• เป็นมอไซค์บิ๊กไบค์ตัวแรง 500 ซีซี ขึ้นไป
• เลือกมาทุกประเภท ทั้งทัวริ่ง ครูซ สปอร์ต
• ราคาเริ่มตั้งแต่ 3 แสน น่าซื้อ

1. Honda Africa Twin

เริ่มกันที่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์จากแบรนด์ฮอนด้าที่เรียกเสียงฮือฮาได้มากสุด ๆ ในงานมอเตอร์โชว์ 2020 อย่าง Africa Twin อาฟริกา ทวิน บิ๊กไบค์แนวทัวริ่งคันงามตัวนี้ก่อนเลยครับ โดยฮอนด้า อาฟริกา ทวิน มาพร้อมดีไซน์แนวมอไซค์แรลลี่ดุดันจัดเต็ม ตัวเฟรมดีไซน์ใหม่น้ำหนักเบาขึ้น ที่ใส่เครื่องยนต์ตัวใหญ่ขนาด 1100 ซีซี แบบ Parallel Twin พร้อมโหมดการขับขี่ 6 แบบ เสริมความมั่นใจด้วยระบบ HSTC ป้องกันรถลื่นไถลขณะขับขี่ พร้อมระบบเบรก ABS เร็วแรงแและมั่นใจ แสดงผลด้วยหน้าจอสัมผัส TFT ขนาด 6.5 นิ้ว ที่โชว์ข้อมูลการขับขี่ มาตรวัดความเร็ว แผนที่ และอื่นๆ เรียกได้ว่าเป็นตัวท็อปในสาย Bigbike เลยครับ
ราคา 559,000 บาท

2. Triumph TIGER 900 Rally Pro

อ๊ะๆ ใครทำผ้าเช็ดหน้าตกแถวนี้นะ เพราะบิ๊กไบค์คันที่สองที่แฟรงค์จะพาทุกคนไปดูก็คือ TIGER 900 Rally Pro บิ๊กไบค์จากค่าย Triumph ที่สายแอดเวนเจอร์ไบค์ใจออฟโรดต้องชอบแน่นอน โดยไทรอัมป์รุ่นออลนิวนี้ มาพร้อมแชสซีและเฟรมโมดูลาร์แบบใหม่ ทำให้มีน้ำหนักเบากว่าเดิม เพิ่มเติมคือเครื่องยนต์ขนาด 888 ซีซี 3 สูบ สูบแถวเรียงแบบ DOHC 12 วาล์ว แถมยังอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีล้ำๆ มากมาย เช่น โหมดการขับขี่ทั้ง 6 โหมด ช่วยให้นักบิดพิชิตทุกเส้นทาง ได้แก่ Rain, Road, Sport, Rider, Off-Road, และในรุ่น Pro จะมีโหมด Off-Road Pro ควิกชิฟเตอร์ 2 ทาง เพิ่มขึ้นมาด้วย แถมยังปลอดภัยด้วย ระบบเบรก Cornering ABS และแทร็คชั่นคอนโทรลที่ทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์วัดแรงเฉื่อย ช่วยให้การเบรกแต่ละครั้งปลอดภัยแบบเหนียวแน่นหนึบ นอกจากนั้นยังมี หน้าจอ TFT ขนาด 7 นิ้ว ที่บอกสถานะการขับขี่ เรือนไมล์ ความเร็ว และสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านระบบบลูทูธได้ดว้ย แฟนๆ ไทรอัมป์ ไม่ควรพลาด แต่ถ้าใครเป็นแฟนไทรอัมป์คิงดอม ต้องรีบเก็บผ้าเช็ดหน้านะครับ (เกี่ยวกันไหมนิ)
ราคา 659,00 บาท

3. Honda Goldwing

Honda Goldwing คันนี้ ถือเพรชยอดมงกุฏในวงการมอไซค์บิ๊กไบค์เลยครับ เพราะนอกจากความหรูหราหมาเห่าด้านภายนอก ความใหญ่ ความเท่ของตัวรถแล้ว สนนราคาของบิ๊กไบค์คันนี้ยังสูงไปได้ถึง 1,340,000 บาท เรียกได้ว่าถอยเก๋งได้คันนึงเต็มๆ เลย
ที่ราคาสูงแบบนี้ก็มีเหตุผลนะครับ เพราะ Honda Goldwing ตัวนี้คือสุดยอดของมอไซค์บิ๊กไบค์สายครูซซิ่งของฮอนด้าเขาแล้วครับ จัดเต็มตั้งแต่ดีไซน์ภายนอกที่ปราดเปรียวหรูหรา ขับขี่คลอง โดยในรุ่นใหม่ 2020 นี้ก็มีได้ทำการจูนจุดศูนย์ถ่วงใหม่ ทำให้เบาะขยับมาด้านหน้ามากยิ่งขึ้น ทำให้นั่งสบาย นั่งนานๆ ก็ไม่เมื่อย ส่วนเครื่องยนต์มีขนาด 1,833 ซีซี 4 วาลว์ต่อ 1 ลูกสูบ ขับเคลื่อนด้วยระบบบบเกียร์ Dual-Clutch Transmission (DCT) ความเร็ว 7 สปีด ซึ่งทางฮอนด้าเขาเคลมว่านี่คือระบบเกียร์ที่ดี่ที่สุดของฮอนด้าเขาเลยครับ
นอกจากสมรรถภาพที่สุดยอด ดีไซน์ที่สุดหรู เรื่องของเทคโนโลยี ทางฮอนด้า โกลด์วิงก็ไม่กั๊กครับ จัดมาให้ทั้งหน้าจอ TFT ขนาดเจ็ดนิ้ว เชื่อมต่อกับแอพลิเคชั่นความบันเทิง พร้อม Navigation Map หรือแผนที่นำทางเวอร์ชั่นล่าสุด จะขึ้นเหนือลงใต้ ขับไปไหนก็บ่หยั่น เรียกได้ว่าแม้จะแพง แต่สิ่งที่ได้รับรองว่าคุ้มค่าครับ
ราคา 1,297,560 บาท

4. Ducati Panigale V4

ถ้าพูดถึงบิ๊กไบค์ จะไม่มีรถจาก Ducati หรือ ดูคาติ ก็คงจะยังไงอยู่นะครับ และรถบิ๊กไบค์ที่แฟรงค์อยากนำเสนอในวันนี้คือ Ducati Panigale V4 บิ๊กไบค์รุ่นเรือธง ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 1,103 ซีซี ประกอบด้วย Front Frame ด้ เฟรมแบบใหม่ที่ช่วยลดน้ำหนักและเพิ่มความเพรียวลมให้กับตัวรถมากยิ่งขึ้น พร้อมดีไซน์ใหม่แทบยกคัน เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้ง่ายยิ่งขึ้น ขับขี่มั่นใจไม่เหนื่อย เช่น การเพิ่มปีกคาร์บอนไฟเบอร์ และการปรับแฟริ่งด้านข้าง ซึ่งทางดูคาติ เคลมว่าสามารถเพิ่มแรงกดได้ถึง 30 กก. เมื่อขับในความเร็ว 270 กม./ชั่วโมง หมดปัญหารถส่ายได้เลย
นอกจากการออกแบบภายนอกแล้ว ดูคาติยังยกเครื่องระบบอิเล็กทรอนิกส์ภายในใหม่ ทั้งประมวลผล IMU 6 แกน ที่ทำงานร่วมกับ Ducati Traction Control (DTC) EVO 2 รวมถึง Ducati Quick Shift up/down (DQS) EVO 2 ให้สามารถทำงานได้เร็วขึ้นจากรุ่นก่อนถึงหลายเท่า ใครชอบบิ๊กไบค์สายสปอร์ตไม่ควรพลาด
ราคา 969,000 บาท

