สูตรที่ 1 โยเกิร์ต + น้ำผึ้ง + มะนาว

เริ่มต้นด้วยสูตรโยเกิร์ต+น้ำผึ้ง+มะนาว เรียกว่าเป็นสูตรที่หลายคนนิยมกันมากที่สุด หากินง่ายทำเองได้ไม่ยาก เพียงนำโยเกิร์ต น้ำผึ้ง และมะนาวผสมกัน หรือถ้าใครที่ชอบนมสด (รสจืด) ก็ใส่ได้ตามใจชอบเลย หลังจากนั้นก็ดื่มทันที แนะนำให้ดื่มกินในช่วงเช้าสัก 7-8 โมงจะดีต่อระบบขับถ่าย ยิ่งใครที่ชอบท้องผูกบ่อยๆ ก็ลองกินหลังตื่นนอนทุกๆ เช้า เพราะโยเกิร์ตจะช่วยดีท็อกซ์ลําไส้  แถมยังช่วยลดหน้าท้องอีกด้วย

สูตรที่ 2 สตอเบอร์รี่ + มะนาว

ต่อมาสูตรดีท็อกซ์ด้วยผลไม้ขึ้นชื่ออย่าง “สตอเบอรี่” ที่เอาใจสาวๆ รักสุขภาพเฉพาะ ทั้งมีหน้าตาน่ารับประทาน และมีรสชาติหวานอร่อยที่จะช่วยดีท็อกซ์ลำไส้ได้เป็นอย่างดี ทำง่ายนิดเดียวด้วยการนำสตอเบอรี่มาปั่นผสมกับน้ำมะนาวที่คั้นสด แล้วทำเป็นเครื่องดื่มดีท็อกซ์เย็นๆ เพราะสตอเบอรี่จะช่วยเสริมสร้างคอลลาเจล มีต้านสารอนุมูลอิสระ ดื่มแล้วไม่อ้วน ช่วยดับกระหายได้ดี

สูตรที่ 3 กล้วยน้ำว้า + นมสด

ถึงแม้จะเป็นเครื่องดื่มกล้วยๆ แต่ก็มีสรรพคุณมากกว่าที่คิด! ทำง่ายนิดเดียว เพียงเลือกใช้กล้วยน้ำว้า+นมสดแล้วนำไปปั่นรวมกัน ประโยชน์ของกล้วยจะช่วยเพิ่มกากใยอาหาร ลดหน้าท้องของคุณให้แบนราบ แถมรสชาติยังอร่อยถูกใจด้วย สำหรับใครที่ชื่นชอบสูตรดีท็อกซ์ด้วยผลไม้ก็ลองทำกล้วยปั่นกันดูนะ ดื่มตอนเช้าสัก 3-4 วันต่อสัปดาห์ รับรองขับถ่ายโล่งสบายแน่นอน

สูตรที่ 4 เม็ดแมงลัก + น้ำอุ่น

ทราบหรือไม่ว่า? เม็ดแมงลัก+น้ำอุ่น ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีดีท็อกซ์ลําไส้ก่อนนอนได้เช่นกัน ด้วยการนำเม็ดแมงลักมาผสมกับน้ำอุ่นทิ้งไว้สัก 20-30 นาที เพื่อให้เม็ดแมงลักพองตัว หลังจากนั้นให้ดื่มกินก่อนนอนจะช่วยดูดซึมอาหารและไขมันส่วนเกินให้ขับถ่ายออกมา นอกจากนี้เม็ดแมงลักยังเป็นพืชผักสมุนไพรต้านเบาหวาน ช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ทำให้เกิดโรคอ้วนตามมาด้วย เอาใจสายลดน้ำหนักเฉพาะ ถ้าวันไหนว่างๆ เพื่อนๆ อย่าลืมลองทำกันนะ

