เคล็ดลับการดูแลสุขภาพ Archives - Bolttech Blog - News & Updates Bolttech Blog - News & Updates Mon, 09 Sep 2024 07:20:36 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.0.3 https://www.bolttech.co.th/blog/wp-content/uploads/2021/02/favicon.ico เคล็ดลับการดูแลสุขภาพ Archives - Bolttech Blog - News & Updates 32 32 เจ็บหน้าอก บ่งบอกโรคอะไรได้บ้าง? https://www.bolttech.co.th/blog/%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b9%87%e0%b8%9a%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%9a%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%ad%e0%b8%b0%e0%b9%84%e0%b8%a3?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%2588%25e0%25b9%2587%25e0%25b8%259a%25e0%25b8%25ab%25e0%25b8%2599%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%2581%25e0%25b8%259a%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%2581%25e0%25b9%2582%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%2584%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%25b0%25e0%25b9%2584%25e0%25b8%25a3 Tue, 10 Sep 2024 03:30:00 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog/?p=37183 อาการเจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก เป็นสัญญาณอันตรายที่คุณไม่ควรมองข้าม อาจบ่งบอกถึงโรคร้ายแรงต่างๆ อย่างเช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด หรือ อาจเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของปอด ทั้งโรคเยื่อหุ้มปอดอักเสบ ปอดบวม หรือฝีในปอด เป็นต้น แต่ในขณะบางคนมีอาการเจ็บแปลบ เป็นๆ หายๆ อาการเจ็บจี๊ด ร้าวไปที่หลัง หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบนำตัวผู้ป่ว

The post เจ็บหน้าอก บ่งบอกโรคอะไรได้บ้าง? appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
อาการเจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก เป็นสัญญาณอันตรายที่คุณไม่ควรมองข้าม อาจบ่งบอกถึงโรคร้ายแรงต่างๆ อย่างเช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด หรือ อาจเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของปอด ทั้งโรคเยื่อหุ้มปอดอักเสบ ปอดบวม หรือฝีในปอด เป็นต้น แต่ในขณะบางคนมีอาการเจ็บแปลบ เป็นๆ หายๆ อาการเจ็บจี๊ด ร้าวไปที่หลัง หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบนำตัวผู้ป่วยไปหาหมอ และทำการรักษาโดยเร็วที่สุด มาเช็กอาการเลย !!

สาเหตุอาการเจ็บหน้าอกที่พบบ่อย

อาการเจ็บหน้าอก เจ็บแน่นหน้าอก

  • โรคหัวใจขาดเลือด: มักมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก อาจร้าวไปที่แขน คอ หรือ ขากรรไกร
  • กรดไหลย้อน: เจ็บแสบร้อนบริเวณกลางอก มักเกิดหลังรับประทานอาหาร
  • ปอดอักเสบ: เจ็บเวลาหายใจเข้าลึกๆ มักมีไข้ร่วมด้วย
  • กล้ามเนื้อหน้าอกอักเสบ: เจ็บเมื่อขยับหรือกดบริเวณหน้าอก
  • ความเครียดและวิตกกังวล: อาจทำให้รู้สึกแน่นหน้าอก

อาการเจ็บหน้าอก ที่ควรพบแพทย์โดยด่วน

  • เจ็บหน้าอกรุนแรงเฉียบพลัน หายใจลำบาก เหงื่อออก คลื่นไส้ หน้ามืด
  • เจ็บร้าวไปที่แขน ขากรรไกร คอ หลัง
  • เจ็บหน้าอก นานกว่า 15 นาทีและไม่ดีขึ้น
  • เจ็บหน้าอก และ มีไข้สูง ไอมีเสมหะ
  • มีประวัติ โรคหัวใจ หรือความเสี่ยงสูง

วิธีป้องกันอาการเจ็บหน้าอก

อาการเจ็บหน้าอก เจ็บแน่นหน้าอก

  • ปรับพฤติกรรมการกิน ทานอาหารเพื่อสุขภาพ เลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง อาหารลดความดันโลหิตสูง ลดคอเลสเตอรอล
  • หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • เลิกสูบบุหรี่ ลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ลดความเครียด ด้วยการทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น ออกกำลังกาย ทำโยคะ ทำอาหาร ปลูกผัก เป็นต้น

อาการเจ็บหน้าอก อาจเป็นสัญญาณเตือนโรคหัวใจ และโรคอื่นๆ ตามมาด้วย เราควรสังเกตอาการและตรวจสุขภาพทุกปี หากเจ็บป่วยขึ้นมาจะได้ทำการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ดังนั้นเราควรดูแลสุขภาพตัวเอง ถือว่าช่วยลดความเสี่ยงได้ ทำให้เรามีสุขภาพที่ดีขึ้น และเพิ่มความอุ่นใจไปอีก แนะนำ ซื้อประกันสุขภาพ กับ bolttech ที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาเมื่อยามเจ็บป่วย ครอบคลุมอุบัติเหตุ ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่ายา ทั้งแผนผู้ป่วยใน (IPD) และ ผู้ป่วยนอก (OPD) เหมาะสำหรับผู้ทำประกันภัยอายุ 21-55 ปี ซื้อง่าย ไม่ต้องตรวจสุขภาพ ลดหย่อนภาษีได้ด้วย

ประกันสุขภาพ

The post เจ็บหน้าอก บ่งบอกโรคอะไรได้บ้าง? appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
อาการคนท้องเริ่มแรก สังเกตอย่างไร https://www.bolttech.co.th/blog/%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%87?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%2581%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%2584%25e0%25b8%2599%25e0%25b8%2597%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%2587 Sat, 24 Aug 2024 04:30:00 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog/?p=36897 การตั้งครรภ์ ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่สำหรับผู้หญิง ในช่วงระยะแรกๆ บางคนอาจตั้งท้องไม่รู้ตัว เนื่องจากร่างกายของทีแต่ละคนจะมีอาการท้องต่างกันไป โดยอาการคนท้องระยะแรกๆ บางคนจะมีอาการชัดเจนตั้งแต่สัปดาห์แรก เช่น เวียนหัว คลื่นไส้ พะอืดพะอม อาการปวดหัว  เป็นต้น เป็นสัญญาณเตือนอาการคนท้องที่มักพบได้บ่อ

The post อาการคนท้องเริ่มแรก สังเกตอย่างไร appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
การตั้งครรภ์ ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่สำหรับผู้หญิง ในช่วงระยะแรกๆ บางคนอาจตั้งท้องไม่รู้ตัว เนื่องจากร่างกายของทีแต่ละคนจะมีอาการท้องต่างกันไป โดยอาการคนท้องระยะแรกๆ บางคนจะมีอาการชัดเจนตั้งแต่สัปดาห์แรก เช่น เวียนหัว คลื่นไส้ พะอืดพะอม อาการปวดหัว  เป็นต้น เป็นสัญญาณเตือนอาการคนท้องที่มักพบได้บ่อยๆ ถ้าคุณแม่มือใหม่รู้ตัวตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยเตรียมพร้อมรับมือได้ เพื่อดูแลสุขภาพตนเอง และลูกน้อยจะได้แข็งเเรงตามไปด้วย

1. ประจำเดือนขาด

ประจำเดือนขาด

อาการคนท้องเริ่มแรกที่ชัดเจนคือ ประจำเดือนขาด หากคุณผู้หญิงมีประจำเดือนที่สม่ำเสมอ ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเดือนนี้ประจำเดือนไม่มา หรือ ประจำเดือนเลื่อนผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณแรกของการตั้งครรภ์ เนื่องจากร่างกายจะหยุดตกไข่เมื่อเกิดการปฎิสนธิ แต่อย่างไรการที่ประจำเดือนขาด อาจมีหลายสาเหตุที่ไม่ใช่การตั้งครรภ์ เช่น ความเครียด ภาวะฮอร์โมนผิดปกติก็ได้  แนะนำให้ใช้ที่ตรวจครรภ์ เพื่อทำการทดสอบหรือปรึกษาคุณหมอได้

2. คัดเต้านม เต้านมใหญ่ขึ้น

คัดเต้านม เต้านมใหญ่ขึ้น

เพราะฮอร์โมนผู้หญิงมีการเปลี่ยนแปลง อาการคนท้อง อาจทำให้รู้สึกเจ็บเต้านม รู้สึกเสียบแปล๊บที่เต้านม เต้านมมีขนาดที่ขยายใหญ่ขึ้นจนเห็นเส้นเลือดชัดเจน สีผิวรอบหัวนมคล้ำขึ้น  อาการคนท้องนี้จะค่อยๆ หายไปภายในระยะเวลา 3 เดือนเมื่อร่างกายสามารถปรับตัวได้

3. อาการคลื่นไส้ อาเจียน

อาการคลื่นไส้ อาเจียน

อาการแพ้ท้อง เป็นอาการเตือนคนเริ่มท้อง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน มักเกิดขึ้นภายใน 1 เดือน โดยพบได้บ่อยในช่วงเวลาเช้า บางคนได้กลิ่นอาหารบางประเภท มีอาการเหม็นกลิ่นอาหาร คลื่นไส้ อาเจียนตลอดทั้งวัน แต่ในบางรายก็อาจไม่มีอาการดังกล่าว หรือมีอาการในช่วง เดือนที่ 3-4 ได้

4. อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย

อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย

ความเหนื่อยล้า เป็นอาการคนท้องที่พบบ่อยๆ ในระยะแรก ถ้าคุณอาจรู้สึกเหนื่อยมากกว่าปกติ ร่างกายจะมีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) เพิ่มสูงขึ้น ช่วยในการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ร่างกายเผาผลาญได้ช้าลง ใช้พลังงานการย่อยอาหารเพิ่มขึ้น ทำให้มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ง่วงนอนบ่อย

