วันนี้เพนกวิน bolttech.co.th จะมาสรุปว่า เอกสารดาวน์รถมอไซค์ใช้อะไรบ้าง มีค่าใช้จ่ายอะไร และคุณสมบัติของคนที่ดาวน์รถ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ตามไปดูกัน

ออกรถฟรีดาวน์ ดาวน์รถมอไซค์ ใช้อะไรบ้าง?

ออกรถฟรีดาวน์ ออกรถมอเตอร์ไซค์ ต้องใช้เอกสารต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ มีเอกสารสำคัญดังต่อไปนี้

• บัตรประชาชน 
• ทะเบียนบ้านตัวจริง 
• สลิปเงินเดือน หรือหนังสือรับรองเงินเดือนที่ออกโดยทางบริษัทที่ทำงานอยู่ 
• หนังสือรับรองเงินเดือน ที่มีตราประทับของทางบริษัท 
• สมุดบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน  
• เอกสารรายงานสถานะเครดิตบูโร (ถ้ามี) 
• ทะเบียนการค้า หรือทะเบียนพาณิชย์ (กรณีเป็นเจ้าของกิจการ)

*โดยเอกสารขึ้นกับคุณสมบัติของผู้ซื้อ และราคารถก็มีส่วนเกี่ยวข้องในการพิจารณา

ทริคในการออกรถมอไซค์ ดาวน์รถให้ผ่านฉลุย 

ผู้ซื้อรถมอเตอร์ไซค์ ต้องมีรายได้ที่อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม และเข้ามาในทุกเดือน หรือถ้ามีรายได้เสริมเล็กๆ น้อยๆ เราควรแสดงเอกสารทางการเงิน ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือได้ อย่าใจร้อนถอนเงินมาใช้จนหมด ให้เหลือเงินคงค้างติดบัญชีไว้อย่างน้อยประมาณ 10%

คุณสมบัติของคนที่ออกรถฟรีดาวน์

การออกรถฟรีดาวน์ หรือ ดาวน์รถ 0% ต้องมีคุณสมบัติพื้นฐาน ดังต่อไปนี้

• มีรายได้ 2 เท่าของยอดผ่อน หมายความว่ามีฐานเงินเดือน 2 เท่าของค่างวดผ่อนชำระ ตัวอย่างออกรถฟรีดาวน์ยอดผ่อน 5,000 บาทต่องวด คุณจะตองมีรายได้อย่างน้อย (5,000x2=10,000) 10,000 บาท หากรายได้ของคุณน้อยกว่ากณฑ์ที่กำหนด อาจพิจารณาไม่ผ่าน 
• ไม่ติดเครดิตบูโร เคยมีประวัติทางการเงินดี จ่ายตรงงวดตลอด ไม่มีประวัติชำระเงินล่าช้า และไม่มีภาระหนี้สินในช่วงเวลาหนึ่ง จะถือว่าผ่านเกณฑ์ 
• ระบุที่อยู่ชัดเจน มีที่อยู่อาศัยหรือภูมิลำเนาเป็นหลักแหล่ง สามารถติดต่อได้ 

• ประกอบอาชีพเจ้าของกิจการ รับราชการ พนักงานบริษัท พนักงานรัฐวิสาหกิจ ตามปกติอาชีพฟรีแลนซ์หรือเกษตรกร จะไม่เข้าเงื่อนไขในการพิจารณาของสถาบันการเงิน ทำให้ไม่สามารถออกรถฟรีดาวน์ได้ (แต่สถาบันการเงินบางแห่ง อาจได้มีการปรับเงื่อนไขใหม่ ให้อาชีพอิสระออกรถมอเตอร์ไซค์ง่ายมากขึ้น เช่น ดาวน์รถเพียงแค่ 5% หรืออาจมีการขอเอกสารเพิ่มเติมแล้วแต่กรณีไป ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการพิจารณาของแต่ละแห่ง) 
• มีอายุงานไม่ต่ำกว่า 3 เดือน หรือผ่านโปรเรียบร้อยแล้ว

ออกรถฟรีดาวน์ หรือดาวน์ 0% มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?

ถึงแม้ว่าออกรถฟรีดาวน์ ไม่ต้องจ่ายเงินดาวน์หรือเงินก้อนแรก แต่ผู้ซื้อจะต้องมีค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ เช่น 

1. ค่ามัดจำป้ายแดง ป้ายแดง

คือ ป้ายทะเบียนรถสีแดงที่ทางกรมขนส่งทางบกออกมา เพื่อยืนยันว่ารถคันนั้น ๆ สามารถวิ่งบนท้องถนนถูกต้องตามกฎหมาย  ป้ายแดงจะมีค่ามัดจำประมาณ 2,000-3,000 บาท และมารับคืนเมื่อได้รับป้ายทะเบียนจริงแล้ว 

2. ค่าจดทะเบียนรถ

หากเจ้าของรถใช้รถถป้ายแดงเกินระยะเวลาที่กำหนด โดยไม่ได้จดทะเบียนรถจะต้องโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท ดังนั้นเจ้าของรถจะต้องนำรถไปจดทะเบียนรถใหม่ภายใน 30 วันทันทีหลังได้รถปป้ายแดง สำหรับค่าใช้จ่ายจดทะเบียนรถยนต์ ได้แก่  

• อัตราค่าจดทะเบียนรถใหม่ 315 บาท  
• ใบคู่มือจดทะเบียนรถ 100 บาท  
• ป้ายทะเบียนรถ 100 บาท  
• ค่าตรวจสถาพรถ 50 บาท

