สัตว์เลี้ยง Archives - Bolttech Blog - News & Updates Bolttech Blog - News & Updates Thu, 15 Jun 2023 10:31:34 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.0.3 https://www.bolttech.co.th/blog/wp-content/uploads/2021/02/favicon.ico สัตว์เลี้ยง Archives - Bolttech Blog - News & Updates 32 32 8 อาการหมาป่วย คนรักน้องหมาต้องหัดสังเกต https://www.bolttech.co.th/blog/8%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b8%9b%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%a2?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=8%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%2581%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%25ab%25e0%25b8%25a1%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%259b%25e0%25b9%2588%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%25a2 Sat, 17 Oct 2020 02:33:00 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog?p=13588 หากน้องหมามีอาการซึมเศร้า หมาหายใจเร็ว หมาอ้วก หมาท้องเสีย หมาไม่ยอมกินข้าว เป็นสัญญาณเตือนอาการหมาป่วย อย่าปล่อยทิ้งไว้!! ควรรีบพาไปหาสัตว์แพทย์ทันที

The post 8 อาการหมาป่วย คนรักน้องหมาต้องหัดสังเกต appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
ก่อนหน้านี้เพนกวินได้เล่าเรื่องราว 7อาการแมวป่วย กันบ้างแล้ว วันนี้เราเลยขอหยิบยกความรู้ดีๆ เกี่ยวกับอาการหมาป่วยมาฝากทุกคนกันต่อ ซึ่งเราพอมีวิธีสังเกตอาการหมาป่วยได้ง่ายนิดเดียว หากคุณพบว่า น้องหมาไม่สบาย หมาไม่ยอมกินข้าว หมามีอาการซึมเศร้า” หรือมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปตามนี้ อย่านิ่งนอนใจเด็ดขาด!! นั่นอาจเป็นหนึ่งในอาการหมาป่วยได้เหมือนกัน เราต้องรีบพาน้องหมาไปหาหมอทันที

วันนี้เราจะมาบอก วิธีสังเกตอาการหมาป่วย น้องหมาไม่สบาย ที่พบได้บ่อยสุด ตามนี้

  • หมากินน้ำเยอะ
  • หมาหายใจเร็วผิดปกติ
  • หมามีอาการท้องเสีย
  • หมาอาเจียนบ่อย
  • หมามีอาการไอเรื้อรัง
  • หมามีอาการซึมเศร้า
  • หมาไม่ยอมกินข้าว
  • หมาน้ำหนักลดลง

1. น้องหมากินน้ำเยอะ

เมื่อเราสังเกตเห็น “น้องหมากินน้ำมากกว่าปกติ ” นั่นอาจส่งสัญญาณเตือนว่าน้องหมาไม่สบายด้วยโรคบางชนิด อย่างเช่น โรคไต โรคเบาหวาน จึงทำให้ร่างกายของน้องหมาเกิดอาการสูญเสียน้ำ คอแห้งบ่อยและปัสสาวะมาก พอร่างกายเกิดอาการกระหายน้ำก็ยิ่งทำให้น้องหมากินน้ำเยอะ และกรณีพบว่าน้องหมากินน้ำเยอะมากกว่า 2-3  วันขึ้นไป แนะนำให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที เพื่อจะได้เช็กอาการหมาป่วยด้วย

2. น้องหมาหายใจเร็วผิดปกติ

ตามปกติแล้วอัตราการหายใจของน้องหมา จะอยู่เฉลี่ยที่ 20-40 ครั้งต่อวินาที หรืออาจจะมีอัตราหายใจเร็วมากกว่านั้นโดยเฉพาะหมาพันธุ์เล็ก แต่ถ้าคุณพบว่า “หมาหายใจเร็วผิดปกติ ” อย่างเช่น 

  • หายใจเร็วขึ้น 
  • หายใจหอบ 
  • อ้าปากค้าง 
  • ช่องท้องกระเพื่อม 
  • หายใจติดๆ ขัดๆ 
  • จังหวะหายใจไม่เท่ากัน 
  • มีเสียงไอเเทรก

โดยก่อนหน้านี้น้องหมาไม่ได้วิ่งเล่น หรือไม่ได้ไปเดินบริเวณที่มีอากาศร้อนจัด แต่น้องหมาหายใจเร็วผิดปกติ อาจบ่งบอกได้ว่าเพื่อนซี้สี่ขาของคุณมีปัญหาระบบการหายใจ โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด หรือระบบไหลเวียนโลหิตนั่นเอง

3. น้องหมามีอาการท้องเสีย

ในกรณี น้องหมาท้องเสีย อย่างเช่น ถ่ายเป็นน้ำ ถ่ายบ่อยมากกว่า 1-2 ครั้งต่อวัน หรือท้องเสียเป็นมูกเลือด สาเหตุอาการหมาป่วยนั้นอาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส เชื้อทางเดินอาหาร รวมถึงเกิดความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารได้ ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานของน้องหมาผิดปกติ ทั้งนี้อาการท้องเสียที่พบในน้องหมาอาจจะรุนแรง หรือไม่รุนแรงก็ขึ้นอยู่กับสาเหตุนั้นๆ ด้วย

แต่ขอย้ำ!! เราไม่ควรให้สุนัขหรือน้องหมากินยาแก้ท้องเสีย ยาธาตุน้ำขาวของคนเด็ดขาด เพราะยาของคนกับของสัตว์เป็นยาคนละประเภทกัน อาจทำให้เกิดอันตรายต่อน้องหมาได้

4. น้องหมาอาเจียนบ่อย

เมื่อเราสังเกตเห็น “น้องหมาอาเจียน” หรือมีอาการสำรอกออกมา โดยตามธรรมชาติแล้วมันอาจจะเผลอกินอาหารที่ผิดสำแดงไป แต่ถ้ากรณีที่น้องหมาอาเจียนบ่อยๆ แล้วไม่ยอมหายสักที นั่นเป็นหนึ่งสัญญาณเตือนว่าน้องหมาไม่สบายอยู่ อย่างเช่น น้องหมามีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร หรือระบบน้ำย่อยในกระเพาะอาหารทำงาน เป็นต้น จึงทำให้น้องหมาอาเจียนออกมาได้

5. น้องหมามีอาการไอเรื้อรัง

นอกจากนี้ปัญหา “น้องหมาไอบ่อยๆ” ก็เป็นสิ่งที่เราไม่ควรมองข้ามไป เพราะจะบ่งบอกอาการหมาป่วยด้วยหลายโรค ไม่ว่าจะเป็นโรคไข้หวัด ทอนซิลอักเสบ ปอดอักเสบ รวมถึงโรคพยาธิหัวใจที่น้องหมาจะมีอาการไอแห้ง เหมือนมีอะไรติดคอ บางตัวก็ไอแบบมีเสมหะปนมาด้วย ตามปกติแล้วน้องหมาจะไอเพื่อขับเสบหะอยู่แล้ว แต่ถ้าเราพบเห็นน้องหมามีอาการไอมากเกินไป ก็ควรพาน้องหมาไปตรวจสุขภาพก่อน เราจะได้รู้ด้วยว่าน้องหมาป่วยเป็นอะไรกันแน่

6. น้องหมามีอาการซึมเศร้า

สำหรับพฤติกรรม “น้องหมาซึมเศร้า” ที่เปลี่ยนไปจากเดิม สามารถบ่งบอกได้ว่าน้องหมาไม่สบายด้วยภาวะซึมเศร้า ดังนี้

  • เจ้าของเรียกแล้วไม่หัน 
  • เบือนหน้าหนี 
  • หลบซ่อนตัว 
  • หางตกอยู่ตลอดเวลา
  • แววตาขุ่นมัว
  • ง่วงซึมทั้งวัน 

ทั้งหมดนี้ให้สันนิษฐานได้เลยว่าน้องหมาไม่สบายเป็นโรคซึมเศร้า ดังนั้น เราจะต้องคอยดูแลน้องหมาอย่างใกล้ชิด พยายามทำให้น้องหมารู้สึกผ่อนคลายด้วยการพาออกไปเที่ยวเล่นนอกบ้าน หรือทำกิจกรรมสนุกๆ กับเจ้าตูบ