5. ปัสสาวะบ่อย

ปัสสาวะบ่อย

การตั้งครรภ์ ทำให้เลือดไหลเวียนในร่างกายเพิ่มขึ้น และมดลูกขยายใหญ่ขึ้นจากการมีเด็กเจริญเติบโต ทำให้เกิดการกดเบียดกะเพาะปัสสาวะ ส่งผลให้ไตทำงานหนักขึ้น ปัสสาวะบ่อยขึ้น สังเกตให้ดีๆ ปัสสาวะมีสีเข้มขึ้น ปัสสาวะสีเหลืองเข้มจนไปถึงน้ำตาลได้

6. อารมณ์แปรปรวนง่าย

อารมณ์แปรปรวนง่าย

อาการคนท้องเริ่มแรก มักจะเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนต่างๆ อาจส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึกได้ง่าย เช่น หงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า หรือบางคนอาจรู้สึกอารมณ์ดี ส่วนใหญ่อาการไม่จะรุนแรง แต่ต้องอาศัยคนรอบข้างช่วยปรับตัว และแก้ไขปัญหา หากไม่ดีขึ้นควรปรึกษาคุณหมอที่ฝากครรภ์ เพื่อช่วยในการดูแลได้อย่างเหมาะสม

7. ท้องผูก ท้องอืด

ท้องผูก ท้องอืด

เนื่องจากร่างกายมี ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) เพิ่มสูงขึ้น ทำให้การย่อยอาหารทำงานช้าลง ส่งผลให้มี อาการท้องผูก ท้องอืด สามารถบรรเทาได้ ด้วยการดื่มน้ำเปล่ามากขึ้น ทานผักและผลไม้ที่มีกากใยสูง ละอาหารที่มีเส้นใยสูง เพื่อช่วยในการขับถ่าย แก้ท้องผูก เช่น รำข้าว ข้าวซ้อมมือ ขี้เหล็ก มะขาม ลูกพรุน และไม่ควรซื้อยาระบายมารับประทานเอง อาจเป็นอันตรายต่อเด็กทารกในครรภ์

8. วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด

วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด

อาการวิงเวียน หน้ามืด ที่พบบ่อยในคนท้อง มักเกิดจากระดับน้ำตาลในเลือด และความดันโลหิตที่ผิดปกติ  เกิดจากฮอร์โมนในร่างกาย อาจส่งผลให้รู้สึกวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด ตาลายบ่อยๆ รวมถึงความเครียดสะสม การนอนหลับไม่เพียงพอ

9. ความอยากอาหารเปลี่ยนไป

ความอยากอาหารเปลี่ยนไป

อาการคนท้อง 1 เดือนขึ้นไป ส่งผลให้การทานอาหารเปลี่ยนแปลงไป เช่น ทานอาหารมากขึ้น จากอาหารที่ไม่เคยชอบ หรือกลับรู้สึกเบื่ออาหารที่เคยชอบไปเลย นอกจากนี้คนท้องจะมีระบบประสาท คือ อยากทานอาหารที่มีรสเปรี้ยวๆ เพื่อบรรเทาอาการคลื่นไส้ พะอืดพะอม ถ้าสังเกตคนที่กำลังตั้งท้อง จะชอบอาหารหรือผลไม้เปรี้ยวๆ มากเป็นพิเศษ

10. ไวต่อกลิ่นมากขึ้น

ไวต่อกลิ่นมากขึ้น

อาการคนท้องเริ่มแรก จะมีการรับรสและกลิ่นที่เปลี่ยนไป เพราะฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง บางคนอาจรู้สึกไวต่อกลิ่นมากขึ้น เช่น มีอาการแพ้กลิ่นน้ำหอม หรือ เหม็นกลิ่นคนใกล้ตัว การไวต่อกลิ่นนี้อาจทำให้คนท้องมีอาการเวียนหัว คลื่นไส้ พะอืดพะอม

ข้อควรระวัง:

  • อาการท้องเหล่านี้ อาจแตกต่างกันในแต่ละคน บางคนอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย หรือไม่มีอาการเลย
  • อาการท้องบางอย่าง อาจคล้ายกับอาการก่อนมีประจำเดือน
  • วิธีทดสอบการตั้งครรภ์ที่แม่นยำที่สุด คือ การตรวจด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์และพบแพทย์

ถ้าคุณสงสัยว่าอาจกำลังตั้งครรภ์หรือเปล่า? แนะนำควรใช้ที่ตรวจครรภ์เพื่อทดสอบหรือปรึกษาแพทย์ให้แน่ใจดีกว่า และเมื่อคุณรู้ตัวว่า กำลังตั้งท้องควรดูแลสุขภาพตั้งแต่ช่วงแรกๆ เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณและลูกน้อยในครรภ์ เพราะสุขภาพของคุณแม่สำคัญที่สุด ทางที่ดีคุณควร ซื้อประกันสุขภาพ เพิ่มความอุ่นใจ คุ้มครองค่ารักษาเมื่อเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ ซื้อง่ายผ่านออนไลน์ ไม่ต้องตรวจสุขภาพ มีทั้งแผนผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) พร้อมนำมาลดหย่อนภาษีได้ เข้ามาเลือกแผนได้เลย

ประกันสุขภาพ

The post อาการคนท้องเริ่มแรก สังเกตอย่างไร appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
วิธีเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม https://www.bolttech.co.th/blog/%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%a5%e0%b8%a2%e0%b8%99%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%9e%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%81%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b8%87%e0%b8%84%e0%b8%a1?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%259b%25e0%25b8%25a5%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%2599%25e0%25b9%2582%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%2587%25e0%25b8%259e%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%259a%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%25a5%25e0%25b8%259b%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%25b0%25e0%25b8%2581%25e0%25b8%2599%25e0%25b8%25aa%25e0%25b8%2587%25e0%25b8%2584%25e0%25b8%25a1 Thu, 11 Jul 2024 03:00:00 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog/?p=35975 หากใครที่อยาก เปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม เพราะย้ายงาน ย้ายที่อยู่ หรือไม่สะดวกเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลประกันสังคมเดิม สามารถเปลี่ยนสถานพยาบาล ประกันสังคม ได้ปีละ 1 ครั้ง  โดยผู้ประกันตนจะต้องดำเนินการในช่วงวันที่ 16 ธันวาคม - 31 มีนาคมของทุกปี และสามารถตรวจสอบรายชื่อสถานพยาบาลประกันสังคม ด้วยการสอบถามจากนายจ้าง

The post วิธีเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
หากใครที่อยาก เปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม เพราะย้ายงาน ย้ายที่อยู่ หรือไม่สะดวกเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลประกันสังคมเดิม สามารถเปลี่ยนสถานพยาบาล ประกันสังคม ได้ปีละ 1 ครั้ง  โดยผู้ประกันตนจะต้องดำเนินการในช่วงวันที่ 16 ธันวาคม - 31 มีนาคมของทุกปี และสามารถตรวจสอบรายชื่อสถานพยาบาลประกันสังคม ด้วยการสอบถามจากนายจ้าง หรือตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงานประกันสังคม www.sso.go.th สายด่วน 1506

ขั้นตอนการเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม

1. ดำเนินการผ่านเว็บไซต์

เริ่มจากเข้าที่เว็บไซต์ www.sso.go.th หากคุณต้องการเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม ให้เข้าสู่ระบบ หรือสมัครสมาชิก จากนั้นกด “ยื่นแบบขอเปลี่ยนสถานพยาบาล” เลือกเหตุผลการเปลี่ยน เลือกสถานพยาบาลใหม่ที่ต้องการ กดยอมรับข้อตกลงพร้อมบันทึก

2. ดำเนินการผ่าน Line Official

เข้าไปใน Line แล้วเพิ่มเพื่อน @ssothai กดเลือก “ข้อมูลของผู้ประกันตน” กรอกข้อมูลเพื่อเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิก เลือกไปที่เมนู “เปลี่ยนสถานพยาบาล” เลือกเหตุผลการเปลี่ยน สถานพยาบาลใหม่ที่ต้องการ แล้วกดยอมรับข้อตกลง หลังจากนั้นกดยืนยัน

3. ดำเนินการผ่านแอป SSO Connect

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SSO Connect IOS หรือ Android กดเข้าแอปแล้วกรอกข้อมูลส่วนตัว ระบุสาเหตุการเปลี่ยนโรงพยาบาล จากนั้นเลือกโรงพยาบาลที่ต้องการ แล้วกดยอมรับเงื่อนไขและเลือกยืนยัน

4. ยื่นเอกสารด้วยตัวเอง

เตรียมเอกสารให้พร้อม! ยื่นแบบการเลือกสถานพยาบาลในการรับบริการทางการแพทย์ สปส. 9-02 ได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทุกแห่งทั่วประเทศ

สำหรับผลการเปลี่ยนสถานพยาบาล ผู้ประกันตนมาตรา 33 สามารถตรวจสอบได้โดยการสอบถามจากนายจ้าง ส่วนผู้ประกันตนมาตรา 39 จะได้รับหนังสือหรือ SMS แจ้งผล หรือ เช็คสิทธิประกันสังคม การรักษาพยาบาลได้ที่ www.sso.go.th หรือแอด Line @ssothai หรือติดต่อสำนักงานประกันสังคม สถานพยาบาลในโครงการทั่วประเทศ โทร 1506 กรณีผู้ประกันตนที่สิ้นสภาพจากความเป็นผู้ประกันตนสามารถใช้สิทธิต่อไปได้อีก 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่สิ้นสภาพ

