ประกันสุขภาพ Archives - Bolttech Blog - News & Updates Bolttech Blog - News & Updates Mon, 09 Sep 2024 07:20:36 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.0.3 https://www.bolttech.co.th/blog/wp-content/uploads/2021/02/favicon.ico ประกันสุขภาพ Archives - Bolttech Blog - News & Updates 32 32 เจ็บหน้าอก บ่งบอกโรคอะไรได้บ้าง? https://www.bolttech.co.th/blog/%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b9%87%e0%b8%9a%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%9a%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%ad%e0%b8%b0%e0%b9%84%e0%b8%a3?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%2588%25e0%25b9%2587%25e0%25b8%259a%25e0%25b8%25ab%25e0%25b8%2599%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%2581%25e0%25b8%259a%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%2581%25e0%25b9%2582%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%2584%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%25b0%25e0%25b9%2584%25e0%25b8%25a3 Tue, 10 Sep 2024 03:30:00 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog/?p=37183 อาการเจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก เป็นสัญญาณอันตรายที่คุณไม่ควรมองข้าม อาจบ่งบอกถึงโรคร้ายแรงต่างๆ อย่างเช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด หรือ อาจเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของปอด ทั้งโรคเยื่อหุ้มปอดอักเสบ ปอดบวม หรือฝีในปอด เป็นต้น แต่ในขณะบางคนมีอาการเจ็บแปลบ เป็นๆ หายๆ อาการเจ็บจี๊ด ร้าวไปที่หลัง หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบนำตัวผู้ป่ว

The post เจ็บหน้าอก บ่งบอกโรคอะไรได้บ้าง? appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
อาการเจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก เป็นสัญญาณอันตรายที่คุณไม่ควรมองข้าม อาจบ่งบอกถึงโรคร้ายแรงต่างๆ อย่างเช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด หรือ อาจเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของปอด ทั้งโรคเยื่อหุ้มปอดอักเสบ ปอดบวม หรือฝีในปอด เป็นต้น แต่ในขณะบางคนมีอาการเจ็บแปลบ เป็นๆ หายๆ อาการเจ็บจี๊ด ร้าวไปที่หลัง หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบนำตัวผู้ป่วยไปหาหมอ และทำการรักษาโดยเร็วที่สุด มาเช็กอาการเลย !!

สาเหตุอาการเจ็บหน้าอกที่พบบ่อย

อาการเจ็บหน้าอก เจ็บแน่นหน้าอก

  • โรคหัวใจขาดเลือด: มักมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก อาจร้าวไปที่แขน คอ หรือ ขากรรไกร
  • กรดไหลย้อน: เจ็บแสบร้อนบริเวณกลางอก มักเกิดหลังรับประทานอาหาร
  • ปอดอักเสบ: เจ็บเวลาหายใจเข้าลึกๆ มักมีไข้ร่วมด้วย
  • กล้ามเนื้อหน้าอกอักเสบ: เจ็บเมื่อขยับหรือกดบริเวณหน้าอก
  • ความเครียดและวิตกกังวล: อาจทำให้รู้สึกแน่นหน้าอก

อาการเจ็บหน้าอก ที่ควรพบแพทย์โดยด่วน

  • เจ็บหน้าอกรุนแรงเฉียบพลัน หายใจลำบาก เหงื่อออก คลื่นไส้ หน้ามืด
  • เจ็บร้าวไปที่แขน ขากรรไกร คอ หลัง
  • เจ็บหน้าอก นานกว่า 15 นาทีและไม่ดีขึ้น
  • เจ็บหน้าอก และ มีไข้สูง ไอมีเสมหะ
  • มีประวัติ โรคหัวใจ หรือความเสี่ยงสูง

วิธีป้องกันอาการเจ็บหน้าอก

อาการเจ็บหน้าอก เจ็บแน่นหน้าอก

  • ปรับพฤติกรรมการกิน ทานอาหารเพื่อสุขภาพ เลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง อาหารลดความดันโลหิตสูง ลดคอเลสเตอรอล
  • หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • เลิกสูบบุหรี่ ลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ลดความเครียด ด้วยการทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น ออกกำลังกาย ทำโยคะ ทำอาหาร ปลูกผัก เป็นต้น

อาการเจ็บหน้าอก อาจเป็นสัญญาณเตือนโรคหัวใจ และโรคอื่นๆ ตามมาด้วย เราควรสังเกตอาการและตรวจสุขภาพทุกปี หากเจ็บป่วยขึ้นมาจะได้ทำการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ดังนั้นเราควรดูแลสุขภาพตัวเอง ถือว่าช่วยลดความเสี่ยงได้ ทำให้เรามีสุขภาพที่ดีขึ้น และเพิ่มความอุ่นใจไปอีก แนะนำ ซื้อประกันสุขภาพ กับ bolttech ที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาเมื่อยามเจ็บป่วย ครอบคลุมอุบัติเหตุ ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่ายา ทั้งแผนผู้ป่วยใน (IPD) และ ผู้ป่วยนอก (OPD) เหมาะสำหรับผู้ทำประกันภัยอายุ 21-55 ปี ซื้อง่าย ไม่ต้องตรวจสุขภาพ ลดหย่อนภาษีได้ด้วย

ประกันสุขภาพ

The post เจ็บหน้าอก บ่งบอกโรคอะไรได้บ้าง? appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
วิธีเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม https://www.bolttech.co.th/blog/%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%a5%e0%b8%a2%e0%b8%99%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%9e%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%81%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b8%87%e0%b8%84%e0%b8%a1?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%259b%25e0%25b8%25a5%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%2599%25e0%25b9%2582%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%2587%25e0%25b8%259e%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%259a%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%25a5%25e0%25b8%259b%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%25b0%25e0%25b8%2581%25e0%25b8%2599%25e0%25b8%25aa%25e0%25b8%2587%25e0%25b8%2584%25e0%25b8%25a1 Thu, 11 Jul 2024 03:00:00 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog/?p=35975 หากใครที่อยาก เปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม เพราะย้ายงาน ย้ายที่อยู่ หรือไม่สะดวกเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลประกันสังคมเดิม สามารถเปลี่ยนสถานพยาบาล ประกันสังคม ได้ปีละ 1 ครั้ง  โดยผู้ประกันตนจะต้องดำเนินการในช่วงวันที่ 16 ธันวาคม - 31 มีนาคมของทุกปี และสามารถตรวจสอบรายชื่อสถานพยาบาลประกันสังคม ด้วยการสอบถามจากนายจ้าง

The post วิธีเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
หากใครที่อยาก เปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม เพราะย้ายงาน ย้ายที่อยู่ หรือไม่สะดวกเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลประกันสังคมเดิม สามารถเปลี่ยนสถานพยาบาล ประกันสังคม ได้ปีละ 1 ครั้ง  โดยผู้ประกันตนจะต้องดำเนินการในช่วงวันที่ 16 ธันวาคม - 31 มีนาคมของทุกปี และสามารถตรวจสอบรายชื่อสถานพยาบาลประกันสังคม ด้วยการสอบถามจากนายจ้าง หรือตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงานประกันสังคม www.sso.go.th สายด่วน 1506

ขั้นตอนการเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม

1. ดำเนินการผ่านเว็บไซต์

เริ่มจากเข้าที่เว็บไซต์ www.sso.go.th หากคุณต้องการเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม ให้เข้าสู่ระบบ หรือสมัครสมาชิก จากนั้นกด “ยื่นแบบขอเปลี่ยนสถานพยาบาล” เลือกเหตุผลการเปลี่ยน เลือกสถานพยาบาลใหม่ที่ต้องการ กดยอมรับข้อตกลงพร้อมบันทึก

2. ดำเนินการผ่าน Line Official

เข้าไปใน Line แล้วเพิ่มเพื่อน @ssothai กดเลือก “ข้อมูลของผู้ประกันตน” กรอกข้อมูลเพื่อเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิก เลือกไปที่เมนู “เปลี่ยนสถานพยาบาล” เลือกเหตุผลการเปลี่ยน สถานพยาบาลใหม่ที่ต้องการ แล้วกดยอมรับข้อตกลง หลังจากนั้นกดยืนยัน

3. ดำเนินการผ่านแอป SSO Connect

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SSO Connect IOS หรือ Android กดเข้าแอปแล้วกรอกข้อมูลส่วนตัว ระบุสาเหตุการเปลี่ยนโรงพยาบาล จากนั้นเลือกโรงพยาบาลที่ต้องการ แล้วกดยอมรับเงื่อนไขและเลือกยืนยัน

4. ยื่นเอกสารด้วยตัวเอง

เตรียมเอกสารให้พร้อม! ยื่นแบบการเลือกสถานพยาบาลในการรับบริการทางการแพทย์ สปส. 9-02 ได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทุกแห่งทั่วประเทศ

