ก่อนหน้านี้เราเคยนำเสนอเกี่ยวกับประกันรถแต่งและอุปกรณ์แต่งรถไปแล้ว คราวนี้ถึงเวลาของรถกระบะแล้วครับ

กระบะแต่ง สามารถทำประกันได้ แต่ต้องแจ้งให้บริษัทประกันทราบ

ต้องเข้าใจกันก่อนว่ารถกระบะไปจนถึงรถยนต์ส่วนบุคคลธรรมดา เมื่อผลิตออกมาจากโรงงานแล้วอุปกรณ์และชิ้นส่วนต่าง ๆ จะได้รับการผลิตตามมาตรฐานของแบรนด์รถยนต์ ซึ่งเป็นการการันตีพื้นฐานในเรื่องความปลอดภัย โดยที่บริษัทประกันภัยเองจะยึดถือสภาพมาตรฐานรถจากโรงงานเป็นหลัก หากมีการเปลี่ยนชิ้นส่วนหรือตกแต่งเพิ่มเติม นั่นหมายถึงสมรรถนะของตัวรถได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปจากโรงงานผลิต

ด้วยเหตุนี้หากคุณต้องการทำประกันให้กับรถกระบะแต่ง คุณต้องแจ้งรายละเอียดการตกแต่งเพิ่มเติมทั้งหมด (ที่ไม่ได้ติดตั้งมาจากโรงงาน) ให้บริษัทประกันทราบก่อน ว่ามีชิ้นส่วนไหนถูกแต่งเติมเพิ่มมา เพราะอุปกรณ์เหล่านี้ไม่ได้ถูกติดตั้งมาเป็นค่ามาตรฐานโรงงาน โดยบริษัทประกันภัยจะมีการเพิ่มเบี้ยประกัน เพิ่มวงเงิน และเพิ่มความคุ้มครองในส่วนอุปกรณ์แต่งรถให้ด้วยครับ โดยวงเงินความคุ้มครองที่เพิ่มของอุปกรณ์แต่งรถจะอยู่ที่ประมาณ 20,000 – 50,000 บาท ตามดุลยพินิจของบริษัทประกัน

เอากระบะไปแต่ง แล้วไม่แจ้งให้บริษัทประกันทราบ มีผลอะไรบ้าง

หากคุณนำรถกระบะไปแต่งเสริมเพิ่มเติมโดยที่ไม่ได้แจ้งบริษัทประกัน หากเกิดอุบัติเหตุบริษัทประกันจะคุ้มครองเฉพาะในส่วนตัวรถหรืออุปกรณ์รถยนต์ที่ติดตั้งมาแต่ดั้งเดิมจากโรงงานเท่านั้น ไม่ได้คุ้มครองในส่วนที่คุณแต่งเติมเพิ่มมา ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณออกระกระบะมาใหม่ แล้วไปเปลี่ยนล้อเป็นล้อ Max เองโดยที่ไม่ได้แจ้งกับบริษัทประกัน วันหนึ่งคุณขับรถไปชนจนล้อ Max เสียหาย ประกันจะจ่ายค่าล้อ MAX ตามรุ่นมาตรฐานจากโรงงานหรือศูนย์ ไม่ใช่ล้อ Max รุ่นที่คุณไปเปลี่ยนมาเอง และคุณยังคงได้ค่าซ่อมในส่วนตัวรถอื่น ๆ ที่ไม่ได้แต่งเพิ่มเติม เป็นต้น

ข้อควรระวัง แต่งกระบะแบบไหน ที่บริษัทประกันภัยไม่คุ้มครอง

แม้ว่าเรารถของเรา จะมี พรบ. คุ้มครองแล้ว จากข้อมูลที่กล่าวมาจะเห็นว่าบริษัทประกันจะให้ความคุ้มครองกับรถกระบะแต่ง ถ้าแจ้งรายละเอียดการเสริมแต่งให้กับบริษัทอย่างครบถ้วน แต่ทั้งนี้ก็มีการตกแต่งบางอย่างที่บริษัทประกันไม่คุ้มครองส่วนตกแต่งเลย เนื่องจากการตกแต่งดังกล่าวผิดต่อกฎหมายจราจรทางบกอย่างชัดเจน ได้แก่

