1. ชุดว่ายน้ำ

อย่างแรกที่จะต้องเตรียมไว้ ก็คือ “เสื้อผ้าสวยๆ และชุดว่ายน้ำ”  ถือเป็นไอเทมสำคัญของการแต่งตัวไปทะเลเลย เราควรเตรียมเสื้อผ้าสัก 3-4 ตัวเอาไว้ใส่เปลี่ยน (กรณีเที่ยวทะเลแบบ 3 วัน 2 คืน) แล้วที่สำคัญให้หยิบชุดว่ายน้ำสวยๆ เผื่อไปสำหรับทริปดำน้ำด้วย ว่าแล้วหนุ่มๆ สาวๆ ที่อยากจะโชว์หุ่น โชว์ผิว!! ก็สามารถใส่ชุดว่ายน้ำเดินเล่นบนชายหาดได้เช่นกัน

อ่านเพิ่มเติม : ชี้จุดเช็กอินเกาะหลีเป๊ะ เที่ยวทั้งทีต้องแวะที่ไหนบ้าง?

2. ผ้าขนหนู

หลังจากเตรียมเสื้อผ้าแต่งตัวไปทะเลเสร็จแล้ว ก็อย่าลืมหยิบผ้าขนหนูติดกระเป๋าด้วย เอาไว้ใช้ประมาณสัก 2 ผืน ซึ่งผืนแรกเอาไว้ใช้สำหรับเช็ดตัวให้แห้งเวลาอาบน้ำหรือว่ายน้ำก็จะใช้เป็นผ้าขนหนูเปียก อีกผืนก็เก็บเอาไว้ใช้เป็นผ้าขนหนูแห้ง เผื่อไว้ใช้ปูนอนบนเตียงชายหาดจะได้รู้สึกสบายตัวมากขึ้น แต่ถ้าใครกลัวว่านำของไปเยอะๆ จะจัดกระเป๋าเดินทางยาก แนะนำให้ใช้เป็นผ้าขนหนูทั้งสองผืนม้วนซ้อนทับกัน มันจะช่วยประหยัดพื้นที่ในกระเป๋าของคุณ

3. ครีมกันแดด

ปีใหม่ 2021 อยากไปเที่ยวทะเล แต่คุณไม่อยากให้ผิวหมองคล้ำ แนะนำให้เตรียม “ครีมกันแดดหรือโลชั่นกันแดด” เผื่อไว้ด้วย เพราะเราจะต้องออกไปเผชิญกับแสงแดด UV ริมชายหาดทะเล ยิ่งถ้าเราต้องใส่ชุดว่ายน้ำ หรือชุดบิกินี่โชว์ผิวด้วยนะ ก็ต้องใช้ครีมกันแดดเยอะๆ เพื่อช่วยปกป้องผิวของคุณจากแสงแดด ถือเป็นไอเทมที่ห้ามลืมเด็ดขาด!!

4. ซองใส่มือถือกันน้ำ

บางครั้งมาเที่ยวทะเล หากไม่ระวังตัวให้ดีอาจจะเผลอทำมือถือตกน้ำได้นะ ทางที่ดีเราควรหาซองมือถือกันน้ำที่มีตัวล็อกมิดชิด โดยซองใส่มือถือจะช่วยป้องกันน้ำ กันทรายเข้ามือถือ อีกทั้งยังใช้งานง่าย ราคาไม่แพง ตอบโจทย์สำหรับทริปเที่ยวทะเลสุดๆ

แล้วเพื่อความสบายใจมากขึ้น เพียงทำบริการปกป้องมือถือกับ frank.co.th สำหรับแผนคุ้มครองอุบัติเหตุหรือของเหลว ก็สามารถเคลมมือถือหน้าจอแตก ตกน้ำจากอุบัติเหตุได้ทันที มีให้บริการรับเครื่อง-ส่งคืน การันตีคุณภาพซ่อมมาจากอะไหล่แท้ 100% อุ่นใจกว่าซองใส่มือถือกันน้ำด้วย

5. แว่นกันแดด

อีกหนึ่งไอเทมยอดฮิตที่ต้องพกติดตัวไปเที่ยวทะเล นั่นก็คือ “แว่นกันแดด” นอกจากจะช่วยปกป้องดวงตาจากแสงแดดแล้ว ยังช่วยทำให้เราถ่ายรูปออกมาดูดีเลยล่ะ เราสามารถเลือกแว่นกันแดดลายเก๋ๆ เหมาะกับทริปเที่ยวทะเลได้ เช่น เเว่นกันแดดรูปหัวใจ แว่นกันแดดสีสันสดใส หรือสีพาสเทลน่ารักๆ รับรองว่าจะช่วยทำให้ทริปของคุณดูมีสีสันมากขึ้น

6. หมวกแฟชั่น

แน่นอนว่า “หมวกแฟชั่นใส่เที่ยวทะเล จะช่วยเพิ่มความเก๋ไก๋ให้กับคุณ” มีหลายแบบให้เลือกทั้งหมวกปีกกว้าง หมวกบักเก็ต หมวกสาน หรือหมวกลายลูกไม้ที่ช่วยสร้างความโดดเด่น หรือจะถ่ายรูปสวยๆ โพสต์ลงโซเซียลก็ฟินไม่แพ้กัน ส่วนคุณผู้ชายก็สามารถเลือกหมวกแฟชั่นเท่ๆ ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของคุณได้

