“ มันก็จริงอยู่ที่ว่าการจ่าย พรบมอเตอร์ไซค์ ต้องจ่ายทุกปี ไม่ได้เคลมก็เสียเงินทิ้งเปล่า แต่คุณก็ต้องต่อ พรบ ตามกฎหมาย ”

หากอยู่ดีๆ เกิดประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำบนท้องถนน แล้วใครจะช่วยดูแลค่ารักษาพยาบาลของคุณล่ะ? ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาลเมื่อบาดเจ็บ ค่าชดเชยพักรักษาตัว หรือถ้าโชคร้ายเกิดสูญเสียอวัยวะ หรือเสียชีวิตขึ้นมา ใครจะมาช่วยรับผิดชอบตรงนี้ให้ เป็นภาระให้กับคนข้างหลังแน่นอน

แล้วไม่เพียงแค่นั้น ทางกฎหมายก็บังคับให้รถรถยนต์และจักรยายนต์ทุกคัน มีป้ายภาษีติดรถ เพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าชำระภาษีเช่นกัน และก่อนจะต่อภาษีรถก็ต้องต่อ พ.ร.บ. รถมอเตอร์ไซค์ก่อน จึงย้ำอีกทีว่า !!

ไม่ทำพ.ร.บ. “ไม่ได้เด็ดขาด” เนื่องจากพ.ร.บ.เป็นกฎหมายภาคบังคับที่ให้รถทุกคันทำอยู่แล้ว ถ้าใครขาดต่อ พ.ร.บ.มอเตอร์ไซค์ ก็จะเสียเงินค่าปรับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่เกิน 10,000 บาท

ถ้าไม่มี พรบ รถจักรยานยนต์ จะเป็นยังไง?

เอาเป็นว่า bolttech ขอสรุปกรณีไม่มี พรบ รถจักรยานยนต์ และไม่ต่อ พรบ รถจักรยานยนต์ จะส่งผลอย่างไรบ้าง

1. เกิดอุบัติเหตุต้องจ่ายเอง

“ไม่มีพ.ร.บ.ต้องชดเชยค่าเสียหายให้คู่กรณีเอง ยังไม่รวมทรัพย์สิน (กรณีเป็นฝ่ายผิด)”

ถึงแม้ว่าเราขับรถดีแล้ว แต่ความเสี่ยงก็เกิดขึ้นได้เสมอ หากจู่ ๆ คุณขับรถมอเตอร์ไซค์ชนแต่ดันไม่มีพ.ร.บ. คุณพระ!! เราจะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้คู่กรณีเองทั้งหมดเลยนะ (ไม่รวมทรัพย์สิน) และถ้าคุณไม่มีเงินจ่ายฝ่ายคู่กรณีก็สามารถขอเบิกกองทุนผู้ประสบภัยก่อนได้ไม่เกิน 15,000 บาทตามจริง แล้วทางกองทุนจะไล่เบี้ยคืนจากคุณภายหลัง โดยบวกเงินเพิ่มอีก 20% คิดเป็นเงินประมาณ 18,000 บาท มีแต่เสียกับเสีย!!

2. เจ็บก็จ่ายเองอีก

“ไม่มีพ.ร.บ. ก็ต้องรักษาพยาบาลตัวเอง และผู้โดยสารในรถ”

สำหรับใครที่มี พรบ รถมอเตอร์ไซค์ อยู่แล้วก็โชคดีไป เพราะว่าพ.ร.บ.จะช่วยดูแลค่ารักษาพยาบาลให้ แต่สำหรับที่ พรบ มอเตอร์ไซค์หมดอายุ แล้วดันเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน จนบาดเจ็บต้องเข้าโรงพยาบาล คุณจะต้องควักเงินในกระเป๋าจ่ายค่ารักษาเอง ขอบอกเลยว่า ค่ารักษาสมัยนี้แพงไม่ใช่ย่อยนะ