1. มีการโหลดรถต่ำกว่า 40 ซ.ม. หรือยกสูงเกินกว่า 175 ซ.ม.
2. แต่งท่อไอเสียดังเกิน 100 เดซิเบล
3. เปลี่ยนสีไฟไม่เป็นไปตามมาตรฐานกฎจราจร เช่น ทำไฟเบรกที่ไม่ใช่สีแดง ไฟเลี้ยวที่ไม่ใช่สีเหลือง เป็นต้น
4. ดัดแปลงป้ายทะเบียน หรือแต่งป้ายทะเบียนจนมองเห็นไม่ชัด
5. เปลี่ยนสีรถ แล้วไม่แจ้งกรมการขนส่งทางบก

ถ้าจะนำกระบะไปแต่ง แต่ประกันยังไม่หมดความคุ้มครอง ทำไงดี ?

เชื่อว่าหลายคนที่เพิ่งจะต่อหรือทำประกันภัยไป แต่แล้วก็อยากนำรถกระบะของเราไปแต่งเสริมเท่ห์ ก็คงจะเกิดคำถามในใจว่าสามารถแจ้งไปที่บริษัทประกันได้เลยหรือเปล่า หรือต้องรอให้ประกันหมดความคุ้มครองก่อน ซึ่ง bolttech ขอแนะนำว่าคุณสามารถแจ้งบริษัทประกันภัยได้เลยครับ ไม่ต้องรอครบรอบต่ออายุ โดยจะขยายความคุ้มครองเพิ่มเติมในส่วนของอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมโดยการคิดเบี้ยประกันภัยเพิ่ม และออกเอกสารสลักหลังแนบกรมธรรม์เดิม เพื่อยืนยันว่าได้รับประกันให้ความคุ้มครองในส่วนของอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติม ซึ่งทำให้คุณอุ่นใจกว่าว่าอุปกรณ์แต่งแสนรักของคุณนั้นมีความคุ้มครองเพิ่มเติมมาด้วย

จะเห็นได้ว่ารถกระบะแต่งกับรถยนต์แต่ง นั้นมีรายละเอียดความคุ้มครองที่เหมือนกันเลยครับ คล้ายกับ บทความเอารถไปแต่งใส่สปอยเลอร์ ฯลฯ ประกันยังคุ้มครองไหม ที่เราเคยเสนอไป หรือหากใครอยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับของแต่งรถที่นักขับชื่นชอบ ก็คลิกเข้าไปชมกันได้เลยครับ หรือจะทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ที่คุ้มครองครอบคลุมสุดๆ ก็ได้เลยครับ นอกจากนั้น ประกันรถชั้น 2+ ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเหมือนกันนะ

The post รถกระบะแต่ง ทำประกันได้หรือไม่ เรามีคำตอบ appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

การแจ้งเคลมประกันภัยรถยนต์ เป็นสิ่งที่คนใช้รถต้องรู้ไว้ก่อนไม่เสียหายโดยเฉพาะกรณีที่รถเกิดรอยขูดขีดด้วยการชนสิ่งอื่นที่มิใช่รถยนต์ หรือชนกับรถแต่ไม่ได้แจ้งเคลมไว้เพราะไม่รู้ว่าโดนชนตอนไหน รวมทั้งการโดนชนแบบไม่ทราบสาเหตุจู่ๆ ก็มีรอยขึ้นมา เช่น

• ก้อนหินกระเด็นใส่รถ ทำให้เกิดรอยลึก 
• มีรอยขูดขีด ไม่ว่าจะโดนกลั่นแกล้ง หรือขับไปขูดกับฟุตปาธ เสาไฟฟ้า ฯลฯ
• กิ่งไม้ขูดสีรถ หรือกิ่งไม้หล่นใส่รถตอนลมพายุพัดแรงๆ
• ขับตามรถบรรทุกแล้วของร่วงหล่นใส่รถยนต์ เป็นต้น

หลังจากเกิดเหตุใดเหตุหนึ่งไม่ว่าจะมีคู่กรณี หรือไม่มีคู่กรณี แต่คุณได้ปล่อยเวลาล่วงเลยจนกระทั่งประกันรถยนต์หมดอายุ โดยไม่ได้แจ้งเคลมรอยนั้นไว้ ต่อประกันรถยนต์ชั้น 1 กับแห่งใหม่ ?