5. Kawasaki Versys 650

มาถึงแบรนด์ขวัญใจไบค์เกอร์ไทยแลนด์ กับ คาวาซากิ โดยรถรุ่นที่แฟรงค์นำมาเสนอในวันนี้ ก็คือ Kawasaki Versys 650 บิ๊กไบค์สไตล์ทัวริ่งแอดเวนเจอร์แนวดุดันแต่งบมุ้งมิ้ง ซิ่งได้พร้อมมีเงินเหลือ ภายนอกมาพร้อมดีไซน์แนวสปอร์ตเน้นเหลี่ยมมนเพิ่มความเข้ม มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 650 ซีซี 6 เกียร์ แบบ Return ตอบสนองเร็ว พร้อมความสามารถในการปรับตั้งค่าตามสภาพถนน ไม่ว่าจะเรียบ ขรุขระ หลุม บ่อ เนิน Kawasaki Versys 650 คันนี้ เอาอยู่ทุกสถานการณ์เลยครับ
ราคา 326,000 บาท
และนี่ก็คือ 5 อันดับรถบิ๊กไบค์น่าสนใจที่แฟรงค์นำมาเสนอให้ชาวสองล้อคันใหญ่ได้เก็บไว้เป็นตัวเลือก ถึงแม้มอไซค์บิ๊กไบค์แต่ละคันจะถูกออกแบบมาอย่างดี เพื่อให้ผู้ใช้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจแล้ว แต่เราก็ต้องมีประกันมอไซค์ไว้คุ้มครองยามขับขี่ด้วยนะครับ หรือจะให้มั่นใจสองต่อ ก็ต้องมี ประกันอุบัติเหตุไว้ดูแลค่ารักษาพยาบาลด้วยนะ จะได้ขับขี่ถึงไหนถึงกัน อุ่นใจสองต่อกันไปเลย

The post 5 BigBike น่าสนใจในปี 2020 ราคาดี มีเงินต้องโดน appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

โครงยาง

ส่วนแรกก็คือโครงยางครับ เป็นส่วนที่ทำหน้าที่ในการกักเก็บลมและรับน้ำหนักของการบรรทุก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญมาก ๆ ครับ ถ้าโครงยางผลิตได้ไม่ดีอาจส่งผลให้ยางแตกเสียหายและยางบวมได้ง่ายครับ โดยโครงยางหลักจะประกอบด้วย เนื้อยาง เส้นลวด ไนล้อน และเส้นใยโพลีเอสเตอร์ครับ ความแตกต่างของโครงยางราคาแพงกับถูกนั้น อย่างแรกเลยก็คือเรื่อง วัตถุดิบ ครับ เส้นลวดเส้นใหญ่และมีปริมาณมากก็จะยิ่งทำให้โครงยางแข็งแรงครับ ส่วนต่อมาก็คือนวัตกรรมครับโครงยางจะมีการถักเส้นลวดในลักษณ์ที่แตกต่างกันครับ ซึ่งแบรนด์ชั้นนำจะทดลองและใช้หลักการทางวิศวะมาทำการเพื่อให้เส้นลวดมีความแข็งแรง แถมยังมีการให้ตัวได้ดีซึ่งจะส่งผลดีทั้งเรื่องความนุ่มอีกด้วยครับ ซึ่งแตกต่างจากยางราคาถูกที่มีเทคโนโลยีน้อยทำให้ความแข็งแรงและความนุ่มนั้นน้อยกว่าครับ

เนื้อยาง

ส่วนต่อมาก็คือเรื่องของเนื้อยาง ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่ทางผู้บริโภคไม่สามารถแยกแยะได้เลยครับ เพราะเราก็จะเข้าใจว่าเนื้อยางคงเหมือนกัน แต่ที่จริงแล้วมีความแตกต่างกันมากจากส่วนผสมทางเคมีครับ เพราะ จริงๆแล้วในยางหนึ่งเส้นนั้นมีส่วนผสมของยางพาราเพียง 25-30% เท่านั้น ส่วนส่วนผสมอื่นๆจะเป็นสารเคมีครับ ซึ่งด้วยปกติแล้วยางพารานั้นจะมีความยืดหยุ่นสูงแต่ไม่ทนต่อความร้อนและการสึกของถนนจึงต้องทำให้มีส่วนผสมเข้าไปเติมเต็มในส่วนนี้เพื่อให้สึกช้า และมีการยึดเกาะถนนที่ดีซึ่ งจริงๆแล้วการที่ยางแข็งมากสึกช้านั้นก็จะทำให้การยึดเกาะถนนต่ำครับ เพราะฉะนั้นยางราคาแพงนั้นจะมีการนำเทคโนโลยีมาคำนวนว่าควรใช้ส่วนผสมเท่าไหร่จึงจะทำให้เนื้อยางนั้นมีทั้งความยืดหยุ่นเพื่อยึดเกาะถนนที่ดี แถมยังมีการสึกที่ช้าอีกด้วยเพื่อให้ยางนั้นมีความสมบูรณ์แบบมากที่สุดครับ

ลายยาง

ส่วนสุดท้ายคือเรื่องของลายยาง ลายดอกยางจะมีหน้าที่สองอย่างหลักๆก็คือช่วยให้ยึดเกาะถนนได้ดีขึ้น และช่วยทำให้เสียงของยางลดลงครับ โดยเทคโนโลยีการผลิต และ การทดลองก่อนที่จะนำมาผลิตยางในแต่ละรุ่นนั้นจำเป็นต้องถูกออกแบบจำเพาะของยางในแต่ละรุ่นครับ โดยยางกลุ่มที่เน้นนุ่มเงียบนั้นจะมีการออกลายดอกยางแบบนุ่มเงียบโดยลายดอกยางที่ออกมานั้นจะมีหน้าที่ในการสร้างเสียงออกมาหลายรูปแบบแล้วให้เสียงผสมกันจนได้เสียงที่เงียบที่สุดครับ ส่วนอีกหน้าที่หนึ่งก็คือไว้สำหรับช่วยในการยึดเกาะถนนซึ่งยางแต่ละลายดอกยางจะช่วยในการระบายน้ำออกจากหน้ายางได้ดีขึ้นด้วยครับ ซึ่งจะช่วยยางสามารถจับการพื้นถนนได้ดีขึ้นเวลาขับผ่านถนนเปียกครับ

สรุปความแตกต่างของยางแพงและยางถูกหลักๆก็จะเป็นในส่วนของเรื่อง วัตถุดิบ นวัตกรรม การทดสอบยางเพื่อให้ได้ยางที่มีคุณภาพ และ สมรรถนะที่ดีเยี่ยมครับ แต่ถ้าเพื่อนๆไม่รู้ว่าแบรนด์ไหนนั้นจัดอยู่ในเกรดอะไรสามารถเข้ามาที่เว็บไซต์ www.tiresbid.com ของทางเราได้ครับเพราะเราคัดเลือกยางเฉพาะยางที่มีคุณภาพเท่านั้นในการจัดจำหน่ายแก่เพื่อนๆทุกท่าน หรือสามารถสอบถามข้อมูลผ่านทาง Line@ : @tiresbid ได้ครับทางเรามีทีมงานเทคนิคที่คอยตอบเรื่องยางต่างๆให้กับเพื่อนๆครับ

The post ยางถูก กับ ยางแพง แตกต่างกันขนาดไหน ?? appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