7. น้องหมาไม่ยอมกินข้าว

เวลาที่น้อง “หมาไม่ยอมกินข้าว” คุณคิดว่ามาจากสาเหตุอะไร? เป็นเพราะรสชาติอาหารไม่อร่อย หรือน้องหมาเบื่ออาหารกันแน่ หากคุณพยายามเปลี่ยนรสชาติอาหารให้กับน้องหมาแล้ว แต่น้องหมาไม่ยอมกินข้าวสักที นั่นอาจเป็นหนึ่งในอาการหมาป่วด้วยนะ ทำให้มีพฤติกรรมการกินอาหารของน้องหมาเปลี่ยนไป ซึ่งมีหลายประการด้วยกัน เช่น ปวดฟัน โรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจ และโรคระบบทางเดินอาหารที่พบได้บ่อยในตัวน้องหมา

8. น้องหมาน้ำหนักลดลง

การที่ “น้องหมาน้ำหนักลดลงผิดปกติ” มักจะแสดงอาการหมาป่วยด้วยโรคบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคไตวาย โรคพยาธิในลำไส้เล็ก หรือโรคมะเร็ง ก็เป็นสาเหตุทำให้น้องหมาขาดสารอาหาร ซึมเศร้า และน้ำหนักตัวลดลงผิดปกติ

ดังนั้น ใครที่เป็นเจ้าของน้องหมา เราควรสังเกตอาการหมาป่วยอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าน้องหมาแสดงอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ อย่ามองข้ามเด็ดขาด!! ทางที่ดีเราควรรีบพาน้องไปพบสัตวแพทย์ เพื่อตรวจเช็กอาการต่างๆ และรักษาอาการหมาป่วยได้อย่างถูกต้อง

car type 2

The post 8 อาการหมาป่วย คนรักน้องหมาต้องหัดสังเกต appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
วิธีดูแลบ้านไม่ให้โทรม สำหรับคนเลี้ยงหมา-แมว https://www.bolttech.co.th/blog/%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b8%94%e0%b8%b9%e0%b9%81%e0%b8%a5%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b8%b3%e0%b8%ab%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%84%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%b5%e0%b9%89%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b9%81%e0%b8%a1%e0%b8%a7?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%25b4%25e0%25b8%2598%25e0%25b8%25b5%25e0%25b8%2594%25e0%25b8%25b9%25e0%25b9%2581%25e0%25b8%25a5%25e0%25b8%259a%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%2599%25e0%25b8%25aa%25e0%25b8%25b3%25e0%25b8%25ab%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%25b1%25e0%25b8%259a%25e0%25b8%2584%25e0%25b8%2599%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%25a5%25e0%25b8%25b5%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%2587%25e0%25b8%25ab%25e0%25b8%25a1%25e0%25b8%25b2%25e0%25b9%2581%25e0%25b8%25a1%25e0%25b8%25a7 Thu, 24 Sep 2020 11:20:00 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog?p=12768 หากใครที่เลี้ยงหมาเลี้ยงแมว แต่ถ้าไม่อยากให้บ้านดูเก่าโทรม วันนี้เรามีเทคนิคทำความสะอาดบ้านง่ายๆ มาฝากด้วย ทำเองได้ไม่ยาก แถมบ้านสะอาดขึ้นแน่นอน

The post วิธีดูแลบ้านไม่ให้โทรม สำหรับคนเลี้ยงหมา-แมว appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
เมื่อพูดถึงการเลี้ยงน้องหมาน้องแมวไว้ในบ้าน คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่างที่คิด เพราะนอกจากเราจะมีเวลาให้กับสัตว์เลี้ยงสุดที่รักแล้ว เราก็ต้องคอยทำความสะอาดบ้านอยู่ตลอดเวลาด้วย ไหนจะทั้งเส้นขนตามพื้นบ้าน เฟอร์นิเจอร์ รอยเท้า รอยขีดข่วน และกลิ่นไม่พึงประสงค์ของน้องหมาน้องแมว หากเราปล่อยปะละเลยไป อาจจะทำให้บ้านของคุณดูเก่าโทรมง่ายขึ้น แล้วยังให้เกิดปัญหาสุขภาพแก่สมาชิกภายในบ้านตามมาอย่างโรคภูมิแพ้ วันนี้เพนกวิน Frank เลยมาแนะนำ วิธีทำความสะอาดบ้าน สำหรับคนเลี้ยงหมาแมว  มาฝากเพื่อนๆ ทุกคนกัน ทำเองได้ไม่ยาก !!

1. ใช้เครื่องดูดฝุ่นภายในบ้าน


เริ่มจากการใช้อุปกรณ์ทําความสะอาดบ้านอย่าง “เครื่องดูดฝุ่น” ก่อน โดยเฉพาะโซนที่มีน้องหมาแมวชอบมานอนเล่นอยู่บ่อยๆ เช่น พรม เก้าอี้ เตียงนอน และโซฟา เป็นต้น เพียงดูดฝุ่นอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง  ก็จะช่วยกำจัดขนสัตว์เลี้ยง เศษฝุ่น ผงละอองได้เป็นอย่างดี สำหรับใครที่กลัวว่าจะแพ้ขนน้องหมาน้องแมว หรือบ้านที่มีเด็กเล็กอยู่ด้วย แนะนำให้ซื้อเครื่องกรองอากาศที่ดีต่อสุขภาพอย่างระบบโอโซน ระบบกรองฝุ่น จะช่วยทำให้เราหายใจสะดวก และแก้ปัญหาโรคภูมิแพ้ต่างๆ ไปในตัว
อ่านเพิ่มเติม : 7 อาการแมวป่วย สังเกตได้ไม่ยาก

2. เลือกน้ำยาถูพื้นบ้านที่มีฤทธิ์อ่อนๆ


ถึงแม้บ้านของคุณจะดูสะอาดยังไง แต่ความปลอดภัยของสัตว์เลี้ยงก็เป็นสิ่งสำคัญ ทางที่ดีเราควรเลือกใช้ “น้ำยาถูพื้นที่ไม่มีสารเคมีรุนแรง” จะดีกว่า เพราะบางทีน้องหมาน้องแมวอาจจะเผลอเลียน้ำยาถูพื้นที่ยังไม่แห้ง ซึ่งสารเคมีนั้นอาจจะทำให้เกิดอันตรายตามมา เอาเป็นว่าลองหันมาเลือกใช้น้ำยาถูพื้นด้วยสูตรธรรมชาติ ก็ช่วยให้บ้านของคุณสะอาดได้

เคล็ดลับทำน้ำยาถูพื้นด้วยตัวเอง : 

สำหรับอุปกรณ์ทําความสะอาดบ้าน ทำได้ง่ายนิดเดียว!! เพียงเติมน้ำอุ่นลงไปในถังแล้วใส่น้ำส้มสายชูขาวลงไปประมาณครึ่งถ้วยตวง จากนั้นผสมรับบิ้งแอลกอฮอล์หรือวอดก้าอีกครึ่งถ้วยตวง แล้วให้ผสมน้ำยาล้างจานไปสัก 2 ช้อนโต๊ะให้เข้ากัน พอเสร็จแล้วให้นำผ้ามาชุบเพื่อทำความสะอาดพื้นบ้าน

3. หาที่อยู่ให้สัตว์เลี้ยงเป็นหลักเป็นแหล่ง


เมื่อตัวเราเองยังมีบ้านอยู่อาศัย สัตว์เลี้ยงก็ต้องมีบ้านอยู่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังเล็กๆ หรือกระบะที่อยู่อาสัยสำหรับน้องหมาน้องแมว เพื่อให้พวกเขาได้มีบ้านเป็นหลักเป็นแหล่ง อีกทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้ขนสัตว์เลี้ยงร่วงหล่นตามพื้นบ้านด้วย แต่ในกรณีการเลี้ยงสัตว์แบบระบบปิดมากเกินไป ก็อาจจะทำให้สัตว์เลี้ยงเกิดอาการเครียดได้ ทางที่ดีเราอาจจะปล่อยให้เขาออกมาเล่นบริเวณภายในบ้านได้ตามเวลาที่เหมาะสม

4. ทำความสะอาดกระบะทรายแมว


สำหรับห้องน้ำส่วนตัวของน้องหมาน้องแมว หรือกระบะทรายแมว เราจะต้องเตรียมไว้ให้กับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ เพื่อให้สัตว์เลี้ยงขับถ่ายสะดวกมากขึ้น ช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ รวมถึงการเจริญเติบโตของเชื้อเเบคทีเรียที่อยู่ในทราย แล้วที่สำคัญเราอย่าลืมเก็บอุจจาระและทรายที่จับตัวเป็นก้อนจากปัสสาวะแมวไปทิ้งทุกวัน หรือนำกระบะทรายแมวออกมาล้างด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ ประมาณ 2-3 สัปดาห์ เพื่อสุขอนามัยที่ดีของน้องแมว แถมยังช่วยดูแลบ้านของคุณให้เป็นระเบียบมากขึ้น  
** แนะนำให้ใช้กระบะทรายแมวแบบโดมปิด จะช่วยป้องกันฝุ่นทราย กลิ่นไม่พึงประสงค์ และจุดซ่อนเร้นทุกอิริยาบทได้ดี นอกจากนี้เราควรใช้ทรายแมวที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ เพราะทรายแมวเหล่านี้จะไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตราย และช่วยให้น้องแมวขับถ่ายโล่งสบาย