7. ยาสามัญประจำบ้าน

สำหรับยาสามัญประจำบ้าน ถือเป็นอุปกรณ์สำคัญมากๆ ในการเดินทางของคุณ โดยเฉพาะเวลาที่ไปเที่ยวทะเล หรือนั่งเรือออกทะเล อาจจะเจอคลื่นลมทะเลทำให้เกิดอาการเวียนหัว เป็นไข้ เป็นลมแดดได้ง่าย ดังนั้น เราควรพกยาสามัญประจำบ้านติดไว้ในกระเป๋าเดินทาง เช่น ยาหอม ยาดม ยาลม ยาหม่อง ยาแก้ไข้ ยาแก้ปวดหัว 

นอกจากนี้เราอย่าลืมหยิบอุปกรณ์ปฐมพยาบาลสำรองไว้อย่างผ้าก๊อซ เทปพันแผล พลาสเตอร์ ยาฆ่าเชื้อ ยาทาแผลสด และยาทาแก้เคล็ดกันไว้ จะได้ไปเที่ยวทะเลอย่างสบายใจ

อ่านเพิ่มเติม : วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น กรณีหกล้มขณะเดินทาง

8. กล้องถ่ายรูปใต้น้ำ

เมื่อคุณมีโอกาสจัดทริปเที่ยวทะเลแล้ว จะลืมกล้องถ่ายรูปใต้น้ำได้ยังไงล่ะ แนะนำให้เตรียมมาใช้ถ่ายรูปสวยๆ กันเลย ข้อดีก็คือสามารถถ่ายรูปใต้น้ำได้อย่างชัดเจน เพื่อเก็บภาพสัตว์น้ำน่ารักและชมปะการังที่หายาก อีกทั้งยังพกพาง่าย น้ำหนักเบา และเหมาะสำหรับผู้ที่ชอบเที่ยวทะเลด้วย หากเรามีกล้องถ่ายรูปใต้น้ำก็จะเป็นประโยชน์ต่อการเซลฟี่ ว่าแล้วเรามาหากล้องถ่ายรูปใต้น้ำเจ๋งๆ กันเลย

9. อุปกรณ์ที่ชาร์จแบต

ถึงแม้ว่าเราจะมีกล้องถ่ายรูปใต้น้ำ กล้องมือถือ หรือกล้องดิจิตอล แต่ถ้าเกิดแบตหมดขณะเที่ยวทะเลก็คงหมดสนุกแน่นอน ดังนั้น คุณจะต้องเตรียมอุปกรณ์ที่ชารจแบต พาวเวอร์แบงค์สำรองไว้ เราจะได้ถ่ายรูปบรรยากาศสวยๆ อย่างเต็มที่ ไม่ต้องกังวลใจ เพียงแค่คุณพกที่ชาร์จแบตไปเท่านั้น

10. รองเท้าเเตะ

“เพราะรองเท้าแตะกับหาดทรายเป็นของคู่กัน” หากมีรองเท้าแตะชิคๆ สักคู่เอาไว้สำหรับเดินเล่นริมชายหาดทะเลก็คงดีเหมือนกัน เราจะได้เดินเล่นแบบสบายๆ แถมมีลายสวยๆ มาให้เราเลือกอีกเพียบ เหมาะกับวันพักผ่อนของคุณด้วย พกพาง่าย และใช้งานสะดวก

หากใครยังไม่รู้ว่าปีใหม่เที่ยวไหนดี ลองจัดกระเป๋าเดินทางเที่ยวทะเลกันเลย แล้วที่สำคัญเพื่อนๆ อย่าลืมมองหาประกันเดินทางในประเทศ สำหรับดูแลค่ารักษาพยาบาลเมื่อเกิดอุบัติเหตุขณะเดินทาง ก็คุ้มครองให้ทันที!! ทำให้อุ่นใจทุกทริปมากขึ้น เอาเป็นว่า อยากไปทริปเที่ยวทะเลให้สนุก ต้องมีประกันเดินทางในประเทศด้วยนะจ๊ะ

The post 10 ไอเทมต้องมีสำหรับเที่ยวทะเล ให้พกติดกระเป๋า appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

พาเที่ยวภูเขาชมทะเลหมอกไปก็แล้ว เปลี่ยนบรรยากาศมาเที่ยวทะเลบ้างดีกว่า จะเที่ยวทะเลทั้งทีก็ต้องหาที่สวย ๆ อย่างเกาะหลีเป๊ะ สำหรับเกาะหลีเป๊ะนั้นตั้งอยู่ที่จังหวัดสตูล เดินทางมาง่าย ๆ ด้วยการนั่งเครื่องบินมาลงที่หาดใหญ่ แล้วต่อรถมายังท่าเรือปากบารา จังหวัดสตูล  แล้วจึงนั่งเรือสปีทโบ๊ทต่อโดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็จะถึงเกาะหลีเป๊ะ จะเห็นได้ว่ากว่าจะเดินทางมาถึงต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน เราจึงขอแนะนำว่าสำหรับใครที่มาเที่ยวหลีเป๊ะ ควรแพลนเวลาเที่ยวไว้สัก 3 วัน 2 คืนเป็นต้นไป เพื่อให้เก็บจุดเช็กอินให้หมดครับ รีบใช้สิทธิ์เราเที่ยวด้วยกันไปดูกันว่าสถานที่ไหนที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนเกาะหลีเป๊ะ 