สำหรับผลการเปลี่ยนสถานพยาบาล ผู้ประกันตนมาตรา 33 สามารถตรวจสอบได้โดยการสอบถามจากนายจ้าง ส่วนผู้ประกันตนมาตรา 39 จะได้รับหนังสือหรือ SMS แจ้งผล หรือ เช็คสิทธิประกันสังคม การรักษาพยาบาลได้ที่ www.sso.go.th หรือแอด Line @ssothai หรือติดต่อสำนักงานประกันสังคม สถานพยาบาลในโครงการทั่วประเทศ โทร 1506 กรณีผู้ประกันตนที่สิ้นสภาพจากความเป็นผู้ประกันตนสามารถใช้สิทธิต่อไปได้อีก 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่สิ้นสภาพ

การเลือกเปลี่ยนสถานพยาบาล ผู้ประกันตนควรเลือกด้วยตัวเอง เพื่อความสะดวกในการขอรับบริการ แต่จะดีกว่าถ้าหากเราซื้อความอุ่นใจให้กับตนเอง แนะนำให้ ซื้อประกันสุขภาพ เพิ่มเติมจากสิทธิประกันสังคมที่คุณได้รับ เพื่อคุ้มครองมากขึ้นเมื่อเจ็บป่วย เกิดอุบัติเหตุ ก็ได้ค่ารักษา รวมถึงค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าห้อง ICU ในกรณีที่เจ็บป่วยหนัก สำหรับผู้ที่มีอายุ 21-55 ปี ซื้อง่าย ไม่ต้องตรวจสุขภาพ มีทั้งแผนผู้ป่วยใน (IPD) และ ผู้ป่วยนอก (OPD) นำมาลดหย่อนภาษีได้ ซื้อออนไลน์กับ bolttech.co.th ได้เลย

ประกันสุขภาพ

The post วิธีเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
5 โรคที่ควรเฝ้าระวังในช่วงหน้าฝน !! https://www.bolttech.co.th/blog/%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%8a%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%9d%e0%b8%99?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=%25e0%25b9%2582%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%2584%25e0%25b8%2597%25e0%25b8%25b5%25e0%25b9%2588%25e0%25b8%2584%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%25b0%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%25b1%25e0%25b8%2587%25e0%25b8%258a%25e0%25b9%2588%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%2587%25e0%25b8%25ab%25e0%25b8%2599%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%259d%25e0%25b8%2599 Fri, 05 Jul 2024 04:00:00 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog/?p=35835 ฝนตกเย็นสบายๆ แต่ไม่วายทำให้คนเจ็บป่วยได้หลายโรค !! เนื่องจากในช่วงหน้าฝนอากาศจะชื้นๆ อุณหภูมิจะลดลง ทำให้เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัสเติบโตได้เป็นอย่างดี ส่งผลเสียต่อสุขภาพ จนล้มป่วยและติดต่อกันได้ง่าย แถมบางโรคก็มีสัตว์เป็นพาหะ นำเชื้อโรคสู่คนอีกด้วย จะมีโรคอะไรที่ควรเฝ้าระวัง มีวิธีป้องกันอย่างไรบ้าง มาดูกันเลย 1. โ

The post 5 โรคที่ควรเฝ้าระวังในช่วงหน้าฝน !! appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
ฝนตกเย็นสบายๆ แต่ไม่วายทำให้คนเจ็บป่วยได้หลายโรค !! เนื่องจากในช่วงหน้าฝนอากาศจะชื้นๆ อุณหภูมิจะลดลง ทำให้เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัสเติบโตได้เป็นอย่างดี ส่งผลเสียต่อสุขภาพ จนล้มป่วยและติดต่อกันได้ง่าย แถมบางโรคก็มีสัตว์เป็นพาหะ นำเชื้อโรคสู่คนอีกด้วย จะมีโรคอะไรที่ควรเฝ้าระวัง มีวิธีป้องกันอย่างไรบ้าง มาดูกันเลย

1. โรคไข้หวัดใหญ่

โรคไข้หวัดใหญ่

โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัสหลายชนิด อาการโรคไข้หวัดใหญ่ที่พบบ่อย คือ มีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว คัดจมูก น้ำมูกไหล เจ็บคอ ไอแห้ง หนาวสั่น อ่อนเพลีย  ทั่วไปอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นใน 3-7 วัน แต่มีอาการไอและเจ็บคออาจ คงมีอยู่นานถึง 2 สัปดาห์ (ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของผู้ป่วย) หากพบว่ามีอาการรุนแรง เนื่องจากไข้หวัดบางชนิดอาจจะได้รับยาต้านไวรัสจากแพทย์ เพื่อลดความรุนแรงและป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ

วิธีการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่

  • พักผ่อนอย่างเต็มที่
  • ดื่มน้ำสะอาด
  • เช็ดตัวเมื่อมีไข้สูง
  • สวมเสื้อผ้าที่ทำให้อบอุ่น
  • กินยาลดไข้ ยาแก้แพ้ ยาแก้ไอขับเสมหะ

2. โรคไข้เลือดออก

โรคไข้เลือดออก

โรคไข้เลือดออก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี (Dengue Virus) โรคติดต่อที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค เนื่องจากโดนยุงกัด พบได้ในผู้ป่วยทุกเพศทุกวัย การติดเชื้อครั้งแรก อาการโรคไข้เลือดออก ได้แก่  มีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว และมีผื่นตามผิวหนัง  ซึ่งระยะของโรคจะมี 3 ระยะดังนี้

ระยะไข้ : จะมีไข้สูงถึง 41 องศาเซลเซียส คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ปวดท้อง และมีผื่นตามตัว

ระยะวิกฤต : ไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว เกร็ดเลือดต่ำทำให้เลือดออกง่าย เลือดกำเดาไหล อาเจียนเป็นเลือด การไหลเวียนเลือดล้มเหลว มือเท้าเย็น ชีพจรเบาลง ความดันโลหิตเปลี่ยนแปลง

ระยะฟื้นตัว : อาการเริ่มดีขึ้น เริ่มอยากอาหาร ความดันโลหิตสูงขึ้น ชีพจรเต้นแรงขึ้นและเบาลง ปัสสาวะมากขึ้น บางรายมีผื่นมีจุดแดง มีเลือดออกตามตัว

วิธีการป้องกันโรคไข้เลือดออก

  • กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย
  • นอนในมุ้ง 
  • ทายากันยุง
  • ฉีดวัคซีนไข้เลือดออก
  • หากเริ่มมีอาการให้ดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด
  • หากมีอาการรุนแรงขึ้น ให้รีบพบแพทย์ทันที

3. โรคฉี่หนู

โรคฉี่หนู

โรคฉี่หนู เกิดจากการสัมผัสเชื้อโรคในน้ำสกปรก น้ำขัง ที่มีการปนเปื้อนของปัสสาวะสัตว์พาหะ เช่น หนู วัว ม้า หมู สุนัข ผู้ป่วยโรคฉี่หนูอาการ คือ เป็นไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว หนาวสั่น อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ตาแดง ตัวเหลือง ตาเหลือง และอาจมีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ   หากรุนแรงอาจทำให้ผู้ป่วยไตวายฉับพลัน ตับวาย หัวใจวาย เกล็ดเลือดต่ำ กล้ามเนื้อสลายตัว ความดันต่ำ เป็นอันตรายถึงขั้นชีวิตได้

วิธีการป้องกันโรคฉี่หนู

  • หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำท่วม ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรสวมใส่รองเท้าบูท
  • หลีกเลี่ยงให้บาดแผลสัมผัสน้ำที่ไม่สะอาด
  • อาบน้ำ ชำระร่างกายให้สะอาดทุกครั้งที่ลุยน้ำ
  • เช็ดตัว เป่าผมให้แห้ง

4. โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน

โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน

อีกหนึ่งโรคไม่ควระมองข้าม "โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน" คือ การถ่ายอุจจาระเหลว 3 ครั้ง ขึ้นไปภายใน 24 ชั่วโมง เกิดจากการติดเชื้อโรต้าไวรัส (Rotavirus) โนโรไวรัส (Norovirus) เชื้อแบคทีเรีย โปรโตซัว พยาธิ  และการทานอาหารที่ไม่สะอาด ปนเปื้อนเชื้อโรค หรือการกินอาหารที่มีรสจัดๆ

อาการโรคท้องเสียฉับพลัน ได้แก่ ปวดท้อง ปวดหัว มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดเมื่อยตามตัว มีภาวะขาดน้ำ ปากแห้ง เป็นลม  ในช่วงหน้าฝนนี้เสี่ยงเป็น โรคท้องเสีย ได้ง่ายเช่นกัน

วิธีการป้องกันโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน

  • ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร
  • เลือกกินอาหารที่ปรุงสุก และล้างทำความสะอาด
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • จิบน้ำเกลือแร่ ดื่มน้ำสะอาด
  • ทานอาหารอ่อนๆ ไม่จัดจ้านเกินไป
  • หากมีอาการรุนแรงขึ้น ควรไปพบแพทย์ทันที