งานนี้ใคร ? ต้องรับผิดชอบเหตุการณ์รอยขูดนี้

หากคุณลืมแจ้งเคลมซ่อมรถ ก่อนต่อประกันแห่งใหม่ ? งานนี้บริษัทฯ ประกันไหนจะต้องรับผิดชอบเหตุการณ์นี้ 
“หากเราไม่ได้แจ้งเคลมรอยความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถของเรา และปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปจนกระทั่งหมดประกันรถไปแล้ว เราอาจจะต้องรับผิดชอบออกค่าซ่อมรถร่วมกับบริษัทฯ ประกันแห่งใหม่”

เนื่องจากก่อนต่อประกันชั้น 1 มีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบสภาพรถยนต์ของเราก่อน หรือขอข้อมูลภาพถ่ายตรวจเช็กสภาพรถก่อน โดยเจ้าหน้าที่ประกันภัยจะเก็บข้อมูลแบบละเอียดเลยครับ หากพบว่า รถมีรอยขูดลึกก่อนรับประกันภัยก็จะเก็บข้อมูลไว้

โดยเราจะไม่สามารถแจ้งเคลมรอยเดิมที่เกิดก่อนการรับประกันได้ แต่ถ้าเกิดเหตุภายใต้อายุกรมธรรม์ฉบับใหม่ เว้นแต่ว่ารอยขูดบังเอิญไปซ้ำที่รอยเดิม ตรงนี้ทางประกันแห่งใหม่จะคุ้มครองการซ่อมให้นะครับ แต่ผู้เอาประกันต้องร่วมจ่ายค่าซ่อมกับบริษัทประกันด้วย

หลายคนอาจสงสัยว่า อะไรกันเนี่ย? ไหนบอกว่า ประกันชั้น 1 คุ้มครองทุกกรณีไม่ใช่หรือ ? คงต้องบอกว่า ใจเย็นก่อนนะเราขออธิบายให้เข้าใจ ดังนี้ 

ถึงแม้ประกันชั้น 1 จะคุ้มครองครอบคลุมแต่ก็ไม่คุ้มครองทุกอย่างครับผม ด้วยความที่ประกันรถยนต์ยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับประกันรถยนต์ชั้น 1 เช่น ไม่คุ้มครองหากเมาแล้วขับ, ไม่คุ้มครองหากใช้รถยนต์ในการแข่งขัน, ขับเร็วเกินจนเกิดอุบัติเหตุ และยังไม่คุ้มครองเมื่อลากจูงกับรถคันอื่นจนเสียหาย ฯลฯ นอกจากนี้ หากรถยนต์มีรอยก่อนรับประกัน คุณอาจจะต้องจ่ายค่าซ่อมเคลมตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยที่คุณตกลงไว้ 

ยกตัวอย่างกะทู้ข่าวฮิตจาก Pantip บอกเล่าเรื่อง ระวัง ทำประกันประเภท 1 เวลาเกิดอุบัติเหตุ ต้องออกค่าซ่อมเอง 50 % มีเนื้อหาคร่าว ๆ ว่า