1.เกาะไข่

เป็นเกาะที่อยู่ระหว่างทางมาเกาะหลีเป๊ะ โดยไฮไลท์ของเกาะไข่คือ ซุ้มช่องประตูหินธรรมชาติที่คนสามารถเดินลอดไปได้ โดยมีความเชื่อกันว่า “คู่รักคู่ไหนได้ลอดผ่านประตูนี้จะได้แต่งงานกัน ”  ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งซิกเนเจอร์ของจังหวัดสตูลเลยทีเดียว นอกจากนี้บริเวณรอบเกาะไข่ยังมีน้ำทะเลใสสะอาดและหาดทรายสีขาว จึงเป็นอีกหนึ่งจุดที่นักท่องเที่ยวชอบแวะมาถ่ายรูปกันเป็นประจำ

2.เกาะหินงาม

เป็นอีกหนึ่งความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ เพราะเกาะแห่งนี้จะเต็มไปด้วยก้อนหินสีดำนับล้านก้อนกระจายตัวเต็มพื้นที่เกาะต่างจากเกาะทั่วไปที่เป็นหาดทราย หากอากาศดีจะเห็นแสงแดดตกใส่ก้อนหินสะท้อนเข้าตาระยิบระยับดูสวยงามมาก นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่า “ถ้านำหินมาเรียกต่อเป็นชั้นให้ได้ 13 ชั้น จะสามารถขอพรได้ดั่งใจ”

3.เกาะรอกลอย

หากใครซื้อทัวร์เที่ยวดำน้ำ ทางทัวร์มักจะพามาที่เกาะนี้เพื่อเป็นจุดแวะรับประทานอาหารกลางวันพร้อมชมวิวไปในตัว จุดเด่นของเกาะรอกลอยคือ หาดทรายสีขาวตัดกับน้ำทะเลสีเขียวมรกต  ซึ่งเรียกกันว่าทะเลหยก หากถ่ายรูปเก็บไปเป็นที่ระลึกจะดูสวยงามมาก รอบเกาะแห่งนี้ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยปะการังน้ำตื้น เป็นอีกหนึ่งจุดแวะดำน้ำดูปะการัง 

4.เกาะหินซ้อน

เที่ยวหลีเป๊ะทั้งทีจะพลาดทัวร์ดำน้ำไปได้อย่างไร ? สำหรับใครที่ชอบดำน้ำต้องที่เกาะหินซ้อนนี่เลย เพราะเป็นจุดดำน้ำดูปะการังเจ็ดสีที่เป็นไฮไลท์ เรียกว่าถ้าใครมาหลีเป๊ะก็ต้องแวะมาดำน้ำกันที่นี่ อีกหนึ่งจุดเด่นของเกาะนี้ก็คือก้อนขนาดใหญ่ที่ซ้อนทับกันอยู่สองก้อน ซึ่งเหมาะกับการถ่ายรูปเป็นอย่างมาก

5.หาดพัทยา

หาดพัทยา เป็นชายหาดที่ใหญ่ที่สุดในเกาะหลีเป๊ะ เป็นจุดจอดเรือแรกที่เดินทางมาถึงที่เกาะ ตลอดแนวยาวของหาดจะเต็มไปด้วยโรงแรม รีสอร์ท และร้านอาหารมากมาย คึกคักไปด้วยผู้คน สามารถเล่นน้ำรวมถึงกิจกรรมทางน้ำได้มากมาย พอตกกลางคืนสามารถดื่มด่ำกับแสงสีและเสียงเพลงได้ตลอดทาง สำหรับสายปาร์ตี้ถ้ามาที่นี้รับรองไม่เหงาแน่นอน

6.หาดซันไรส์

หาดซันไรส์ เป็นหาดทรายขาวที่สวยที่สุดบนเกาะหลีเป๊ะเลยก็ว่าได้ โดยเป็นจุดที่เหมาะกับการชมพระอาทิตย์ขึ้น เพราะอยู่ทางตะวันออกของเกาะ น้ำทะเลใส มีแนวร่มไม้ริมชายหาด เหมาะกับการลงเล่นน้ำเป็นอย่างยิ่ง และไฮไลท์เด่นที่ใครมาก็ต้องถ่ายรูปนั่นคือหัวโค้งชายหาดหน้า Mountain Resort ที่สวยงามมาก ๆ ขอแนะนำว่าถ้าจะมาถ่ายรูปที่หาดนี้ควรมาช่วงบ่าย ๆ ถึงเย็น เพราะจะถ่ายรูปสวยไม่ย้อนแสง 