การเลือกเปลี่ยนสถานพยาบาล ผู้ประกันตนควรเลือกด้วยตัวเอง เพื่อความสะดวกในการขอรับบริการ แต่จะดีกว่าถ้าหากเราซื้อความอุ่นใจให้กับตนเอง แนะนำให้ ซื้อประกันสุขภาพ เพิ่มเติมจากสิทธิประกันสังคมที่คุณได้รับ เพื่อคุ้มครองมากขึ้นเมื่อเจ็บป่วย เกิดอุบัติเหตุ ก็ได้ค่ารักษา รวมถึงค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าห้อง ICU ในกรณีที่เจ็บป่วยหนัก สำหรับผู้ที่มีอายุ 21-55 ปี ซื้อง่าย ไม่ต้องตรวจสุขภาพ มีทั้งแผนผู้ป่วยใน (IPD) และ ผู้ป่วยนอก (OPD) นำมาลดหย่อนภาษีได้ ซื้อออนไลน์กับ bolttech.co.th ได้เลย

ประกันสุขภาพ

The post วิธีเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
5 โรคที่ควรเฝ้าระวังในช่วงหน้าฝน !! https://www.bolttech.co.th/blog/%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%8a%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%9d%e0%b8%99?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=%25e0%25b9%2582%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%2584%25e0%25b8%2597%25e0%25b8%25b5%25e0%25b9%2588%25e0%25b8%2584%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%25b0%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%25b1%25e0%25b8%2587%25e0%25b8%258a%25e0%25b9%2588%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%2587%25e0%25b8%25ab%25e0%25b8%2599%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%259d%25e0%25b8%2599 Fri, 05 Jul 2024 04:00:00 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog/?p=35835 ฝนตกเย็นสบายๆ แต่ไม่วายทำให้คนเจ็บป่วยได้หลายโรค !! เนื่องจากในช่วงหน้าฝนอากาศจะชื้นๆ อุณหภูมิจะลดลง ทำให้เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัสเติบโตได้เป็นอย่างดี ส่งผลเสียต่อสุขภาพ จนล้มป่วยและติดต่อกันได้ง่าย แถมบางโรคก็มีสัตว์เป็นพาหะ นำเชื้อโรคสู่คนอีกด้วย จะมีโรคอะไรที่ควรเฝ้าระวัง มีวิธีป้องกันอย่างไรบ้าง มาดูกันเลย 1. โ

The post 5 โรคที่ควรเฝ้าระวังในช่วงหน้าฝน !! appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
ฝนตกเย็นสบายๆ แต่ไม่วายทำให้คนเจ็บป่วยได้หลายโรค !! เนื่องจากในช่วงหน้าฝนอากาศจะชื้นๆ อุณหภูมิจะลดลง ทำให้เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัสเติบโตได้เป็นอย่างดี ส่งผลเสียต่อสุขภาพ จนล้มป่วยและติดต่อกันได้ง่าย แถมบางโรคก็มีสัตว์เป็นพาหะ นำเชื้อโรคสู่คนอีกด้วย จะมีโรคอะไรที่ควรเฝ้าระวัง มีวิธีป้องกันอย่างไรบ้าง มาดูกันเลย

1. โรคไข้หวัดใหญ่

โรคไข้หวัดใหญ่

โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัสหลายชนิด อาการโรคไข้หวัดใหญ่ที่พบบ่อย คือ มีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว คัดจมูก น้ำมูกไหล เจ็บคอ ไอแห้ง หนาวสั่น อ่อนเพลีย  ทั่วไปอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นใน 3-7 วัน แต่มีอาการไอและเจ็บคออาจ คงมีอยู่นานถึง 2 สัปดาห์ (ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของผู้ป่วย) หากพบว่ามีอาการรุนแรง เนื่องจากไข้หวัดบางชนิดอาจจะได้รับยาต้านไวรัสจากแพทย์ เพื่อลดความรุนแรงและป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ

วิธีการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่

  • พักผ่อนอย่างเต็มที่
  • ดื่มน้ำสะอาด
  • เช็ดตัวเมื่อมีไข้สูง
  • สวมเสื้อผ้าที่ทำให้อบอุ่น
  • กินยาลดไข้ ยาแก้แพ้ ยาแก้ไอขับเสมหะ

2. โรคไข้เลือดออก

โรคไข้เลือดออก

โรคไข้เลือดออก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี (Dengue Virus) โรคติดต่อที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค เนื่องจากโดนยุงกัด พบได้ในผู้ป่วยทุกเพศทุกวัย การติดเชื้อครั้งแรก อาการโรคไข้เลือดออก ได้แก่  มีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว และมีผื่นตามผิวหนัง  ซึ่งระยะของโรคจะมี 3 ระยะดังนี้

ระยะไข้ : จะมีไข้สูงถึง 41 องศาเซลเซียส คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ปวดท้อง และมีผื่นตามตัว

ระยะวิกฤต : ไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว เกร็ดเลือดต่ำทำให้เลือดออกง่าย เลือดกำเดาไหล อาเจียนเป็นเลือด การไหลเวียนเลือดล้มเหลว มือเท้าเย็น ชีพจรเบาลง ความดันโลหิตเปลี่ยนแปลง

ระยะฟื้นตัว : อาการเริ่มดีขึ้น เริ่มอยากอาหาร ความดันโลหิตสูงขึ้น ชีพจรเต้นแรงขึ้นและเบาลง ปัสสาวะมากขึ้น บางรายมีผื่นมีจุดแดง มีเลือดออกตามตัว

วิธีการป้องกันโรคไข้เลือดออก

  • กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย
  • นอนในมุ้ง 
  • ทายากันยุง
  • ฉีดวัคซีนไข้เลือดออก
  • หากเริ่มมีอาการให้ดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด
  • หากมีอาการรุนแรงขึ้น ให้รีบพบแพทย์ทันที

3. โรคฉี่หนู

โรคฉี่หนู

โรคฉี่หนู เกิดจากการสัมผัสเชื้อโรคในน้ำสกปรก น้ำขัง ที่มีการปนเปื้อนของปัสสาวะสัตว์พาหะ เช่น หนู วัว ม้า หมู สุนัข ผู้ป่วยโรคฉี่หนูอาการ คือ เป็นไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว หนาวสั่น อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ตาแดง ตัวเหลือง ตาเหลือง และอาจมีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ   หากรุนแรงอาจทำให้ผู้ป่วยไตวายฉับพลัน ตับวาย หัวใจวาย เกล็ดเลือดต่ำ กล้ามเนื้อสลายตัว ความดันต่ำ เป็นอันตรายถึงขั้นชีวิตได้

วิธีการป้องกันโรคฉี่หนู

  • หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำท่วม ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรสวมใส่รองเท้าบูท
  • หลีกเลี่ยงให้บาดแผลสัมผัสน้ำที่ไม่สะอาด
  • อาบน้ำ ชำระร่างกายให้สะอาดทุกครั้งที่ลุยน้ำ
  • เช็ดตัว เป่าผมให้แห้ง

4. โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน

โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน

อีกหนึ่งโรคไม่ควระมองข้าม "โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน" คือ การถ่ายอุจจาระเหลว 3 ครั้ง ขึ้นไปภายใน 24 ชั่วโมง เกิดจากการติดเชื้อโรต้าไวรัส (Rotavirus) โนโรไวรัส (Norovirus) เชื้อแบคทีเรีย โปรโตซัว พยาธิ  และการทานอาหารที่ไม่สะอาด ปนเปื้อนเชื้อโรค หรือการกินอาหารที่มีรสจัดๆ

อาการโรคท้องเสียฉับพลัน ได้แก่ ปวดท้อง ปวดหัว มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดเมื่อยตามตัว มีภาวะขาดน้ำ ปากแห้ง เป็นลม  ในช่วงหน้าฝนนี้เสี่ยงเป็น โรคท้องเสีย ได้ง่ายเช่นกัน

วิธีการป้องกันโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน

  • ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร
  • เลือกกินอาหารที่ปรุงสุก และล้างทำความสะอาด
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • จิบน้ำเกลือแร่ ดื่มน้ำสะอาด
  • ทานอาหารอ่อนๆ ไม่จัดจ้านเกินไป
  • หากมีอาการรุนแรงขึ้น ควรไปพบแพทย์ทันที

5. โรคต่อมทอนซิลอักเสบ

โรคต่อมทอนซิลอักเสบ

ฤดูฝนนี้มักป่วยเป็น โรคต่อมทอนซิลอักเสบ ได้เช่นกัน โดยเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อไวรัสต่างๆ อาการที่พบได้บ่อย คือ เจ็บคอ เสียงแหบ ปวดร้าวไปถึงหู มีไข้ ปวดศรีษะ กลืนอาหารก็เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองที่คอบวมโต  จนกลายเป็นอาการอักเสบเรื้อรัง ทำให้มีกลิ่นปากด้วย

วิธีการป้องกันโรคต่อมทอนซิลอักเสบ

  • ล้างมือก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ
  • ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
  • สวมใส่แมส ใช้ทิชชู่เช็ดและปิดปากทุกครั้งที่ไอจาม
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • ดื่มน้ำสะอาดๆ
  • กลั้วด้วยน้ำเกลือผสมน้ำอุ่น
  • ไม่สูบบุหรี่ หรือสูดดมควันบุหรี่

นอกจากนี้ยังมีโรคอื่นๆ มากมายเช่น โรคตาแตง โรคเยื่อบุตาอักเสบ โรคไข้มาลาเรีย เป็นต้น ซึ่งอาการเจ็บป่วยไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงหน้าฝน แต่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกฤดูกาล ดังนั้นเราควรมองหา ประกันสุขภาพ เพิ่มความอุ่นใจไว้ดีกว่า เพื่อคุ้มครองค่ารักษาเมื่อเจ็บป่วย อุบัติเหตุ ครอบคลุมทั้งค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าห้อง ICU สามารถเลือกแผนเองได้ มีทั้งแผนผู้ป่วยใน (IPD) และ ผู้ป่วยนอก (OPD) ซื้อง่ายผ่านออนไลน์ ไม่ต้องตรวจสุขภาพ นำมาลดหย่อนภาษีได้