5. โรคต่อมทอนซิลอักเสบ

โรคต่อมทอนซิลอักเสบ

ฤดูฝนนี้มักป่วยเป็น โรคต่อมทอนซิลอักเสบ ได้เช่นกัน โดยเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อไวรัสต่างๆ อาการที่พบได้บ่อย คือ เจ็บคอ เสียงแหบ ปวดร้าวไปถึงหู มีไข้ ปวดศรีษะ กลืนอาหารก็เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองที่คอบวมโต  จนกลายเป็นอาการอักเสบเรื้อรัง ทำให้มีกลิ่นปากด้วย

วิธีการป้องกันโรคต่อมทอนซิลอักเสบ

  • ล้างมือก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ
  • ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
  • สวมใส่แมส ใช้ทิชชู่เช็ดและปิดปากทุกครั้งที่ไอจาม
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • ดื่มน้ำสะอาดๆ
  • กลั้วด้วยน้ำเกลือผสมน้ำอุ่น
  • ไม่สูบบุหรี่ หรือสูดดมควันบุหรี่

นอกจากนี้ยังมีโรคอื่นๆ มากมายเช่น โรคตาแตง โรคเยื่อบุตาอักเสบ โรคไข้มาลาเรีย เป็นต้น ซึ่งอาการเจ็บป่วยไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงหน้าฝน แต่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกฤดูกาล ดังนั้นเราควรมองหา ประกันสุขภาพ เพิ่มความอุ่นใจไว้ดีกว่า เพื่อคุ้มครองค่ารักษาเมื่อเจ็บป่วย อุบัติเหตุ ครอบคลุมทั้งค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าห้อง ICU สามารถเลือกแผนเองได้ มีทั้งแผนผู้ป่วยใน (IPD) และ ผู้ป่วยนอก (OPD) ซื้อง่ายผ่านออนไลน์ ไม่ต้องตรวจสุขภาพ นำมาลดหย่อนภาษีได้

ประกันสุขภาพ

The post 5 โรคที่ควรเฝ้าระวังในช่วงหน้าฝน !! appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
5 แอปหาหมอออนไลน์ ไม่ต้องไปโรงพยาบาล https://www.bolttech.co.th/blog/%e0%b9%81%e0%b8%ad%e0%b8%9b%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%84%e0%b8%a5%e0%b8%99%e0%b9%8c?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=%25e0%25b9%2581%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%259b%25e0%25b8%25ab%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%25ab%25e0%25b8%25a1%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%2599%25e0%25b9%2584%25e0%25b8%25a5%25e0%25b8%2599%25e0%25b9%258c Mon, 24 Jun 2024 04:00:00 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog/?p=35448 การหาหมอออนไลน์ กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยผู้ป่วยสามารถปรึกษาแพทย์ผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปโรงพยาบาล ผู้ป่วยสามารถอธิบายอาการและแพทย์จะให้คำปรึกษา วินิจฉัย และจ่ายยาทางออนไลน์ได้ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางเป็นอย่างมาก หรือใครที่ไม่อยากไปโรงพยาบาลก็สามารถปรึกษาแพทย์ผ

The post 5 แอปหาหมอออนไลน์ ไม่ต้องไปโรงพยาบาล appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
การหาหมอออนไลน์ กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยผู้ป่วยสามารถปรึกษาแพทย์ผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปโรงพยาบาล ผู้ป่วยสามารถอธิบายอาการและแพทย์จะให้คำปรึกษา วินิจฉัย และจ่ายยาทางออนไลน์ได้ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางเป็นอย่างมาก หรือใครที่ไม่อยากไปโรงพยาบาลก็สามารถปรึกษาแพทย์ผ่าน แอปหาหมอออนไลน์  เหล่านี้ได้เลย

1. Chiiwii ปรึกษาหมอออนไลน์

แอปหาหมอออนไลน์ที่ไม่ว่าคุณจะเป็นอะไร ก็มีหมอผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษา สามารถเลือกเองได้เพราะมีหมอเฉพาะทางหลายสาขา สามารถจองคิวปรึกษาและสนทนาแบบส่วนตัวผ่านช่องทาง วิดีโอคอล โทร หรือแชทผ่านแอป และชำระเงินผ่านบัตรเครดิตได้สบายๆ

ดาวน์โหลด IOS 

ดาวน์โหลด Andriod

2. SkinX พบหมอผิวหนังออนไลน์

ใครที่อยากหาหมอผิวหนังก็สามารถใช้บริการแอปนี้ได้เลย เพราะเขามีแพทย์เฉพาะทางผิวหนังมากกว่า 200 คน จากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำ สะดวกตั้งแต่หาหมอ จ่ายยา สั่งยา ส่งยาถึงบ้าน เก็บประวัติ และติดตามผล จุดเด่นคือพบแพทย์ได้ไวใน 3 นาที รู้ค่ารักษาพยาบาลก่อนพบแพทย์

ดาวน์โหลด IOS 

ดาวน์โหลด Andriod

3. ALive Powered by AIA

แอปหาหมอออนไลน์ที่สามารถปรึกษาได้ฟรี 1 ครั้ง ในระยะเวลา 15 นาที หลังจากนั้นจะมีค่าใช้จ่าย ปรึกษาแพทย์ได้ทั้งเรื่องสุขภาพของตนเองและคนในครอบครัวสำหรับโรคทั่วไป หรือใครที่วางแผนการมีบุตรก็สามารถปรึกษาได้เช่นกัน

ดาวน์โหลด IOS

4. HD สุขภาพดี เริ่มต้นที่นี่

อีกหนึ่งแอปสำหรับคนที่อยากจะปรึกษาหมอและเภสัชกรแบบออนไลน์ และยังมีบทความเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพต่างๆ ให้อ่านเพื่อเป็นความรู้ มีแพ็คเกจสำหรับการรักษาพร้อมโปรโมชั่นอย่างครบวงจร สำหรับสุขภาพของสัตว์เลี้ยงก็สามารถปรึกษาสัตวแพทย์ได้เช่นกัน

ดาวน์โหลด IOS 

ดาวน์โหลด Andriod

5. Clicknic - คลิกนิก

หากคุณอยากปรึกษาแพทย์และเภสัชกร ที่มีใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพเวชกรรมผ่านการวิดีโอคอล ก็สามารถใช้แอปนี้ได้ นอกจากนี้ยังมีบริการฝากซื้อยาจากร้านยาชั้นนำกว่า 30 แห่ง พร้อมคำแนะนำโดยเภสัชกร ทำให้ได้ยาที่ตรงตามความต้องการและการรักษา

ดาวน์โหลด IOS

ดาวน์โหลด Andriod

การหาหมอออนไลน์ยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล หรือมีปัญหาในการเดินทาง รวมถึงผู้สูงอายุและผู้พิการที่เคลื่อนไหวลำบาก ด้วยบริการนี้ทำให้สามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพได้อย่างสะดวกมากขึ้น ถ้าหากคุณเริ่มมีอายุประมาณ 21-55 ปี ซื้อประกันสุขภาพ ที่ bolttech.co.th เพื่อตัวคุณเอง มีทั้งแผนผู้ป่วยใน (IPD) และ ผู้ป่วยนอก (OPD) ซึ่งประกันสุขภาพจะคุ้มครองค่ารักษาเมื่อเจ็บป่วย อุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็น ค่าห้อง ค่าอาหาร ครอบคลุมค่าห้อง ICU ซื้อเองได้ง่าย ผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ต้องตรวจสุขภาพ นำมาลดหย่อนภาษีได้

The post 5 แอปหาหมอออนไลน์ ไม่ต้องไปโรงพยาบาล appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
รู้ทันอาการ “ฮีทสโตรก” พร้อมวิธีป้องกัน https://www.bolttech.co.th/blog/%e0%b8%ae%e0%b8%b5%e0%b8%97%e0%b8%aa%e0%b9%82%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a1%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b8%9b%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%99?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=%25e0%25b8%25ae%25e0%25b8%25b5%25e0%25b8%2597%25e0%25b8%25aa%25e0%25b9%2582%25e0%25b8%2595%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%2581%25e0%25b8%259e%25e0%25b8%25a3%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%25a1%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%25b4%25e0%25b8%2598%25e0%25b8%25b5%25e0%25b8%259b%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%2587%25e0%25b8%2581%25e0%25b8%25b1%25e0%25b8%2599 Wed, 05 Jun 2024 08:20:00 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog/?p=35038 อาการฮีทสโตรก เป็นภัยร้ายที่แฝงมาในหน้าร้อน ปีนี้เป็นปีแรกที่ประเทศไทยอากาศร้อนระอุ อุณหภูมิพุ่งทะลุ 40 องศาเป็นที่เรียบร้อย ทำให้หลายคนบ่นและรู้สึกจะเป็นลมไปตามๆ กัน แต่ภัยร้ายยิ่งกว่านั้นที่หลายคนอาจจะคำนึงไม่ถึงก็คือ อาการฮีทสโตรก ส่งผลให้อัตราการเสียชีวิตสูงขึ้น เราจึงต้องรู้ให้เท่าทันถึงสาเหตุ ลักษณะอาการ และวิธีป