7.หาดซันเซ็ท

ไหน ๆ ก็มาเที่ยวทะเลแล้ว ต้องมาหาจุดชิล ๆ นั่งชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นกันที่หาดซันเซ็ทด้วยนะ หาดแห่งนี้มีจุดเด่นเรื่องการชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน ตัวหาดค่อนข้างเงียบสงบ มีรีสอร์ทและร้านอาหารไม่เยอะมากนัก หาดนี้แม้ไม่เหมาะต่อการเล่นน้ำเท่าไหร่แต่ถ้าถ่ายวิวก็ถือว่าสวยมาก เหมาะสำหรับคู่รักที่ต้องการมุมโรแมนติก

8.ถนนคนเดิน

เที่ยวเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว มาเดินผ่อนคลายช้อปปิ้งชิมอาหารสบาย ๆ ในยามค่ำคืนกันบ้างดีกว่า สำหรับถนนคนเดินนี้จะเป็นตรอกเล็ก ๆ ทอดยาวจากหาดพัทยาไปยังหาดซันไรส์ที่อยู่อีกฝากนึงของเกาะเป็นระยะทางร่วม 1 กิโลเมตร ถนนคนเดินเริ่มจะคึกคักตั้งแต่ช่วงเย็นไปจนถึงดึก ๆ มีร้านอาหาร บาร์ ร้านขายของ ร้านขายยา และร้านนวดมากมาย รวมถึงมี 7-11 อีกด้วย ซึ่งเป็นหนึ่งสีสันในยามค่ำคืนที่คึกคักที่สุดบนเกาะ 

และทั้งหมดนี้คือ จุดเช็กอินยอดฮิตบนเกาะหลีเป๊ะ  หากคุณตั้งใจที่จะเดินทางมาเที่ยวแล้ว อย่าลืมแวะมาเช็กอินกันนะ รับลองว่าทริปนี้ฟินไปแบบเต็ม ๆ พร้อมมีรูปสวย ๆ ไว้อวดเพื่อน ๆ ด้วย เที่ยวทะเลที่หลีเป๊ะนี้รับรองติดใจอยากมาอีกแน่นอน

อ่านเพิ่มเติม : 55 พิกัดเที่ยวหน้าหนาว รวมพิกัดเหนือจรดใต้

                        เที่ยวทะเลเจ๋งๆ ในต่างประเทศ

The post ชี้จุดเช็กอินเกาะหลีเป๊ะ เที่ยวทั้งทีต้องแวะที่ไหนบ้าง ? appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. เที่ยวทะเลดำน้ำ ณ เกาะนาว โอพี เมียนมา

ถ้าเบื่อดำน้ำที่ไทย แต่ไม่มีเวลาไปดำที่ไกล ๆ เพราะไม่อยากเสียเวลาบินนาน ๆ Frank ขอแนะนำเที่ยวทะเลที่เกาะนาว โอพี (Nyaung oo Phee) ที่เมียนมาก่อนเลยครับ ใกล้ๆ และสวยมากกกกกกกกก สวยจริงๆ ครับ เป็นเกาะที่ปะการังสมบูรณ์ สามารถดำน้ำได้ทั้งแบบปะการังน้ำตื้นน้ำลึก จุดเด่นของเกาะนาว โอพี คือเป็นทะเลที่น้ำใส หาดทรายขาว และปะการังอ่อนเยอะแยะ ซึ่งจะมาพร้อมปลานีโม่ ขวัญใจ Frank เองครับ มีเยอะแบบไม่ต้องตามหากันเลยล่ะ สัตว์น้ำหน้าตาแปลกๆ ก็มีไม่น้อยครับ ถ้าโชคดีอาจจะได้เจอโลมาหรือฉลามวาฬด้วยนะ
สำหรับการเดินทางไปเกาะนาวโอพี เดินทางจากจังหวัดระนองนั่งเรือไปเป็น One Day Trip ได้ครับ เพราะเป็นเกาะเล็กๆ เท่านั้นเอง เวลาไปเที่ยวนอกจากเกาะนาวโอพี นักท่องเที่ยวมักพ่วงเกาะสองที่อยู่ไม่ไกลกันนักไปด้วย เกาะสองจะเป็นการเที่ยวทะเลแนวดูหาดทราย น้ำใส อะไรทำนองนั้นครับ แล้วจะเลือกกลับมาค้างคืนที่โรงแรมฝั่งไทย หรือพักค้างที่เกาะก็ได้ หลังๆ เริ่มมีรีสอร์ทไปเปิดบนเกาะนาวโอพีบ้างแล้ว ส่วนใหญ่เป็นเต็นท์มีห้องน้ำในตัวครับ

การเดินทาง

แนะนำว่าให้ซื้อแพคเกจทัวร์ที่คิดว่าคุ้มที่สุดไว้ครับ เพราะการดำน้ำสำหรับนักท่องเที่ยวไปกับกรุ๊ปทัวร์ก็สะดวกดี นั่งรถทัวร์มาลงที่ตลาดในตัวเมืองระนอง แล้วรอเวลานัดหมายให้บริษัททัวร์พาไปครับ ทุกบริษัทจะพาไปเริ่มที่ท่าเรือกรมศุลกากรระนอง (ประภาคาร) เพื่อทำหนังสือผ่านแดนครับ