ประกันสุขภาพ

The post 5 โรคที่ควรเฝ้าระวังในช่วงหน้าฝน !! appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
5 แอปหาหมอออนไลน์ ไม่ต้องไปโรงพยาบาล https://www.bolttech.co.th/blog/%e0%b9%81%e0%b8%ad%e0%b8%9b%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%84%e0%b8%a5%e0%b8%99%e0%b9%8c?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=%25e0%25b9%2581%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%259b%25e0%25b8%25ab%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%25ab%25e0%25b8%25a1%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%2599%25e0%25b9%2584%25e0%25b8%25a5%25e0%25b8%2599%25e0%25b9%258c Mon, 24 Jun 2024 04:00:00 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog/?p=35448 การหาหมอออนไลน์ กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยผู้ป่วยสามารถปรึกษาแพทย์ผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปโรงพยาบาล ผู้ป่วยสามารถอธิบายอาการและแพทย์จะให้คำปรึกษา วินิจฉัย และจ่ายยาทางออนไลน์ได้ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางเป็นอย่างมาก หรือใครที่ไม่อยากไปโรงพยาบาลก็สามารถปรึกษาแพทย์ผ

The post 5 แอปหาหมอออนไลน์ ไม่ต้องไปโรงพยาบาล appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
การหาหมอออนไลน์ กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยผู้ป่วยสามารถปรึกษาแพทย์ผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปโรงพยาบาล ผู้ป่วยสามารถอธิบายอาการและแพทย์จะให้คำปรึกษา วินิจฉัย และจ่ายยาทางออนไลน์ได้ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางเป็นอย่างมาก หรือใครที่ไม่อยากไปโรงพยาบาลก็สามารถปรึกษาแพทย์ผ่าน แอปหาหมอออนไลน์  เหล่านี้ได้เลย

1. Chiiwii ปรึกษาหมอออนไลน์

แอปหาหมอออนไลน์ที่ไม่ว่าคุณจะเป็นอะไร ก็มีหมอผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษา สามารถเลือกเองได้เพราะมีหมอเฉพาะทางหลายสาขา สามารถจองคิวปรึกษาและสนทนาแบบส่วนตัวผ่านช่องทาง วิดีโอคอล โทร หรือแชทผ่านแอป และชำระเงินผ่านบัตรเครดิตได้สบายๆ

ดาวน์โหลด IOS 

ดาวน์โหลด Andriod

2. SkinX พบหมอผิวหนังออนไลน์

ใครที่อยากหาหมอผิวหนังก็สามารถใช้บริการแอปนี้ได้เลย เพราะเขามีแพทย์เฉพาะทางผิวหนังมากกว่า 200 คน จากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำ สะดวกตั้งแต่หาหมอ จ่ายยา สั่งยา ส่งยาถึงบ้าน เก็บประวัติ และติดตามผล จุดเด่นคือพบแพทย์ได้ไวใน 3 นาที รู้ค่ารักษาพยาบาลก่อนพบแพทย์

ดาวน์โหลด IOS 

ดาวน์โหลด Andriod

3. ALive Powered by AIA

แอปหาหมอออนไลน์ที่สามารถปรึกษาได้ฟรี 1 ครั้ง ในระยะเวลา 15 นาที หลังจากนั้นจะมีค่าใช้จ่าย ปรึกษาแพทย์ได้ทั้งเรื่องสุขภาพของตนเองและคนในครอบครัวสำหรับโรคทั่วไป หรือใครที่วางแผนการมีบุตรก็สามารถปรึกษาได้เช่นกัน

ดาวน์โหลด IOS

4. HD สุขภาพดี เริ่มต้นที่นี่

อีกหนึ่งแอปสำหรับคนที่อยากจะปรึกษาหมอและเภสัชกรแบบออนไลน์ และยังมีบทความเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพต่างๆ ให้อ่านเพื่อเป็นความรู้ มีแพ็คเกจสำหรับการรักษาพร้อมโปรโมชั่นอย่างครบวงจร สำหรับสุขภาพของสัตว์เลี้ยงก็สามารถปรึกษาสัตวแพทย์ได้เช่นกัน

ดาวน์โหลด IOS 

ดาวน์โหลด Andriod

5. Clicknic - คลิกนิก

หากคุณอยากปรึกษาแพทย์และเภสัชกร ที่มีใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพเวชกรรมผ่านการวิดีโอคอล ก็สามารถใช้แอปนี้ได้ นอกจากนี้ยังมีบริการฝากซื้อยาจากร้านยาชั้นนำกว่า 30 แห่ง พร้อมคำแนะนำโดยเภสัชกร ทำให้ได้ยาที่ตรงตามความต้องการและการรักษา

ดาวน์โหลด IOS

ดาวน์โหลด Andriod

การหาหมอออนไลน์ยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล หรือมีปัญหาในการเดินทาง รวมถึงผู้สูงอายุและผู้พิการที่เคลื่อนไหวลำบาก ด้วยบริการนี้ทำให้สามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพได้อย่างสะดวกมากขึ้น ถ้าหากคุณเริ่มมีอายุประมาณ 21-55 ปี ซื้อประกันสุขภาพ ที่ bolttech.co.th เพื่อตัวคุณเอง มีทั้งแผนผู้ป่วยใน (IPD) และ ผู้ป่วยนอก (OPD) ซึ่งประกันสุขภาพจะคุ้มครองค่ารักษาเมื่อเจ็บป่วย อุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็น ค่าห้อง ค่าอาหาร ครอบคลุมค่าห้อง ICU ซื้อเองได้ง่าย ผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ต้องตรวจสุขภาพ นำมาลดหย่อนภาษีได้

The post 5 แอปหาหมอออนไลน์ ไม่ต้องไปโรงพยาบาล appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
รู้ทันอาการ “ฮีทสโตรก” พร้อมวิธีป้องกัน https://www.bolttech.co.th/blog/%e0%b8%ae%e0%b8%b5%e0%b8%97%e0%b8%aa%e0%b9%82%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a1%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b8%9b%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%99?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=%25e0%25b8%25ae%25e0%25b8%25b5%25e0%25b8%2597%25e0%25b8%25aa%25e0%25b9%2582%25e0%25b8%2595%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%2581%25e0%25b8%259e%25e0%25b8%25a3%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%25a1%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%25b4%25e0%25b8%2598%25e0%25b8%25b5%25e0%25b8%259b%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%2587%25e0%25b8%2581%25e0%25b8%25b1%25e0%25b8%2599 Wed, 05 Jun 2024 08:20:00 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog/?p=35038 อาการฮีทสโตรก เป็นภัยร้ายที่แฝงมาในหน้าร้อน ปีนี้เป็นปีแรกที่ประเทศไทยอากาศร้อนระอุ อุณหภูมิพุ่งทะลุ 40 องศาเป็นที่เรียบร้อย ทำให้หลายคนบ่นและรู้สึกจะเป็นลมไปตามๆ กัน แต่ภัยร้ายยิ่งกว่านั้นที่หลายคนอาจจะคำนึงไม่ถึงก็คือ อาการฮีทสโตรก ส่งผลให้อัตราการเสียชีวิตสูงขึ้น เราจึงต้องรู้ให้เท่าทันถึงสาเหตุ ลักษณะอาการ และวิธีป

The post รู้ทันอาการ “ฮีทสโตรก” พร้อมวิธีป้องกัน appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
อาการฮีทสโตรก เป็นภัยร้ายที่แฝงมาในหน้าร้อน ปีนี้เป็นปีแรกที่ประเทศไทยอากาศร้อนระอุ อุณหภูมิพุ่งทะลุ 40 องศาเป็นที่เรียบร้อย ทำให้หลายคนบ่นและรู้สึกจะเป็นลมไปตามๆ กัน แต่ภัยร้ายยิ่งกว่านั้นที่หลายคนอาจจะคำนึงไม่ถึงก็คือ อาการฮีทสโตรก ส่งผลให้อัตราการเสียชีวิตสูงขึ้น เราจึงต้องรู้ให้เท่าทันถึงสาเหตุ ลักษณะอาการ และวิธีป้องกันไม่ให้เป็นโรคฮีทสโตรกหรือโรคลมแดด

โรคฮีทสโตรก (Heat Stroke) เกิดจากร่างกายไม่สามารถควบคุม ระบบการระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกิน 40 องศาเซลเซียส อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงต่างๆ จนถึงขั้นเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีภายใน 2 ชั่วโมง สาเหตุหลักมาจากการอยู่ในสภาพอากาศร้อนจัด ออกกำลังกายอย่างหักโหม ใส่เสื้อผ้าหนาเกินไป อย่าปล่อยปะละเลยกับโรคฮีทสโตรก ควรสังเกตตัวเองและผู้อื่นว่าหากมีอาการเหล่านี้ อาจเสี่ยงเป็นฮีทสโตรก

อาการของโรคฮีทสโตรก

  • ปวดศีรษะรุนแรง คลื่นไส้อาเจียน 
  • อุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส
  • กระหายน้ำมาก
  • ผิวแห้งและตัวร้อนขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่มีเหงื่อออก
  • หายใจเร็ว ชีพจรเต้นเร็ว
  • กระสับกระส่าย มึนงง สับสน  
  • หมดสติ และเกิดอาการชักในที่สุด

การรักษา

การลดอุณหภูมิร่างกายลงอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาโรคฮีทสโตรก สามารถทำได้โดย