The post รู้ทันอาการ “ฮีทสโตรก” พร้อมวิธีป้องกัน appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
อาการฮีทสโตรก เป็นภัยร้ายที่แฝงมาในหน้าร้อน ปีนี้เป็นปีแรกที่ประเทศไทยอากาศร้อนระอุ อุณหภูมิพุ่งทะลุ 40 องศาเป็นที่เรียบร้อย ทำให้หลายคนบ่นและรู้สึกจะเป็นลมไปตามๆ กัน แต่ภัยร้ายยิ่งกว่านั้นที่หลายคนอาจจะคำนึงไม่ถึงก็คือ อาการฮีทสโตรก ส่งผลให้อัตราการเสียชีวิตสูงขึ้น เราจึงต้องรู้ให้เท่าทันถึงสาเหตุ ลักษณะอาการ และวิธีป้องกันไม่ให้เป็นโรคฮีทสโตรกหรือโรคลมแดด

โรคฮีทสโตรก (Heat Stroke) เกิดจากร่างกายไม่สามารถควบคุม ระบบการระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกิน 40 องศาเซลเซียส อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงต่างๆ จนถึงขั้นเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีภายใน 2 ชั่วโมง สาเหตุหลักมาจากการอยู่ในสภาพอากาศร้อนจัด ออกกำลังกายอย่างหักโหม ใส่เสื้อผ้าหนาเกินไป อย่าปล่อยปะละเลยกับโรคฮีทสโตรก ควรสังเกตตัวเองและผู้อื่นว่าหากมีอาการเหล่านี้ อาจเสี่ยงเป็นฮีทสโตรก

อาการของโรคฮีทสโตรก

  • ปวดศีรษะรุนแรง คลื่นไส้อาเจียน 
  • อุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส
  • กระหายน้ำมาก
  • ผิวแห้งและตัวร้อนขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่มีเหงื่อออก
  • หายใจเร็ว ชีพจรเต้นเร็ว
  • กระสับกระส่าย มึนงง สับสน  
  • หมดสติ และเกิดอาการชักในที่สุด

การรักษา

การลดอุณหภูมิร่างกายลงอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาโรคฮีทสโตรก สามารถทำได้โดย

1.นำผู้ป่วยเข้าไปอยู่ในที่ร่มและมีอากาศถ่ายเทในทันที 

2.ปลดกระดุมเสื้อ เพื่อระบายความร้อนอย่างรวดเร็ว หากเสื้อผ้าหนาให้ถอดออก

3.หากผู้ป่วยยังมีสติ ให้ดื่มน้ำเย็น

4.ใช้ผ้าเย็นประคบตามซอกต่างๆ เช่น รักแร้ คอ ขาหนีบ หน้าผาก

5.นำส่งโรงพยาบาลในทันทีเพื่อติดตามอาการ

วิธีป้องกันโรคฮีทสโตรก

1.หลีกเลี่ยงการทำงานหนัก หรือออกกำลังกายในช่วงเวลาที่อากาศร้อนจัด

2.ดื่มน้ำให้เพียงพอ จิบน้ำสะอาดบ่อยๆ 6-8 แก้วต่อวัน

3.สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี

4.พักผ่อนในที่ร่มบ่อยๆ เมื่อรู้สึกร้อน

5.หากใครต้องการออกกำลังกาย ให้เลือกสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเท วอร์มร่างกายก่อนเสมอ

6.หากมีความผิดปกติ ให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที

โรคฮีทสโตรกเป็นภาวะที่อันตรายถึงชีวิต ควรรู้วิธีป้องกันและรับมือเพื่อดูแลตัวเองและผู้อื่นให้ปลอดภัย เพราะเรื่องสุขภาพไม่ใช่เรื่องไกลตัว ซื้อประกันสุขภาพ กับ bolttech สำหรับคนที่กำลังมองหาความคุ้มครองเรื่องค่ารักษาเมื่อเจ็บป่วย อุบัติเหตุ รวมถึงคุ้มครองค่าห้อง ค่าอาหาร หากเจ็บป่วยร้ายแรงจนต้องเข้าห้อง ICU ประกันก็คุ้มครอง มีแผนประกันจากบริษัทประกันชั้นนำให้เลือกมากมาย ทั้งแผนผู้ป่วยใน (IPD) และ ผู้ป่วยนอก (OPD) สำหรับผู้ที่มีอายุ 21-55 ปี ไม่ต้องตรวจสุขภาพ นำมาลดหย่อนภาษีได้ ซื้อออนไลน์รับสิทธิพิเศษทันที

ประกันสุขภาพ

The post รู้ทันอาการ “ฮีทสโตรก” พร้อมวิธีป้องกัน appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
วิธีปฐมพยาบาล เมื่อโดนน้ำร้อนลวกและโดนไฟไหม้ https://www.bolttech.co.th/blog/%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b8%9b%e0%b8%90%e0%b8%a1%e0%b8%9e%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b9%81%e0%b8%9c%e0%b8%a5%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%a5%e0%b8%a7%e0%b8%81?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%25b4%25e0%25b8%2598%25e0%25b8%25b5%25e0%25b8%259b%25e0%25b8%2590%25e0%25b8%25a1%25e0%25b8%259e%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%259a%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%25a5%25e0%25b9%2581%25e0%25b8%259c%25e0%25b8%25a5%25e0%25b8%2599%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%25b3%25e0%25b8%25a3%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%2599%25e0%25b8%25a5%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%2581 Thu, 23 May 2024 04:00:00 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog/?p=34922 โดนน้ำร้อนลวก ถือเป็นอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นขณะปรุงอาหาร ดื่มเครื่องดื่มร้อนๆ หรือสัมผัสวัตถุที่มีอุณหภูมิสูง ส่งผลให้ผิวหนังบวมแดงและเจ็บปวด หากรุนแรงมากอาจทำให้เกิดการหลุดลอกของผิวหนัง และเสี่ยงแผลติดเชื้อ อาการไหม้จากน้ำร้อนลวก มีตั้งแต่ ระดับเล็กน้อย  ไปจนถึง ระดับรุนแรง&nbs

The post วิธีปฐมพยาบาล เมื่อโดนน้ำร้อนลวกและโดนไฟไหม้ appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
โดนน้ำร้อนลวก ถือเป็นอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นขณะปรุงอาหาร ดื่มเครื่องดื่มร้อนๆ หรือสัมผัสวัตถุที่มีอุณหภูมิสูง ส่งผลให้ผิวหนังบวมแดงและเจ็บปวด หากรุนแรงมากอาจทำให้เกิดการหลุดลอกของผิวหนัง และเสี่ยงแผลติดเชื้อ อาการไหม้จากน้ำร้อนลวก มีตั้งแต่ ระดับเล็กน้อย  ไปจนถึง ระดับรุนแรง  จำเป็นต้องได้รับวิธีปฐมพยาบาลที่ถูกต้อง เพื่อลดความรุนแรงของอาการ และ ป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ

บาดแผลระดับเบื้องต้น 

แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ในระดับเบื้องต้น ทำให้เกิดแผลบวมแดงเล็กน้อย ปวดแสบปวดร้อน ไม่มีตุ่มพอง ผิวหนังไม่ลอก มักจะรักษาให้หายเองได้ และไม่มีอันตรายร้ายแรง มีโอกาสหายสนิท ไม่มีรอยแผลเป็น

บาดแผลระดับกลาง

เกิดจากการโดนน้ำร้อนลวก หรือโดนเปลวไฟเผา บาดแผลจะบวมแดง พุพองเป็นตุ่มน้ำใสๆ บางรายอาจผิวหนังลอกจนเลือดซึม ปวดแสบปวดร้อนเป็นอย่างมาก แผลติดเชื้อได้ง่าย 

บาดแผลระดับรุนแรง

หากโดนไฟไหม้ ไฟช็อต หรือถูกของร้อนนานๆ อาจทำให้ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดที่บาดแผล แต่ผิวหนังทั้งชั้นหลุดลอกเห็นเนื้อแดงๆสลับกับขาว หรือเนื้อไหม้เกรียมแล้วจัดว่าเป็นบาดแผลขั้นรุนแรง เสี่ยงแผลติดเชื้อสูง แผลรักษาหายยากและอาจจะทิ้งรอยแผลเป็น แผลผุพอง

วิธีปฐมพยาบาลแผลไฟไหม้ ระดับเบื้องต้น

  1. รีบนำร่างกายออกจากแหล่งที่มาของความร้อน หากเสื้อผ้าถูกน้ำร้อนลวกให้รีบถอด เพื่อไม่ให้ความร้อนสะสมมากขึ้น
  2. ล้างแผลด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ
  3. ประคบเย็นเพื่อลดอาการปวดแสบปวดร้อน ป้องกันไม่ให้เนื้อเยื่อถูกทำลายไปมากกว่านี้ ใช้ผ้าชุปน้ำที่ใส่น้ำแข็งเย็นๆ ประคบอย่างน้อย 20 นาที
  4. พันแผลด้วยผ้ากอซ
  5. หากอาการไม่ดีขึ้นควรไปพบแพทย์