• ถ้าอยากกลับมานอนที่ไทย และเที่ยวระนองไปด้วยก็ซื้อแบบ One Day Trip
• แต่ถ้าคิดจะค้างคืนที่ฝั่งเมียนมา ก็ซื้อแพคเกจแบบที่เค้ามีที่พักในตัวไปด้วยเลยครับ มันจะมีทั้งแบบที่พักที่พม่า และแบบที่พักในไทยเลือกเอาได้ตามชอบเลย และอย่าลืมสอบถามให้เคลียร์นะครับ ว่าต้องใช้พาสปอร์ตหรือเปล่า เพราะบางบริษัทแค่ทำหนังสือผ่านแดนด้วยบัตรประชาชนก็ได้แล้ว แต่ถ้ามีการค้างคืนที่พม่าก็ต้องพกพาสปอร์ตไปด้วย ดังนั้น ไปเที่ยวทะเลเมียนมาแบบนี้ต้องเตรียมตัวให้พร้อมครับ

ช่วงเวลาน่าไป

เกาะเปิดช่วงเดือนพฤศจิกายน - เมษายน ครับ นอกจากนั้นคือปิดให้ธรรมชาติได้ฟื้นตัว

2. เที่ยวทะเลดูหาดทรายขาวที่สุดในโลก Hyams Beach ออสเตรเลีย

ทะเลที่หาดทรายขาวที่สุดในโลกอยู่ในออสเตรเลียครับที่นิวเซาต์เวลล์ เป็นชายหาดอยู่ในอ่าวเจอร์วิส Hyams Beach นั่นเอง เป็นทะเลเงียบๆ ที่ Frank แนะนำว่ามานั่งชิลๆ กับคนในครอบครัวดีกว่า บรรยากาศมันจะออกแนวสงบๆ น่านั่งทอดอารมณ์ดูเด็กๆ ก่อปราสาททรายริมทะเลครับ
จุดเด่นของที่นี่ก็คือนี่แหละครับ ทะเลที่หาดทรายขาวละเอียดที่สุดในโลก ลองนึกว่าถ้าเรานั่งอยู่บนหาดทรายขาวที่ตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าใส มองออกไปมีแต่หาด น้ำ ฟ้า แค่คิด Frank ก็อยากหลบความวุ่นวายไปนั่งชิลละครับ ถ้าใครจะไปออสเตรเลีย แล้วมีเวลาว่างประมาณ 1 วัน เช่ารถขับไปนั่งมองน้ำมองฟ้าหลบที่นี่ก็ดีนะครับ ไม่พลุกพล่านด้วยล่ะ
การเดินทาง :: Hyams Beach จะอยู่ในรัฐนิวเซาท์เวลล์ ครับ ซึ่งเป็นโซนติดทะเลของออสเตรเลียนั่นเอง หาดที่สวยงามมีชื่อเสียงแห่งนี้ อยู่ในอ่าวเจอร์วิส ขับรถ 2.5 ชั่วโมง มุ่งลงใต้จากซิดนีย์ครับ
ช่วงเวลาน่าไป:: มีนาคม - พฤษภาคม ของทุกปี อากาศประมาณ 17 – 20 องศา ไม่หนาวเกินไป แล้วก็ไม่ร้อนจนตัวไหม้ครับ

3. เที่ยวทะเลว่ายน้ำกับฉลาม Compass Cay หมู่เกาะบาฮามาส (Bahamas)

ที่จริงแล้ว เราจะรู้จักหมู่เกาะบาฮามาสว่าเป็นเกาะที่ว่ายน้ำกับหมูที่เกาะ Big Major Cay มากกว่าใช่มั้ยครับ แต่ Frank ว่าการว่ายน้ำกับฉลามท้าทายกว่าเยอะครับ หลายคนอ่านมาถึงตรงนี้แล้วอาจจะเกิดกลัวๆ ขึ้นมาฉลามมันจะกินเรารึเปล่าใช่มั้ยครับ ขอบอกว่า ไม่ต้องกลัวครับ เพราะฉลามที่เกาะ Compass Cay นี้ เป็นฉลามพยาบาล (Nurse Sharks) ที่ตัวโตเต็มที่มีความยาวเฉลี่ยเพียง 3.08 เมตร และกินแต่ลูกปลาตัวเล็กๆ เท่านั้นเพราะฟันไม่คมมากเท่าฉลามอื่นๆ ดังนั้นน้องฉลามพยาบาลจึงไม่ทำร้ายมนุษย์ครับ
ความฟินในการว่ายน้ำกับฉลามพยาบาลก็คือ ความเป็นมิตรและขี้เล่นของพวกมันนั่นเองครับ ฉลามพยาบาลเชื่องขนาดที่เซลฟี่ด้วยได้เลยล่ะ เกาะ Compass Cay จะมีฝูงฉลามพยาบาลอยู่ประมาณ 50 ตัว ซึ่งนอกจากจะว่ายน้ำด้วยได้แล้ว ยังให้อาหารแบบใกล้ชิดได้อีกด้วย Frank ว่าสาวๆ น่าจะชอบเวลาไปอยู่ท่ามกลางฝูงปลา เพราะให้อารมณ์ประมาณว่าเป็นนางเงือกแหวกว่ายในท้องทะเลเลยครับ ข้อห้ามสำคัญที่ Frank อยากให้ทำตามอย่างเคร่งครัดคือ อย่าให้อาหารปลาขณะว่ายน้ำอยู่นะครับ แม้น้องๆ จะไม่ทำอันตรายมนุษย์ หรือไม่ได้กินคนได้ แต่ต่อให้เชื่องแค่ไหน ก็ยังมีสันชาตญาณสัตว์ที่อาจเข้าใจผิดว่าเราเป็นอาหารและทำให้เราบาดเจ็บได้เวลาหิวครับ
การเดินทาง :: ไปเรือได้อย่างเดียวครับ เกาะ Compass Cay เป็นเกาะส่วนตัวบนหมู่เกาะบาฮามาสที่อยู่ไม่ห่างจาก  Outer Exumus มากนักครับ คือใกล้ๆ เกาะที่ว่ายน้ำกับหมูนั่นเอง เป็นได้ไปกับเรือใหญ่จะดีที่สุดครับ
ช่วงเวลาน่าไป ::  หมู่เกาะบาฮามาสจะมีช่วงเวลาที่มีทั้งฝนตกและแดดออกในวันเดียวกัน และช่วงเวลามรสุมนะครับ ซึ่งมรสุมของที่นั่นจะเป็นในระดับพายุเฮอร์ริเคน แต่ละปีจะไม่เหมือนกัน แต่ปีล่าสุดอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายน - พฤศจิกายน

