1. เช็คหนี้สินที่คงเหลือดูก่อน

ในวัยเลข 3 คงเป็นไปยาก ถ้าเราไม่ก่อหนี้อะไรเลย ดังนั้น เราควรเริ่มต้นจากกางรายจ่ายหนี้สินทั้งหมดออกมา เช่น ค่าผ่อนรถ ค่าผ่อนบ้าน ค่าเงินกู้ยืมเรียน หรือแม้แต่หนี้สินอื่นๆ ที่คนในครอบครัวสร้างไว้ และทำให้เราต้องรับภาระแทน จากนั้นก็นำมาเรียงลำดับ จำนวนปีที่ต้องผ่อนชำระ พร้อมกับยอดที่ต้องชำระต่อเดือน ซึ่งแม้จะดูน่าตกใจว่า ทำไมเราหนี้สินเยอะขนาดนี้ก็ไม่เป็นไร เพราะการกระทำเช่นนี้จะทำให้เราเห็นว่า หนี้บางอย่าง เราอาจชะลอการจ่าย หรือสามารถชำระหมดได้ภายในระยะเวลาเท่าไร

2. ตั้งเป้าหมายทางการเงินแบบระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว

การตั้งหน้าตั้งหน้า ใช้ชีวิตอย่างสนุกสุดเหวี่ยงในทุกๆ วัน หรือทำงานเพื่อใช้หนี้เพียงอย่างเดียว หรือแม้แต่การไม่มีเป้าหมายอะไรเลย จะยิ่งทวีวิกฤติด้านความรู้สึกกังวลให้มากขึ้น เพราะเราจะเริ่มเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น จนรู้สึกว่า เราน่าจะทำแบบเขา หรือเรากำลังเดินทางผิด เป็นต้น

ดังนั้น เราจึงควรกำหนดเป้าหมายทางเงินขึ้นมาสัก 3 อย่าง โดยแบ่งเป็น

• ระยะสั้น เช่น เก็บเงินไปเที่ยวใน/ต่างประเทศ, ระยะกลาง เช่น เก็บเงินเพื่อใช้หนี้ หรือเก็บเงินไว้เพื่อลงทุนธุรกิจที่ตัวเองสนใจ โดยหาข้อมูลคร่าวๆ ว่าควรให้งบประมาณเท่าไร
• ระยะยาว เช่น เก็บเงินเพื่อซื้อบ้าน หรือเรียนต่อต่างประเทศ เป็นต้น

3. ออมเงินตามความเหมาะสม

แม้นักวิเคราะห์จะแนะนำให้เราเริ่มออมเงินเมื่อเริ่มทำงาน (อายุ 25 ปี) โดยออมตั้งแต่ 10% ของรายได้ และขยับไปเป็น 15% ของรายได้ เมื่ออายุ 35 ปี เพื่อที่จะได้เกษียณอายุตอน 65 ปีอย่างสบายใจ แต่เชื่อเถอะว่าเมื่อคนส่วนใหญ่เริ่มมีรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น (ในขณะที่อายุ 35 ปี) พวกเขากลับออมเงินได้น้อยลง เพราะด้วยหลักเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น เมื่อคนเรามีรายได้มากขึ้น ก็มักจะมีรายจ่ายที่สูงขึ้นตามไปด้วย และหากในกรณีที่รายได้ลดลง ก็กลับไม่ค่อยลดรายจ่าย แต่เลือกที่จะลดการออมลง ดังนั้นสิ่งสำคัญคือ เราต้องยึดเป้าหมายทางการเงินที่ตั้งไว้ให้ขึ้นใจ และพยายามเก็บเงินให้เหมาะสมกับเป้าหมายนั้นๆ นั้นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก moneyhub.in.th
Rewrite by Butter Cutter

The post Midlife crisis พิชิตวิกฤตการเงิน สำหรับวัยกลางคน appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

จัดระเบียบหนี้สิน

หลายคนคงมีหนี้ประเภท หนี้บัตรเครดิต หรือหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล หรือแม้แต่หนี้ในการผ่อนชำระสินค้าตกค้างกันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่ง หากปีนี้เราอยากมีสภาพคล่องทางการเงินที่เพิ่มมากขึ้น สิ่งสำคัญเลยก็คือ เราควรจัดระเบียบหนี้สินครับ จัดลำดับความสำคัญว่า

• หนี้ประเภทนี้ควรแบ่งจ่ายเท่าไร หนี้แบบไหน ควรรีบปิดก่อน แน่นอนว่าหากเราชำระหนี้พร้อม ๆ กัน แต่ไม่ได้จัดลำดับความสำคัญ

เราก็จะหนักในเรื่องการใช้จ่ายครับ ซึ่งวิธีนี้เนี่ย จะทำให้หนี้บางก้อนหมดได้ไว และค่อยๆปิดหนี้อีกได้อย่างรวดเร็วด้วยครับ ที่สำคัญในการชำระหนี้ เราควรชำระหนี้ให้ตรงเวลาครับ จะได้ไม่ถูกค่าธรรมเนียมในการเรียกเก็บเพิ่มเติมครับ