ลมยาง

อย่างแรกเลยครับก็คือเรื่องของลมยางทาง ไทร์บิดเชื่อว่าเพื่อนๆหลายๆท่านใช้รถในการเดินทางในชีวิตประจำวันแต่ก็ไม่ค่อยมีเวลาเช็คลมยางเท่าไหร่ใช่ไหมครับ จริงๆแล้วก่อนเดินทางไกลเรื่องลมยางเป็นส่วนสำคัญมากที่สุดครับ เพราะเมื่อมีการเดินทางระยะไกลจะต้องมีการแบบสัมภาระไว้หลังรถอีก หากเรายังใช้ลมยางเท่าเดิมอาจจะทำให้ยางนั้นไม่สามารถรับน้ำหนักได้ครับ
เพราะฉะนั้นการที่เราเช็คลมยางก่อนที่จะออกเดินทางไกล ไทร์บิดแนะนำว่าเพื่อนๆสามารถดูสติกเกอร์ที่ข้างประตูคนขับได้เลยครับเพราะจะมีสติกเกอร์บอกชัดเจนว่าควรเติมลมเท่าไหร่ แต่ให้เพื่อนๆสังเกตุนะครับว่าต้องเป็นช่องที่บอกเมื่อมีการบรรทุกของครับเพราะจะเป็นค่าเติมลมที่แตกต่างกับการช้านนั่งคนเดียว
และอีกส่วนที่สำคัญสำหรับเพื่อนๆที่ใช้รถยนต์ในการเดินทางไกลครับก็คือ อันตรายจากความดันลมยางสูงเกินไป ซึ่งมีโอกาสทำให้ยางเสี่ยงต่อการระเบิดได้ง่ายกว่าครับ การลดความร้อนของยางนั้นสามารถทำได้ไม่ยากครับเพื่อนๆต้องลดการขยับตัวของโครงยางให้น้อยลงครับโดยการเติมลมเข้าไปมากกว่าค่าปกติเล็กน้อย 1-3 PSI ครับ ก็จะช่วยลดการขยับตัวที่ส่งผลต่อเรื่องความร้อนในยางครับผม อย่าลืมเช็คจุ้บลมด้วยนะครับ เพราะใช้มานานมีโอกาสซึมได้บ้างครับผม

สภาพภายนอกของยางและกระทะล้อ

ส่วนต่อมาก็คือเรื่องสภาพภายนอกของยางและกระทะล้อครับ สภาพยางที่แน่ๆคือต้องมีมีสภาพ บวม แตก หรือ โดนตำเสียหาย เพราะถ้ามีสภาพดังกล่าวแล้วนั้นเมื่อเราเดินทางระยะไกลมีโอกาสเสี่ยงมากกว่าเดินทางใกล้ๆที่จะทำให้จากยางที่บวมเฉยๆมาแตกเสียหายได้ครับ หรือ จะเป็นสภาพยางฉีกขาดหรือโดนเบียดก็เช่นกันครับ
และส่วนต่อมาก็คือร่องดอกยางนั้นต้องไปสึกจนถึงสะพานยางครับเพื่อให้ยางนั้นสามารถระบายน้ำได้ดีซึ่งส่งผลเมื่อเวลาเราขับผ่านแอ่งน้ำ ร่องดอกยางจะช่วยระบายยางออกจากหน้ายางทำให้หน้ายางสัมผัสกับพื้นถนนได้เต็มที่ลดปัญหาการเหินน้ำของยาง ส่วนต่อมาของเรื่องสภาพภายนอกก็คือสภาพเนื้อยางครับ
ก่อนที่จะออกเดินทาง 1 อาทิตย์เราควรที่จะเช็คสภาพเนื้อยางก่อนครับ หากมีสภาพแข็งและแตกลายงามากๆแล้วนั้นก็จะไม่สามารถทำให้ยางใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพซึ่งอาจจะลดลงในเรื่องของการยึดเกาะถนนและระยะเบรกได้ครับ ส่วนในเรื่องแม็กก็ไม่ควรมีลอยร้าวต่างๆบนก้านแม็ก หรือ ไม่ว่าจะบริเวณขอบรูน้อตซึ่งเมื่อเราบรรทุกของด้านหลังและใช้งานเป็นระยะเวลานานๆมีโอกาสเสี่ยงได้มากเช่นกันที่จะกระทะแตกเสียหายได้ง่ายกว่าเดิมครับ

ยางอะไหล่

ส่วนที่สำคัญอีกส่วนไม่แพ้สองเรื่องด้านบนเลยก็คือ ยางอะไหล่ และชุดเครื่องมือในการเปลี่ยนยางครับ อย่างแรกเลยยางอะไหล่เพื่อนๆหลายๆคนก่อนออกเดินทางจะตรวจเช็คลมยางเฉพาะยางที่ใช้งานครับเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะใช้ยางอะไหล่กลับไม่มีลมซึ่งก็ไม่สามารถใช้งานได้เพราะฉะนั้น ควรเช็คลมยางอะไหล่ก่อนออกเดินทางไกล หรือ 2-3 เดือนเช็คครั้งก็ยังดีครับเพื่อให้มีลมในยางอะไหล่เหลืออยู่ครับแต่วิธีทางออกที่ดีที่สุดถ้าหากเพื่อนๆไม่สะดวกก็พกเครื่องเติมลมฉุกเฉินก็ช่วยประหยัดเวลาได้หลายอย่างครับเพราะหากเพื่อนๆยางรั่วลมซึมออกก็ไม่ต้องเปลี่ยนยางอะไหล่ก็ใช้เครื่องเติมลมฉุกเฉนเติมลมเข้าไปแล้วขับรถไปร้านยางไปปะยางได้ครับ แต่ถ้าหากยางแตกเสียหายก็ใช้เติมลมยางอะไหล่ได้ครับ อีกส่วนที่สำคัญก็คือ ประแจกับแม่แรง ครับต้องมีติดรถไว้เพื่อสำหรับเปลี่ยนยางอะไหล่ครับผม

ก็เป็น 3 ส่วนหลักๆที่เพื่อนๆควรเช็คเกี่ยวกับยางก่อนออกเดินทางไกลเพื่อให้ทริปของเพื่อนๆปลอดดภัยและราบรื่นตลอดการเดินทางครับ ถ้าเพื่อนๆที่ไม่ได้เปลี่ยนยางนานมากๆแล้วก่อนเดินทางไกลต้องเปลี่ยนยาง ก็สามารถเช็คราคายางได้ที่ www.tiresbid.com หรือยังไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนยี่ห้อไหนก็สามารถสอบถามขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ทางไทร์บิดได้ครับผ่านทาง Line@ : @tiresbid ได้ครับ มีทีมงานขอให้บริการคำแนะนำตลอดครับผม เพราะเราอยากให้เพื่อนๆเดินทางอย่างปลอดภัยในทุกทริปครับ โอกาสหน้ามีบทความดีดีจากทางไทร์บิดเกี่ยวกับยางแน่นอนครับ

The post เดินทางท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย กับวิธีการเช็คยางรถของคุณง่ายๆกับ ไทร์บิด appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

แนวทางสันติวิธี : เปิดกระจกหนึ่งบาน

หากคุณชอบสันติวิธี “ไม่อยากฆ่า ไม่อยากทำร้ายเจ้ายุง” แนะนำให้เปิดกระจก 1 บาน ย้ำว่าบานเดียวก็เพียงพอ แล้วเราก็ขับรถเรื่อย ๆ ครับ เป็นวิธีง่ายที่สุดครับ เพราะเวลารถแล่นไว ๆ ลมด้านนอกจะดูดเจ้ายุงในรถออกไปโดยที่เราไม่ต้องเหนื่อยไล่ยุง แต่วิธีไล่ยุงแบบนี้อาจจะต้องใช้เวลานิดหน่อยนะครับ 

แนวทางซาดิสม์ : จอดรถกลางแดด

“ปิดประตูบอกลายุง” อีกหนึ่งวิธีไล่ยุงแบบตากแดด ให้รถยนต์ตากแดด!! ปิดกระจกให้มิดชิด การไล่ยุงออกจากรถวิธีการนี้เหมาะกับคนที่อยู่บ้านไม่ได้ไปไหนครับ อย่างไรก็ดี อย่าจอดตากแดดนานเกินนะ เพราะอาจจะทำให้สีรถเสื่อมสภาพได้ บางครั้งยุงก็อึดด้วยครับ ไม่ยอมตายก็มี บรื้อ!