ขอบคุณภาพประกอบจาก pantip กระทู้ข่าวหมายเลข 39007591

“สาเหตุที่ประกันให้ต้องชำระ 50% เพราะอ้างว่าเนื่องจากตอนทำประกันรถมีรอยขีดข่วนจากพวกใบไม้ใบหญ้าข้างทางรอบคัน ตอนมาทำประกัน ผมก็ให้ถ่ายรูป เค้าบอกมีรอยนะครับ ผมก็บอก ครับ เป็นปกติ รถใช้งาน ขัดก็หาย คนทำประกันก็ไม่ได้ว่าอะไร แล้วก็ถ่ายรูปไป และเขียนว่ามีรอยจากการใช้งาน ต่าง ๆ ไป พร้อมให้เซ็นรับทราบ (ผมถือว่าเป็นรอยปกติ ขัดก็หาย ไม่มีอะไรมาก แล้วก็เซ็นลงชื่อผู้ทำประกันไปครับ)
ด้วยว่า ขับรถมา ไม่เคยเคลมจากกรณีเราผิดเลยเป็น 10 ปีละ และรถทุกคันที่ขับ แม้แต่รถที่จอดมากกว่าใช้ ก็ทำประกันชั้น 1 ทั้งหมด ก็ไม่เคยคิดอะไร จนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขับไปชนรถเพื่อนบ้านที่จอดอยู่ข้างทาง (อันนี้เราไปชนเค้าจริง ๆ ผิดครั้งแรกเลย) ก็เรียกประกันและก็เอารถเข้าซ่อม ปกติ จู่ ๆ ทางศุนย์ โทรมาแจ้งว่า ทางประกัน ให้เราออกค่าซ่อมเอง เป็นจำนวน 50% ของค่าซ่อมทั้งหมด เราก็งง
ทางประกัน อ้างว่า เพราะว่ารถมีรอยอยู่แต่ก่อน จึงถือว่า เสียหายมาก่อน ทางผู้เอาประกันจึงต้องออกเงินค่าซ่อมเอง 50% แต่ทางผมไม่ยอมครับ เพราะสิ่งที่ทางประกันบอกว่าเสียหายมาก่อน มันไม่ใช่ความเสียหายครับ มันเป็นพวกร่องรอยที่สามารถขัดหายได้ ไม่มีการแตกหัก บุบบิ่น แต่อย่างใด ซึ่งจริง ๆ แล้ว ผมก็เอารถไปขัดสีมาก่อนหน้าอุบัติเหตุนี้มาแล้วและรอยต่าง ๆ ก็หายหมดแล้วครับ แต่ทางประกันบอกว่า ถ้าเราทำแล้ว ต้องแจ้งให้ทางเค้าเข้ามาถ่ายรูป update ไว้ด้วย (เอ ไม่เคยได้ยิน และไม่เคยทำจริง ๆ ครับแบบนี้)” ขออนุญาตอ้างอิงจากเรื่องราวของสมาชิก coolearth หมายเลขกระทู้ 39007591

ต้องย้ำว่า “ถ้าเราทำแล้ว ต้องแจ้งให้ทางเค้าเข้ามาถ่ายรูป Update ไว้ด้วย ” หมายความว่า หลังจากเราเซ็นรับทราบว่ารถเรามีรอยก่อนรับประกัน หากเราได้ทำการซ่อมแซมรถด้วยตัวเองแล้ว เราก็ต้องแจ้งให้ประกันทราบด้วยเช่นกัน เพราะถ้าไม่แจ้ง และดันเกิดอุบัติเหตุโดยเราเป็นฝ่ายผิดขึ้น อาจจะต้องเสียค่าซ่อมร่วมกับบริษัทฯ ประกันด้วย 

แล้วรอยขูดขีดทั่วไปเราจะต้องจ่ายไหมล่ะ ?

ต้องแยกเหตุการณ์เป็น 2 กรณี

1. รอยที่เกิดก่อนทำประกันฉบับปัจจุบัน อันนี้ผู้เอาประกันจะต้องจ่ายค่าซ่อมร่วมด้วยกับบริษัทประกันครับ
2. รอยที่เกิดขึ้นหลังทำประกันฉบับปัจจุบัน กรณีนี้เราจะต้องร่วมจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก หรือค่าเอ็กเซส (Excess) โดยบริษัทประกันจะเรียกเก็บจากผู้เอาประกันรถยนต์เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น ตามเงื่อนไขของค่าเสียหายส่วนแรก (Excess) เมื่อแจ้งเคลมแบบไม่มีคู่กรณี หรือไม่รู้ว่าคู่กรณีเป็นใคร ด้วยเหตุผลว่าเราต้องรับผิดชอบจากความประมาทในการใช้รถ ความเสียหายไม่ได้เกิดจากการชนกับรถ หรือไม่สามารถระบุคู่กรณีได้ในซึ่งทางประกันถือว่าเป็นความไม่ระมัดระวังในการขับขี่ล่ะครับ 