วิธีปฐมพยาบาลแผลไฟไหม้ บาดแผลระดับกลาง

  1. ใช้น้ำเย็นราดที่บาดแผล หรือ ประคบเย็น เช็ดผิวให้แห้งแล้วพันผ้ากอซไว้
  2. เปลื้องเสื้อผ้าบริเวณที่เป็นแผลออก
  3. ยกส่วนที่เป็นแผลให้สูงกว่าระดับหัวใจ
  4. ถอดเครื่องประดับออกให้หมดทุกชิ้น
  5. ให้ผู้ป่วยดื่มเกลือแร่ทุก 15 นาที ดื่มครั้งละ ¼-½ แก้ว
  6. ใช้ผ้าสะอาดคลุมร่างกาย และให้ผู้ป่วยยกเท้าสูงเล็กน้อย
  7. ทานยาแก้ปวด 1-2 เม็ด บรรเทาอาการปวดได้ (ทั้งนี้ควรทานยาในปริมาณที่เหมาะสม)

วิธีปฐมพยาบาลแผลไฟไหม้ บาดแผลระดับรุนแรง

  1. รีบนำร่างกายออกจากแหล่งที่มาของความร้อน 
  2. เปลื้องเสื้อผ้าบริเวณที่เป็นแผลออก หากผ้าติดผิวหนังก็ไม่จำเป็นต้องลอกออก ให้นำผ้าสะอาดบางๆคลุมแผลไว้
  3. ประคบเย็นแล้วเช็ดผิวให้แห้ง พันผ้ากอซไว้
  4. ยกส่วนที่เป็นแผลให้สูงกว่าระดับหัวใจ
  5. ถอดเครื่องประดับออกให้หมดทุกชิ้น
  6. ให้ผู้ป่วยดื่มเกลือแร่ทุก 15 นาที ดื่มครั้งละ ¼-½ แก้ว
  7. ใช้ผ้าสะอาดคลุมร่างกาย และให้ผู้ป่วยยกเท้าสูงเล็กน้อย
  8. ทานยาแก้ปวด 1-2 เม็ด (ทั้งนี้ควรทานยาในปริมาณที่เหมาะสม)

*บาดแผลระดับกลางและระดับรุนแรง ควรนำส่งแพทย์ให้เร็วที่สุด

วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น ควรทำอย่างถูกวิธี สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด ป้องกันแผลติดเชื้อลุกลามได้ ถือเป็นเรื่องใกล้ตัวที่เราควรรู้ไว้ และเพิ่มความอุ่นใจ ซื้อประกันสุขภาพ กับ bolttech.co.th มีทั้งแผนสำหรับผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) คุ้มครองค่ารักษาเมื่อเจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุ เพราะประกันสุขภาพคุ้มครองค่าห้องและค่าอาหาร ครอบคลุมค่าห้อง ICU ในกรณีฉุกเฉิน สำหรับผู้ทำประกันภัยอายุ 21-55 ปี ซื้อประกันสุขภาพได้ง่ายๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ต้องตรวจสุขภาพ และนำมาลดหย่อนภาษีได้

The post วิธีปฐมพยาบาล เมื่อโดนน้ำร้อนลวกและโดนไฟไหม้ appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
วิธีจัดกระเป๋ายา ชุดปฐมพยาบาล เพื่อไปแคมป์ปิ้ง https://www.bolttech.co.th/blog/%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b8%88%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b9%8b%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%b2-%e0%b8%8a%e0%b8%b8%e0%b8%94%e0%b8%9b%e0%b8%90%e0%b8%a1%e0%b8%9e%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%a5-%e0%b9%80%e0%b8%9e%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b9%84%e0%b8%9b%e0%b9%81%e0%b8%84%e0%b8%a1%e0%b8%9b%e0%b9%8c%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b9%89%e0%b8%87?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%25b4%25e0%25b8%2598%25e0%25b8%25b5%25e0%25b8%2588%25e0%25b8%25b1%25e0%25b8%2594%25e0%25b8%2581%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%25b0%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%259b%25e0%25b9%258b%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%25b2-%25e0%25b8%258a%25e0%25b8%25b8%25e0%25b8%2594%25e0%25b8%259b%25e0%25b8%2590%25e0%25b8%25a1%25e0%25b8%259e%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%259a%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%25a5-%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%259e%25e0%25b8%25b7%25e0%25b9%2588%25e0%25b8%25ad%25e0%25b9%2584%25e0%25b8%259b%25e0%25b9%2581%25e0%25b8%2584%25e0%25b8%25a1%25e0%25b8%259b%25e0%25b9%258c%25e0%25b8%259b%25e0%25b8%25b4%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%2587 Thu, 09 May 2024 04:00:00 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog/?p=34519 ตั้งแคมป์ปิ้ง ถือกิจกรรมยามว่างของใครหลายคนๆ ได้อยู่ใกล้ชิดกับท่ามกลางธรรมชาติ ดื่มด่ำกับอากาศที่บริสุทธิ์ แต่การไปแคมป์ปิ้งในป่า หรือพื้นที่ห่างไกลจากสถานพยาบาล ค่อนข้างเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากๆ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมาระหว่างทริป เช่น เจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ เป็นต้น นอกจากเตรียมอุปกรณ์ตั้งแคมป์ ทางที่ดีคุณควรจัดก

The post วิธีจัดกระเป๋ายา ชุดปฐมพยาบาล เพื่อไปแคมป์ปิ้ง appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
ตั้งแคมป์ปิ้ง ถือกิจกรรมยามว่างของใครหลายคนๆ ได้อยู่ใกล้ชิดกับท่ามกลางธรรมชาติ ดื่มด่ำกับอากาศที่บริสุทธิ์ แต่การไปแคมป์ปิ้งในป่า หรือพื้นที่ห่างไกลจากสถานพยาบาล ค่อนข้างเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากๆ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมาระหว่างทริป เช่น เจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ เป็นต้น นอกจากเตรียมอุปกรณ์ตั้งแคมป์ ทางที่ดีคุณควรจัดกระเป๋ายาและชุดปฐมพยาบาลไปด้วย แต่ไม่จำเป็นต้องหอบกระเป๋ายาใบใหญ่ไปให้เกะกะ พกยาเท่าที่จำเป็น วันนี้ bolttech.co.th จะมาแชร์ วิธีจัดกระเป๋ายาและชุดปฐมพยาบาล บื้องต้นมาฝาก เหมาะสำหรับสายแคมป์ปิ้ง!

1. ยาสามัญประจำบ้าน เช่น 

  • ยาแก้ปวดลดไข้
  • ยารักษาอาการท้องเสีย
  • ยาแก้แพ้
  • ยาดม ยาหม่อง
  • ยารักษาแผลสด
  • ยาทากันยุง
  • ยาทาแก้ผดผื่นคัน
  • ยาแก้เมารถ เมาเรือ
  • ยาบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือน สำหรับผู้หญิง

ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหน การจัดกระเป๋ายาแบบนี้ช่วยให้อุ่นใจมากยิ่งขึ้นและถือว่าครอบคลุมอาการเจ็บป่วย อย่างน้อยก็ช่วยบรรเทาอาการไม่ให้ทรุดหนักก่อนถึงมือหมอ จัดไปแบบพอประมาณก็พอไม่ต้องเอาไปหมด อาจจะเอาไปเผื่อคนในทริปด้วยแต่ทางที่ดีควรสอบถามบุคคลนั้นก่อนว่าแพ้ยาอะไรหรือไม่

2. เวชภัณฑ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น เช่น 

  • ผ้าก๊อซปิดแผล
  • พลาสเตอร์
  • ผ้าพันแผล
  • คีมคีบ
  • สำลี
  • แอลกอฮอล์ล้างแผล
  • ถุงมือยาง
  • เทปกาว
  • กรรไกรเล็ก
  • ผ้ายึดพันห้ามเลือด

อุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น หากพกไว้สามารถใช้ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น อุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ข้อเท้าพลิก ข้อเท้าแพลง แผลจากของมีคมบาด ถูกงูหรือสัตว์มีพิษกัดต่อย การปฐมพยาบาลเบื้องต้นถือเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ จากนั้นให้นำตัวผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เพื่อให้แพทย์ทำการรักษาในขั้นตอนต่อไป สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยหรือผู้ได้รับบาดเจ็บได้ถ่วงทันเวลา

3. ยาและอุปกรณ์อื่นๆ เพิ่มเติม

  • ไฟฉุกเฉินขอความช่วยเหลือ
  • นกหวีด
  • ไฟฉายคาดศรีษะ
  • ชุดอุปกรณ์มีด
  • ผ้าห่มฉุกเฉิน
  • ยาฆ่าเชื้อและยาปฏิชีวนะเพื่อใส่บาดแผล
  • ยารักษาโรคประจำตัว
  • ยาฆ่าเชื้อในน้ำดื่ม
  • ผ้าอนามัย