Photo by Melissa Walker Horn on Unsplash

จัดสรรเงินโบนัส และเงินเดือน

สำหรับหลาย ๆ คน ต้นปีมักจะได้เงินโบนัสมาเป็นก้อน หากเรานำเงินในส่วนนี้มาใช้จ่ายทีเดียวหมด คงไม่ดีแน่นอนครับ แต่หากเรานำเงินโบนัสมาแบ่งเป็นก้อนๆ เช่น

• แบ่งสำหรับการชำระหนี้
• แบ่งสำหรับเงินเก็บ หรือแบ่งสำหรับใช้จ่ายฉุกเฉิน

การแบ่งเป็นส่วนๆแบบนี้ อยากให้ใช้วิธีเดียวกันกับเงินเดินที่ได้มาด้วยเช่นกันครับ เพราะเมื่อครบปี หรือครบระยะเวลาที่เราตั้งไว้ ก็สามารถนำเงินก้อนนี้ไปใช้หนี้ หรือมีเงินเก็บที่เพิ่มขึ้นมากเช่นกันครับ นี่คือวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินของตัวเองตลอดปีหมู 2562 นี้ครับ และหากเราทำได้อย่างเต็มที่ และมีวินัยในการใช้เงิน รับรองว่า ปีหมูนี้จะเป็นปีหมูออมสินของทุกคนแน่นอนครับ
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก masii.com
Rewrite by Butter Cutter

The post สร้างสภาพคล่องทางการเงินให้ตัวเอง ต้อนรับปีหมูออมสิน 2562 appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

อ่านเร็วๆ

 
วิธีออมเงินที่แตกต่างกัน ทำให้คนหลาย ๆ คนถูกเรียกว่าเป็นคนงก แต่ถ้าคิดอยากจะรวยแล้วละก็ ให้เลิกสนใจคำว่า “งก” ไปได้เลย เพราะเศรษฐีส่วนใหญ่ ก็ไม่ได้สนใจว่าใครจะเรียกเขาว่า “งก” หรอก แต่เขาสนใจว่าทำอย่างไรถึงจะออมเงินได้เยอะขึ้น วันนี้เพนกวิน frank จะมาแนะนำวิธีการใช้เงินและออมเงินให้เพื่อนๆ กันครับ  หากใครลองแล้วได้ผลอย่างไรบ้าง ลองมาบอกเเฟรงค์กันบ้างนะ อิอิ

1.ใช้เงินสดเท่าที่จำเป็น

นอกจากจะไม่พกบัตรเครดิตแล้ว เราก็ไม่ควรต้องพกเงินสดติดในกระเป๋าไว้จำนวนเยอะๆ ด้วย เพราะยิ่งเราพกเงินไว้มากเท่าไร เราก็จะยิ่งใช้เงินมากขึ้นเท่านั้น หากต้องการจะเก็บเงินให้ได้เยอะ ก็ควรพกเงินให้น้อยลง เมื่อใช้เงินน้อยโอกาสที่เราจะรวยก็มีมากขึ้นนั่นเอง

2.มีเงินมาก ก็ใช้ให้น้อยลง

หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า “ยิ่งมีเงินมากก็ยิ่งต้องใช้มาก” แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น เราสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินของเราได้ ถ้ามีเงินน้อยก็ใช้ให้น้อย แต่เมื่อไรก็ตามที่เรามีเงินมาก เราก็ไม่จำเป็นต้องใช้มากเช่นกัน มันจะช่วยให้เราเหลือเงินเก็บไว้ใช้ในยามจำเป็น

3.ใช้ส่วนลดเพื่อซื้อของบ้าง

การใช้คูปองส่วนลด หรือใช้ดีลพิเศษต่างๆ ไม่ใช่เพียงแค่ประหยัดเงินในกระเป๋าของเราแล้ว ยังเป็นความสนุกอย่างหนึ่งด้วย ถือเป็นการเอาชนะรูปแบบหนึ่ง เสมือนเล่นเกมส์ที่ยิ่งได้ส่วนลดมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นความสุขในการซื้อของมากขึ้น ดังนั้น อย่าคิดว่าการใช้คูปองส่วนลดเป็นเรื่องที่น่าอาย เพราะคนรวยเขาก็ทำเหมือนกันครับ

4.ติดดินบ้างก็ได้ ไม่ต้องหรูหรา

คนรวยบางคนก็ไม่ได้ทำตัวหรูหราเสมอไป ออกจะทำตัวติดดินด้วยซ้ำ นั่นอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขารวยขึ้น หากเราไม่จำเป็นต้องใช้เงิน ก็ประหยัดไว้ใช้วันอื่นได้ครับ หรือเก็บไว้ซื้อสิ่งที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น
เลิกสนใจคำพูดของคนอื่น ๆ ที่คิดว่าการประหยัดเงินเป็นเรื่องของคนงก เพราะมีแต่คนที่ใช้เงินเป็น เท่านั้นที่จะรวยขึ้น และไม่มีปัญหาเรื่องการใช้เงิน ดังนั้น เทคนิคการใช้เงินอาจแตกต่างกันไปตามบุคคล ซึ่งเราสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนอื่นๆ ได้ครับ เพื่อจะช่วยให้เรามีเเนวทางประหยัดเงินมากขึ้น
 

 
ขอบคุณเคล็ดลับการเงินดีๆ จาก moneyhub.in.th

The post 4 เทคนิค ประหยัดเงินอย่างไรให้รวย appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.