริงอยู่ที่เราต้องมีการเรียนรู้ และฝึกฝนให้ได้ความชำนาญ อย่างไรก็ตามเราเองก็สามารถหาความรู้ที่ว่านี้ได้จากการเรียนกับผู้ที่มีประสบการณ์ หรือทำเป็นจริงจนประสบความสำเร็จ แต่ความรู้ทั้งหมดเป็นแค่พื้นฐานที่เราเองต้องมองหาช่องทางที่เหมาะสมกับตัวเราที่สุด ในการทำให้มันประสบความสำเร็จในแบบของเราที่คนอื่นๆ ยากที่จะลอกเลียนแบบได้จึงจะทำให้เราอยู่รอดในการทำธุรกิจ frank จึงอยากแนะนำให้ฟังเสียงจากตัวเราเองดีที่สุดครับ ว่าเราเหมาะกับอะไร การถามเพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้นั้นเป็นแค่จุดเริ่มต้นครับ

3. ตัดสินใจหยุดอยู่กับที่

เรื่องของความสามารถนั้นถ้าเรามีการพัฒนาตัวเองอยู่อย่างสม่ำเสมอ มั่นใจเถอะครับว่าคุณจะเก่งขึ้นกว่าเมื่อเดือนก่อน หรือเมื่อปีที่แล้วแน่นอน ดังนั้นคุณเองคือคนที่จะประเมินความมีคุณค่าในตัวเอง และอย่างที่บอกครับ อย่าตีราคาตัวเองต่ำจนเกินไป เราถ่อมตัวได้ตามมารยาทแต่อย่าดูถูกความสามารถของตัวเองจงตั้งเป้าหมายที่ท้าทายตัวเองอยู่เสมอ เพราะการก้าวเดินออกไปจากพื้นที่ที่เราคุ้นชินนั้นเราต้องมีทั้งความกล้า และความสามารถติดตัวไปด้วยครับ

4. เชื่อว่าความผิด เป็นของคนอื่น

ข้อนี้คุ้นๆ ไหมครับ frank ว่าเราเจอบ่อยในที่ทำงานนะครับ ไม่ว่าจะเป็นข้ออ้างต่าง ๆ ที่เป็นสาเหตุหลักที่ไม่ได้ลงมือทำอะไรซักที เช่น ไม่มีทุน ยังไม่พร้อม หรือเรายังไม่เก่งพอ พวกนี้เป็นข้ออ้างหลักของการฆ่าความฝันของเราเลยล่ะครับ หรือเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมา โทษคนอื่น ๆ ก่อนเลยไม่มาหาสาเหตุที่แท้จริงแล้วแก้ปัญหาที่จุดนั้นแล้วคุณก็จะเจอกับปัญหาแบบเดียวกันอีกเรื่อย ๆ นั่นแหละครับ จงเรียนรู้และต่อสู้เท่านั้นครับคือทางออก

5. เชื่อว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ นั่งฝันเท่านั้น

ถ้าไม่ลงมือทำจะไม่มีวันสำเร็จ ถ้าไม่เริ่มก้าวเดินคุณจะไม่มีวันไปถึงจุดหมาย เพราะงั้นการนั่งฝันไม่ได้ช่วยให้ความฝันของคุณกลายเป็นความจริงขึ้นมาได้หรอกนะครับ แต่การลงมือทำอย่าตั้งใจจริงไม่ย่อท้อต่างหากที่สำคัญที่สุด ยังไม่เคยเห็นใครไปถึงเป้าหมายที่ต้องการได้เพียงการนั่งฝันเลยครับ
คนที่หาความฝันของคุณเจอแล้ว คุณโชคดีมากนะครับ ขั้นต่อมาให้หาทางทำให้เป็นความจริงให้ได้นะครับ แล้วมามุ่งสู่ความสำเร็จกัน frank เอาใจช่วยครับ ส่วนคนที่ยังหาความฝันไม่เจอ อย่าเสียใจไปครับให้เราลองทำสิ่งต่างๆ ให้หลากหลายขึ้น เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าเราชอบหรือถนัดอะไรมากที่สุดก็เป็นอีกทางลัดที่ช่วยให้เราตามหาความฝันได้ครับ ว่าแต่ความฝันของเพื่อนๆ ในอีก 1 ปีข้างหน้าคืออะไรกันบ้างครับ
 

The post วิธีฆ่าความฝันของตัวคุณเองโดยไม่รู้ตัว appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.