สิ่งของเหล่านี้หากมีไว้ก็จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการปฐมพยาบาลและขอความช่วยเหลือได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ควรศึกษาสภาพภูมิอากาศ ภูมิประเทศในที่ๆ เราจะไปก่อนว่าเป็นแบบไหน จะได้ประเมินสถาณการ์ว่าควรพกอะไรไปเพิ่มเติม ในส่วนของกระเป๋าใส่ยานั้นควรเป็นกระเป๋ากันน้ำที่มีความหนาและทนทาน เพื่อรักษาสภาพของอุปกรณ์และยา

ที่สำคัญอย่าลืม ตรวจสอบวันหมดอายุของยา และควรเปลี่ยนใหม่เมื่อยาหมดอายุ ก่อนเที่ยวทุกครั้งก็จัดเตรียมยา พร้อมชุดปฐมพยาบาลให้เรียบร้อย และต้องไม่ลืม ซื้อประกันสุขภาพ คุ้มครองค่ารักษาเมื่อเจ็บป่วย อุบัติเหตุ ครอบคลุมค่าห้อง ค่าอาหาร มีทั้งผู้ป่วยใน (IPD) และ ผู้ป่วยนอก (OPD) ซื้อง่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ต้องตรวจสุขภาพ นำมาลดหย่อนภาษีได้ เข้ามาเลือกแผนได้ที่ bolttech.co.th

ประกันสุขภาพ

The post วิธีจัดกระเป๋ายา ชุดปฐมพยาบาล เพื่อไปแคมป์ปิ้ง appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
วิธีดื่มน้ำลดน้ำหนัก บำรุงผิวสวย สุขภาพดี https://www.bolttech.co.th/blog/%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b8%94%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%a1%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%a5%e0%b8%94%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%81?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%25b4%25e0%25b8%2598%25e0%25b8%25b5%25e0%25b8%2594%25e0%25b8%25b7%25e0%25b9%2588%25e0%25b8%25a1%25e0%25b8%2599%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%25b3%25e0%25b8%25a5%25e0%25b8%2594%25e0%25b8%2599%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%25b3%25e0%25b8%25ab%25e0%25b8%2599%25e0%25b8%25b1%25e0%25b8%2581 Wed, 24 Apr 2024 05:00:00 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog/?p=34207 การดื่มน้ำ เป็นหนึ่งในวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้เราสามารถลดน้ำหนักได้ การดื่มน้ำเพียงพอจะช่วยให้ระบบเมตาบอลิซึมในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้น ลดความรู้สึกหิวระหว่างมื้ออาหาร ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถควบคุมปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับเข้าไปได้ดีขึ้น  นอกจากนี้ยังเพิ่มการเผาผลาญแคลอรี่ ช่วยให้ระบ

The post วิธีดื่มน้ำลดน้ำหนัก บำรุงผิวสวย สุขภาพดี appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
การดื่มน้ำ เป็นหนึ่งในวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้เราสามารถลดน้ำหนักได้ การดื่มน้ำเพียงพอจะช่วยให้ระบบเมตาบอลิซึมในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้น ลดความรู้สึกหิวระหว่างมื้ออาหาร ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถควบคุมปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับเข้าไปได้ดีขึ้น  นอกจากนี้ยังเพิ่มการเผาผลาญแคลอรี่ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างราบรื่น ขจัดของเสียออกจากร่างกาย รักษาไตให้แข็งแรง และยังช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งดูมีน้ำมีนวล ป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ดังนั้นการดื่มน้ำอย่างเพียงพอและถูกวิธีในแต่ละวัน จึงเป็นองค์ประกอบสำคัญในการลดน้ำหนักอย่างมีสุขภาพดี

1. ดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหาร

การดื่มน้ำประมาณ 1-2 แก้วก่อนรับประทานอาหารจะช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง ซึ่งจะช่วยลดปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับ

2. ทดแทนเครื่องดื่มอื่นด้วยน้ำเปล่า

งดเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและแคลอรี่สูง เช่น น้ำอัดลม น้ำผลไม้ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้ดื่มน้ำเปล่าแทน เพื่อลดการได้รับแคลอรี่และน้ำตาลส่วนเกิน

3. พกขวดน้ำติดตัวไปด้วยตลอดเวลา

การมีขวดน้ำติดตัวจะเตือนให้เราดื่มน้ำบ่อยครั้งขึ้น ช่วยให้ได้รับน้ำในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

4. เลือกดื่มน้ำเย็น

น้ำเย็นจะช่วยให้ร่างกายต้องใช้พลังงานในการทำให้น้ำอุ่นขึ้นเพื่อย่อย ซึ่งจะช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่าน้ำอุ่น

5. ดื่มน้ำก่อนรู้สึกหิว

อย่ารอให้รู้สึกหิวจึงค่อยดื่มน้ำ เพราะนั่นอาจทำให้รับประทานอาหารมากเกินไป ให้ดื่มน้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง เพื่อรักษาระดับความอิ่มของร่างกาย

6. เพิ่มผลไม้เข้าไปในน้ำดื่ม

การใส่ผลไม้ลงในน้ำ เช่น ส้ม มะนาว แอปเปิ้ล จะช่วยเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมให้น้ำ ทำให้อยากดื่มน้ำมากขึ้น

7. ดื่มน้ำก่อนและหลังออกกำลังกาย

การดื่มน้ำก่อนและหลังออกกำลังกาย เพื่อช่วยให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ เพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญแคลอรี่ระหว่างออกกำลังกายด้วย หากทำแพลนการดื่มน้ำใน 1 วัน สามารถทำตามได้อย่างง่ายดาย ดังต่อไปนี้

  • 07.00 น. ดื่มน้ำ 1 แก้ว หลังตื่นนอน ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น กระตุ้นการขับถ่าย
  • 08.00 น. ดื่มน้ำ 1 แก้ว ก่อนอาหารเช้า 1 ชม. เพื่อป้องกันอาการท้องอืดท้องเฟ้อ
  • 09.00 - 10.00 น. ดื่มน้ำ 1-2 แก้ว เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายทำงานได้เต็มที่ ชำระล้างของเสียออกจากร่างกาย
  • 11.00 น. ดื่มน้ำครึ่งแก้ว ก่อนอาหารเที่ยง 1 ชม. จะช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ทานอาหารได้น้อยลง
  • 12.00 น. จิบน้ำเล็กน้อยเพื่อล้างปาก ไม่ควรดื่มน้ำเยอะเพราะจะทำให้น้ำย่อยเจือจาง ย่อยอาหารได้ไม่ดี
  • 13.00 - 16.00 น. ดื่มน้ำ 2-3 แก้ว จิบเพื่อดับกระหายระหว่างวัน เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
  • 17.00 - 19.00 น. ดื่มน้ำ 1 แก้ว ก่อนอาหารเย็น 1 ชม. หาเวลาออกกำลังกาย และจิบน้ำให้ได้ 1-2 แก้ว
  • 20.00 - 21.00 น. ดื่มน้ำ 1 แก้ว จิบเรื่อยๆ เพื่อให้ระบบเลือดและระบบลำไส้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
  • 22.00 น. ดื่มน้ำ 1 แก้ว ก่อนนอน 1 ชม. เพื่อชำระล้างสิ่งตกค้างในลำไส้

การปฏิบัติตามวิธีเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ ถือช่วยให้คุณดื่มน้ำได้ในปริมาณที่เหมาะสม ส่งผลให้กระบวนการลดน้ำหนักเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับคนที่อยากลดความอ้วนและดูแลสุขภาพ และต้องไม่ลืมที่จะออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยหากใครมีแพลนลดน้ำหนักใน 1 เดือน สูตรลดน้ำหนักแบบเร่งรัดนั้นไม่มีเพราะว่าทุกอย่างต้องใช้เวลา นอกจากนี้คุณควรมองหา ประกันสุขภาพ จากบริษัทประกันชั้นนำควบคู่ไปด้วย คุ้มครองค่ารักษาเมื่อเจ็บป่วย เกิดอุบัติเหตุ ครอบคลุมค่าห้อง ค่าอาหาร ซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ต้องตรวจสุขภาพ นำมาลดหย่อนภาษีได้ เข้ามาเทียบแผนที่ bolttech.co.th ได้เลย

ประกันสุขภาพ

The post วิธีดื่มน้ำลดน้ำหนัก บำรุงผิวสวย สุขภาพดี appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
โรคนอนไม่หลับ (Insomnia) อันตรายต่อสุขภาพอย่างไร? https://www.bolttech.co.th/blog/%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%99%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%9a?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=%25e0%25b9%2582%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%2584%25e0%25b8%2599%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%2599%25e0%25b9%2584%25e0%25b8%25a1%25e0%25b9%2588%25e0%25b8%25ab%25e0%25b8%25a5%25e0%25b8%25b1%25e0%25b8%259a Thu, 07 Mar 2024 04:00:00 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog/?p=33305 รู้ไหมว่า? การนอนหลับพักผ่อนนั้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิต หลายคนมักจะมองข้ามเพราะคิดว่าการนอนนั้นทำให้เสียเวลาที่จะทำกิจกรรมอย่างอื่น จึงทำให้การนอนในแต่ละวันนั้นไม่ถึง 6-8 ชั่วโมง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับร่างกาย ในช่วงแรกอาจจะยังไม่แสดงอาการ แต่ถ้าหากปล่อยไว้เป็นเวลานานจนเริ่มติดเป็นนิสัยหรือมีอายุที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น ก็