4. เที่ยวทะเลน้ำอุ่น Hot Water Beach นิวซีแลนด์

ปกติไปทะเลเราก็อยากไปเที่ยวคลายร้อนกันใช่มั้ยครับ แต่นั่นอาจจะยังคูลไม่พอครับ Frank เลยพาไปดูอีกตัวเลือก คือ ไปทะเลน้ำอุ่นกัน Hot Water Beach แห่งนี้อยู่ใน Mercury Bay อ่าวแห่งหนึ่งใน Coromandel Peninsula ประเทศนิวซีแลนด์ ถ้าไปในเวลาปกติน้ำทะเลที่นี่ก็เป็นทะเลธรรมด๊าธรรมดานี่แหละครับ จนกว่าจะถึงช่วงเวลาที่เค้าเรียกกันว่า Low tide คือประมาณ 16.00 น. ของทุกวัน มันจะเกิดน้ำพุร้อนผุดขึ้นมารอบๆ หาด เปลี่ยนจากหาดธรรมดาให้กลายเป็นบ่อสปาธรรมชาติไปได้ในทันทีครับ และบ่อนี้จะร้อนประมาณ 64 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 2 ชั่วโมง ก่อนที่จะกลับมามีอุณหภูมิปกติ
นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ก็จะมีกิจกรรมคล้ายๆ กันคือถือจอบถือพลั่วมาที่ชายหาดตอนบ่ายแก่ๆ แล้ว ขุดหลุมรอเล่นบ่อน้ำร้อนช่วง Low tide กันนั่นเองครับ ครอบครัวใหญ่หน่อยบ่อก็ต้องใหญ่ตามไปด้วย เป็นกิจกรรมครอบครัวที่น่าสนุกดีเหมือนกันนะ หรือถ้าใครอยากจะเล่นเซิร์ฟในทะเลน้ำอุ่น ที่นี่ก็มีคลื่นพอให้เล่นได้ครับ
การเดินทาง :: ขับรถไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของ Whitanga เพียง 12 กิโลเมตร หรือขับมา 175 กิโลเมตรจากอ็อคแลนด์ก็ได้ครับ
ช่วงเวลาน่าไป :: ช่วงเวลาแนะนำจะเป็นช่วง Winter ระหว่างเดือน มิถุนายน - สิงหาคม และ Spring ช่วงเดือน กันยายน - พฤศจิกายน ช่วงอื่นคือจะร้อนเกินไปกับเป็นฤดูมรสุมครับ

5. เที่ยวทะเลสาบน้ำแข็ง Baikal รัสเซีย

มีทะเลน้ำร้อนแล้วก็ต้องมีทะเลน้ำเย็นครับ Frank อยากให้เพื่อน ๆ ได้เที่ยวกันแบบครบ ๆ เพียงแต่ที่นี่มันจะไม่ใช่ทะเลซะทีเดียว เพราะเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่เก่าแก่ที่สุด ลึกที่สุด และหนาวเย็นที่สุดในโลก คือหนาวจนเป็นน้ำแข็งเลยนั่นเองครับ ทะเลสาบไบคาลแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของไซบีเรีย ส่วนที่หนาวเย็นที่สุดของรัสเซีย ทะเลสาบมีความลึกที่สุดที่ 1,640 เมตร คือถ้า Frank ตกลงไปตรงนั้นคงไม่ได้เจอเพื่อนๆ อีกต่อไปแล้วครับ
แล้วเราจะไปเที่ยวอะไรที่ทะเลสาบไบคาล (Baikal) คำตอบคือ นั่งเรือตัดน้ำแข็งไปครับ ไปให้ถึงกลางทะเลสาบเพื่อไปเล่นไอซ์สเก็ตกัน พื้นน้ำแข็งที่นี่จะเรียบและหนามาก จนเห็นรอยแตกของน้ำแข็งเป็นทางยาวตัดกันไปมา แถมยังมีถ้ำน้ำแข็งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอีกด้วยครับ รูปทรงของน้ำแข็งที่แปลกตา รอยร้าวแปลกๆ ที่มองไปทางไหนก็เจอ Frank บอกเลยว่าอลังการมากๆ ครับ