5. นำเสปย์ดับกลิ่นมาเป็นตัวช่วย


แน่นอนว่าการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน มักจะมีกลิ่นเหม็นอับชื้นอยู่แล้ว แต่เราก็สามารถใช้สเปย์หรือเจลดับกลิ่นมาเป็นตัวช่วยได้นะ เพื่อกลบกลิ่นขับถ่ายของน้องหมาน้องแมว พร้อมช่วยกำจัดแบคทีเรียภายในบ้านของคุณ หลังจากนั้นปัญหากลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ ก็จะหมดไปทันที

เคล็ดลับกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์

  • น้ำส้มสายชู+น้ำเปล่า เพียงนำน้ำส้มสายชูมาผสมกับน้ำ ให้ฉีดไปยังบริเวณที่เคยมีหมาแมวมาปัสสาวะ ความเป็นกรดของน้ำส้มสายชูจะช่วยดับกลิ่นเหม็นให้เจือจาง แล้วให้นำแปรงสีฟันค่อยๆ ถูอีกครั้ง จากนั้นใช้กระดาษทิชชู่ซับจนกว่าจะแห้งสนิท
  • เบกกิ้งโซดา+น้ำเปล่า ในกรณีที่คุณไม่ชอบกลิ่นเปรี้ยวของน้ำส้มสายชู ก็สามารถใช้เบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำเปล่าได้ เพียงใส่ในขวดสเปย์แล้วฉีดพ่นบริเวณที่มีกลิ่น จากนั้นก็จะช่วยกลบกลิ่นฉุนของเสียไปได้

6. เก็บเฟอร์นิเจอร์ให้ห่างจากสัตว์เลี้ยง


ปัญหาเรื่องการดูแลบ้านที่พบได้บ่อยสำหรับคนเลี้ยงหมาแมว นั่นก็คือ “รอยขีดข่วน”  โดยเฉพาะตามพื้นไม้หรือเฟอร์นิเจอร์ไม้ เพราะบริเวณนี้น้องหมาน้องแมวจะชอบมาข่วนเล็บเป็นประจำ เราควรเก็บเฟอร์นิเจอร์ให้ห่างจากสัตว์เลี้ยงก่อน แต่ถ้าเราไม่สามารถเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์ได้ แนะนำให้ตัดเล็บน้องหมาน้องแมวจะดีกว่า จะไม่ต้องมาคอยกังวลเรื่องรอยขีดข่วน
แล้วที่สำคัญเพื่อนๆ อย่าลืมเก็บข้าวของให้มิดชิด  โดยเฉพาะกระถางต้นไม้ที่ชอบวางไว้ในบ้าน เพราะเจ้าสัตว์เลี้ยงของเราจะมีความซุกซนอยู่ในตัว เวลาเราไม่อยู่บ้านน้องๆ อาจจะทำลายข้าวของเสียหาย ดังนั้น เราควรเก็บข้าวของให้ไกลๆ กันดีกว่า เพื่อความปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยงด้วย

หากเราไม่อยากเจอปัญหาเรื่องบ้านมากวนใจ สำหรับคนรักสัตว์เลี้ยงอย่างเราๆ ก็ลองปรับใช้วิธีทำความสะอาดบ้านนี้ได้เลย ทำเองได้สบายๆ แล้วยิ่งถ้าเราขยันดูแลบ้านหรือทำความสะอาดบ้านอยู่บ่อยๆ ก็จะได้ทั้งสุขอนามัยที่ดี แถมยังช่วยเพิ่มความสุขให้กับน้องหมาแมวอีกด้วย พอหลังจากศึกษาวิธีดูแลบ้านไปแล้ว เพื่อนๆ อย่าลืมมองหาประกันบ้านและทรัพย์สินจาก Frank ให้ช่วยดูแลความปลอดภัยด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็นภัยจากเหตุไฟไหม้ ภัยธรรมชาติ และความเสียหายจากการบุกรุก ประกันบ้านจะเข้ามาช่วยคุ้มครองให้ทันที ทั้งตัวเราและสัตว์เลี้ยงก็จะได้สบายใจ
ประกันภัยบ้านและทรัพย์สิน

The post วิธีดูแลบ้านไม่ให้โทรม สำหรับคนเลี้ยงหมา-แมว appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
วิธีพาสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องบิน เที่ยวไกลถึงเมืองนอก https://www.bolttech.co.th/blog/%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b8%9e%e0%b8%b2%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%a7%e0%b9%8c%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%b5%e0%b9%89%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b8%82%e0%b8%b6%e0%b9%89%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%9a%e0%b8%b4%e0%b8%99?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%25b4%25e0%25b8%2598%25e0%25b8%25b5%25e0%25b8%259e%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%25aa%25e0%25b8%25b1%25e0%25b8%2595%25e0%25b8%25a7%25e0%25b9%258c%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%25a5%25e0%25b8%25b5%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%2587%25e0%25b8%2582%25e0%25b8%25b6%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%2599%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%2584%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%25b7%25e0%25b9%2588%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%2587%25e0%25b8%259a%25e0%25b8%25b4%25e0%25b8%2599 Wed, 09 Oct 2019 08:50:31 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog?p=8199 สำหรับคนรักสัตว์ที่อยากจะมีโมเม้นท์ดีๆ พาสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวต่างประเทศ แต่แอบกลัวว่า! ทางสายการบินจะให้พาน้องแมว น้องสุนัขขึ้นเครื่องได้หรือไหม? วันนี้น้องกวิ้นจะมาให้คำตอบทุกคน พร้อมกับแนะนำ 3 วิธีพาสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องมาฝากกันด้วย  เพียงแค่นี้เราก็พาสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องได้อย่างชิล ๆ เลยล่ะ แล้วเราจะ

The post วิธีพาสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องบิน เที่ยวไกลถึงเมืองนอก appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
สำหรับคนรักสัตว์ที่อยากจะมีโมเม้นท์ดีๆ พาสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวต่างประเทศ แต่แอบกลัวว่า! ทางสายการบินจะให้พาน้องแมว น้องสุนัขขึ้นเครื่องได้หรือไหม? วันนี้น้องกวิ้นจะมาให้คำตอบทุกคน พร้อมกับแนะนำ 3 วิธีพาสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องมาฝากกันด้วย  เพียงแค่นี้เราก็พาสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องได้อย่างชิล ๆ เลยล่ะ แล้วเราจะต้องทำยังไงบ้างนะ ลองมาดูกันเลย

เราสามารถนำสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องได้หรือไม่?

สัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่อง
คำตอบก็คือ “เราสามารถพาสุนัขหรือแมวขึ้นเครื่องบินได้ครับ” แต่ว่าคุณจะต้องศึกษาข้อมูลทางสายการบินนั้นให้ดีก่อน ว่ามีเงื่อนไขและข้อตกลงพาสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องอย่างไร เนื่องจากบางสายการบินก็จะให้คุณซื้อตั๋วแยกกับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ หรือบางสายการบินก็ไม่ต้องจ่ายเงินซื้อตั๋วแยก จึงต้องทำตามระเบียบของสายการบินอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางสัตว์เลี้ยงของคุณ รวมถึงต้องทำตามกฎบังคับการขนส่งสัตว์เลี้ยงไปยังประเทศจุดหมายการเดินทางของคุณเช่นกัน

ทำไงดีอยากพาน้องหมาน้องแมวขึ้นเครื่อง?

สัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่อง
หากคุณอยากพาสุนัขหรือแมวไปเที่ยวเมืองนอก ไม่ว่าจะเป็นประเทศในโซนเอเชีย หรือประเทศในโซนยุโรปที่อยากไปฮันนีมูนกับสัตว์เลี้ยง ก็ไม่ต้องกังวลไปนะครับ เพนกวิน Frank พอมีวิธีพาสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องมาฝากกันด้วยนะ เพียงแค่ทำตาม 3 วิธี ดังนี้

1. นำสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องแบบ Check Baggage (AVIH)

ถือเป็นวิธีที่นิยมมากสุดของสายการบิน โดยเราต้องนำสัตว์เลี้ยงโหลดลงใต้ท้องเครื่อง พูดง่าย ๆ ก็คือ เอาเก็บไว้ที่สัมภาระของเราด้านล่างนั่นเองครับ  แต่ไม่ต้องห่วงไปนะว่าสุนัขหรือแมวจะอึดอัด เพราะทางสายการบินจะเตรียมพื้นที่พิเศษที่มีความปลอดภัย และมีระบบควบคุมอุณหภูมิเหมาะสม เราจึงสามารถพาสัตว์เลี้ยงไปเช็คอินที่ Passenger Terminals ได้อย่างสบายใจเลยครับ
** แต่ทั้งนี้สัตว์เลี้ยงของคุณจะต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 10 กิโลกรัม (รวมกับน้ำหนักที่ใส่ของสัตว์เลี้ยง) หรือขนาดไม่เกินมาตรฐานที่ทางสายการบินกำหนด ส่วนอัตราค่าบริการนั้นจะขึ้นอยู่กับข้อตกลงของแต่ละสายการบินนะจ๊ะ

2. นำสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องแบบบรรจุภัณฑ์ (ULP)

ในกรณีที่เราต้องการเอาสุนัขหรือเอาแมวขึ้นเครื่อง โดยที่เราไม่ได้ไปด้วย เช่น การพาสัตว์เลี้ยงไปอยู่กับผู้รับตามที่อยู่ปลายทาง หรือการซื้อขายสัตว์เลี้ยงระหว่างประเทศ โดยเราจะต้องเอาสุนัขหรือเอาแมวขึ้นเครื่องไปยังอาคารคลังสินค้า แล้วเเจ้งกับทางเจ้าหน้าที่สายการบินทราบก่อนล่วงหน้า  เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่จัดเตรียมพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงอย่างเหมาะสม 
รู้หรือไม่ว่า? อัตราค่าใช้จ่ายในการเดินทางแบบบรรจุภัณฑ์ จะถูกกว่าแบบ Check Baggage หรือ AVIH ครับ

3. นำสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องแบบ PETC (PET in Cabin)

สำหรับวิธีนี้เจ้าของสามารถนำสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องบินได้ แบบอยู่ในห้องผู้โดยสารกับเราเลย พูดให้เข้าใจง่าย ก็คือ เราจองที่นั่งตรงไหน ก็เอาสุนัขขึ้นเครื่องตรงนั้นครับ แต่กรณีนี้จะต้องใช้เอกสารสำคัญและใบรับรองแพทย์สำหรับสัตว์เลี้ยง จาก The Animal Quarantien Office อย่างเช่น การตรวจสุขภาพเบื้องต้น และการฉีดวัคซีนก่อนนำขึ้นเครื่อง รวมถึงต้องงดให้อาหารสัตว์เลี้ยงก่อนเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง เพื่อป้องกันสัตว์อาเจียนระหว่างการเดินทาง เป็นต้น แต่ปัจจุบันนี้สายการบินในประเทศที่พาสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องแบบ PETC ไม่มีแล้วครับ ส่วนสายการบินระหว่างประเทศนั้น แนะนำให้ลองติดต่อกับ Call Center ของแต่ละสายการบินก่อน เพราะจะมีบางสายการบินที่สามารถเอาแมวหรือเอาสุนัขขึ้นเครื่องได้ แบบว่านั่งอยู่ข้าง ๆ กับเราตลอดการเดินทาง
** มีเงื่อนไขว่าสัตว์เลี้ยงจะต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 10 กิโลกรัม (รวมกับน้ำหนักที่ใส่ของสัตว์เลี้ยง) และจะต้องติดต่อกับทางสายการบินก่อนล่วงหน้า เพราะทางเจ้าหน้าที่จะได้จัดเตรียมพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงของคุณ แต่เงื่อนไขและข้อกำหนดอาจจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับทางสายการบินนั้น ๆ ด้วย

อยากพาสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่อง ต้องเตรียมอะไรบ้างนะ?

สัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่อง
เอ้า!! มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า เจ้าของสัตว์เลี้ยงทั้งหลาย เตรียมพาน้องสุนัข หรือน้องแมวขึ้นเครื่องนั่งข้างๆ ได้เลยนะครับ เพียงแค่คุณเตรียมเอกสารสำคัญต่างๆ ให้กับทางเจ้าหน้าที่สายการบิน หลังจากนั้นก็เตรียมจองตั๋วเครื่องบินไปต่างประเทศกันเลย
1. สำเนาพาสปอร์ตเจ้าของสัตว์ เมื่อคุณต้องการนำสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องไปด้วย ก็จะต้องมีสำเนาพาสปอร์ตของคุณ เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้ตามหาเจ้าของได้ง่าย
2. สำเนาบัตรประจำตัวของผู้จัดส่ง สำหรับกรณีที่เราต้องการนำสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องไปด้วย หรือจัดส่งขึ้นเครื่องแบบบรรจุภัณฑ์ (ULP) จะต้องเตรียมสำเนาบัตรประชาชนของผู้จัดส่ง พร้อมแจ้งกับเจ้าหน้าที่สายการบินเรื่องขนาด น้ำหนักตัว กรง และอายุของสัตว์เลี้ยงก่อนล่วงหน้า
3. สำเนาใบรับรองแพทย์ของสัตว์เลี้ยง อันนี้สำคัญมากเลยนะครับ ถ้าเราต้องการพาสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องแบบ PETC หรือแบบอยู่ในห้องผู้โดยสาร เราจะต้องพาสัตว์เลี้ยงไปตรวจสุขภาพก่อนออกเดินทางไม่เกิน 2-3 วัน รวมถึงหลักฐานการฉีดวัคซีนป้องกันโรค แล้วอย่าลืมสังเกตอาการแมวป่วยก่อนขึ้นเครื่องด้วยนะ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับสัตว์เลี้ยงของคุณระหว่างเดินทาง 
4. สำเนาเอกสารสำคัญอื่น ๆ หากทางเจ้าหน้าที่สายการบินเรียกขอเอกสารเพิ่มเติม เราก็ต้องนำหลักฐานมาแสดงให้ด้วยครับ เช่น หมายเลขไมโครชิพ (กรณีเข้าสหภาพยุโรป) ใบเพ็ดดีกรี หลักฐานการขึ้นทะเบียนสัตว์ และผลตรวจเลือดพิษสุนัขบ้า สำหรับนก หรือสัตว์ชนิดอื่นก็ต้องมีเอกสารรับรองการส่งออกจากกรมป่าไม้ หรือยินยอมให้ส่งออกได้จากเจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่าท่าอากาศยาน พร้อมนำเอกสาร CITES กำกับไว้
** โปรดนำเอกสารทั้งหมดนี้มาแสดง เพื่อทำการเช็กอินที่ท่าอากาศยานอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง แล้วอย่าลืมเตรียมค่าใช้จ่ายสำหรับสัตว์เลี้ยงระหว่างเดินทางกันด้วยนะ

การขนย้ายสัตว์เลี้ยงแบบ PETC ตามระเบียบของสายการบิน

สัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่อง
เมื่อเราจะพาสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องไปเที่ยวต่างประเทศ ไม่ว่าจะเอาแมวขึ้นเครื่อง หรือเอาสุนัขขึ้นเครื่อง ก็จะต้องทำตามข้อบังคับเช่นกัน โดยหลักการขนส่งย้ายสัตว์เลี้ยงตามกฎระเบียบของสายการบิน เราควรปฏิบัติดังต่อไปนี้