1.นำผู้ป่วยเข้าไปอยู่ในที่ร่มและมีอากาศถ่ายเทในทันที 

2.ปลดกระดุมเสื้อ เพื่อระบายความร้อนอย่างรวดเร็ว หากเสื้อผ้าหนาให้ถอดออก

3.หากผู้ป่วยยังมีสติ ให้ดื่มน้ำเย็น

4.ใช้ผ้าเย็นประคบตามซอกต่างๆ เช่น รักแร้ คอ ขาหนีบ หน้าผาก

5.นำส่งโรงพยาบาลในทันทีเพื่อติดตามอาการ

วิธีป้องกันโรคฮีทสโตรก

1.หลีกเลี่ยงการทำงานหนัก หรือออกกำลังกายในช่วงเวลาที่อากาศร้อนจัด

2.ดื่มน้ำให้เพียงพอ จิบน้ำสะอาดบ่อยๆ 6-8 แก้วต่อวัน

3.สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี

4.พักผ่อนในที่ร่มบ่อยๆ เมื่อรู้สึกร้อน

5.หากใครต้องการออกกำลังกาย ให้เลือกสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเท วอร์มร่างกายก่อนเสมอ

6.หากมีความผิดปกติ ให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที

โรคฮีทสโตรกเป็นภาวะที่อันตรายถึงชีวิต ควรรู้วิธีป้องกันและรับมือเพื่อดูแลตัวเองและผู้อื่นให้ปลอดภัย เพราะเรื่องสุขภาพไม่ใช่เรื่องไกลตัว ซื้อประกันสุขภาพ กับ bolttech สำหรับคนที่กำลังมองหาความคุ้มครองเรื่องค่ารักษาเมื่อเจ็บป่วย อุบัติเหตุ รวมถึงคุ้มครองค่าห้อง ค่าอาหาร หากเจ็บป่วยร้ายแรงจนต้องเข้าห้อง ICU ประกันก็คุ้มครอง มีแผนประกันจากบริษัทประกันชั้นนำให้เลือกมากมาย ทั้งแผนผู้ป่วยใน (IPD) และ ผู้ป่วยนอก (OPD) สำหรับผู้ที่มีอายุ 21-55 ปี ไม่ต้องตรวจสุขภาพ นำมาลดหย่อนภาษีได้ ซื้อออนไลน์รับสิทธิพิเศษทันที

ประกันสุขภาพ

The post รู้ทันอาการ “ฮีทสโตรก” พร้อมวิธีป้องกัน appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
วิธีจัดกระเป๋ายา ชุดปฐมพยาบาล เพื่อไปแคมป์ปิ้ง https://www.bolttech.co.th/blog/%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b8%88%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b9%8b%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%b2-%e0%b8%8a%e0%b8%b8%e0%b8%94%e0%b8%9b%e0%b8%90%e0%b8%a1%e0%b8%9e%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%a5-%e0%b9%80%e0%b8%9e%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b9%84%e0%b8%9b%e0%b9%81%e0%b8%84%e0%b8%a1%e0%b8%9b%e0%b9%8c%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b9%89%e0%b8%87?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%25b4%25e0%25b8%2598%25e0%25b8%25b5%25e0%25b8%2588%25e0%25b8%25b1%25e0%25b8%2594%25e0%25b8%2581%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%25b0%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%259b%25e0%25b9%258b%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%25b2-%25e0%25b8%258a%25e0%25b8%25b8%25e0%25b8%2594%25e0%25b8%259b%25e0%25b8%2590%25e0%25b8%25a1%25e0%25b8%259e%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%259a%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%25a5-%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%259e%25e0%25b8%25b7%25e0%25b9%2588%25e0%25b8%25ad%25e0%25b9%2584%25e0%25b8%259b%25e0%25b9%2581%25e0%25b8%2584%25e0%25b8%25a1%25e0%25b8%259b%25e0%25b9%258c%25e0%25b8%259b%25e0%25b8%25b4%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%2587 Thu, 09 May 2024 04:00:00 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog/?p=34519 ตั้งแคมป์ปิ้ง ถือกิจกรรมยามว่างของใครหลายคนๆ ได้อยู่ใกล้ชิดกับท่ามกลางธรรมชาติ ดื่มด่ำกับอากาศที่บริสุทธิ์ แต่การไปแคมป์ปิ้งในป่า หรือพื้นที่ห่างไกลจากสถานพยาบาล ค่อนข้างเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากๆ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมาระหว่างทริป เช่น เจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ เป็นต้น นอกจากเตรียมอุปกรณ์ตั้งแคมป์ ทางที่ดีคุณควรจัดก

The post วิธีจัดกระเป๋ายา ชุดปฐมพยาบาล เพื่อไปแคมป์ปิ้ง appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
ตั้งแคมป์ปิ้ง ถือกิจกรรมยามว่างของใครหลายคนๆ ได้อยู่ใกล้ชิดกับท่ามกลางธรรมชาติ ดื่มด่ำกับอากาศที่บริสุทธิ์ แต่การไปแคมป์ปิ้งในป่า หรือพื้นที่ห่างไกลจากสถานพยาบาล ค่อนข้างเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากๆ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมาระหว่างทริป เช่น เจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ เป็นต้น นอกจากเตรียมอุปกรณ์ตั้งแคมป์ ทางที่ดีคุณควรจัดกระเป๋ายาและชุดปฐมพยาบาลไปด้วย แต่ไม่จำเป็นต้องหอบกระเป๋ายาใบใหญ่ไปให้เกะกะ พกยาเท่าที่จำเป็น วันนี้ bolttech.co.th จะมาแชร์ วิธีจัดกระเป๋ายาและชุดปฐมพยาบาล บื้องต้นมาฝาก เหมาะสำหรับสายแคมป์ปิ้ง!

1. ยาสามัญประจำบ้าน เช่น 

  • ยาแก้ปวดลดไข้
  • ยารักษาอาการท้องเสีย
  • ยาแก้แพ้
  • ยาดม ยาหม่อง
  • ยารักษาแผลสด
  • ยาทากันยุง
  • ยาทาแก้ผดผื่นคัน
  • ยาแก้เมารถ เมาเรือ
  • ยาบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือน สำหรับผู้หญิง

ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหน การจัดกระเป๋ายาแบบนี้ช่วยให้อุ่นใจมากยิ่งขึ้นและถือว่าครอบคลุมอาการเจ็บป่วย อย่างน้อยก็ช่วยบรรเทาอาการไม่ให้ทรุดหนักก่อนถึงมือหมอ จัดไปแบบพอประมาณก็พอไม่ต้องเอาไปหมด อาจจะเอาไปเผื่อคนในทริปด้วยแต่ทางที่ดีควรสอบถามบุคคลนั้นก่อนว่าแพ้ยาอะไรหรือไม่

2. เวชภัณฑ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น เช่น 

  • ผ้าก๊อซปิดแผล
  • พลาสเตอร์
  • ผ้าพันแผล
  • คีมคีบ
  • สำลี
  • แอลกอฮอล์ล้างแผล
  • ถุงมือยาง
  • เทปกาว
  • กรรไกรเล็ก
  • ผ้ายึดพันห้ามเลือด

อุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น หากพกไว้สามารถใช้ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น อุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ข้อเท้าพลิก ข้อเท้าแพลง แผลจากของมีคมบาด ถูกงูหรือสัตว์มีพิษกัดต่อย การปฐมพยาบาลเบื้องต้นถือเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ จากนั้นให้นำตัวผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เพื่อให้แพทย์ทำการรักษาในขั้นตอนต่อไป สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยหรือผู้ได้รับบาดเจ็บได้ถ่วงทันเวลา

3. ยาและอุปกรณ์อื่นๆ เพิ่มเติม

  • ไฟฉุกเฉินขอความช่วยเหลือ
  • นกหวีด
  • ไฟฉายคาดศรีษะ
  • ชุดอุปกรณ์มีด
  • ผ้าห่มฉุกเฉิน
  • ยาฆ่าเชื้อและยาปฏิชีวนะเพื่อใส่บาดแผล
  • ยารักษาโรคประจำตัว
  • ยาฆ่าเชื้อในน้ำดื่ม
  • ผ้าอนามัย

สิ่งของเหล่านี้หากมีไว้ก็จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการปฐมพยาบาลและขอความช่วยเหลือได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ควรศึกษาสภาพภูมิอากาศ ภูมิประเทศในที่ๆ เราจะไปก่อนว่าเป็นแบบไหน จะได้ประเมินสถาณการ์ว่าควรพกอะไรไปเพิ่มเติม ในส่วนของกระเป๋าใส่ยานั้นควรเป็นกระเป๋ากันน้ำที่มีความหนาและทนทาน เพื่อรักษาสภาพของอุปกรณ์และยา

ที่สำคัญอย่าลืม ตรวจสอบวันหมดอายุของยา และควรเปลี่ยนใหม่เมื่อยาหมดอายุ ก่อนเที่ยวทุกครั้งก็จัดเตรียมยา พร้อมชุดปฐมพยาบาลให้เรียบร้อย และต้องไม่ลืม ซื้อประกันสุขภาพ คุ้มครองค่ารักษาเมื่อเจ็บป่วย อุบัติเหตุ ครอบคลุมค่าห้อง ค่าอาหาร มีทั้งผู้ป่วยใน (IPD) และ ผู้ป่วยนอก (OPD) ซื้อง่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ต้องตรวจสุขภาพ นำมาลดหย่อนภาษีได้ เข้ามาเลือกแผนได้ที่ bolttech.co.th