3. ไม่ได้รับเงินชดเชย

“ เจ็บหนักจากอุบัติเหตุจำเป็นต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลก็ขาดรายได้ ”

ถ้าไม่มีพ.ร.บ. เจ็บหนักก็ขาดรายได้ ไม่ได้รับเงินชดเชยรายวันกรณีคุณต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล หมายความว่าคุณต้องจ่ายค่าห้องเอง แต่ถ้าคุณมีพ.ร.บ.รถมอเตอร์ไซค์ ก็จะช่วยจ่ายค่าชดเชยให้ 200 บาท/วัน ไม่เกิน 20 วัน โดยคิดเป็นมูลค่ารวม ๆ สูงสุดไม่เกิน 4,000 บาท แต่ถ้าคุณไม่มี พ.ร.บ. ก็จะไม่ได้รับเงินในส่วนตรงนี้ เสียดายแย่เลย!!

4. ไม่มีวงเงินดูแลหากเสียชีวิตหรือพิการ

“เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ หรือพิการก็ไม่ได้รับความคุ้มครอง”

อย่างที่รู้กันดีว่า อุบัติเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ สมมติว่า นาย ก. เกิดโชคร้ายขับรถมอเตอร์ไซค์แหกโค้งจนเสียชีวิต แล้วขาดต่อพ.ร.บ.มอเตอร์ไซค์ เขาก็จะไม่ได้รับเงินชดเชยกรณีเสียชีวิตหรือพิการ อาจจะเป็นภาระให้กับคนในครอบครัวได้

5. ถูกจับปรับแน่นอน

“หากไม่มี พ.ร.บ. รถมอเตอร์ไซค์ จะต้องจ่ายค่าปรับไม่เกิน 10,000 บาท”

แน่นอนถ้าคุณไม่มี พรบ รถมอเตอร์ไซค์ ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายอยู่แล้ว อีกทั้งโดนปรับไม่เกิน 10,000 บาท เพราะประโยชน์หลักของการทำ พ.ร.บ. หรือประกันภัยภาคบังคับเพื่อช่วยดูแลค่ารักษาพยาบาลคนเจ็บขณะเกิดเหตุ ดังนั้นกฎหมายจึงบังคับให้รถทุกคันทำพ.ร.บ. ถ้าใครฝ่าฝืนกฎไม่ต่อพ.ร.บ.รถจักรยานยนต์ล่วงหน้า จะต้องเสียค่าปรับนั่นเอง

6. ไม่ต่อพ.ร.บ. ก็ต่อภาษีรถไม่ได้

“หากไม่มีเอกสาร พรบมอเตอร์ไซค์ เราก็ไม่สามารถต่อภาษีรถประจำปีได้ แล้วต้องเสียค่าปรับเพิ่มขึ้น”

ขอย้ำก่อนว่า พ.ร.บ.กับป้ายภาษีจะไม่เหมือนกันนะ เวลาเราจะไป “ต่อภาษีรถ” หรือที่เรียกกันว่า “ป้ายวงกลม” ต้องยื่นเรื่องขอทำพ.ร.บ.ก่อน กรณีที่เราไม่มีพ.ร.บ. หรือ พรบ หมดอายุ นั่นก็หมายความว่า เราจะไม่สามารถต่อภาษีได้

แล้วถ้าคุณ ไม่ได้ต่อภาษีรถประจำปี ต้องเสียค่าปรับ 400 - 1,000 บาท  ส่วนใครที่ต่อภาษีรถช้าก็จะต้องเสียค่าปรับอีกเดือนละ 1% อาจส่งผลให้ทะเบียนรถของคุณถูกระงับการใช้งานด้วย

อ่านเพิ่มเติม : หากป้ายวงกลมหรือป้ายภาษีติดรถสูญหายต้องทำไงดี!?