  • เลือกขนาดกรงกว้างพอดีกับตัวสัตว์เลี้ยง สามารถยืน นั่งหรือนอน ระบายอากาศได้
  • เลือกขนาดกรงเดินทาง ไม่ควรเกิน 55x37x30 เซนติเมตร หรือ 22x15x12 นิ้ว
  • เลือกกรงที่มีความแข็งแรง เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงหลุดระหว่างขึ้นเครื่อง หรือลงจอด เพราะถ้าน้องหมา น้องแมวหลุดออกมาถึงรันเวย์อาจจะเกิดเรื่องร้ายได้ เช่น ข่าวคราวเมื่อปี 2559 การบินไทยแจงกรณียิงสุนัขตายหลุดถึงรันเวย์อันตรายต่อการบิน ซึ่งเป็นข่าวสลดใจเมื่อน้องหมาหลุดออกจากกรงขังและวิ่งเข้าในเขตลานจอด เนื้อหาข่าวบนเว็บ pptvthd36.com ระบุว่า “เจ้าหน้าที่ได้พยายามจับสุนัขดังกล่าวตามมาตรการของสนามบินถึง 3 ขั้นตอน เริ่มจากการพยายามจับสุนัขด้วยตาข่าย การพยายามยิงด้วยปืนลม แต่ไม่สำเร็จ จนในที่สุดเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานอินชอนได้ตัดสินใจใช้กระสุนจริง” ดังนั้น เตรียมให้ดีอย่าให้มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นเลย
  • เลือกประตูกรงที่แน่นหนา (ผ่านการรับรองมาตรฐาน) และสัตว์เลี้ยงไม่สามารถเปิดออกเองได้ เพื่อป้องกันเหตุร้ายครับ Frank เป็นห่วง
  • สัตว์เลี้ยงของคุณต้องมีอายุ 10 สัปดาห์ขึ้นไป แต่บางประเทศก็กำหนดให้มีอายุ 8 สัปดาห์ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างประเทศ
  • สัตว์เลี้ยงของคุณจะต้องมีร่างกายสมบูรณ์ ปราศจากกลิ่น ไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีบาดแผล และไม่อยู่ในสภาวะตั้งครรภ์ รวมถึงต้องมีใบรับรองแพทย์ และหลักฐานการฉีดวัคซีนโรคด้วย
  • น้ำหนักของสัตว์เลี้ยงและที่ใส่สัตว์เลี้ยง ต้องรวมกันไม่เกิน 10 กิโลกรัม ทั้งนี้จะต่างกันขึ้นอยู่กับข้อกำหนดแต่ละสายการบินด้วย
  • ผู้โดยสารแต่ละคนสามารถนำกรงสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องไปยังห้องผู้โดยสารได้เพียงหนึ่งกรง และอนุญาตให้มีสัตว์เลี้ยงอยู่ภายในได้ไม่เกิน 1 ตัว
  • ผู้โดยสารที่เดินทางร่วมกับสัตว์เลี้ยง จะกำหนดให้นั่งในเก้าอี้ด้านติดหน้าต่าง ห้ามนั่งในส่วนที่เป็นทางออกฉุกเฉิน
  • ต้องวางกรงสัตว์เลี้ยงไว้ใต้ที่นั่งด้านหน้าของคุณ (ไม่รวมแถวตรงทางออก) ไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงออกจากกระเป๋าสำหรับเดินทางหรือกรงระหว่างเที่ยวบิน 
  • หากต้องการนำสัตว์เลี้ยงไปตรวจเช็กกระเป๋าหรือกรง จะต้องไปตรวจในพื้นที่เฉพาะเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ตรวจในพื้นที่ผู้โดยสารทั่วไป
  • สำหรับกระเป๋าเดินทางหรือที่ใส่สัตว์เลี้ยง ถือเป็นสัมภาระเพิ่มเติม อาจจะมีค่าธรรมเนียม
  • ทางสายการบินไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงบางประเภท หรือสุนัขบางสายพันธุ์ขึ้นเครื่องไปกับผู้โดยสาร หากรบกวนหรือทำให้ผู้โดยสารท่านอื่นเกิดอันตราย
  • อย่าลืมระบุชื่อเจ้าของสัตว์ ชื่อสัตว์เลี้ยง และเบอร์ติดต่อไว้ข้างนอกกรงด้วย หรือจะให้เซฟสุด ๆ ควรจะติดชื่อไลน์ของเจ้าของไว้ที่ป้ายห้อยคอทำเป็น QR Code ก็ได้ครับ ปลอดภัยไว้ก่อน

สัตว์เลี้ยงประเภทไหนที่สามารถนำขึ้นเครื่องได้บ้าง?

สัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่อง
ถึงแม้ว่าเราจะสามารถนำสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องได้ แต่ทางสายการบินก็จะมีข้อกำหนดประเภทของสัตว์เลี้ยง และสายพันธุ์บางชนิดด้วยนะครับ โดยสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่ที่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่องไปยังห้องผู้โดยสาร ก็คือ สุนัข แมว กระต่าย และนกขนาดเล็ก ห้ามนำสัตว์ขนาดใหญ่ สัตว์สงวน หรือสัตว์มีพิษเข้าห้องผู้โดยสาร เพื่อรบกวนหรือทำให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่นขณะร่วมเดินทาง  รวมถึงไม่ให้นำสุนัขบางสายพันธุ์ที่ดุร้ายไปยังห้องผู้โดยสารด้วย เช่น อเมริกันพิทบูล เทอร์เรีย, บ็อกเซอร์, สุนัขพันธุ์เชาเชา และฟิล่า บราซิเลียโร เป็นต้น 
*** ข้อควรระวังเกี่ยวกับสัตว์จมูกสั้น อย่างเช่น สุนัขพันธุ์บ็อกเซอร์ สุนัขพันธุ์ปักกิ่ง หรือแมวพันธุ์เปอร์เซีย อาจจะส่งผลให้หายใจลำบากขณะอยู่บนเครื่องบิน แนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนออกเดินทางครับ

สัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่อง
หากใครคิดจะพาสัตว์เลี้ยงสุดที่รักเที่ยวต่างประเทศ ก็สามารถศึกษาวิธีข้างต้นที่แนะนำกันได้เลย เพียงเท่านี้การเดินทางของคุณและสัตว์เลี้ยงก็จะราบรื่นมากขึ้น หรือถ้าคุณอยากเพิ่มความอุ่นใจสักหน่อย ซื้อประกันเดินทางกับเราให้ช่วยคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลของคุณเมื่อยามเจ็บป่วย หรือบาดเจ็บระหว่างเดินทางได้เลยนะครับ เรายังมีแผนความคุ้มครองให้คุณเลือกอีกเพียบ !!

ถ้าคุณอยากพาน้องสุนัข หรือน้องแมวไปตรวจสุขภาพก่อนออกเดินทาง ก็สามารถซื้อประกันสัตว์เลี้ยงควบคู่กันได้นะครับ เพื่อดูแลการตรวจสุขภาพ และค่ารักษาพยาบาลให้กับเพื่อนซี้ของคุณ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อเราได้ที่ 02-106-5800 เรายินดีให้บริการ และช่วยเหลือคุณเสมอ มั่นใจได้เลยว่าคุณและสัตว์เลี้ยงสุดโปรดของคุณ จะต้องสนุกกับการเดินทางอย่างแน่นอน

ประกันการเดินทาง

The post วิธีพาสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องบิน เที่ยวไกลถึงเมืองนอก appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
7 อาการแมวป่วย สังเกตได้ไม่ยาก https://www.bolttech.co.th/blog/7-%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%81%e0%b8%a1%e0%b8%a7%e0%b8%9b%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%a2?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=7-%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%2581%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%25a3%25e0%25b9%2581%25e0%25b8%25a1%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%259b%25e0%25b9%2588%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%25a2 Wed, 25 Sep 2019 04:45:16 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog?p=8113 หลังจากที่เล่าเรื่องราว เหตุผลที่ทุกครอบครัวต้องเลี้ยงแมว กันไปบ้างแล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่คนเลี้ยงแมวต้องศึกษานั่นก็คือ อาการแมวป่วย ด้วยความที่น้องแมวอาจจะไม่ได้แสดงอาการออกมาชัดเจนเหมือนกับสุนัข แต่เรายังพอมีวิธีสังเกตอาการแมวป่วยอยู่นะ แม้จะเป็นอาการเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อย่าเพิ่งนิ่งนอนใจไปเชียวล่ะ หากแมวมีพฤติกรรมแบ

The post 7 อาการแมวป่วย สังเกตได้ไม่ยาก appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
หลังจากที่เล่าเรื่องราว เหตุผลที่ทุกครอบครัวต้องเลี้ยงแมว กันไปบ้างแล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่คนเลี้ยงแมวต้องศึกษานั่นก็คือ อาการแมวป่วย ด้วยความที่น้องแมวอาจจะไม่ได้แสดงอาการออกมาชัดเจนเหมือนกับสุนัข แต่เรายังพอมีวิธีสังเกตอาการแมวป่วยอยู่นะ แม้จะเป็นอาการเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อย่าเพิ่งนิ่งนอนใจไปเชียวล่ะ หากแมวมีพฤติกรรมแบบนี้ อาจส่งสัญญาณอาการแมวป่วยอยู่ครับ และเราก็ต้องรีบพาแมวไปพบสัตว์เเพทย์โดยด่วน !!  หากปล่อยทิ้งไว้ มิเช่นนั้นอาจจะเป็นอันตรายร้ายแรงกับแมวของคุณได้

วันนี้เพนกวิน bolttech จะมาบอก วิธีสังเกตอาการแมวป่วย แมวไม่สบาย มาฝากเพื่อนๆ ทุกคน รับรองบทความนี้ มีประโยชน์ต่อทาสแมวแน่นอน !!