ประกันสุขภาพ

The post วิธีจัดกระเป๋ายา ชุดปฐมพยาบาล เพื่อไปแคมป์ปิ้ง appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
วิธีดื่มน้ำลดน้ำหนัก บำรุงผิวสวย สุขภาพดี https://www.bolttech.co.th/blog/%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b8%94%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%a1%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%a5%e0%b8%94%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%81?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%25b4%25e0%25b8%2598%25e0%25b8%25b5%25e0%25b8%2594%25e0%25b8%25b7%25e0%25b9%2588%25e0%25b8%25a1%25e0%25b8%2599%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%25b3%25e0%25b8%25a5%25e0%25b8%2594%25e0%25b8%2599%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%25b3%25e0%25b8%25ab%25e0%25b8%2599%25e0%25b8%25b1%25e0%25b8%2581 Wed, 24 Apr 2024 05:00:00 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog/?p=34207 การดื่มน้ำ เป็นหนึ่งในวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้เราสามารถลดน้ำหนักได้ การดื่มน้ำเพียงพอจะช่วยให้ระบบเมตาบอลิซึมในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้น ลดความรู้สึกหิวระหว่างมื้ออาหาร ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถควบคุมปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับเข้าไปได้ดีขึ้น  นอกจากนี้ยังเพิ่มการเผาผลาญแคลอรี่ ช่วยให้ระบ

The post วิธีดื่มน้ำลดน้ำหนัก บำรุงผิวสวย สุขภาพดี appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
การดื่มน้ำ เป็นหนึ่งในวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้เราสามารถลดน้ำหนักได้ การดื่มน้ำเพียงพอจะช่วยให้ระบบเมตาบอลิซึมในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้น ลดความรู้สึกหิวระหว่างมื้ออาหาร ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถควบคุมปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับเข้าไปได้ดีขึ้น  นอกจากนี้ยังเพิ่มการเผาผลาญแคลอรี่ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างราบรื่น ขจัดของเสียออกจากร่างกาย รักษาไตให้แข็งแรง และยังช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งดูมีน้ำมีนวล ป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ดังนั้นการดื่มน้ำอย่างเพียงพอและถูกวิธีในแต่ละวัน จึงเป็นองค์ประกอบสำคัญในการลดน้ำหนักอย่างมีสุขภาพดี

1. ดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหาร

การดื่มน้ำประมาณ 1-2 แก้วก่อนรับประทานอาหารจะช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง ซึ่งจะช่วยลดปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับ

2. ทดแทนเครื่องดื่มอื่นด้วยน้ำเปล่า

งดเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและแคลอรี่สูง เช่น น้ำอัดลม น้ำผลไม้ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้ดื่มน้ำเปล่าแทน เพื่อลดการได้รับแคลอรี่และน้ำตาลส่วนเกิน

3. พกขวดน้ำติดตัวไปด้วยตลอดเวลา

การมีขวดน้ำติดตัวจะเตือนให้เราดื่มน้ำบ่อยครั้งขึ้น ช่วยให้ได้รับน้ำในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

4. เลือกดื่มน้ำเย็น

น้ำเย็นจะช่วยให้ร่างกายต้องใช้พลังงานในการทำให้น้ำอุ่นขึ้นเพื่อย่อย ซึ่งจะช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่าน้ำอุ่น

5. ดื่มน้ำก่อนรู้สึกหิว

อย่ารอให้รู้สึกหิวจึงค่อยดื่มน้ำ เพราะนั่นอาจทำให้รับประทานอาหารมากเกินไป ให้ดื่มน้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง เพื่อรักษาระดับความอิ่มของร่างกาย

6. เพิ่มผลไม้เข้าไปในน้ำดื่ม

การใส่ผลไม้ลงในน้ำ เช่น ส้ม มะนาว แอปเปิ้ล จะช่วยเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมให้น้ำ ทำให้อยากดื่มน้ำมากขึ้น

7. ดื่มน้ำก่อนและหลังออกกำลังกาย

การดื่มน้ำก่อนและหลังออกกำลังกาย เพื่อช่วยให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ เพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญแคลอรี่ระหว่างออกกำลังกายด้วย หากทำแพลนการดื่มน้ำใน 1 วัน สามารถทำตามได้อย่างง่ายดาย ดังต่อไปนี้

  • 07.00 น. ดื่มน้ำ 1 แก้ว หลังตื่นนอน ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น กระตุ้นการขับถ่าย
  • 08.00 น. ดื่มน้ำ 1 แก้ว ก่อนอาหารเช้า 1 ชม. เพื่อป้องกันอาการท้องอืดท้องเฟ้อ
  • 09.00 - 10.00 น. ดื่มน้ำ 1-2 แก้ว เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายทำงานได้เต็มที่ ชำระล้างของเสียออกจากร่างกาย
  • 11.00 น. ดื่มน้ำครึ่งแก้ว ก่อนอาหารเที่ยง 1 ชม. จะช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ทานอาหารได้น้อยลง
  • 12.00 น. จิบน้ำเล็กน้อยเพื่อล้างปาก ไม่ควรดื่มน้ำเยอะเพราะจะทำให้น้ำย่อยเจือจาง ย่อยอาหารได้ไม่ดี
  • 13.00 - 16.00 น. ดื่มน้ำ 2-3 แก้ว จิบเพื่อดับกระหายระหว่างวัน เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
  • 17.00 - 19.00 น. ดื่มน้ำ 1 แก้ว ก่อนอาหารเย็น 1 ชม. หาเวลาออกกำลังกาย และจิบน้ำให้ได้ 1-2 แก้ว
  • 20.00 - 21.00 น. ดื่มน้ำ 1 แก้ว จิบเรื่อยๆ เพื่อให้ระบบเลือดและระบบลำไส้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
  • 22.00 น. ดื่มน้ำ 1 แก้ว ก่อนนอน 1 ชม. เพื่อชำระล้างสิ่งตกค้างในลำไส้

การปฏิบัติตามวิธีเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ ถือช่วยให้คุณดื่มน้ำได้ในปริมาณที่เหมาะสม ส่งผลให้กระบวนการลดน้ำหนักเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับคนที่อยากลดความอ้วนและดูแลสุขภาพ และต้องไม่ลืมที่จะออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยหากใครมีแพลนลดน้ำหนักใน 1 เดือน สูตรลดน้ำหนักแบบเร่งรัดนั้นไม่มีเพราะว่าทุกอย่างต้องใช้เวลา นอกจากนี้คุณควรมองหา ประกันสุขภาพ จากบริษัทประกันชั้นนำควบคู่ไปด้วย คุ้มครองค่ารักษาเมื่อเจ็บป่วย เกิดอุบัติเหตุ ครอบคลุมค่าห้อง ค่าอาหาร ซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ต้องตรวจสุขภาพ นำมาลดหย่อนภาษีได้ เข้ามาเทียบแผนที่ bolttech.co.th ได้เลย

ประกันสุขภาพ

The post วิธีดื่มน้ำลดน้ำหนัก บำรุงผิวสวย สุขภาพดี appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
ออฟฟิศซินโดรม สาเหตุ อาการ และวิธีป้องกัน https://www.bolttech.co.th/blog/%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b8%9f%e0%b8%9f%e0%b8%b4%e0%b8%a8%e0%b8%8b%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b9%82%e0%b8%94%e0%b8%a3%e0%b8%a1-%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%95%e0%b8%b8-%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3-%e0%b9%81%e0%b8%a5%e0%b8%b0%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b8%9b%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%99?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%259f%25e0%25b8%259f%25e0%25b8%25b4%25e0%25b8%25a8%25e0%25b8%258b%25e0%25b8%25b4%25e0%25b8%2599%25e0%25b9%2582%25e0%25b8%2594%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%25a1-%25e0%25b8%25aa%25e0%25b8%25b2%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%25ab%25e0%25b8%2595%25e0%25b8%25b8-%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%2581%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%25a3-%25e0%25b9%2581%25e0%25b8%25a5%25e0%25b8%25b0%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%25b4%25e0%25b8%2598%25e0%25b8%25b5%25e0%25b8%259b%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%2587%25e0%25b8%2581%25e0%25b8%25b1%25e0%25b8%2599 Mon, 30 Nov 2020 03:52:00 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog?p=14269 “ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)” เป็นอาการเจ็บป่วยอย่างหนึ่งที่พบได้บ่อยในกลุ่มพนักงานออฟฟิศ จากสถิติส่วนใหญ่พบว่าหนุ่มสาวพนักงานออฟฟิศมีอาการปวดหลัง ปวดเมื่อยตามตัวที่เกิดจากท่านั่งทำงานที่ไม่ถูกต้อง และใช้เวลานั่งทำงานเป็นนานๆ โดยไม่เปลี่ยนอิริยาบท ก็กลายเป็นปัญหาอาการปวดเมื่อยเรื้อรัง ทำให้ป่วยเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมน

The post ออฟฟิศซินโดรม สาเหตุ อาการ และวิธีป้องกัน appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
“ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)” เป็นอาการเจ็บป่วยอย่างหนึ่งที่พบได้บ่อยในกลุ่มพนักงานออฟฟิศ จากสถิติส่วนใหญ่พบว่าหนุ่มสาวพนักงานออฟฟิศมีอาการปวดหลัง ปวดเมื่อยตามตัวที่เกิดจากท่านั่งทำงานที่ไม่ถูกต้อง และใช้เวลานั่งทำงานเป็นนานๆ โดยไม่เปลี่ยนอิริยาบท ก็กลายเป็นปัญหาอาการปวดเมื่อยเรื้อรัง ทำให้ป่วยเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมนั่นเอง แต่หลายคนอาจจะยังงงๆ ว่าอาการออฟฟิศซินโดรมนั้นเป็นอย่างไร มีวิธีการป้องกันตัวเองอย่างไรบ้าง แล้วเพื่อดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ เราลองมาศึกษากันเลยดีกว่า

โรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) คืออะไร?