แนวทางไล่ล่า : ให้คนนั่งข้างจัดการ

ถ้าคุณจำเป็นต้องใช้รถเดินทางไกล หรือต้องขับรถไปธุระ และดันเจอยุงในรถเข้าให้ก็มีอีกวิธีกำจัดยุงง่าย ๆ ฉบับเบสิคครับ คือ ให้คนนั่งข้าง ๆ จัดการให้เข็ด ! ด้วยการใช้ความแม่นยำที่คุณมี พร้อมกับพลังทั้งหมด ง้างมือเข้าจัดการประกาศสงครามกับยุง!! วิธีการนี้อาจจะต้องระมัดระวังหน่อย ๆ หากเล็งองศาผิดง้างมือไปตบโชว์เฟอร์ระวังจะเกิดอุบัติเหตุหรือปัญหาได้นะ

แนวทางไฮเทค : ติดเครื่องไล่ยุง

เจอปัญหายุงในรถบ่อย ๆ เจอตลอด เจอประจำ ยุงเข้าบ่อยเหมือนมาเป็นผู้โดยสารเอง ยุงมาเยอะเหมือนจะยกรถไว้ขับเอง เราสามารถติดตั้งเครื่องไล่ยุงเล็ก ๆ แบบมีสายชาร์จ USB วางไว้ในรถก็ได้ครับ หรือจะพกไม้ช็อตยุงไว้จัดการราวกับเป็นนักเทสนิสก็ได้ครับ! แฟรงค์พร้อมจะหวดไม้แร็กเก็ต (ไม้ช็อตยุง) แล้ววววว หึหึหึ! 

แนวทางป้องกัน : ไล่ยุงแบบวางแผนไว้ก่อน

ไม่ควรเปิดกระจกรถทิ้งไว้ ไม่ควรเปิดประตูทิ้งไว้ ควรจอดรถในบริเวณที่มีอากาศปลอดโปร่ง ถ้าเป็นไปได้ควรเคลียร์รถให้สะอาด ปราศจากกลิ่นอับ หากมีของใช้ไม่จำเป็นอยู่ในห้องโดยสารก็เก็บให้หมด ทิ้งขยะในรถ รักษาความสะอาดให้ดี เสื้อผ้าก็ไม่จำเป็นต้องห้อยทิ้งไว้ในรถนะครับ เพราะเป็นแหล่งที่อยู่โปรดของยุงเลยล่ะ แนะนำว่า โชว์เฟอร์ทั้งหลายไม่ควรจอดรถใกล้แหล่งน้ำ คลอง หรือแหล่งเพาะยุง เพราะเวลามืด ๆ คุณเปิดประตูรถปุ๊บยุงก็เข้ามาด้วยปั๊บชัวร์ ๆ โดยเฉพาะรถสีดำยุงจะโปรดปราดเป็นพิเศษเลยล่ะ 

หากชีวิตนี้ต้องเจอกับยุงบ่อยเกิ๊น ! จะทำประกันภัยสุขภาพโรคร้ายจากยุงก็ดีนะครับ เพราะช่วยดูแลโรคร้ายที่เกิดจากยุงทั้ง โรคไข้เลือดออก, โรคติดเชื้อไวรัสซิกา, โรคไข้สมองอักเสบ เจอี, โรคปวดข้อยุงลาย หรือโรคชิคุนกุนยา และโรคไข้จับสั่น หรือโรคไข้ป่า ตรงนี้ประกันภัยดูแลครับ สนใจติดต่อได้ที่ ประกันสุขภาพจาก www.frank.co.th/ประกันสุขภาพ ได้นะ
Content by Butter Cutter

The post วิธีไล่ยุงในรถง่าย ๆ ทำได้สบายมาก appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

เติมลมยางเท่าไหร่เราต้องรู้สิ่งเหล่านี้

1. สังเกตค่ามาตรฐานลมยางที่เหมาะสมกับรถยนต์คันนั้น ๆ

ถามว่า “ควรเติมลมเท่าไหร่ดี ?” คำตอบที่ดีที่สุดอยู่ในรถยนต์คุณครับ แนะนำให้สังเกต คำแนะนำการเติมลม ซึ่งจะแปะแจ้งใกล้ ๆ ประตูคนขับแทบทุกคันครับ มองหาสติกเกอร์สี่เหลี่ยมที่ระบุ ค่าการเติมลมหน่วย PSI (ปอนด์ตอนตารางนิ้ว) ซึ่งจะระบุชี้ชัดเลยว่า เราควรเติมลมทั้งล้อหน้าและล้อหลังเท่าไหร่ รถยนต์บางคันระบุละเอียดมาก ๆ เช่น ควรเติมลมเท่านี้เมื่อมีผู้โดยสารกี่คน หรือต้องเติมลมเท่าไหร่ดีหากจะบรรทุกของขึ้นหลังรถ 

ทำความเข้าใจเพิ่มจากภาพประกอบ : รถยนต์คันนี้จะต้องเติมลมล้อหน้าและล้อหลัง 33 PSI นั้นเอง ดังนั้น เซทเลขให้เป๊ะนะครับ

 

2. เติมลมให้ตรงกับคำแนะนำของรถแต่ละคัน

เพื่อให้การขับขี่ปลอดภัยและมีสมรรถนะที่ดีที่สุดตลอดทั้งการเดินทาง เราจะต้องเติมลมให้ตรงกับคำแนะนำที่ติดอยู่ที่ข้างรถยนต์อย่างเคร่งครัด แต่ถ้าทำตามคำแนะนำของรถยนต์แล้วรู้สึกไม่ชอบ! ไม่ถูกใจ! เพราะยางรถยนต์แข็งเกินหรืออ่อนไป ทางไทร์บิดแนะนำว่า “สามารถบวกลบค่าเติมลมไม่ควรเกิน 3 PSI จะยังถือว่าเป็นค่าการเติมลมที่เหมาะสมกับรถยนต์ครับ” 

ย้ำเลยว่า ห้ามเติมลมมากกว่าหรือน้อยกว่า 6 PSI เพราะจะส่งผลเสียต่อยางรถยนต์และส่งผลร้ายโดยตรงกับสมรรถนะของรถยนต์สุดที่รักของคุณ

3. ไม่เติมลมยางน้อยเกิน

แน่นอนว่า ไม่ควรเติมลมยางน้อยเกิน หรือจอดรถยนต์ทิ้งไว้ปล่อยให้ลมยางอ่อนเกิน เพราะแรงดันลมยางที่ไม่เหมาะสมจะส่งผลเสียต่อยางรถยนต์เป็นอย่างมากเลยครับ เช่น 

• ยางรถยนต์จะรับน้ำหนักไม่ไหว
• เสี่ยงต่อเหตุยางรถยนต์ระเบิด เนื่องจากแรงดันในยางที่น้อยเกิน ทำให้เกิดความร้อนภายในท้องยางสูงขึ้นเรื่อย ๆ นั้นเอง 
• ยางรถยนต์เสื่อมไว มีอายุการใช้งานลดลงกว่าที่ควรเป็น
• ยางรถยนต์อ่อนเกินจะทำให้การควบคุมทิศทางของรถยนต์ตอบสนองช้า จะเลี้ยวซ้าย หรือเลี้ยวขวาก็ไม่เป็นดั่งใจหวัง เป็นสาเหตุให้รถยนต์เสียหลักแหกโค้งและท้ายปัดได้ครับ ถือว่าอันตรายต่อชีวิต และเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของอุบัติเหตุบนท้องถนนเลยล่ะ 