  • แมวมีกลิ่นปาก
  • แมวขับถ่ายผิดปกติ
  • แมวมีน้ำมูก และขี้ตา
  • แมวมีอาการซึมเศร้า
  • แมวหายใจเร็ว
  • แมวอ้วก
  • แมวไม่ยอมกินข้าว

1. แมวมีกลิ่นปาก

อาการแมวป่วย
อย่างเเรกถ้าเราสังเกตได้ว่า แมวมีกลิ่นปากโดยที่ไม่ได้เกิดจากอาหาร แสดงว่าแมวของคุณอาจกำลังป่วยอยู่  หากมีปัญหาเรื่องของโรคไตแมวจะมีกลิ่นปากคล้ายกับกลิ่นปัสสาวะ แต่ในกรณีที่พบว่าเหงือกของแมวเปลี่ยนสีไม่อมชมพู และมีน้ำลายยืดมากกว่าปกติ มักจะเกี่ยวกับโรคฟันหรือโรคเหงือกอักเสบ เพราะเกิดจากการสะสมของหินปูน หรือเเบคทีเรียที่ฝังตามช่องปากนั่นเอง

รวมถึงกรณีที่แมวมีกลิ่นปากคล้ายกับแอปเปิ้ลสุก อาจแสดงว่าแมวป่วยเป็นโรคเบาหวาน แนะนำให้ลองทำความสะอาดภายในช่องปากแมวก่อน พยายามให้กินน้ำเยอะ ๆ หรือใช้ไม้มาทาทาบิให้น้องแมวกัดเล่นก็ช่วยเรื่องดับกลิ่นปาก และช่วยลดความก้าวร้าวของน้องแมวได้เหมือนกันนะ แต่ถ้าพบว่าแมวยังมีกลิ่นปากอยู่ ก็ให้รีบนำไปพบกับสัตว์เเพทย์โดยด่วน เพื่อจะได้รักษาอาการแมวป่วยต่อไป

2. แมวขับถ่ายผิดปกติ

อาการแมวป่วย
ต่อมาหากคุณสังเกตเห็นว่า น้องแมวขับถ่ายผิดปกติ อย่างเช่นท้องเสีย ปัสสาวะเยอะ หรือไม่ขับถ่าย ไม่ปัสสาวะเลย ก็บ่งบอกได้ว่าแมวกำลังมีปัญหาเรื่องของระบบขับถ่าย  ให้เรารอดูอาการภายใน 24 ชั่วโมง เพราะบางทีเเมวอาจจะกินอะไรที่ผิดสำแดง เช่น เล่นซนกินสายไฟ หรือกินเศษผ้า ส่งผลทำให้ขับถ่ายผิดปกติ แต่ถ้ารอแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น และมีอุจจาระเป็นสีดำหรือสีแดงออกมาด้วย ก็ควรรีบพาไปหาหมอให้เร็วที่สุด เพื่อเช็กอาการแมวป่วยเบื้องต้นจะดีกว่า

** ให้ลองสังเกตกระบะทรายแมวอยู่บ่อย ๆ โดยปกติแล้วแมวต้องขับถ่ายอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อวัน ถ้าแมวขับถ่ายนอกกระบะทราย อาจบ่งบอกว่าแมวกำลังมีปัญหาระบบทางเดินปัสสาวะและโรคไขข้ออักเสบ แนะนำให้ลองเช็กดูก่อนหากน้องแมวทำธุระนอกกระบะทรายอาจจะเป็นเพราะทรายแมวไม่สะอาด หรือจัดวางในวางตำแหน่งไม่เหมาะสม หรือมีแมวหลายตัวใช้กระบะทรายเดียวกันทำให้เกิดการแก่งแย่งหรือแบ่งอาณาเขต หากลองปรับให้น้องแมวทำธุระส่วนตัวได้สะดวก แล้วที่สำคัญอย่าลืมเก็บทรายทุกเช้า/เย็น และหัดสังเกตอึแมวด้วยนะ ทาสแมวทั้งหลาย!!

3. แมวมีน้ำมูก และขี้ตาเกรอะกรัง

อาการแมวป่วย
ตามปกติแล้วน้องแมวจะต้องมีใบหน้าที่ร่าเริงสดใส แต่กรณีที่เราพบว่าดวงตาแมวขุ่นมัว และแมวมีขี้ตามากกว่าปกติ มันก็คือหนึ่งในอาการแมวป่วยนั่นเอง  ส่วนใหญ่มักมาจากสาเหตุของการอักเสบรอบ ๆ ดวงตา หรืออาการแพ้บางอย่าง หรือท่อน้ำตาอักเสบโดยเฉพาะแมวพันธุ์สก็อตทิช โฟลด์ที่มีอาการตาแฉะบ่อย ๆ ก็ต้องหมั่นคอยเช็ดตา หากปล่อยทิ้งไว้จะกลายเป็นคราบสีเหลืองหรือน้ำตาลใต้ดวงตาน้องแมวได้ รวมถึงมีขี้มูกไหลก็เป็นสัญญาณเตือนภัยของโรคหวัดแมวด้วย แล้วถ้าคุณกำลังเจออาการแมวป่วยเหล่านี้ ไม่แนะนำให้ซื้อยาไปหยอดตาของแมวเอง หรือซื้อยาแก้หวัดมาให้แมวกิน และห้ามมิให้แมวกินยาพาราเซตามอลของคนเด็ดขาด เพราะการเลือกใช้ยาผิดประเภทอาจจะทำให้ดวงตาแมวอักเสบ และเป็นอันตรายถึงชีวิตของน้องแมวได้

*** เราควรพาแมวไปตรวจสุขภาพเป็นประจำ และฉีดวัคซีน เพื่อสร้างระบบภูมิคุ้มกันโรคให้กับแมว จะช่วยลดอาการติดเชื้อดวงตา และโรคหวัดแมวที่เกิดจากเชื้อไวรัสได้ดีเลยล่ะ

4. แมวมีอาการซึมเศร้า

อาการแมวป่วย
แมวเอ๋ยแมวเหมียว ร้องเรียกเดี๋ยวๆ ก็มา แต่ถ้ามันไม่ยอมมา เรียกยังไงก็ไม่มา ยื่นขนมชิ้นโปรดให้แล้วก็ยังไม่มา นั่นอาจแปลว่า แมวป่วยอยู่นั่นเอง แนะนำให้ลองสังเกตอาการแมวป่วยเบื้องต้นก่อน (บางครั้งมันอาจจะขี้เกียจหรือทำหูทวนลมแกล้งเราอยู่ก็ได้) ก็คือให้เรานำของเล่นชิ้นโปรดมาล่อใจอีกครั้ง หากน้องแมวยังเมินใส่ หรือมีอาการเปลี่ยนไปจากเดิม อย่างเช่น ไม่ยอมเล่นด้วย หลบซ่อนตามมุม ซึมเศร้าผิดปกติ ทำตัวเหงาเกินไป และชอบเดินลากขาหลัง แสดงว่าแมวกำลังป่วยแน่นอน  ยิ่งถ้ามีลักษณะแบบนี้ประมาณ 2-3 วัน ก็ควรรีบพาแมวไปหาหมอทันที เพื่อจะได้รักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ทันที

รู้หรือไม่ว่า? 