The post โรคนอนไม่หลับ (Insomnia) อันตรายต่อสุขภาพอย่างไร? appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
รู้ไหมว่า? การนอนหลับพักผ่อนนั้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิต หลายคนมักจะมองข้ามเพราะคิดว่าการนอนนั้นทำให้เสียเวลาที่จะทำกิจกรรมอย่างอื่น จึงทำให้การนอนในแต่ละวันนั้นไม่ถึง 6-8 ชั่วโมง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับร่างกาย ในช่วงแรกอาจจะยังไม่แสดงอาการ แต่ถ้าหากปล่อยไว้เป็นเวลานานจนเริ่มติดเป็นนิสัยหรือมีอายุที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น ก็ทำให้ร่างกายแสดงอาการเจ็บป่วยออกมา อาจจะเกิดอาการปวดหัวเวียนหัว นอนไม่เป็นเวลาจนเกิดความเครียด เป็นการส่งสัญญาณให้รับรู้ว่าถ้ายังเป็นอาการนอนไม่หลับแบบนี้ต่อไปอาจจะเสี่ยงเป็นโรคเหล่านี้

1.โรคนอนไม่หลับเรื้อรัง

เมื่อหัวถึงหมอนและถึงเวลาที่ต้องนอน บางคนอาจจะนอนหลับยากแม้จะทำทุกวิถีทาง และอาจจะใช้เวลามากกว่า 30 นาทีถึงจะสามารถหลับได้ แม้จะหลับไปได้สักพักก็จะเกิดอาการหลับๆ ตื่นๆ ตลอดทั้งคืนจนกระทั่งไม่สามารถนอนหลับได้อีกเพราะนอนไม่หลับสมองไม่หยุดคิด นอกจากนี้ยังส่งผลให้เข้าห้องน้ำบ่อยๆ เพราะร่างกายจะดูดซับน้ำมากกว่าคนปกติ หากใครมีอาการแบบนี้ 1 เดือนขึ้นไปก็แสดงว่าเข้าข่ายเป็นโรคนอนไม่หลับเรื้อรังเพราะนอนไม่พอ

2.โรคหลอดเลือดหัวใจ

คนนอนไม่พอมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ เพราะสารโปรตีนจะสะสมในตัวเรามากยิ่งขึ้นในเวลาที่เราตื่นโดยธรรมชาติ เมื่อเรานอนดึก สารเหล่านี้จะเข้าไปเกาะที่บริเวรหลอดเลือดหัวใจจนทำให้เกิดการอุดตัน ซึ่งผู้หญิงที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปีนั้น มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจจากการนอนไม่พอมากถึง 2 เท่า

3.โรคมะเร็งลำไส้

มะเร็ง เป็นอีกหนึ่งโรคที่น่ากลัว สามารถเกิดขึ้นได้กับคนที่นอนไม่พอ นอนดึกตื่นเช้าใช้ชีวิตวนลูปไปแบบคนสมัยนี้ ไม่ค่อยออกกำลังกาย ทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่และเป็นอาหารที่ไม่มีประโยชน์ จนทำให้เกิดอาการลำไส้อักเสบและลุกลามจนเป็นโรคมะเร็งลำไส้ เพราะระบบย่อยอาหารทั้งหมดจะรวนไปด้วย ทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติจนท้องอืดท้องเฟ้อ กระเพาะย่อยอาหารช้า

4.โรคเบาหวาน

โรคยอดฮิตที่คนสมัยนี้มีโอกาสเป็นง่ายมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเพราะการใช้ชีวิตหรือกรรมพันธู์ เมื่อคนที่มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานนั้นการนอนไม่พอจะส่งผลให้ระดับกลูโคสในร่างกายจะเพิ่มมากขึ้นถึง 23% ระดับอินซูลินในเลือดเพิ่มขึ้นถึง 48% ส่วนคนที่เป็นเบาหวานอยู่แล้วจะมีภาวะดื้ออินซูลิน

5.โรคอารมณ์แปรปรวน หรือไบโพล่าร์

ปัจจุบันนี้เรื่องเครียดก็มีเยอะแยะมากมายอยู่แล้ว ยิ่งเป็นคนนอนไม่พอก็ส่งผลให้เกิดความเครียดมากขึ้นไปอีกจนกลายเป็นไบโพล่าร์ เดี๋ยวอารมณ์ดีได้สักพักก็กลายเป็นคนอารมณ์ร้ายโดยไม่มีสาเหตุ กระสับกระส่าย สมองคิดช้าลงและทำตามสันชาตญาณมากขึ้นจึงทำให้ทำอะไรลงไปโดยที่ไม่ได้คิดไตร่ตรองให้ดีก่อน ควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้

6.โรคเสื่อมสมรรถภาพ

จัดว่าเป็นโรคที่ถ้าเลือกได้ก็ไม่มีใครอยากเป็น แต่สำหรับคนที่นอนไม่พอก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ เพราะฮอร์โมน “เทสโทสเทอโรน” ในร่างกายจะต่ำลง จึงทำให้มีความรู้สึกและความต้องการทางเพศต่ำลง

สุขภาพไม่ใช่เรื่องล้อเล่น หรือเรื่องที่ต้องละเลย เพราะถ้าคุณป่วยขึ้นมาอาจทำให้ค่าใช้จ่ายบานปลายได้ ต้องมองหาประกันสุขภาพดูแล ที่สามารถคุ้มครองค่ารักษาเมื่อเจ็บป่วย หรือประสบอุบัติเหตุ มีทั้งแผนผู้ป่วยใน (IPD) และ ผู้ป่วยนอก (OPD) ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งค่าห้อง ค่าอาหาร ซื้อง่ายผ่านออนไลน์ ไม่ต้องตรวจสุขภาพ เพียงแค่ผู้ทำประกันภัยมีอายุ 21-55 ปี ซื้อประกันสุขภาพ ลดหย่อนภาษีได้ พร้อมรับโปรโมชันพิเศษ 

The post โรคนอนไม่หลับ (Insomnia) อันตรายต่อสุขภาพอย่างไร? appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
ซื้อประกันลดหย่อนภาษี 2563 ควรซื้อประกันแผนไหนดี ? https://www.bolttech.co.th/blog/%e0%b8%8b%e0%b8%b7%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%99-%e0%b8%a5%e0%b8%94%e0%b8%ab%e0%b8%a2%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%a0%e0%b8%b2%e0%b8%a9%e0%b8%b5?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=%25e0%25b8%258b%25e0%25b8%25b7%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%259b%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%25b0%25e0%25b8%2581%25e0%25b8%25b1%25e0%25b8%2599-%25e0%25b8%25a5%25e0%25b8%2594%25e0%25b8%25ab%25e0%25b8%25a2%25e0%25b9%2588%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%2599%25e0%25b8%25a0%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%25a9%25e0%25b8%25b5 Fri, 02 Oct 2020 02:00:00 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog?p=13702 หากคุณกำลังวางแผนซื้อประกันลด หย่อนภาษี 2563 แต่ยังไม่รู้ว่าควรซื้อประกันแบบไหนดี วันนี้เราจะมาแนะนำคำตอบกับทุกท่าน ด้วยการนำเสนอข้อมูลประกันรูปแบบต่าง ๆ ที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ รวมถึงรายละเอียดด้านความคุ้มครองที่คุณจะได้รับ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบให้คุณได้ประกันที่ตรงใจและลดหย่อนได้อย่างคุ้มค่าที่สุด "ประกันที่มีค่ารักษ

The post ซื้อประกันลดหย่อนภาษี 2563 ควรซื้อประกันแผนไหนดี ? appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
หากคุณกำลังวางแผนซื้อประกันลด หย่อนภาษี 2563 แต่ยังไม่รู้ว่าควรซื้อประกันแบบไหนดี วันนี้เราจะมาแนะนำคำตอบกับทุกท่าน ด้วยการนำเสนอข้อมูลประกันรูปแบบต่าง ๆ ที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ รวมถึงรายละเอียดด้านความคุ้มครองที่คุณจะได้รับ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบให้คุณได้ประกันที่ตรงใจและลดหย่อนได้อย่างคุ้มค่าที่สุด

"ประกันที่มีค่ารักษาพยาบาล นำมาลดหย่อนภาษี 2563 ได้"