4. ไม่เติมลมยางเยอะเกิน

บางครั้งการเติมลมยางแบบอัดแน่น เติมแบบจัดเต็ม เติมลมยางสูง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องดีเพราะยิ่งเติมลมมากเกินควร เมื่อคุณขับรถตกหลุมหรือขับชนกระแทกสิ่งของที่ร่วงหล่นบนถนน ยางรถยนต์ก็ยิ่งเสี่ยงเกิดเหตุแตกระเบิดได้ง่ายเลยล่ะ นอกจากนี้ การเติมลมเยอะเกินทำให้หน้ายางรถยนต์สัมผัสกับพื้นถนนน้อยลงตามลำดับ ส่งผลต่อการยึดเกาะถนนเป็นอย่างมาก

เรียนรู้กันแล้ว! รู้แล้วว่าควรจะต้องเติมลมรถยนต์แบบไหน เท่าไหร่ดี สามารถทำตามได้เลย รับรองว่า “ปลอดภัยตลอดการเดินทางแน่นอนครับ”   
ขอบคุณข้อมูลจาก : tiresbid.com
Rewrite by Butter Cutter
 

The post เซฟเงินง่าย ๆ ด้วยวิธีการเติมลมยาง appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

AI จะทำให้เกิดการค้นพบยาใหม่ๆ

แน่นอนครับว่าหาก AI จะทำให้มนุษย์อายุยืนยิ่งขึ้น ก็ต้องเอาชนะ โรคร้าย ที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของมนุษย์ให้ได้ก่อน โดยเชื้อโรคร้าย ไวรัส หรืออื่นๆ ที่เป็นสาเหตุของโรคร้ายนั้นจะมีโครงสร้างที่ซับซ้อนมาก ๆ ครับ และการคิดค้นยารักษาก็ยากมากกว่านั้นอีก โดยข้อดีของ AI คือมีข้อมูลมหาศาลและการประมวลผลที่รวดเร็วกว่ามนุษย์ ทำให้สามารถทำการคำนวณและทดลองสูตรยาใหม่ ๆ ได้รวดเร็วกว่ามนุษย์หลายเท่า แถมยังสามารถวิเคราะห์ผลข้างเคียงของการใช้ยาได้แม่นยำอีกด้วย

นอกจากที่ AI จะทำให้เกิดการค้นพบยาใหม่ ๆ แล้ว ยังสามารถใช้ในการตรวจจับและวินิจฉัยโรคได้อีกด้วยครับ จากรายงานของหนังสือ Nature Medicine ได้มีการทดลองใช้ AI ตรวจหาจุดมะเร็งในปอด ซึ่งผลออกมาพบว่า AI สามารถวินิจฉัยได้แม่นยำเทียบเท่านักรังสีวิทยาที่เชี่ยวชาญเลย นอกจากนั้นการนำ AI รวมเข้ากับอุปกรณ์ เช่น เครื่องวัดความดัน อุปกรณ์ตรวจโรค หรือแม้แต่สมาร์ทวอทช์ ยังทำให้การตรวจหาโรคนั้นทำได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ซึ่งข้อดีของการใช้ AI ในการตรวจหาโรคจะช่วยลดต้นทุน และทำให้ผู้ป่วยสามารถรับการรักษาได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพิ่มโอกาสในการหายจากโรคได้มากเลยล่ะครับ

AI จะทำงานอันตรายแทนมนุษย์

ชีวิตของคนเราจะปลอดภัยมากยิ่งขึ้น หลายคนคงได้ยินว่า AI จะเข้ามาแย่งงานมนุษย์ใช่ไหมครับ ซึ่งงานที่ AI จะเข้ามาทำแทนมนุษย์เป็นอันดับแรกก็คือ “งานอันตราย” โดยงานอันตรายในที่นี้ คืองานที่ทำในสภาพแวดล้อมที่มีภาวะเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อชีวิตหรือสุขภาพ เช่น งานเหมือง งานก่อสร้าง งานที่ต้องทำกับเครื่องจักรขนาดใหญ่ งานดับเพลิง กู้ภัย เป็นต้น อย่างที่เราเห็นว่าทุกวันนี้มีการพัฒนา หุ่นยนต์กู้ภัย ที่สามารถวางแผนหาเส้นทาง และเข้าไปช่วยเหลือในที่ ๆ มนุษย์ไม่สามารถเข้าถึงได้ เช่นใต้ซากปรักหักพัง ในพื้นที่ปนเปื้อนรังสี ใต้ทะเลลึก หรือจะเป็นการใช้ AI ในการช่วยวางแผนป้องกันอุบัติเหตุระหว่างทำงาน เช่น หาก AI พบว่าเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรมมีโอกาสที่จะทำงานผิดพลาด จนอาจเกิดอันตรายแก่มนุษย์ AI ก็สามารถแจ้งเตือนหรือปิดการทำงานของเครื่องจักร ซึ่งทำให้มนุษย์ปลอดภัยในการทำงาน ลดอาการเจ็บป่วยจากการทำงานมากยิ่งขึ้น

AI จะเข้ามาดูแลชีวิตประจำวัน

AI นั้นอัจฉริยะมาก ๆ ครับ และ AI ก็เข้ามาทำให้ทุกอย่างอัจฉริยะขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพที่ใกล้ตัวอย่าง นาฬิกาอัจฉริยะ (Smart Watch) ที่มีฟังก์ชันในการดูแลสุขภาพ ทั้งวัดชีพจร วัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เตือนรอบประจำเดือน หรือจะใหญ่กว่านั้น อย่าง บ้านอัจฉริยะ (Smart Home) นั่นเอง ที่เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกอย่างภายในบ้าน ถูกควบคุมด้วย AI ประโยชน์ก็อย่างเช่น เจ้าของบ้านจะสามารถสั่ง เปิด ปิด ไฟได้โดยไม่ต้องเดินไปที่สวิตช์ เพียงแค่สั่งการด้วยเสียง หรือใช้เซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว ลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุภายในบ้านได้

ไม่ใช่แค่ทำตามคำสั่งของเจ้าของบ้านได้นะครับ AI ยังสามารถคิดได้เองเพื่อดูแลคุณภาพชีวิตของเจ้าของบ้าน เช่นควบคุมเครื่องปรับอากาศเพื่อให้อุณหภูมิภายในบ้านให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ดีต่อสุขภาพ ล้ำไปกว่านั้นนะครับ AI สามารถวิเคราะห์และคาดการณ์เหตุการณ์ได้ เช่น หาก AI พบว่า มีผู้สูงอายุเข้าไปในห้องน้ำนานกว่าปกติ AI สามารถคาดการณ์ได้ว่าผู้สูงอายุอาจเกิดอุบัติเหตุลื่นล้มในห้องน้ำ และจะทำการแจ้งไปยังคนในครอบครัว หรือเบอร์ฉุกเฉินให้อัตโนมัติ ทำให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตได้โดยลำพังอย่างปลอดภัย แถมมีคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดีอีกด้วย

AI ทำให้การเดินทางปลอดภัย

รู้หรือไม่ครับ ว่าอุบัติเหตุบนท้องถนน คือสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของโลก จากรายงานขององค์กรอนามัยโลก แต่ละปี มีคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนกว่า 1.35 ล้านคน ยิ่งในประเทศไทย ก็มีอุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดขึ้นทุกวัน ทั้งรถชนรถ รถชนมอไซค์ รถชนคน โดยเฉลี่ยแล้ว มีคนไทยเสียชีวิตจากการเดินทางบนท้องถนนถึง 24,000 คนต่อปี หรือ 66 คนต่อวันเลยทีเดียว