การเดินทาง :: บินตรงจากไทยไปลงที่สนามบิน Irkutsk แล้วต่อรถยนต์ไปที่ทะเลสาบไบคาลครับ ใช้เวลาเดินทางด้วยเครื่องบินประมาณ 6 ชั่วโมง และนั่งรถอีกเท่าๆ กัน รวมคือประมาณ 12 ชั่วโมงนั่นเองครับ
ช่วงเวลาน่าไป :: ทะเลสาบไบคาลจะกลายเป็นน้ำแข็งช่วงเดือนพฤศจิกายน - มีนาคม ครับ อากาศกลางคืนจะประมาณ -25 องศา เยือกแข็งได้ใจกันทีเดียว
สวยจับใจจริง ๆ กับ 5 พิกัดเที่ยวทะเลเจ๋งๆ ในต่างประเทศ ได้โลเคชันไปเที่ยวทะเลแบบนี้ นอกจากความสวยงามแล้วความปลอดภัยก็สำคัญนะครับ ดังนั้นก่อนการเดินทางอย่าลืมซื้อประกันการเดินทาง และศึกษาเงื่อนไขในกรมธรรม์ให้ละเอียดด้วยนะครับ

สนใจซื้อประกันเดินทางอยู่ใช่ไหม ?

The post เที่ยวทะเลเจ๋งๆ ในต่างประเทศ appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

อากาศร้อนๆ แบบนี้ไปขับรถเที่ยวกันดีกว่า! ลองแพลนไปเที่ยวน้ำตก ภูเขา ทะเลหรือสวนน้ำที่ต่างจังหวัดแล้วนอนพักค้างคืนกันสักคืนสองคืนก็จะทำให้ซัมเมอร์นี้พิเศษมากขึ้นกว่าเดิมได้ เอาแบบใกล้กรุงเทพฯ จะได้ขับรถกันแบบไม่เหนื่อยด้วย ดังนั้นเอ็กซ์พีเดียขอแนะนำให้ลองชวนครอบครัว เพื่อน หรือคนรักไปคลายร้อนกันในวันหยุดนี้ แถมยังจะได้สานความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้นด้วยนะ

หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

หัวหินเป็นสถานที่ตากอากาศยอดฮิตทุกยุคทุกสมัย มีทั้งความเงียบสงบของชายหาดและสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ทั้งชายหาดหัวหินให้เราได้เล่นน้ำคลายร้อน เดินเล่นบนหาดทรายที่ทอดยาวกว่า 5 กิโลเมตร หรือจะเป็น Seen Space คอมมูนิตี้มอลล์สุดชิคริมทะเล แหล่งรวมวัยรุ่น ร้านกาแฟ ร้านอาหาร หรือจะเป็นตลาดโต้รุ่งหัวหิน ให้เราได้เลือกทานอาหารทะเลสดๆ ช้อปปิ้งของฝากกันในยามค่ำคืน หรือหากใครชอบเที่ยวแนวย้อนยุคก็มีเพลินวานให้ได้เดินเล่น ถ่ายรูปสวยๆ นอกจากนั้นยังมีเขาตะเกียบ เวเนเซีย ตลาดน้ำหัวหินสามพันนาม ฯลฯ ให้เราได้เลือกเที่ยวกัน บอกเลยว่าขับรถไปเที่ยวหัวหินเพื่อคลายร้อนรับรองว่าไม่ผิดหวัง
การเดินทาง : จากกรุงเทพฯ สามารถใช้ได้ 2 เส้นทาง

• ขับรถโดยใช้ทางหลวงหมายเลข 35 (ถ.พระราม 2 หรือ ถ.ธนบุรี - ปากท่อ) ผ่าน จ.สมุทรสาคร - จ.สมุทรสงคราม - อ.ปากท่อ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) ผ่าน จ.เพชรบุรี - อ.ท่ายาง - อ.ชะอำ จนถึง อ.หัวหิน
• น้ำตกเจ็ดสาวน้อย จ.สระบุรี
• ขับรถโดยใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) ผ่าน จ.นครปฐม - จ.ราชบุรี - จ.เพชรบุรี - อ.ท่ายาง - อ.ชะอำ จนถึง อ.หัวหิน