เข้าใจแล้วใช่ไหมล่ะ?! ถ้าเราไม่มี พรบ.รถมอเตอร์ไซค์ ก็จะไม่มีใครมาช่วยดูแลค่ารักษาพยาบาล หรือค่าใช้จ่ายจำเป็นขณะรักษาตัวในโรงพยาบาล นอกจากนี้ถ้าเกิดโชคร้ายมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาพบเห็น ก็จะต้องเสียค่าปรับอีกด้วย

ถ้าคุณสนใจ ซื้อประกันรถมอเตอร์ไซค์ เพื่อรับความคุ้มครองนอกเหนือจาก พรบ.รถจักรยานยนต์ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาลคนเจ็บ คุ้มครองรถชน รถหาย รถไฟไหม้ เลือกได้ตามแผนประกันที่คุณต้องการ จ่ายเงินปุ๊บ! รับความคุ้มครองทันที เคลมได้ตลอด 24 ชม.

The post พรบ มอเตอร์ไซค์ ไม่มีไม่ต่อได้ไหม?! appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

ประเทศไทยที่มีนักขับรถมอเตอร์ไซค์มาเป็นอันดับต้นๆของโลก โดยเฉพาะจังหวัดกรุงเทพฯ ที่ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีการใช้มอเตอร์ไซค์มากที่สุดในประเทศไทย จังหวัดรองลงมาคือ จังหวัดชลบุรี และจังหวัดเชียงใหม่ติดเป็นอันดับที่สาม อย่างที่เห็นได้ชัดคือ ทุกจังหวัดที่ติดอันดับต้นๆนั้นเป็นตัวเมืองที่ทุกคนไม่ต้องการรอรถติด จึงหันมาขับรถมอเตอร์ไซค์แทนเพราะการเดินทางที่ทั้งสะดวกและรวดเร็วตามสไตล์ความรีบร้อนของคนเมืองนั่นเอง
สมัยนี้เริ่มมีการขับรถที่แหวกกฎหมายมากขึ้น เพราะวัยรุ่นหลายคนไม่เชื่อกฎหมายจนทำให้ประเทศไทยมีการเกิดอุบัติเหตุค่อนข้างสูงจากความประมาทของตัวผู้ขับเอง ในปัจจุบันคุณก็ยังสามารถเห็นได้กับตัวเอง ที่ไม่ว่าจะเป็นการขับย้อนศร หรือการขับบนทางเดินฟุตบาทที่มอเตอร์ไซค์ไม่สามารถขึ้นมาขับได้  
อย่างไรก็ตาม เรามาดูกันว่า "นักขับมอเตอร์ไซค์สไตล์ไหนที่จำเป็นต้องมีประกันรถมอเตอร์ไซค์"

1. นักขับชอบแว้น

นักขับกลุ่มวัยรุ่นที่รักการขับขี่รวดเร็วในตัวเมือง ซึ่งนักขับมอเตอร์ไซค์เหล่านี้มีการขับที่รวดเร็วมากๆ ควารวดเร็วในการขับขี่รถนั้นมากกว่า 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงกันเลยทีเดียว ซึ่งหากขับในตัวเมือง ความเร็วนี้ผิดกฎหมายแน่นอน ซึ่งการขับรถที่เร็วมากขนาดนี้แน่ล่ะมีโอกาสการเกิดอุบัติเหตุมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์หรือบางครั้งก็อาจถึงชีวิต เพราะฉะนั้นการมีประกันมอเตอร์ไซค์ชั้น 1 จะเหมาะกับนักขับชอบแว้นอย่างมาก