แนะนำเพิ่มเติมนะครับ ก่อนประกันจะหมดอายุ ให้สำรวจความเสียหายของรถเราว่ามีร่องรอยเสียหายจุดใดบ้าง และให้รีบแจ้งเคลมก่อนสิ้นสุดอายุประกันเดิม เพื่อให้บริษัทประกันออกใบเคลมให้ โดยใบเคลมจะมีอายุต่อไปอีกประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี นับจากวันที่เราแจ้งเคลม ที่นี้ถ้าคุณแจ้งต่อประกันกับที่ใหม่ก็สามารถแนบใบเคลมนี้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจรถได้ ว่าเราแจ้งเคลมที่เดิมแล้วนะ แล้วถ้าเกิดเหตุซ้ำรอยเดิมโดยที่ใบเคลมยังไม่หมดอายุ บริษัทประกันใหม่ก็จะจ่ายค่าซ่อมร่วมกับบริษัทประกันเดิมของเราครับ

เอาเป็นว่า “ขับขี่ปลอดภัยมีสติทุกเส้นทางจะดีที่สุด” หากเกิดเหตุก็รีบแจ้งทันทีเพื่อขอใบเคลมกับเจ้าหน้าที่ประกันภัยทันที อย่าปล่อยเวลาให้ล่วงเลยจะดีกว่านะจ้ะ

ขอบคุณ : pantip.com
Content by Butter Cutter

The post รถมีรอยขูด ก่อนต่อประกันรถชั้น 1 ประกันรับผิดชอบหรือไม่ appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

เมื่อใกล้ถึงรอบต่อประกันรถยนต์กันในแต่ละปี เลือกแจ้งเคลมหรือเอารถเข้าซ่อมกันช่วงไหนบ้างครับ? เป็นพวกมีเหตุปุ๊บต้องแจ้งปั๊บแล้วกะวันว่างเพื่อรถเข้าซ่อมพร้อมกันทีเดียวเพราะด้วยความขี้ลืม ธุระเยอะ และทำประกันชั้น 2+ ที่ต้องระวังเหตุการชนกับคู่กรณีด้วยเลย ทำให้โทรแจ้งเลยทันที และที่สำคัญตอนนี้เปลี่ยนมาต่อประกันรถยนต์ออนไลน์ด้วย การแจ้งต่อประกัน แจ้งเคลมทำได้สะดวกมากขึ้นเยอะเลย 

ต่อประกันกับที่เดิมหรือต่อที่ใหม่ดีกว่ากัน?

คำถามนี้น่าจะมีถามกันทุกรอบปี ตั้งแต่ปีที่ 2 ของรถเราที่ต้องคิดว่าจะต่อประกันที่ไหนดี ต่อประกันชั้น 1 ดีไหม และเวลาที่เช็กเบี้ยประกันเพื่อเปรียบเทียบดูก็จะรู้ว่ามี ส่วนลดประวัติดี เข้ามาช่วยลดค่าเบี้ยจากบริษัทประกันเดิมได้ด้วยนี่น ถ้าเราเป็นพวกขับรถโดยที่ไม่เกิดอุบัติเหตุเลยมาตลอดทั้งปี ไม่มีแจ้งเคลมใดๆ อยากบอกว่าขึ้นปีที่ 2 เราจะได้ลดค่าเบี้ยประกันกันแล้ว 20% ยังไม่รวมการระบุผู้ขับขี่ช่วงอายุ 25-35 ปีที่จะได้ส่วนลดเพิ่มอีก 10% ด้วยนะครับ