การยื่นภาษีนัับว่าเป็นหน้าที่ของคนไทย เบิ้องต้นลองทำความเข้าใจกันก่อนว่า การยื่นภาษีเงินได้คืออะไร ยื่นอย่างไร ทำไมต้องยื่น? ถ้าเข้าใจกันแล้วลองมาดูกันเลยว่าประกันตัวไหนเหมาะกับการซื้อเพื่อลดหย่อนภาษี
หากคุณอยากรู้ว่าประกันตัวไหน สามารถนำมาลดหย่อนภาษี 2563 ได้ มีวิธีสังเกตง่าย ๆ คือ "เงื่อนไขของประกันต้องมีค่ารักษาพยาบาล" ซึ่งล่าสุดปี 2563 นี้ ทางกรมสรรพากรได้ขยายขอบเขตให้ลดหย่อนได้สูงสุด 25,000 บาท ต่อปี ต่างจากปีก่อน ๆ จะจำกัดอยู่ที่ 15,000 เท่านั้น เนื่องจากพิษของโรคโควิดที่เล่นงานสุขภาพของคนไทย ทางภาครัฐจึงอยากให้คนไทยมีหลักประกันด้านสุขภาพกันมากขึ้น รวมถึงการทำประกันยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ด้วย สรุปได้ว่าหากซื้อประกันที่มีค่ารักษาพยาบาลก่อนสิ้นปี 2563 นี้ จะได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีที่มากขึ้น 
แล้วประกันตัวไหนที่มีค่ารักษาพยาบาลและนำไปลดหย่อนภาษี 2563 ได้ล่ะ ? ไม่ต้องไปหาคำตอบที่ไหนไกลเพราะเราจะสรุปข้อมูลพร้อมบอกสิทธิ์ประโยชน์จากประกันแต่ละประเภทที่คุณจะได้รับให้ ตามนี้เลยครับ
ประกันสุขภาพ

1. ประกันสุขภาพ

ประกันสุขภาพทุกแผน ไม่ว่าจะมีค่าเบี้ยเท่าไหร่ คุ้มครองมากหรือน้อยขนาดไหน จะต้องมีเงื่อนไขจ่ายค่ารักษาพยาบาลเสมอ ซึ่งข้อดีของการทำประกันสุขภาพคือคุณจะได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นการป่วยแบบไหน หรือบาดเจ็บจากสาเหตุอะไร ก็สามารถเข้าโรพพยาบาลและเบิกค่ารักษาตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ได้หมด ประกันสุขภาพจึงนับว่าเหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย เพราะไม่ว่าใครก็ล้วนมีโอกาสเจ็บป่วยทั้งสิ้น การมีประกันสุขภาพไว้ก็ย่อมใช้ชีวิตได้อุ่นใจยิ่งกว่า อีกทั้งยังใช้สิทธิบางอย่างพร้อมกับประกันสังคมได้ด้วย นอกจากนี้การซื้อประกันสุขภาพให้พ่อแม่ก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษี 2563 ได้เช่นกัน 
หากยังสงสัยเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษีของประกันสุขภาพอยู่ ลองกดเข้าไปดูข้อมูล ระกันสุขภาพใช้ลดหย่อนภาษีได้ไหม ? แล้วคุณจะเข้าใจยิ่งขึ้นครับ

2. ประกันอุบัติเหตุ

อุบัติเหตุนับว่าเป็นภัยที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาโดยคุณไม่ทันตั้งตัว การทำประกันอุบัติเหตุ นั้นจะมีค่ารักษาพยาบาลเมื่อคุณบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ดังนั้นการทำประกันอุบัติเหตุจึงสามารถนำสิทธิ์ไปลดหย่อนภาษี 2563 ได้ จุดเด่นของประกันอุบัติเหตุนอกจากจะมีค่ารักษาพยาบาลแล้ว ยังมีเงินชดเชยกรณีคุณเสียชีวิตหรือสูญเสียอวัยวะจากอุบัติเหตุด้วย และบางกรมธรรมยังคุ้มครองกรณีเสียชีวิตจากฆาตรกรรมด้วยเช่นกัน ส่วนเบี้ยประกันก็นับว่าไม่แพงมาก ผู้ที่มีรายได้น้อยสามารถทำประกันได้

3. ประกันโรคร้ายแรง 

โรคร้ายมักจะมาเยือนตอนคุณไม่ทันระวังตัวเสมอ เช่นโรคมะเร็ง โรคตับ โรคไต โรคหัวใจ โรคปอด โรคพาร์กินสัน เป็นต้น  ถ้าเรามีประกันโรคร้ายแรงก็เหมือนเรามีหลักประกันค่ารักษาเมื่อเราเกิดป่วยเป็นโรคร้าย ซึ่งโดยทั่วไปหากตรวจพบโรคร้ายแรงทางบริษัทประกันจะให้เงินชดเชยเป็นเงินก้อนใหญ่ เพื่อให้ผู้ทำประกันนำเงินก้อนไปเป็นค่ารักษาพยาบาล ด้วยเหตุนี้ผู้ที่ทำประกันโรคร้ายแรงจึงสามารถนำไปลดหย่อนภาษี 2563 ได้ จุดเด่นของประกันโรคร้ายแรงอีกประการ คือค่าเบี้ยรายปีถูกมาก แต่ได้รับเงินชดเชยสูง สามารถนำเงินไปช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากค่ารักษาโรคที่แสนแพงได้ ถ้าต้องการข้อมูลประกอบการตัดสินใจเพิ่มเติมลอไปดู ข้อแนะนำจากชาว Pantip ก่อนทำประกันโรคร้ายแรง ต้องรู้ ก็ได้นะครับ

4. ประกันโควิด-19

เป็นอีกหนึ่งโรคภัยที่ระบาดทั่วโลกในปี 2563 ซึ่งเงื่อนไขของประกันนี้คือหากตรวจเจอทางบริษัทผู้รับประกันจะจ่ายเงินชดเชย เพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาลรักษาโรคโควิด-19 ข้อดีของประกันตัวนี้จะคล้ายกับประกันโรคร้ายแรง คือราคาเพียงหลักร้อยเท่านั้น แต่หาก เช็คอาการและตรวจเจอโควิด-19 ก็จะได้เงินชดเชยมากเพียงพอจนสามารถรักษาโรคให้หายได้ ดังนั้นการซื้อประกันโควิดเพื่อลดหย่อนภาษีปี 2563 ก็นับเป็นทางเลือกที่ดีอีกทาง
คำนวนภาษี

ข้อควรระวัง !

ไม่ว่าคุณจะซื้อประกันที่มีค่ารักษาพยาบาลที่กรมธรรม์ก็ตาม จะสามารถนำมาลดหย่อนภาษีรวมทุกแผนได้ตามจริงในปี 2563 ไม่เกิน 25,000 เท่านั้น และเมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตทั่วไปแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท ด้วยครับ ซึ่งต้องอย่าลืมนะครับว่าต้องซื้อก่อนสิ้นปี 2563 เท่านั้น และต้องซึ่งกับบริษัทประกันภัยของไทยด้วยเช่นกัน 
ทั้งนี้หากเป็นไปได้ คุณควรแจ้งกับบริษัทประกันด้วยนะครับว่าต้องการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี 2563 ซึ่งทางบริษัทประกันจะส่งข้อมูลให้กับกรมสรรพากรเป็นหลักฐานเพิ่ม ทำให้เราทำเรื่องลดหย่อนภาษีได้สะดวกยิ่งขึ้น

ประกันชีวิตก็ลดหย่อนได้ แต่…

หากพูดถึงประกันที่ลดลดหย่อนภาษี 2563 ได้ หลายคนคงนึกถึงประกันชีวิตใช่ไหมครับ ซึ่งทางกรมสรรพากรได้ระบุว่าผู้ที่ซื้อประกันชีวิตสามารถหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 100,000 บาทต่อปี ซึ่งมากที่สุดเมื่อเทียบกับประกันประเภทอื่น ๆ แต่ทั้งนี้มีเงื่อนไขคือคุณต้องซื้อประกันชีวิตที่มีความคุ้มครองมากกว่า 10 ปีขึ้นไป นั่นหมายความว่าคุณมีข้อผู้มัดกับกรมธรรม์เป็นระยะเวลายาวครับ ดังนั้นการซื้อประกันชีวิตคุณจะต้องใส่ใจรายละเอียดกรมธรรม์ และดูเงื่อนไขข้อสัญญาให้ถี่ถ้วน รวมถึงวางแผนการเงินด้วยว่าจะส่งเบี้ยไหวแค่ไหนด้วยครับ
เท่านี้เราก็ทราบกันแล้วนะครับว่าประกันตัวไหนลดหย่อนภาษี 2563 ได้ หวังว่าทุกท่านคงสามารถเลือกรูปแบบประกันที่ตรงกับใจ ได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่า พร้อมกับสิทธิ์ช่วยลดหย่อนภาษีได้อย่างลงตัวนะครับ 
ขอบคุณข้อมูลจาก : businesstoday  กรมสรรพากร
ประกันสุขภาพ

The post ซื้อประกันลดหย่อนภาษี 2563 ควรซื้อประกันแผนไหนดี ? appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>