ด้วยเหตุนี้ ทำให้ นี่ถือว่าเป็นจุดเด่นที่เห็นภาพชัดที่สุดของ AI ในชีวิตประจำวันเลยครับ เชื่อว่าทุกคนต้องเคยเห็นข่าว รถยนต์ไร้คนขับ กันมาบ้าง การที่รถยนต์สามารถขับเคลื่อนได้เองอย่างปลอดภัยนั้น ก็เพราะมี AI สั่งการควบคุมนั่นเองครับ ซึ่ง AI จะทำงานร่วมกันกับเซนเซอร์รอบคันรถ เพื่อตรวจดูสภาพการจราจร ความเร็วของรถโดยรอบ เส้นถนน เพื่อวางแผนและควบคุมให้รถวิ่งอย่างปลอดภัย โดยความฉลาดของ AI นั้นถึงขนาดสามารถคาดการณ์อุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้าได้เลย โดยดูจากความเร็วของรถคันอื่น ทิศทางการขับขี่และคำนวนความเสี่ยงขึ้นมา พร้อมทั้งสั่งการให้รถของเราหยุดทันก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุขึ้นอีกด้วยครับ โดยคาดกันว่า หากเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับนี้สมบูรณ์และใช้กันอย่างแพร่หลาย อุบัติเหตุบนท้องถนนจะลดลงเกิน 90% อย่างแน่นอน

และนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไม AI คือสิ่งที่ทำให้มนุษย์อายุยืนยิ่งขึ้น ต้องยอมรับนะครับว่า AI นั้นฉลาดอย่างมาก และเพนกวิน Frank เชื่อเหลือเกิน ว่าไม่นาน AI จะเข้ามาดูแลชีวิตของเราอย่างแน่นอน แต่ถึง AI จะฉลาดแค่ไหน แต่หากเราไม่ระมัดระวัง อุบัติเหตุก็เกิดขึ้นได้อยู่ดี ดังนั้น ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังกันด้วยนะครับ และถ้าจะให้ดีที่สุด ก็ซื้อประกันอุบัติเหตุกับ frank.co.th ไว้เพื่อดูแลหากเกิดเหตุไม่คาดฝันด้วยนะครับ ดูแลดี รู้ใจ รักคุณยิ่งกว่าใคร Frank ไงจะใครล่ะ รักน้า!

The post หรือ AI คือสิ่งที่ทำให้มนุษย์อายุยืนยิ่งขึ้น appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

เอกสารที่ต้องเตรียมก่อนทำใบขับขี่สากล

• สำเนาหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ต เล่มที่ใช้ในการเดินทางต่างประเทศ ประวัติหน้าที่แก้ไข (พร้อมฉบับจริง) ต้องเป็นหนังสือเดินทางที่ยังไม่สิ้นอายุ
• บัตรประจำตัวประชาชน (ฉบับจริง)  ที่ยังไม่หมดอายุ
• สำเนาและฉบับจริงของใบขับขี่รถยนต์ หรือใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล (ชนิด 5 ปี) หรือตลอดชีพ
• รูปถ่าย 2 นิ้ว จำนวน 2 รูป ต้องเป็นรูปถ่ายของคุณที่มีอายุไม่เกิน 6 เดือน ถ่ายรูปหน้าตรง ไม่สวมหมวกหรือสวมแว่นตาสีเข้ม ไม่มีภาพวิวหลังรูป เหมือนภาพติดสมัครงานเลยครับ หรือรูปถ่ายติดบัตร
• หากคุณเปลี่ยนชื่อนามสกุลควรสำเนาหลักฐานการแก้ไขชื่อและสกุลไปด้วย
• หลักฐานอื่น ๆ เช่น ทะเบียนสมรสหรือใบหย่า
• เตรียมเงินค่าธรรมเนียมใบขับขี่ระหว่างประเทศ จำนวน 505 บาทไว้ด้วย (ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขับขี่ระหว่างประเทศ 500 บาท ค่าคำขอ 5 บาท)

เตรียมครบจบแล้ว เราต้องทําใบขับขี่สากลที่ไหน ทำใบขับขี่ระหว่างประเทศอย่างไร Frank แจกพิกัดให้คุณ

ทําใบขับขี่สากลที่ไหนในเมืองไทย ?

พื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล

ขอใบขับขี่ระหว่างประเทศที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 - 5 มีพิกัดตามนี้เลยครับ สามารถแชร์บทความเราไว้ และดำเนินเรื่องขอใบขับขี่สากลได้ทันที

• สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1
  พิกัด : ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล แขวง ท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร 10150

• สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 2
  พิกัด : 51 ซอย สวนผัก 4 แขวง ตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170

• สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 3
  พิกัด : 2479 สุขุมวิท 62/1 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร 10260

• สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 4
  พิกัด : 34 หมู่ 6 ถนน ร่วมพัฒนา แขวง ลำต้อยติ่ง เขต หนองจอก กรุงเทพมหานคร 10530

• สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 5
  พิกัด : 1032 อาคาร 5 กรมการ ขนส่ง ทาง บก ซอย พหลโยธิน 18 แขวง จอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900

ถ้าอยู่ต่างจังหวัดล่ะ ?

"อยู่ต่างจังหวัดสามารถขอใบขับขี่ระหว่างประเทศได้ที่สำนักงานขนส่งทั่วไทยเลยครับ"

คนไทยทำใบขับขี่ระหว่างประเทศได้ที่สำนักงานขนส่งจังหวัดทุกจังหวัด เราสามารถยื่นเรื่องขอใบขับขี่ระหว่างประเทศได้เช่นกัน ซึ่งการดำเนินการแบบเดียวกันครับ เปิดทำการตามวันเวลาราชการเลยจ้า
เห็นได้ว่า เราสามารถขอใบขับขี่สากล หรือใบขับขี่ระหว่างประเทศได้เหมือนการสอบใบขับขี่ทั่วไป สามารถขอใบขับขี่สากลในช่องพิเศษได้เลย แตกต่างที่ไม่ต้องสอบหรืออบรมใช้เอกสารเดิมอ้างอิงก็เป็นอันครบถ้วน เพื่อเตรียมสอบใบขับขี่ระหว่างประเทศเป๊ะสุด แบบฉบับขอเองไม่ฝากใครไปทำ

สรุปอีกครั้ง 

1. เดินทางไปที่สำนักงานขนส่งใกล้บ้านคุณ 
2. ตรวจสอบเอกสารให้ครบ (ตามที่ระบุข้างต้น) 
3. ส่งเอกสารให้กับเจ้าหน้าที่ รับเรื่องดำเนินการ
4. ชำระค่าธรรมเนียม 505 บาท เราสามารถขอใบขับขี่รถยนต์และมอเตอร์ไซค์สากลพร้อมกันได้

ย้ำว่า ต้องไปเช้า ๆ ครับ บางแห่งรับเรื่องทำใบขับขี่สากลถึงตอนเที่ยงเท่านั้น และชำระเงินถึงเวลา 15.30 น. เผื่อเวลาให้ดีล่ะ หากได้รับใบขับขี่สากลพร้อมเที่ยวต่างประเทศแล้ว อย่าลืมทำการบ้านเรื่องเส้นทาง พร้อมกับขับขี่ปลอดภัยนะครับ Frank เป็นห่วง
ขอบคุณข้อมูลจาก : dlt.go.th
Content by Butter Cutter

ข้อมูลข้างต้นอาจมีการเปลี่ยนแปลง ข้อมูลเดือน กรกฎาคม 2562 โปรดตรวจสอบอีกครั้ง

The post ทำใบขับขี่สากลที่ไหนได้บ้าง ? appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

รถติดไฟแนนซ์ควรทำประกันรถยนต์ไหม ?