อาการออฟฟิศซินโดรม คือ อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อรูปแบบหนึ่ง ที่เกิดจากการทำงานที่ไม่ถูกต้องหรือใช้ระยะเวลาทำงานนานเกินไป จนทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและมีอาการชาตามส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หลัง ไหล่ สะบัก ต้นคอ แขน ข้อมือ นิ้วมือ รวมถึงมีอาการปวดศีรษะและสายตาด้วย หากปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานก็จะส่งผลให้มีอาการเจ็บปวดเรื้อรังในที่สุด

โรคออฟฟิศซินโดรมเกิดจากอะไรบ้าง?

แล้วอาการออฟฟิศซินโดรมเกิดจากอะไร ทำไมถึงปวดเมื่อยตามตัวขณะทำงาน ซึ่งสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดออฟฟิศซินโดรมนั้น มีอยู่ 2 ปัจจัยด้วยกัน ได้แก่ 

1. สภาพแวดล้อมที่ทำงานไม่ถูกต้อง

ปัจจัยแรกเกิดจาก สภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่เอื้ออำนวย เช่น การใช้โต๊ะหรือเก้าอี้ที่ไม่เหมาะกับโครงสร้างร่างกาย ตำแหน่งหน้าจอคอมพิวเตอร์สูงหรือต่ำจนเกินไป หรืออุปกรณ์ที่ใช้ไม่เหมาะสม เป็นต้น

2. อิริยาบถในการทำงานไม่เหมาะสม

ปัจจัยที่สองมาจาก การนั่งทำงานที่ไม่เหมาะสม เช่น นั่งหลังค่อม นั่งหลังงอ นั่งบนเก้าอี้ที่ไม่มีพนักพิง นั่งไขว้ห้าง หรือนั่งท่าเดิมนานจนเกินไป จะส่งผลให้ร่างกายรู้สึกไม่ผ่อนคลายจนเกิดอาการปวดเมื่อยตัว รวมถึงสภาวะความเครียดที่มาจากการทำงานก็ยิ่งส่งผลให้เจ็บป่วยตามมาด้วย

อาการออฟฟิศซินโดรม

  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น ปวดไหล่ ปวดคอ ปวดบ่า ปวดท้ายทอย ปวดกระดูกสันหลัง ปวดมือ ปวดแขน ปวดเข่า ปวดสะโพก หรือปวดขา จะมีอาการปวดเมื่อยตามตัวชัดเจน หากเราไม่รีบทำการรักษาก็จะเกิดอาการเจ็บปวดเรื้อรังได้
  • มีอาการะบบประสาทร่วมด้วย เช่น อาการหน้ามืดคล้ายจะเป็นลม อาการตาพร่ามัว  อาการหูอื้อ หรือปวดศีรษะตามมา
  • อาการทางระบบประสาทที่ถูกกดทับ จะมีลักษณะอาการชาตามร่างกาย เช่น อาการชาแขนและขา รวมถึงมีอาการอ่อนล้า อ่อนเพลียได้ง่าย

นอกจากนี้ ผู้ป่วยออฟฟิศซินโดรมจะมีอาการเกร็งมือ ปวดนิ้ว นิ้วล็อค หรืออาจจะเป็นโรคหมอนรองกระดูกแทรกซ้อนด้วย รวมถึงโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท ระบบกล้ามเนื้อ หรือบางรายก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ จะต้องรีบทำการรักษาทันทีก่อนจะเป็นอันตรายต่อกล้ามเนื้อ

วิธีป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรม

สำหรับวิธีการป้องกันอาการออฟฟิศซินโดร สามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน ซึ่งเราจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำที่ถูกต้อง โดยเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนั่งทำงาน หรือสภาพแวดล้อมในการนั่งทำงาน ก็จะช่วยลดอาการป่วยเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมได้

  • ปรับสภาพแวดล้อมการทำงานให้เหมาะสม เช่น เลือกเก้าอี้ที่นั่งสบาย ปรับความสูงของเบาะเก้าอี้ให้พอดี ปรับพนักพิงให้รองรับกับแผ่นหลัง ปรับหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตา และปรับความสว่างของหน้าจอที่สบายตา เป็นต้น
  • ปรับเปลี่ยนท่านั่งทำงานที่ถูกต้อง ต่อมาให้ลองปรับเปลี่ยนท่านั่งทำงานที่จะช่วยลดอาการปวดหลัง เช่น นั่งตัวตรงหลังชิดขอบด้านในของเก้าอี้ หรือสามารถใช้หมอนนิ่มๆ มาหนุนหลัง จะช่วยให้คุณนั่งในท่าสบายมากขึ้น แล้วที่สำคัญอย่าเผลอนั่งหลังงอเด็ดขาด!!
  • บริหารร่างกาย หรือทำโยคะ หากเรามีปัญหาปวดหลัง ปวดเมื่อยตัวขณะทำงาน แนะนำให้ บริหารร่างกายหรือทำโยคะเล็กๆ น้อยๆ ก็จะช่วยลดอาการออฟฟิศซินโดรมได้ แต่ถ้าคุณยังไม่รู้ว่าจะต้องบริหารร่างกายยังไง? แฟรงค์มีท่าเด็ดพิชิตออฟฟิศซินโดรมมาฝากด้วยนะ มาอ่านกันเลย!!
  • พักสายตาบ้าง ถึงแม้เราจะเปลี่ยนท่านั่งทำงานที่เหมาะสมแล้ว หากเราจ้องคอมนานๆ ก็ส่งผลให้คุณรู้สึกปวดตาได้เช่นกัน ทางที่ดีเราควรพักสายตาทุกๆ 15 นาที เพียงให้หลับตา 1-10 วินาที หรือลองกระพริบตาบ่อยๆ เพื่อพักสายตาจากการทำงาน นอกจากนี้เราสามารถใส่แว่นตาที่ช่วยถนอมสายตา หรือใช้แว่นกรองแสงสีฟ้าที่ป้องกันแสงหน้าจอคอม ก็จะช่วยให้เรามองแล้วรู้สึกสบายตามากขึ้น
  • เปลี่ยนอิริยาบถ เพราะการนั่งท่าเดิมๆ เป็นเวลานานจะทำให้ร่างกายเกิดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แนะนำให้เราเปลี่ยนท่านั่งทุกๆ 20-30 นาที จะช่วยลดอาการออฟฟิศซินโดรมได้

ถึงแม้ว่า “ออฟฟิศซินโดรม” จะเป็นเพียงอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าเราไม่รีบทำการรักษาหรือดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ ก็อาจส่งผลอันตรายต่อร่างกายได้เหมือนกัน ทางที่ดีเราควรป้องกันเอาไว้ก่อนดีกว่า จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดทรมานภายหลัง หรือจะมองหาประกันสุขภาพดีๆ เพื่อให้ช่วยดูแลค่ารักษาพยาบาลเมื่อยามเจ็บป่วยในอนาคตได้ ตอบโจทย์คนวัยทำงานเลย เพราะประกันสุขภาพจะช่วยดูแลคุณอีกทาง หมดห่วงมากขึ้น

The post ออฟฟิศซินโดรม สาเหตุ อาการ และวิธีป้องกัน appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
เมนูอาหารคนท้อง ที่มีประโยชน์ต่อคุณแม่ตั้งครรภ์ https://www.bolttech.co.th/blog/%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b8%99%e0%b8%b9%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%87?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%25a1%25e0%25b8%2599%25e0%25b8%25b9%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%25ab%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%2584%25e0%25b8%2599%25e0%25b8%2597%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%2587 Mon, 21 Sep 2020 03:10:00 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog?p=13014 สุดยอด!! เมนูอาหารคนท้องตามอายุครรภ์ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการ สุขภาพที่ดีของลูกน้อย และบำรุงครรภ์ให้กับคุณแม่ แล้วอาหารคนท้องไหนที่ควรกินบ้าง? อ่านได้ที่นี่เลย

The post เมนูอาหารคนท้อง ที่มีประโยชน์ต่อคุณแม่ตั้งครรภ์ appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
จะดีแค่ไหน? เมื่อลูกน้อยกินอาหารที่ดีตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เพื่อเสริมให้ลูกมีพัฒนาการ พร้อมเรียนรู้ด้วยโภชนาการง่ายๆ เพราะอาหารสำหรับคนท้องจะมีผลต่อร่างกายของเด็กโดยตรง เราจึงควรเลือกทานเมนูอาหารคนท้องที่เป็นประโยชน์ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ และเหมาะสมตามแต่ละไตรมาสด้วย ไม่ว่าจะเป็นไตรมาสแรกจนถึงไตรมาสใกล้คลอด ก็จะทำให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารครบถ้วนมากขึ้น พร้อมช่วยบำรุงร่างกายคุณแม่ให้แข็งเเรง แถมเป็นเมนูอาหารลดความอ้วนอีกด้วยนะ ว่าแล้วอาหารที่คนท้องควรกินจะมีอะไรบ้าง มาอ่านกันเลย...