ตามปกติแล้วแมวจะเลียขนตัวเอง เพื่อทำความสะอาดร่างกาย แต่ในกรณีแมวเมินไม่ยอมเลียขนตัวเอง ไม่ดูแลตัวเอง ก็เป็นหนึ่งอาการแมวป่วยที่บ่งบอกได้ว่าแมวกำลังซึมเศร้า หรือไม่สบายเหมือนกัน

5. แมวหายใจเร็วผิดปกติ

อาการแมวป่วย
เมื่อพูดถึงอัตราการหายใจของแมว ตามปกติแล้วจะอยู่ที่เฉลี่ย 20-30 ครั้งต่อวินาที ส่วนใหญ่ที่มันหายใจเร็วกว่าปกติมักเกิดจากหลังออกกำลังกาย เล่นซน หรือตอนที่ร่างกายของเรารู้สึกร้อน แต่ถ้าคุณสังเกตเห็นว่า นอนเฉย ๆ แล้วน้องแมวมีอาการหอบถี่ และหายใจเร็วเป็นเวลานาน ๆ ถือเป็นเรื่องผิดปกตินะ  สาเหตุอาจจะเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและระบบหลอดเลือด เลยทำให้น้องแมวเกิดอาการหอบหืด ไอ หัวใจเต้นแรง จนบางครั้งก็มีเสียงหายใจที่ดังด้วย แนะนำให้เราใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเปล่าเช็ดบริเวณใบหู อุ้งเท้า ใต้ท้อง และขาหนีบ เพื่อช่วยคลายความร้อน หรือพาแมวไปอยู่ในอากาศถ่ายเท เตรียมแผ่นเจลเย็น และเบาะนอนเย็นไว้ในบ้านสักหน่อย ก็จะช่วยทำให้แมวรู้สึกดีขึ้น หากปล่อยให้น้องแมวร้อนจนถึงขีดสุดอาจจะทำให้น้องแมวเป็นฮีทสโตรก และช็อกจนเสียชีวิตได้

6. แมวอาเจียน

อาการแมวป่วย
ก่อนอื่นคงต้องอธิบายก่อนว่า ตามธรรมชาติของแมวอาจจะอาเจียนออกมา ก็ต่อเมื่อมันเผลอกินอาหารที่ผิดสำแดง แต่กรณีที่คุณสังเกตเห็นเเมวอาเจียนบ่อย ๆ หรืออาเจียนไม่หยุด นั่นอาจจะเตือนว่าน้องแมวไม่สบายอยู่  สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้แมวอาเจียนอย่างฉับพลัน มักเกิดจากการติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร หรือลำไส้อักเสบ ในกรณีที่พบเลือดปนขณะอาเจียน อาจเป็นไปได้ว่าแมวมีแผลในกระเพาะอาหาร ต้องรีบพาไปพบสัตว์เเพทย์โดยด่วน และทำตามที่คุณหมอแนะนำอย่างเคร่งครัด จะได้ไม่เป็นอันตรายต่อน้องแมว

การสำรอกของแมวบอกอาการป่วยได้

  • แมวอ้วกเป็นสีเหลือง เป็นอาเจียนที่เกิดจากน้ำย่อยของน้องแมว โดยสีของอาเจียนจะมีฟองร่วมด้วย อาจจะมาจากการกินไว กินเร็ว กินแล้วไม่เคี้ยว หรือถ้าน้องแมวเครียดก็อ้วกเป็นสีเหลืองได้ หากอ้วกบ่อยเกิน 3 ครั้ง ก็ต้องพาไปหาหมอ
  • แมวอ้วกเป็นอาหารที่เพิ่งกินเข้าไป อาการใกล้เคียงกับแมวอ้วกสีเหลืองครับ เป็นเพราะน้องกินเร็ว งดอาหาร และงดน้ำดูอาการสัก 4-6 ชั่วโมง
  • แมวอ้วกเป็นสีเขียว อาเจียนสีเขียวปนออกมา บ่งบอกว่าน้องแมวติดเชื้อรุนแรงจากภายในลำไส้ หรือกระเพาะของน้อง
  • แมวอ้วกเป็นสีแดง เป็นอาการรุนแรงที่เกิดขึ้นจากเส้นเลือดหลอดอาหาร หรืออวัยวะภายในฉีกขาด และเป็นอาการแมวป่วยที่อันตรายมากๆ
  • แมวอ้วกเป็นฟองสีขาวร่วมกับอาการไอ แสดงว่าน้องแมวเป็นโรคเรื้อรังพาเป็นตรวจจะดีที่สุด
  • แมวอ้วกเป็นสีน้ำตาล เลือดออกในกระเพาะอาหารน้องแมว ต้องรักษาโดยด่วน!

7. แมวไม่ยอมกินข้าว

อาการแมวป่วย
อีกหนึ่งอาการแมวป่วยที่สังเกตได้จากการกินข้าวของแมว คือ กรณีที่มันไม่ยอมกินข้าวหรือกินได้น้อยลง ถึงแม้จะเป็นอาหารจานโปรดของน้องเหมียวก็ตาม แต่ยังถูกเมินใส่ !! มันคืออาการแมวป่วยด้วยโรคบางอย่าง  อาจจะเกิดจากโรคไตหรือโรคมะเร็ง จึงทำให้ร่างกายรู้สึกไม่มีแรง และเบื่ออาหารเช่นเดียวกับคน แต่ในทางกลับกันถ้ามันกินข้าวมากกว่าปกติ มักจะมาจากอาการไทรอย์เป็นพิษ และโรคเบาหวานที่พบในตัวแมวนั่นเอง

** แนะนำให้สังเกตพฤติกรรมการกินเบื้องต้นก่อน เพราะบางทีมันอาจจะเบื่ออาหารที่กินเป็นประจำ หรือน้องแมวอาจจะออกล่าหาอาหารเอง แต่ถ้ามันไม่ยอมกินอะไรเลยภายใน 24 ชั่วโมง ก็ให้พาไปตรวจร่างกายกับคุณหมอ จะได้รักษาอาการอย่างถูกต้อง

อาการแมวป่วย
ทั้งหมดนี้ก็คือ วิธีสังเกตอาการแมวป่วยเบื้องต้น ที่ส่งสัญญาณได้ว่าแมวของคุณกำลังเผชิญหน้ากับโรคร้ายบางอย่าง  ดังนั้น ทาสแมวทั้งหลายอย่าชะล่าใจว่าไม่เป็นอะไรนะ เพราะโรคบางอย่างก็น่ากลัวกว่าที่คุณคิด เพื่อความห่วงใยที่มีต่อน้องแมวสุดที่รัก แล้วถ้าเป็นไปได้อย่าลืมซื้อประกันสัตว์เลี้ยงสำหรับน้องแมวกันด้วย ให้ช่วยดูแลค่ารักษาพยาบาลเมื่อยามแมวเจ็บป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุ อย่างน้อยประกันสัตว์เลี้ยงก็จะแบ่งเบาค่าใช้จ่ายของคุณ ไหนจะค่าตรวจสุขภาพ ค่ายา ค่าวัคซีน ค่าผ่าตัด ค่าทำแผล หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็นต้องรักษาอาการแมวป่วย จึงทำให้คุณหมดห่วงเรื่องค่ารักษา อีกทั้งยังช่วยให้น้องเหมียวปลอดภัยด้วย !!
แหล่งที่มา : honestdocs.co
                    dog-vs-cat.com

ประกันเดินทาง

The post 7 อาการแมวป่วย สังเกตได้ไม่ยาก appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
เหตุผลที่ทุกครอบครัวต้อง (ลอง) เลี้ยงแมว https://www.bolttech.co.th/blog/%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%95%e0%b8%b8%e0%b8%9c%e0%b8%a5%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%97%e0%b8%b8%e0%b8%81%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%ad%e0%b8%9a%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%a7%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%b5%e0%b9%89%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b9%81%e0%b8%a1%e0%b8%a7?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%25ab%25e0%25b8%2595%25e0%25b8%25b8%25e0%25b8%259c%25e0%25b8%25a5%25e0%25b8%2597%25e0%25b8%25b5%25e0%25b9%2588%25e0%25b8%2597%25e0%25b8%25b8%25e0%25b8%2581%25e0%25b8%2584%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%259a%25e0%25b8%2584%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%25b1%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%2595%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%2587%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%25a5%25e0%25b8%25b5%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%2587%25e0%25b9%2581%25e0%25b8%25a1%25e0%25b8%25a7 Sat, 03 Aug 2019 08:41:44 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog?p=7413 เมื่อพูดถึง “แมว” สัตว์เลี้ยงอันดับต้น ๆ ที่ครองใจคนทั่วโลก หลายคนก็คงนึกถึงความน่ารัก และความขี้อ้อนของมันที่มีต่อเจ้าของ แต่ใช่ว่าแมวจะมีดีเพียงแค่หน้าตาที่น่ารัก และนิสัยขี้อ้อนเท่านั้นนะ ประโยชน์ของแมวยังมีอีกเพียบเลยแหละ ที่คุณอาจจะยังไม่รู้ !! ยิ่งถ้าตอนนี้คุณกำลังลังเลอยู่ว่าจะเลี้ยงแมวดีไหม ลองมาดูบทความนี้ก่อน