ถึงรถติดไฟแนนซ์ยังไม่ใช่รถของเราอย่างสมบูรณ์ แต่เราที่เป็นผู้ใช้รถ จึงถือว่าเป็น “ผู้ครอบครอง” ที่ต้องรับผิดชอบรถคันนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 กำหนดว่า “บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแลยานพาหนะใดอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกล บุคคลนั้นต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น”
พูดง่าย ๆ คือถ้าเราในฐานะผู้ครอบครองรถ หากเราขับไปเกิดอุบัติเหตุขึ้น คนที่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหาย คือ ผู้ครอบครองรถ ไม่ใช่บริษัทจัดไฟแนนซ์ที่เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์รถ
ตามปกติแล้วการซื้อรถแบบติดไฟแนนซ์ ทางบริษัทจัดไฟแนนซ์จะมีเงื่อนไขให้เราทำประกันรถยนต์ด้วยอย่างน้อย 1 ปี แต่เมื่อประกันรถยนต์ที่เราทำพร้อมจัดไฟแนนซ์หมด เราสามารถเลือกได้ครับว่าจะต่อประกันหรือไม่ ? ด้วยความที่ประกันภัยรถยนต์เป็นประกันภัยภาคสมัครใจกฎหมาย “ไม่บังคับ” แต่มีไว้ก็ไม่เสียหายครับ  
เนื่องจากอุบัติเหตุนั้นไม่มีใครคาดเดาได้ แม้เราระวังแค่ไหนก็มีสิทธิ์เกิดอุบัติเหตุได้อยู่ดี ดั่งคำว่า “เราไม่ชนเขา เขาก็อาจจะมาชนเราได้” ถ้าถามว่า รถติดไฟแนนซ์ไม่ต่อประกันได้ไหม ?  คำตอบแบบตรง ๆ คือ “หากคุณไม่ทำประกันรถยนต์ก็ได้ครับ แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้น คุณต้องรับผิดชอบค่าเสียหาย ค่าซ่อมรถด้วยตนเอง !!”
ลองนึกภาพตามว่า เกิดอุบัติเหตุรถชนรถขึ้นระหว่างที่รถยนต์ของเรายังติดไฟแนนซ์อยู่ เราจะต้องเสียทั้งค่าซ่อมรถ ทั้งค่าผ่อนรถ จ่ายหนักสองเท่าไปอีก และไม่รวมถึงค่าเสียหายที่เราอาจต้องจ่ายให้คู่กรณีด้วย ดังนั้น ควรมีประกันรถยนต์ไว้เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นด้วยนะ
นอกจากนี้ประกันรถยนต์ยังช่วยดูแลกรณีที่รถของเราที่ผ่อนไฟแนนซ์อยู่ถูกขโมย หรือสูญหาย (กรณีซื้อความคุ้มครองประกันชั้น 1, และประกันชั้น 2+) โดยเจ้าหน้าที่จะพิจารณาว่า เราผ่อนไฟแนนซ์ได้กี่งวด เป็นเงินกี่บาทแล้ว และจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับบริษัทไฟแนนซ์ตามวงเงินประกันที่มี
และ Frank ต้องขอย้ำว่า รถยนต์ที่ติดไฟแนนซ์ต้องผ่อนจ่ายอยู่ แนะนำว่า “ทำประกันรถยนต์ไว้เถอะครับ” อย่าละเลยการซื้อความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ซึ่งเราสามารถต่อประกันรถยนต์ได้เองเหมือนกับรถยนต์ทั่วไป

โดยความคุ้มครองประกันรถยนต์จะช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายทั้งค่ารักษาพยาบาลเพิ่มเติมจากพ.ร.บ. รถยนต์เช่น ช่วยค่าซ่อมรถ เมื่อประสบเหตุรถชน และยังดูแลรถหาย รถไฟไหม้ ฯลฯ ตามเงื่อนไขความคุ้มครองของประกันรถยนต์ที่เลือกซื้อ ได้แก่

• ประกันชั้น 1 คุ้มครองครบ แต่เบี้ยสูงหน่อย
• ประกันชั้น 2+ เบี้ยไม่แพง ดูแลเทียบเท่าประกันชั้น 1 แต่ต้องระบุคู่กรณีเมื่อต้องการเคลม
• ประกันชั้น 3+ เบี้ยประหยัด เทคแคร์เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชนรถที่ระบุคู่กรณีได้เช่นกัน

สำหรับรถติดไฟแนนซ์ที่ใกล้หมดประกันภัยในปีแรก ทางบริษัทจัดไฟแนนซ์จะโทรมาแนะนำให้เราต่อประกันภัย หากเราโอเคกับประกันภัยเจ้าเดิมอยู่แล้วก็สามารถต่อกับทางไฟแนนซ์ได้เลย หรือจะเลือกต่อประกันรถยนต์ด้วยตนเองกับบริษัทฯ ใหม่ก็ได้ครับ
หากไม่อยากเหนื่อยหาเบี้ยประกัน ไม่อยากติดต่อประสานงานให้ยุ่งยาก สามารถซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์กับ frank.co.th เรามีกรมธรรม์ให้คุณเลือกสรรได้ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1, ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 พลัส , ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 พลัส เพื่อให้คุณเลือกประกันรถยนต์ออนไลน์ที่ใช่สำหรับคุณ เพียงไม่กี่คลิก กรอกข้อมูลรถยนต์เบื้องต้น เช่น ยี่ห้อ, รุ่นรถ, ปีจดทะเบียน, รายละเอียดติดต่อกลับ, เบอร์โทรศัพท์ และรอเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ ชำระเงินเสร็จ ก็เตรียมรับความคุ้มครองประกันรถยนต์ที่ส่งตรงถึงบ้านคุณทันที  
พิเศษสุด ๆ หากคุณซื้อประกันรถยนต์กับ Frank ยังได้รับสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าอย่างเพนกวินพริวิเลจ (Penguin Privilege) ให้อีกด้วย ทั้ง รวดเร็ว เรียบง่าย และจริงใจกับคุณแบบนี้มีที่ frank.co.th เท่านั้น ไม่ต้องรอแล้วเลือกต่อประกันรถยนต์ออนไลน์กันเถอะ

Frank Box :

รถติดไฟแนนซ์ เป็นวิธีการซื้อรถแบบหนึ่งที่ผู้ซื้อไม่ได้จ่ายเงินเต็มจำนวนในครั้งเดียว (ซื้อสด) แต่ใช้วิธี  
“การเช่าซื้อ” เป็นการขอสินเชื่อในการกู้ยืมเงินจากบริษัทจัดไฟแนนซ์  เพื่อมาซื้อรถยนต์ โดยตกลงทำสัญญา ผ่อนชำระเป็นงวด ๆ พร้อมส่งดอกเบี้ยให้แก่บริษัทจัดไฟแนนซ์ จนกว่าจะผ่อนครบตามสัญญา

รถติดไฟแนนซ์ต่างกับการซื้อสดอย่างไร?