สูตรที่ 5. ส้ม + แครอท

ถ้าใครอยากได้รับวิตามินซีเต็มๆ ก็ต้องลองใช้สูตรส้ม+แครอทกันด้วย เพียงแค่คุณปลอกเปลือกส้มและแครอทออกมา โดยเลือกใช้เป็นผักผลไม้ออแกนิคหรือผักที่ไม่มีสารเคมีตกค้างเท่านั้น เพื่อสุขอนามัยที่ดีด้วย หลังจากนั้นให้นำส้มกับแครอทไปปั่นรวมกันแล้วสกัดแต่น้ำออกมา เนื่องจากเครื่องดื่มดีท็อกซ์อย่างเช่น แครอทจะมีสารเบตาแคโทรีนที่ละลายไขมัน ช่วยดีท็อกซ์ลำไส้ที่มีสารพิษตกค้างให้ออกมาได้  แล้วส้มก็จะเพิ่มวิตามินซี กากใยอาหาร เหมาะกับคนที่ต้องการลดความอ้วนเร่งด่วน ลดพุงได้ดีเลยล่ะ
เอาเป็นว่า หากใครชอบเครื่องดื่มดีท็อกซ์สูตรไหนก็ลองทำกันดูนะ มันจะช่วยลดน้ำหนักลดพุง อีกทั้งดีท็อกซ์ลำไส้ให้ทำงานมีประสิทธิภาพด้วย แล้วที่สำคัญอย่าลืมออกกำลังกายวันละนิด เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ได้เร็วขึ้น พอหลังจากดูแลสุขภาพกันแล้ว ถ้าอยากเพิ่มความอุ่นใจสักหน่อย สายเฮลตี้ทุกๆ คนก็อย่าลืมทำประกันสุขภาพกับ Frank.co.th กันด้วยนะ เรามีแผนประกันดูแลสุขภาพระยะยาว คุ้มครองทั้งเจ็บป่วยและอุบัติเหตุ ไม่ต้องตรวจสุขภาพ พร้อมรับกรมธรรม์ทันที ดูแลดีแบบนี้อย่ารีรอนะจ๊ะ!!
 

The post 5 เครื่องดื่มดีท็อกซ์ลำไส้ ลดน้ำหนัก ลดพุง!! appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

มันไม่ลดอยู่แล้ว! เพราะไขมันจะกลายเป็นกล้ามเนื้อ

ถึงแม้น้ำหนักจะไม่ลด แต่เราจะได้หุ่นที่ฟิต แอนด์ เฟิร์ม แทนนะคร้าบบ เพราะว่าเราได้สลายไขมันให้กลายเป็นกล้ามเนื้อแทน สวยกว่า หล่อกว่า แซ่บกว่าเป็นหลายกองเลย
 

โครงสร้างของกล้ามเนื้อมีความหนาเเน่นสูง

โครงสร้างของไขมันมีความหนาแน่นน้อยกว่า

ไขมัน 5 ปอนด์เปรียบเทียบกับกล้ามเนื้อ 5 ปอนด์

จากรูปก็แสดงให้เห็นแล้วนะครับ ว่ากล้ามเนื้อและไขมันที่น้ำหนักเท่ากัน แต่ขนาดของก้อนไขมันทั้งใหญ่กว่า ย้วยกว่า ลองคิดดูนะครับ ถ้าก้อนไขมันและก้อนกล้ามเนื้ออยู่ในร่างกายเรา ถึงแม้น้ำหนักเท่าเดิม แต่ร่างการยราที่เต็มไปด้วยไขมันย้วยๆ ก็ไม่แปลกหรอกครับที่แฟนคุณ เพื่อนคุณ พ่อแม่คุณ ทุกๆคน จะทักว่าคุณอ้วนขึ้นนะ แต่ถ้าน้ำหนักเราเท่าเดิม แต่เปลี่ยนเจ้าไขมันพวกนั้นให้เป็นก้อนกล้ามเนื้อ ถึงแม้น้ำหนักจะไม่ลด แต่แน่นอนว่าคุณต้องดูตัวเล็กลง แถมเชื่อ frank ไหมครับ คุณจะดูสดใสกว่าเดิมเพราะสุขภาพดีขึ้น แถมยังแข็งแรงขึ้นด้วยนะคร้าบบ