2. นักขับวินมอเตอร์ไซค์

การขับรถมอเตอร์ไซค์เป็นประจำทุกวัน หรือการขับมอเตอร์ไซค์เป็นอาชีพนั้นจะมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุเป็นมากกว่าคนที่ใช้เดินทางระยะทางใกล้อยู่แล้ว และยังมีโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุมากกว่า ขับรถบนท้องถนนเราไม่สามารถคาดคะเนเหตุการณ์ได้เลยเพราะการใช้ถนนร่วมกับนักขับที่มีสไตล์การขับที่แตกต่างกันไปโดยเฉพาะนักขับสายมั่น คุณจำเป็นต้องมีประกันมอเตอร์ไซค์เพื่อรักษาทั้งตัวคุณเองและมอเตอร์ไซค์ของคุณ แฟรงค์เชื่อว่านอกจากคุณจะขับมอเตอร์ไซค์เป็นอาชีพแล้ว ก็ยังจำเป็นต้องใช้มอเตอร์เป็นพาหนะในการเดินทางไปไหนมาไหนอยู่

3. นักขับมือใหม่

หากคุณเป็นนักขับมือใหม่ที่ยังไม่มั่นใจในฝีมือการขับของตัวเองเท่าไหร่นัก แฟรงค์ขอแนะนำให้เพิ่มความคุ้มครองเพิ่มอีกระดับในการขับขี่อย่างปลอดภัย เพราะอย่างน้อยคุณก็ยังมีคนมาช่วยดูแลเรื่องการเกิดอุบัติเหตุเรื่องรถมอเตอร์ไซค์ และการบาดเจ็บของตัวคุณเอง สำหรับประกันที่เหมาะกับนักขับมือใหม่มากที่สุดก็คือ ประกันมอเตอร์ไซค์ชั้น 1 ที่คุ้มครองทุกคนครบความต้องการของคุณ แต่หากคุณไม่จำเป็นต้องขับรถทุกวันก็ลองพิจารณาประกันขั้น 2+ และ 3+ ดูนะครับ

4. นักขับสายมั่น

นักขับที่มักจะคิดว่าตัวเองชำนาญ และเชี่ยวชาญด้านการขับรถมากนับปี ส่วนมากนักขับสายมั่นมักจะขับซิ่งมาก ซึ่งแน่ล่ะบางครั้งก็อาจไม่เกิดอุบัติเหตุ แต่อย่างที่รู้กันว่าคุณไม่สามารถเดาเหตุการณ์เหล่านี้ได้เลย เพราะฉะนั้นการป้องกันการเกิดอุบัติสำหรับนักขับสายมั่นนั้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากเพราะคนที่นักรถมาด้วยก็จะได้รับความคุ้มครองจากประกันชั้น 1 ด้วย เพราะการมีประกันนั้นความปลอดภัยสำหรับเราต้องมาก่อนเสมอ

5. นักขับระยะทางไกล

หากคุณต้องขับจากบางนาไปดอนเมือง หรือแบริ่งไปนนทบุรีซึ่งเป็นเส้นทางยาวไกลมากสำหรับการขับมอเตอร์ไซค์ แน่ล่ะหลายคนที่จำเป็นจะต้องขับในระยะทางไกลแบบนี้มักจะเร่งรีบ และติดนิสัยการขับเร็ว การขับในระยะทางไกลบ่อยครั้งที่ก็ให้เกิดความเครียดในการขับรถจากความร้อนรอบตัว ฝุ่นละออก หรือการฝ่าฟันจากแท็กซี่เอาแต่ใจ บางครั้งความเครียดที่ซึ่งสร้างความหงุดหงิดให้แก่คุณอาจทำให้เกิดความประมาทในการขี่มอเตอร์ไซค์ และนำไปสู่อุบัติเหตุในที่สุด
หากคุณรู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนที่ชอบขับรถเร็ว แว้นแรง แฟรงค์ก็อยากให้คุณเตรียมความพร้อมเรื่องความปลอดภัยในการขับรถบนท้องถนนไว้เป็นอย่างดีอย่าง เคล็ดลับประกันมอเตอร์ไซค์ที่คุณควรรู้! เพราะฉะนั้นก็อย่าลืมให้แฟรงค์มาดูแลคุณนะครับ

 

The post ขับรถสไตล์ไหนจำเป็นต้องมีประกันรถมอเตอร์ไซค์?! appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.