การซื้อสดและการซื้อติดไฟแนนซ์ แตกต่างกันตรงที่กรรมสิทธิ์ของรถครับ

• การซื้อสดกรรมสิทธิ์ของรถจะตกเป็นของผู้ซื้อทันที
• การซื้อติดไฟแนนซ์กรรมสิทธิ์ของรถจะเป็นของบริษัทที่จัดไฟแนนซ์ ส่วนผู้เช่าซื้อจะมีสิทธิ์เป็นผู้ครอบครอง หรือใช้ขับขี่ได้เท่านั้น อย่างไรก็ดี รถจะกลายเป็นของผู้เช่าซื้อทันที เมื่อผ่อนครบตามสัญญา หากลืมจ่าย หรือเบี้ยวหนี้บริษัทจัดไฟแนนซ์มีสิทธิ์ที่จะยึดรถคืนได้เสมอครับ

The post ถ้า รถติดไฟแนนซ์ เราไม่ทำประกันรถยนต์ได้ไหม ? appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

แป้นพักเท้า คือ

แป้นพักเท้านั้น ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า ใช้สำหรับพักเท้า แต่คนขับรถส่วนใหญ่ มักไม่ชินกับการวางเท้าไว้กับแป้นพักเท้า เพราะถ้าไม่วางเท้าไว้ที่พื้นรถ ก็คาไว้ที่คลัทช์นั่นล่ะ
แต่แป้นพักเท้านี่ล่ะครับ มีประโยชน์ตรงที่ช่วยตรึงและดันให้ร่างกายให้แนบสนิท ติดกับตัวเบาะ เวลาเราขับรถด้วยความเร็ว แล้วรถเกิดเหวี่ยงในขณะเข้าโค้ง วิ่งในทางขรุขระ หรือต้องหักหลบอะไรก็แล้วแต่ จะช่วยให้ร่างกายเราไม่เลื่อนไหลเลื่อนไปตามแรงเหวี่ยงของตัวรถ และทำให้ระดับสายตาการมองไปตรงหน้ารถตลอดเวลาอีกด้วย ไม่ต้องเหยียดคอ คอยมองเส้นทาง

พฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง

การวางเท้าซ้ายไว้กับพื้นรถ หรือยกขึ้นมานั่งไขว้บ้าง กับเหยียบคาบนคลัทช์ หรือเบรกบ้าง (อันนี้อันตราย!) นอกจากจะทำให้เมื่อยขาท่อนบนแล้ว ยังทำให้กล้ามเนื้อแผ่นหลัง ต้องรับแรงสั่นสะเทือนจากช่วงล่างของรถ เมื่อนั่งนาน ๆ จะทำให้ปวดหลัง และปวดขาท่อนบนได้
อนึ่ง ในเบาะนั่งของรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ คุณเคยสังเกตไหมครับ ว่าบริเวณเบาะนั่งด้านคนขับ มุมขวามือจะมีที่หมุน 1 อัน หรือ 2 อัน (ในรถบางรุ่น) นั่นมีไว้สำหรับปรับเบาะนั่งให้ยกขา หรือยกก้นให้ขึ้นมาสูงขึ้นได้ (ถ้าเป็นรถยนต์แบบเบาะไฟฟ้า ก็ใช้มือดันสวิทช์ด้านล่างขึ้นมาได้เลย) นี่ก็จะเป็นการช่วยให้คุณนั่งขับรถได้สบายขึ้นเช่นกัน ช่วยให้ท่อนขารับน้ำหนักตัวได้มากขึ้น ลดอาการปวดหลังเนื่องจากขับรถนาน ๆ หรือระยะไกล ๆ ได้
เมื่อรู้ถึงประโยชน์ของ "แป้นพักเท้า" แล้ว ก็หมั่นใช้เป็นที่พักเท้า เวลาขับรถอย่างสม่ำเสมอนะครับ แรก ๆ คุณอาจจะไม่ชินบ้าง แต่ Carro ขอแนะนำให้ฝึกจนเป็นความเคยชินนะครับ เพราะมันจะดีต่อร่างกายคุณเอง ในยามที่ต้องนั่งขับรถนานๆ
Rewrite by Butter Cutter

The post มาหาคำตอบกันว่าแป้นพักเท้าในรถมีไว้เพื่ออะไรบ้าง? appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

ใบปัดน้ำฝนสำคัญ

ในวันที่ฝนตก คุณจำเป็นต้องพึ่งพาที่ปัดน้ำฝนบนกระจกหน้ารถ เพื่อปรับปรุงการมองเห็นและช่วยให้ปลอดภัย ซึ่งเป็นหนึ่งในคุณลักษณะด้านความปลอดภัยอันดับแรกที่จำเป็นต้องใช้งานในช่วงฤดูฝน แต่น่าเสียดายที่ปัดน้ำฝนดีๆ มักจะถูกละเลย ซึ่งมีหลายคนเลือกที่ปัดน้ำฝนที่ราคาถูกมาใช้งาน เพียงคิดแค่ว่า “ใช้ๆ ไปก่อน เดี๋ยวก็หมดฤดูฝนแล้ว ไม่ต้องซื้อของแพงหรอก”

อะไรทำให้ที่ปัดน้ำฝนเสื่อม?

ที่ปัดน้ำฝนเสื่อมและสึกหรอลงจากปัจจัยหลายเรื่อง แต่ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการรวมกันของฝุ่นควันไอเสียและอากาศร้อนระอุ ปัดน้ำฝนที่ดีควรได้รับการออกแบบให้ทนทาน ใช้งานได้นาน โดยส่วนผสมของใบปัดน้ำฝนจะมีสูตรการผสมยางแบบพิเศษที่ทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานในสภาพแวดล้อมแบบเขตเมืองร้อน ถามว่าที่ปัดน้ำฝนราคาถูกสามารถใช้งานได้หรือไม่…คำตอบคือสามารถใช้งานได้ แต่ใช้งานได้ไม่นาน เนื่องจากเนื้อยางที่คุณภาพไม่ดีพอจะสึกหรอเร็วขึ้นในเขตร้อน ผู้ใช้รถควรตรวจสอบที่ปัดน้ำฝนเป็นประจำเพื่อให้แน่ใจว่า จะไม่ตกอยู้ในความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุใดๆ จากวิสัยทัศน์ที่ถูกจำกัดเพราะใบปัดน้ำฝนไม่สามารถรีดน้ำออกจากกระจกหน้าได้อย่างหมดจด

ที่ปัดน้ำฝนเป็นสิ่งที่หลายคนไม่สนใจ แต่จริง ๆ แล้วที่ปัดน้ำฝนเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมากเลยนะครับ

ใบปัดน้ำฝนเสื่อมทำให้กระจกเป็นรอย

ใบปัดน้ำฝนที่บำรุงรักษาไม่ดี จะมียางที่ลอกออกมาแล้วถูกลากผ่านกระจกหน้ารถและสร้างความเสียหายได้อย่างไม่น่าเชื่อ กระจกหน้ารถที่เสียหายจะจำกัดทัศนวิสัยให้แย่ไปกว่าเดิม แม้แต่ในช่วงที่ไม่ใช่ฤดูฝน และเป็นสูตรสำเร็จของความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ถ้าจะแย่ที่สุดมันอาจทำความเสียหายอย่างหนักทำให้ต้องเปลี่ยนกระจกหน้ารถกันเลยทีเดียว
การดูแลที่ปัดน้ำฝนที่ดี
จากที่อธิบายเอาไว้ใบปัดน้ำฝนจะสึกหรอจากเศษฝุ่น น้ำมัน และคราบจากสภาพแวดล้อม การดูแลควรใช้ผ้าชุบน้ำทำความสะอาดใบปัดน้ำฝนและกระจกหน้ารถอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการปกป้องใบปัดน้ำฝนให้พร้อมใช้งาน และไม่ต้องเปลืองเงินเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนบ่อยๆ นะครับ แถมช่วยให้ขับขี่ปลอดภัยด้วยนะ
ข้อมูลจาก grandprix.co.th

The post “ที่ปัดน้ำฝน” สิ่งสำคัญที่ถูกมองข้าม appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.