 น้ำตกเอราวัณ จ.กาญจนบุรี

หน้าร้อนแบบนี้ก็ต้องไปคลายร้อนด้วยการเล่นน้ำตกสิ น้ำตกเอราวัณตั้งอยู่ใน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี มีความสวยงามของภูมิทัศน์รอบด้าน จึงทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในน้ำตกยอดฮิตที่หลายคนเลือกไปดับร้อนกัน น้ำตกเอราวัณมีทั้งหมด 7 ชั้น ได้แก่
ชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง
ชั้นที่ 2 วังมัจฉา
ชั้นที่ 3 ผาน้ำตก
ชั้นที่ 4 อกผีเสื้อ
ชั้นที่ 5 เบื่อไม่ลง
ชั้นที่ 6 ดงพฤกษา
ชั้นที่ 7 ภูผาเอราวัณ
น้ำตกแต่ละชั้นบอกเลยว่าสวยงามเป็นอย่างมาก น้ำใสเป็นสีเขียวมรกต สามารถมองเห็นปลาที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำได้เลย ใครที่อยากใกล้ชิดธรรมชาติ ชอบความเขียวขจี อยากได้รูปถ่ายสวยๆ รับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน นอกจากจะได้เที่ยวน้ำตกแล้วยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้เราได้เรียนรู้กันด้วยอีกด้วย
การเดินทาง : จาก จ.กาญจนบุรีให้ขับรถไปตามทางหลวงจังหวัด หมายเลข 3199 ถึงเขตการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่ง ประเทศไทยเขื่อนศรีนครินทร์ จากนั้นข้ามสะพานไปยังตลาดเขื่อนศรีนครินทร์ แล้วเข้าไปยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติเอราวัณ
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน 08.00 -16.30 น.

น้ำตกเจ็ดสาวน้อย จ.สระบุรี

ต่อกันที่อีกหนึ่งน้ำตกที่มี 7 ชั้นอย่างน้ำตกเจ็ดสาวน้อย น้ำตกเจ็ดสาวน้อยแบ่งเป็นชั้นเตี้ยๆ ลดหลั่นกันไป ใช้เวลาในการเดินแต่ละชั้นไม่มาก แต่ละชั้นจะสูงเพียง 2 - 5 เมตรเท่านั้น แต่รับรองเลยว่าน้ำใส น้ำสวย เหมาะแก่การเล่นน้ำเป็นอย่างมาก สามารถคลายร้อนได้อย่างดีแน่นอน แต่ละชั้นของน้ำตกจะมีป้ายบอกให้ระมัดระวังการเล่นน้ำต่างๆ เพราะบางชั้นก็มีแอ่งน้ำลึก บางชั้นไม่เหมาะแก่การกระโดดเล่น ดังนั้นหากใครไปก็ให้รักษากฎระเบียบและเชื่อในสิ่งที่เจ้าหน้าที่เตือนด้วยนะเพื่อความปลอดภัยในการเล่นน้ำ บรรยากาศที่นี่ค่อนข้างชิล เหมาะแก่การมาพักผ่อนคลายร้อนในวันหยุดสุดๆ เลย
การเดินทาง : จากกรุงเทพฯ ให้ขับรถโดยใช้เส้นทางกรุงเทพฯ - สระบุรี (ทางหลวงหมายเลข 1 หรือ ถ.พหลโยธิน) เมื่อถึงตัวเมืองสระบุรีให้เลี้ยวขวาโดยใช้เส้นทางสระบุรี - นครราชสีมา (ทางหลวงหมายเลข 2 หรือ ถ.มิตรภาพ) กม.ที่ 142 ก่อนถึงตลาด อ.ส.ค. ให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 2224 (มวกเหล็ก - หนองย่างเสือ) ประมาณ 12 กิโลเมตรก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย
 

สวนน้ำรามายณะ พัทยาจ.ชลบุรี

สวนน้ำรามายณะ

เกาะเสม็ด จ.ระยอง

หากถามถึงเกาะที่มีน้ำใสหาดสวยในจังหวัดระยอง ต้องมีเกาะเสม็ดติดอันดับอย่างแน่นอน เกาะเสม็ดเป็นเกาะยอดนิยมที่สามารถเดินทางไปได้อย่างสะดวก มีชายหาดต่างๆ ให้เลือกเที่ยวและเล่นน้ำคลายร้อนอยู่มากมาย ทั้ง “หาดทรายแก้ว” หาดยอดนิยมที่ผู้คนจะมาเล่นน้ำและทำกิจกรรมทางน้ำกัน บนหาดทรายแก้วมีทั้งที่พัก ร้านอาหาร บาร์ริมหาด เรียกได้ว่าสามารถสนุกได้ทั้งวันทั้งคืนเลย ตกกลางคืนก็จะมีโชว์ควงกระบองไฟที่ถือว่าเป็นไฮไลท์เด็ดไม่ควรพลาด แต่หากใครอยากชมพระอาทิตย์ตกดินวิวสุดโรแมนติกก็ต้องไปที่อ่าวพร้าว ส่วนถ้าอยากเล่นน้ำในบรรยากาศส่วนตัวก็ไปที่อ่าวน้อยหน่าหรืออ่าวช่อได้เช่นกัน
การเดินทาง : จากกรุงเทพฯ ให้ขับรถโดยใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ - พัทยา แต่ให้ขับแยกไปทางระยอง - แกลง โดยไม่ต้องเลี้ยวขวาเข้าตัวเมือง ขับไปเรื่อยๆ ผ่านวัดตะพง เลียบชายหาดไปถึงบ้านเพ จากนั้นใช้บริการฝากรถไว้ที่ท่าเรือเพื่อข้ามไปยังเกาะเสม็ด เนื่องจากไม่สามารถนำรถข้ามไปยังเกาะได้
 
ข้อมูลจาก expedia.co.th

The post รวมหลากหลายเส้นทางขับรถเที่ยวคลายร้อน appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.