อาหารคนท้องไตรมาสที่ 1

ในช่วงไตรมาสเดือนที่ 1-3 ของการตั้งครรภ์ คุณแม่หลายคนอาจจะมีอาการแพ้ท้อง อาการคลื่นไส้ และอาเจียน จึงทำให้ไม่สามารถทานอาหารได้ ดังนั้น คุณแม่ควรเลือกเมนูอาหารอ่อนๆ เพื่อให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์ ได้แก่

เมนูอาหารคนท้อง
  • อาหารที่มีโปรตีนและโอเมก้า 3 เช่น ปลาแซลมอน เต้าหู้ ไข่ ไก่ เนื่องจากโปรตีนจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และการเจริญเติบโตของเด็กทารก ยกเว้นอาหารเนื้อสัตว์ติดมัน และอาหารทะเลบางชนิดที่มีสารพิษตกค้าง เพื่อป้องกันการติดเชื้อในทารก
  • ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนม หากคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ไม่แพ้นม ก็สามารถดื่มนมในปริมาณที่เหมาะสมได้ เพราะนมจะมีทั้งโปรตีน เเคลเซียม วิตามิน และกรดโฟลิก ที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกของทารกและคุณแม่ให้แข็งแรง แต่ไม่ควรดื่มเกิน 3 แก้วต่อวัน

  • อาหารที่มีธาตุเหล็ก สำหรับเมนูคนท้องที่แนะนำให้ทาน ได้แก่ ข้าวโอ๊ต ถั่ว ลูกเดือย และข้าวกล้อง ธาตุเหล็กจะมีส่วนสำคัญในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดในร่างกายของเด็กทารก และช่วยป้องกันภาวะโลหิตจางด้วย

  • อาหารที่มีโฟเลต จำพวกผักและผลไม้ เช่น มะเขือเทศ ส้ม บร็อกโคลี ผักโขม มันฝรั่ง รวมถึงผักใบเขียวต่างๆ ทั้งนี้อาหารที่มีโฟเเลตจะมีผลต่อการพัฒนาสมอง ไขสันหลัง กระดูกสันหลังของทารกในระยะแรก
เมนูอาหารคนท้อง

เมนูอาหารคนท้องที่แนะนำ : ไข่ตุ๋น, เต้าหู้ไข่, ผัดผักโขม, ผัดผักบร็อกโคลี, ต้มไก่ใส่มะเขือเทศ, ข้าวผัดข้าวกล้อง, ปลาแซลม่อนย่าง และผักใบเขียวชนิดต่างๆ 

อาหารคนท้องไตสมาสที่ 2

เมื่อเข้าสู่เดือนที่ 4-6 ของการตั้งครรภ์ ในช่วงนี้อาการแพ้ท้องของคุณแม่จะลดลง ไม่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียนมากนัก แต่จะเริ่มรู้สึกหิวบ่อยมากขึ้น แล้วเด็กทารกก็จะเริ่มมีการเจริญเติบโต พอคุณแม่กินอะไร ลูกน้อยก็จะกินตามไปด้วย ดังนั้น อาหารที่คนท้องควรกินจะต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพื่อช่วยในการพัฒนาร่างกายและสมองของลูกน้อย

เมนูอาหารคนท้อง
  • อาหารที่มีไอโอดีน เช่น สาหร่าย ปลาทูนึ่ง และกุ้งทะล เป็นต้น เนื่องจากคุณแม่ตั้งครรภ์ต่อมไทรอยด์จะทำงานหนัก ร่างกายจึงต้องการไอโอดีนเพิ่มขึ้น อโอดีนจะช่วยให้การเจริญเติบโตของต่อมไทรอยด์เป็นปกติ กระตุ้นการทำงานของหัวใจ และช่วยในการผลิตน้ำนมของคุณแม่อีกด้วย

  • อาหารที่ธาตุเหล็ก เช่น ฝักทอง บร็อกโคลี ตำลึง จะช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก เสริมสร้างเม็ดเลือดให้กับร่างกาย
เมนูอาหารคนท้อง
  • อาหารที่เป็นธัญพืช เช่น  ลูกเกด ลูกเดือย ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ เมล็ดฟักทอง ขนมปังธัญพืช อัลมอนด์ และเมล็ดงา ทั้งหมดนี้เป็นอาหารสำหรับคนท้องที่ให้พลังงานอย่างคาร์โบไฮเดรต และมีสารต้านอนุมูลอิสระด้วยนะ

  • ผักที่มีใยอาหาร ได้แก่ แครอท ผักคะน้า มะเขือ ดอกกะหล่ำ และผักใบเขียวเข้ม เพราะว่า ผักใบเขียวจะช่วยป้องกันโรคท้องผูก เสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายคุณแม่และลูกน้อย แถมยังช่วยต้านโรคเบาหวานด้วยการกินผักสมุนไพรอีกด้วย

  • ผลไม้ที่มีวิตามินสูง ไม่ว่าจะเป็นส้ม กีวี สตอเบอรี่ เชอรี่ ฝรั่ง กล้วย แอปเปิ้ล มะละกอสุก จะอุดมไปด้วยเกลือแร่และวิตามิน มีคุณสมบัติช่วยป้องกันหวัด และช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายได้ดี
เมนูอาหารคนท้อง

เมนูอาหารคนท้องที่แนะนำ : ข้าวผัดปลาทูโรยหน้าส้มโอ, น้ำพริกปลาทู, ก๋วยเตี๋ยวกุ้ง, ผัดผักดอกกะหล่ำ, ผัดผักบร็อกโคลี, แกงจืดสาหร่าย, แกงเลียง เป็นต้น

อาหารคนท้องไตรมาสที่ 3

สำหรับในช่วงเดือนที่ 7-9 ของการตั้งครรภ์ คุณแม่ตั้งครรภ์จะมีหน้าท้องขนาดใหญ่ขึ้น จึงไม่ควรรับประทานอาหารปริมาณที่มากเกินไป แนะนำให้ทานเมนูอาหารคนท้อง โดยแบ่งอาหารจาก 3 มื้อหลัก เปลี่ยนเป็น 4-5 มื้อเล็กๆ จะดีกว่า เพื่อให้ระบบอาหารย่อยง่าย และช่วยเพิ่มน้ำนมให้กับคุณแม่มากขึ้น

เมนูอาหารคนท้อง
  • อาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม โยเกิร์ต เพราะแคลเซียมจะช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันของทารก และช่วยลดอาการตะคริวของคุณแม่ตั้งครรภ์

  • อาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 เช่น ปลาแซลมอน น้ำมันปลา น้ำมันคาโนล่า เมล็ดฟักทอง และวอลนัท ซึ่งเมนูอาหารคนท้องอย่างกรดไขมันโอเมก้า 3 จะช่วยบำรุงสมองของเด็กทารก และช่วยสร้างน้ำนมให้กับคุณแม่หลังคลอดด้วย
เมนูอาหารคนท้อง
  • ผักใบเขียวและผักสีเหลือง ได้แก่ หน่อไม้ฝรั่ง ต้นอ่อนทานตะวัน บล็อกโคลี่ สาหร่ายทะเล และฝักทอง ซึ่งผักจะอุดมไปด้วยวิตามินชนิดต่างๆ ช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์ร่างกาย จะทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานปกติ และช่วยให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลายได้

  • โยเกิร์ตไขมันต่ำ  อีกหนึ่งอาหารคนท้องที่ควรทานเป็นประจำ คือ โยเกิร์ตไขมันต่ำ เพราะจะมีอุดมไปด้วยแคลเซียม วิตามินบี และสารอาหารต่างๆ ที่ช่วยในการบำรุงครรภ์ เสริมสร้างกระดูกและฟันให้แก่เด็กทารก อีกทั้งยังช่วยให้คุณแม่อิ่มท้อง และดีต่อระบบลำไส้อีกด้วย

  • ดื่มน้ำเปล่าวันละ 8-10 แก้ว สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ในช่วงนี้ควร ดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อย 8-12 แก้วต่อวัน จะช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำขณะตั้งครรภ์ แล้วทางที่ดีเราควรดื่มเป็นน้ำอุ่นหรือน้ำในอุณหภูมิห้องจะดีกว่า จะช่วยให้ระบบเลือดไหลเวียนดีขึ้น
เมนูอาหารคนท้อง

เมนูอาหารคนท้องที่แนะนำ : ฟักทองผัดไข่, แกงบวดฟักทอง, ไข่เจียวต้นอ่อนทานตะวัน, ซุปฟักทอง, ลาบปลาแซลมอน, เมล็ดงาโรยข้าว, ข้าวกล้องต้มเนื้อปลา, ผัดน้ำมันหอยหน่อไม้ฝรั่ง เป็นต้น

นอกจากเมนูอาหารคนท้อที่มีประโยชน์แล้ว คุณแม่ก็ต้องหลีกเลี่ยงอาหารบางประเภทที่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ด้วย เช่น อาหารกึ่งสำเร็จรูป, เนื้อสัตว์ที่ไม่ผ่านการปรุงสุก  ชีส เนยแข็ง นมสดที่ไม่ผ่านการเจอไรซ์ ถั่วงอกดิบ แอลกอฮอล์ กาแฟ ชา น้ำอัดลม ขนมคบเคี้ยว ของหมักดอง มะม่วงดิบ ทุเรียน รวมถึงอาหารที่มีรสเค็มจัด เปรี้ยวจัด หวานจัด หรือเผ็ดจัด เป็นต้น

เมนูอาหารคนท้อง

ดังนั้น ถ้าคุณแม่ใส่ใจเลือกเมนูอาหารสำหรับคนท้องเฉพาะ ก็จะช่วยให้เด็กเติบโตมาอย่างแข็งแรง และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับคุณแม่เช่นกัน แล้วที่สำคัญอย่าลืมหมั่นทำโยคะ ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ไม่สูบบุรี่ ไม่เครียด เพื่อสุขภาพกายและใจที่ดีด้วย แต่ถ้าคุณไม่อยากกังวลเรื่องค่ารักษาเมื่อเจ็บป่วยในอนาคต เพียงทำประกันสุขภาพกับ frank.co.th ก็คุ้มครองค่ารักษาให้ !! ไม่ว่าเจ็บป่วยเล็กน้อยไปจนถึงใหญ่ ประกันสุขภาพก็ดูแล พร้อมให้คุณแม่อุ่นใจมากขึ้น

The post เมนูอาหารคนท้อง ที่มีประโยชน์ต่อคุณแม่ตั้งครรภ์ appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>