The post เหตุผลที่ทุกครอบครัวต้อง (ลอง) เลี้ยงแมว appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
เมื่อพูดถึง “แมว” สัตว์เลี้ยงอันดับต้น ๆ ที่ครองใจคนทั่วโลก หลายคนก็คงนึกถึงความน่ารัก และความขี้อ้อนของมันที่มีต่อเจ้าของ แต่ใช่ว่าแมวจะมีดีเพียงแค่หน้าตาที่น่ารัก และนิสัยขี้อ้อนเท่านั้นนะ ประโยชน์ของแมวยังมีอีกเพียบเลยแหละ ที่คุณอาจจะยังไม่รู้ !! ยิ่งถ้าตอนนี้คุณกำลังลังเลอยู่ว่าจะเลี้ยงแมวดีไหม ลองมาดูบทความนี้ก่อนครับ รับรองจะเป็นจุดเปลี่ยนให้กับชีวิตของคุณ และคนในครอบครัวได้แน่นอน

1. แมวเป็นเพื่อนเล่นยามเหงา

เหตุผลเลี้ยงแมว
แน่นอนครับว่า แมวจะคอยเป็นเพื่อนเล่นที่ดีให้กับคุณ หากคุณอยู่บ้านคนเดียว คุณก็จะไม่รู้สึกเหงาอีกต่อไป เพราะคุณจะมีทั้งเพื่อนเล่น เพื่อนคุย และเพื่อนระบายความในใจอยู่ตลอดเวลา  มันจะช่วยทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย และอารมณ์ดีขึ้น ถ้าคุณเลี้ยงแมวไว้ คุณยังสามารถทำกิจกรรมสนุก ๆ ร่วมกับแมวอีกด้วย อย่างเช่น หาชุดสวย ๆ ให้กับน้องแมวสุดที่รัก หรือสร้างบ้านใหม่ให้กับแมวครับ สิ่งเหล่านี้จะช่วยคลายความเหงาให้กับคุณ และคนในครอบครัว

2. แมวเป็นนาฬิกาปลุกชั้นเยี่ยม

เหตุผลเลี้ยงแมว
ถึงคุณจะนอนดึกแค่ไหน แมวก็เป็นนาฬิกาปลุกชั้นเยี่ยมให้กับคุณได้ เนื่องจากแมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความรับผิดชอบในตัวเอง รู้จักเวลาตื่น เวลานอน และเวลาหิว นั่นหมายความว่าถ้ามันหิว หรือเหงาก็จะคอยปลุกเราในยามเช้า (บางทีมันก็จะกระโดดขึ้นมาบนเตียง จนกว่าคุณจะตื่นนั่นเอง) ซึ่งแทบไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุกเลยครับ ถือเป็นประโยชน์ของแมวที่เหมาะกับคนตื่นสายเป็นประจำ แฟรงค์แนะนำให้เลี้ยงแมวไว้สักตัวก่อน แล้วนาฬิกาชีวิตของคุณจะเปลี่ยนไป

3. แมวทำให้เด็กมีพัฒนาการ

เหตุผลเลี้ยงแมว
หากลูกน้อยของคุณกำลังอยู่ในช่วงเติบโต ควรจะมีสัตว์เลี้ยงเอาไว้ที่บ้าน นั่นก็คือ “น้องแมว” ครับ เพราะว่าแมวจะช่วยทำให้เด็กมีพัฒนาการสูง และตอบสนองเร็วขึ้น อย่างเช่น แมวกำลังวิ่งเล่นไปมา เด็กก็จะรับรู้ว่ามีสิ่งเคลื่อนไหวอยู่ภายในบ้าน ด้วยเหตุนี้เองจึงมีแนวโน้มสูงว่าครอบครัวที่เลี้ยงแมว จะช่วยเพิ่มทักษะการเรียนรู้ของเด็ก ทำให้เด็กเฉลียวฉลาด รวมถึงยังช่วยส่งเสริมให้เด็กมีจิตใจที่อ่อนโยน และรักสัตว์อีกด้วย  แต่ต้องรักษาความสะอาดของเจ้าเหมียวด้วยนะครับ

4. แมวทำให้คุณได้ออกกำลังกาย

เหตุผลเลี้ยงแมว
ถ้าคุณอยากผอมแบบไม่ต้องอดข้าว ก็ลองเลี้ยงแมวดูก่อนสิ เนื่องจากแมวจะคอยเป็นเพื่อนเล่นยามว่างที่ดีให้กับคุณ จึงทำให้คุณมีเวลาออกกำลังกายมากขึ้น  เช่น พาน้องแมวออกไปเดินเล่นนอกบ้าน หรือวิ่งเล่นกับแมว ก็จะช่วยให้คุณมีร่างกายที่แข็งแรง แทนการนอนเล่นมือถือเฉย ๆ อยู่ในบ้านครับ และไม่ใช่เพียงแค่ทำให้คุณมีร่างกายแข็งแรงอย่างเดียวนะ น้องเหมียวของเราก็จะเเข็งแรงเช่นกันครับ

5. แมวช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้ครอบครัว

เหตุผลเลี้ยงแมว
สำหรับสายใยรักแห่งครอบครัว จะขาด “น้องเเมวเมียว” ไม่ได้เลย ผลสำรวจบางแห่งบอกว่า คู่รักที่แต่งงานแล้ว และเลี้ยงเเมวไปด้วย จะมีความเครียดน้อยกว่าคู่รักที่ไม่ได้เลี้ยงแมวครับ เพราะว่าแมวถือเป็นสัตว์เลี้ยงที่ช่วยบำบัดความรู้สึกของคนได้ ซึ่งร่างกายของเราก็จะผลิตสารออกซิโทซิน (Oxytocin) ออกมา จะเป็นฮอร์โมนแห่งความรัก ทำให้เราเกิดความรัก และความผูกพันธ์   แล้วประโยชน์ของแมวตรงนี้เนี่ยแหละ จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้กับคนในครอบครัว

6. แมวมีเสียงที่รักษาโรคกระดูกได้

เหตุผลเลี้ยงแมว
อึ้งและทึ่งไปเลยใช่ไหมล่ะ !! ว่าเสียงร้องของแมว จะช่วยรักษาโรคกระดูกได้ เนื่องจากเสียงร้องของแมว จะมีความถี่อยู่ที่ 25-150 เฮิร์ต มันจะเป็นคลื่นความถี่ใช้สำหรับบำบัดด้วยเสียง ที่ช่วยลดอาการบาดเจ็บ รักษาบาดแผลต่างๆ โดยเฉพาะโรคกระดูกกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็น  เสียงร้องของแมวนั้นจะช่วยทำให้หายเจ็บได้เป็นอย่างดี อีกทั้งการเลี้ยงแมวยังช่วยรักษาโรคอื่น ๆ อีกด้วย เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิต และโรคเครียดเรื้อรัง เป็นต้น

7. แมวช่วยกำจัดหนูภายในบ้าน

เหตุผลเลี้ยงแมว
อีกหนึ่งประโยชน์ของแมวที่สำคัญเลย ก็คือ แมวจะช่วยจำกัดสัตว์ไม่พึงประสงค์ภายในบ้านของคุณ ต้องขอบอกเลยว่า เป็นทักษะเฉพาะของแมวนะครับ แม้ไม่ใช่วันพิเศษของคุณ แต่เจ้าเหมียวก็สามารถนำของขวัญมาให้กับคุณได้ นั่นก็คือโจทก์เก่าอย่างหนูครับ มันจะคอยเป็นหูเป็นตาให้กับคุณ เพื่อมีอะไรแปลกปลอมเข้าบ้าน มันก็จะรอกำจัดทันที  ดังนั้น การเลี้ยงแมวก็เปรียบเสมือนการยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว เพราะจะได้ช่วยจับหนู แถมยังมีเพื่อนเล่นยามเหงาอีกด้วย 
** รู้หรือไม่ว่า กะบะทรายแมว ยังสามารถไล่หนูได้ด้วยนะ เพียงแค่นำไปวางไว้ตามบริเวณบ้านที่มีหนูวิ่งผ่าน พอหนูได้กลิ่นปัสสาวะแมวก็จะรู้ว่ามีภัยมาถึงตัว และไม่กล้าเข้ามาในบ้านของคุณ

เหตุผลเลี้ยงแมว
จากข้างต้นนี้ ถือเป็นประโยชน์ของแมวที่ช่วยปรับเปลี่ยนชีวิตของคุณ และคนในครอบครัวได้ดีเลยล่ะ พอหลังจากคุณเป็นเจ้าของแมวแล้ว ก็อย่าลืมดูแลสุขภาพแมวกันด้วยนะ เเนะนำให้คุณเลือกอาหารที่ดี เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันให้กับแมว และพาน้องแมวไปตรวจสุขภาพเป็นประจำ รวมถึงฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ ให้กับสัตว์เลี้ยงสุดที่รักของคุณ

ประกันออนไลน์

The post เหตุผลที่ทุกครอบครัวต้อง (ลอง) เลี้ยงแมว appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>