หลังจากออกกำลังกาย รู้ได้อย่างไรว่าไขมันหายไปแล้ว

1. คนใกล้ตัว

คนใกล้ตัวก็คอยช่วยเราได้นิดนึงครับ แต่บางทีคนใกล้ตัวเราเนี่ยแหละที่จะโอนเอนไปมา เพราะเขาเจอเราทุกวัน แล้วทุกวันเราค่อยๆ เปลี่ยนไป เขาอาจจะไม่สามารถรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเราครับ ทางที่ดีเราควรหาตัวช่วยตัวอื่นไว้ด้วยนะครับ

2. เสื้อผ้าตัวเดิม

เริ่มจากวิธีวัดง่ายๆ กันเลยครับ จากเสื้อตัวเดิม กางเกงตัวเดิม ที่เคยใส่แล้วทั้งรัด ทั้งอึดอัด แต่ถ้าหลังจากออกกำลังกายไปช่วงนึง แล้วเรากลับมาใส่เสื้อและกางเกงตัวเดิม ถ้าใส่แล้วรู้สึกสบายขึ้น ไม่อึดอัดเท่าเดิม นั่นแหละครับ คุณมาถูกทางแล้ว

3. การวัดส่วนประกอบของร่างกาย (Body Composition Testing)

ฟิตเนสชั้นนำส่วนใหญ่จะมีผู้เชี่ยวชาญวัดส่วนประกอบของร่างกายเราให้ โดยเครื่องวัดส่วนประกอบของร่างกายนั้นจะส่งกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ จากเท้าไป โดยที่จะวันความต้านทานต่อกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านเนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกาย กระดูกและไขมันจะนำไฟฟ้าไม่ดี เลือด อวัยวะภายใน และกล้ามเนื้อจะนำไฟฟ้าได้ดีกว่าซึ่งนั่นทำให้สามารถนำมาวิเคราะห์ส่วนประกิบของร่างกายได้อย่างละเอียด โดยเราควรวัดกันประมาณเดือนละครั้ง หรือสามเดือนครั้ง เพื่อให้เห็นความแตกต่างของร่างกายเราคร้าบบ

4. วัดน้ำหนักด้วยน้ำ

วิธีนี้ยากหน่อย แต่เเม่นยำมาๆ ครับ American Council on Exercise หรือ สภาการออกกำลังกายของสหรัฐอเมริกากล่าวว่า การวัดน้ำหนักด้วยน้ำสามารถแสดงปริมาณไขมันในร่างกายของเราได้มากที่สุด โดยวิธีนี้ทำโดยช่างน้ำหนักบนพื้นก่อน แล้ต่อมาก็ช่างน้ำหนักในบ่อน้ำ โดยการหายใจออกให้หมดปอดแล้วก็ช่างน้ำหนักเลยย ซึ่งการทดสอบนี้ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเช่นกันครับ
เอิ่ม… มีความยุ่งยากครับ frank ว่า เราหันมาตั้งเป้า ออกกำลังกายเพื่อเปลี่ยนไขมันให้เป็นกล้าม ไม่ต้องสนใจเรื่องน้ำหนัก เมื่อเรามีกล้ามเนื้อเราก็รู้ตัวเองครับ เสื้อผ้าที่เคยรัดก็หลวมขึ้น มีพัฒนาการตอนออกกำลังกาย รู้ตัวว่าร่างกายเเข็งแรงขึ้นก็พอครับ
ทำดีเพื่อสุขภาพเรา ไม่ใช่เพื่อให้คนอื่นสบายใจดีกว่า

The post ทำยังไงดี? ออกกำลังกายเท่าไหร่น้ำหนักก็ไม่ลด! appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.