สรุปแล้ว การต่อประกันรถยนต์ที่เดิมคุ้มกว่า เพราะได้ส่วนลดค่าเบี้ยเพิ่ม 20-30% ถ้าเราไม่มีการแจ้งเคลมตลอดทั้งปี

แต่ถ้าเรามีแจ้งเคลมในปีที่ผ่านมาก็อย่าเพิ่งเสียใจไปนะครับ ให้เราแจ้งเคลมประกันให้เรียบร้อยก่อนแจ้งต่อประกันที่เดิม เพื่อจะได้ไม่มีการปรับค่าเบี้ยประกันรถขึ้นและยังได้ส่วนลดเพิ่มอีกต่างหาก 5-10% ถ้าเราต่อประกันรถยนต์ออนไลน์ครับ

แล้วทำไมเราถึงควรเปลี่ยนบริษัทประกันรถล่ะ ถ้ามีส่วนลดเบี้ยประกันเยอะซะขนาดนี้? ส่วนใหญ่ที่ Frank เจอมาจาก pantip จะเป็นเรื่องการแจ้งเคลมที่ไม่น่าประทับใจ ทั้งแจ้งเคลมยาก (เวลาซื้อส่วนมากจะเป็นเบี้ยราคาพิเศษสุดๆ ) เวลาเคลมมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ใช้เวลานานในการรอซ่อม หรือบริการงานซ่อมไม่ดี เอาอะไหร่เทียมมาใส่ให้แทน บางชิ้นที่ควรจะเปลี่ยนก็ไม่เปลี่ยให้ หรือเป็นพวกอยากได้ส่วนลดประวัติขับขี่ดีจากประกันที่ใหม่ก็หมุนเวียนเปลี่ยนที่กันไปตามความต้องการครับ

แล้วถ้าจะเปลี่ยนบริษัทประกันล่ะ ควรแจ้งเคลมช่วงไหนดี? อยากแนะนำให้เราตรวจสอบค่าเบี้ยประกันรถกับที่ใหม่ให้เรียบร้อยก่อนทำการชำระเงิน แล้วมาแจ้งเคลมกับบริษัทประกันที่เดิมให้เรียบร้อยซะ ส่วนการเอารถเข้าซ่อมค่อยมาเลือกมาช่วงเวลาที่เราสะดวกได้ในภายหลังครับ เพราะปกติแล้วใบเคลมที่เราได้รับมาจะมีอายุอยู่ประมาณ 1 ปีฮะ

เลือกต่อประกันรถยนต์ออนไลน์ดีไหม?

ส่วนเพื่อนๆ ที่เป็นนักค้นหาข้อมูลก่อนการตัดสินใจซื้อโดยเฉพาะทางโทรศัพท์มือถือนั้น นอกจากหาอ่านรีวิวการแจ้งเคลมของเพื่อนๆ ที่เคยซื้อประกันที่ต่างๆ ไปแล้ว ความสะดวกรวดเร็วในการตอบคำถามและแจ้งข้อมูลต่างๆ การเช็กเบี้ยประกันออนไลน์ได้ใน 60 วินาที การจ่ายเงินออนไลน์ได้เลย พร้อมได้รับการแจ้งความคุ้มครองทันทีทางอีเมล เป็นอีกเรื่องที่ bolttech.co.th อยากแนะนำให้ลองดู ชีวิตดีขึ้นเยอะมากจริงๆ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นได้อีกเยอะเลย

สรุปแล้ว ถ้าจะต่อประกันที่เดิมให้แจ้งเคลมให้เรียบร้อยก่อนเพื่อค่าเบี้ยจะได้ไม่แพงขึ้นแล้วเอาส่วนลดจากการต่อประกันรถออนไลน์ได้ แต่ถ้าจะเปลี่ยนบริษัทประกันที่ใหม่ก็ต่อประกันดูส่วนลดต่างๆ ให้เรียบร้อยก่อนแล้วจัดการแจ้งเคลมที่เดิมให้เรียบร้อยด้วยนะ 

The post จะต่อประกันแล้วแจ้งเคลมเมื่อไหร่ถึง [ได้เบี้ย] ดีสุด? appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.