3. ประกันสินเชื่อรถ (แล้วแต่ข้อตกลง)

ตามปกติทางไฟแนนซ์รถ จะให้ผู้ออกรถฟรีดาวน์ทำประกันสินเชื่อรถแนบไปด้วย เพราะการซื้อรถแบบผ่อนทำให้ภาระชำระค่ารถตกเป็นหน้าที่บริษัทขอสินเชื่อ ทางบริษัทหรือไฟแนนซ์จึงต้องหาวิธีลดความเสี่ยง หรือหลักประกันความมั่นใจด้วยประกันสินเชื่อรถ ว่าจะไม่ตกเป็นภาระใคร ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างการชำระเบี้ย อย่างไรก็ตามค่าเบี้ยประกันสินเชื่อรถจะขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทว่าจะมีราคาที่เท่าไหร่ 

4. ค่าต่อภาษีรถมอเตอร์ไซค์

ค่าต่อภาษีรถมอเตอร์ไซค์จะต่างกันไป ขึ้นอยู่ความจุกระบอกสูง

กรณีเป็นรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล 

• ไม่เกิน 75 ซี.ซี. ปีละ 161.57 บาท
• เกิน 75 ซี.ซี. ถึง 125 ซี.ซี. ปีละ 323.14 บาท 
• เกิน 125 ซี.ซี. ถึง 150 ซี.ซี. ปีละ 430.14 บาท 
• เกิน 150 ซี.ซี. ขึ้นไป ปีละ 645.21 บาท 
• รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ปีละ 323.14 บาท

กรณีเป็นรถจักรยานยนต์รับจ้าง 

• ไม่เกิน 75 ซี.ซี. ปีละ 161.57 บาท 
• เกิน 75 ซี.ซี. ถึง 125 ซี.ซี. ปีละ 376.64 บาท 
• เกิน 125 ซี.ซี. ถึง 150 ซี.ซี. ปีละ 430.14 บาท 
• เกิน 150 ซี.ซี. ขึ้นไป ปีละ 645.21 บาท 
• รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ปีละ 323.14 บาท

ถึงเราจะไม่มีเงินก้อนดาวน์รถ แต่ในขณะเดียวกันคุณมีรายได้ที่มั่นคง สามารถติดต่อบริษัทไฟแนนซ์ก่อนได้ เพราะบางบริษัทจะมีเงื่อนไขออกรถฟรีดาวน์ 0% หากคุณมีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ที่กำหนด ไม่เสียเครดิตยูโร และสามารถผ่อนไหว ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนซื้อรถมอเตอร์ไซค์ สุดท้ายนี้ให้ประกันรถมอเตอร์ไซค์ ดูแลรถของคุณเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน ไม่ว่าจะอุบัติเหตุรถชน รถน้ำท่วม รถสูญหาย มีแผนประกันรองรับ ซื้อผ่านออน์ไลน์ได้เลย รู้ราคาทันทีกับ bolttech.co.th

The post ดาวน์รถมอไซค์ ใช้เอกสารอะไรบ้าง? appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. เปรียบเทียบสเปกแต่ละรุ่น

ให้ศึกษาสเปคของแต่ละรุ่นอย่างละเอียดก่อน ว่าแต่ละรุ่นมีความแตกต่างกันอย่างไร ทั้งสมรรถนะในการขับขี่ ความจุแบตเตอรี่ แรงมอเตอร์ ระบบความปลอดภัย ขนาดตัวรถและดีไซน์ เป็นต้น  เพื่อเลือกรถมอไซค์ไฟฟ้าที่ตรงใจคุณมากที่สุด โดยเฉพาะระบบชาร์จไฟรถมอเตอร์ไซค์ที่ดีนั้นควรชาร์จทิ้งไว้ 6-8 ชั่วโมง ไม่ควรปล่อยคาทิ้งไว้นานทั้งคืน เพราะอาจทำให้แบตเสื่อมได้ง่าย มีอายุการใช้งานสั้นลง

2. สำรวจราคารถ

เมื่อตรวจสอบรุ่นและสเปคตามที่ต้องการได้ จากนั้นให้ศึกษาราคาในรุ่นที่คุณสนใจ อาจเปรียบเทียบหลายๆ แห่งทั้งโปรโมชัน ส่วนลด ของแถมดีที่สุด เช่น โชว์รูมรถ งานมอเตอร์โชว์ต่างๆ ที่สำคัญอย่าลืมคำนวณงบประมาณที่จ่ายไหว คำนวณเงินในกระเป๋าตัวเองเป็นหลัก 

3. เลือกผู้ผลิตที่ไว้ใจได้ ตรงมาตรฐาน

ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า แนะนำให้คุณเลือกผู้ผลิตหรือบริษัทผลิตที่ไว้ใจได้ในเรื่องมาตรฐานการผลิต ว่าเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ รวมถึงการให้บริการหลังการขาย และก่อนตัดสินใจซื้อรถมอเตอร์ไซค์ สามารถสอบถามผู้ที่เคยใช้งานรถรุ่นนั้นๆ ก่อนได้ครับ

4. ศึกษาแบตเตอรี่ว่าวิ่งได้ไกลระยะทางไหน

ถึงแม้จะเป็นรถไฟฟ้า (EV) แต่ใช่ว่าจะวิ่งได้นานตามที่คุณต้องการ ก่อนอื่นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า การชาร์จ 1 ครั้งสามารถวิ่งไกลได้แค่ไหน  เพราะในแต่ละรุ่นก็มีระยะทางที่จำกัดไม่เหมือนกัน ตั้งแต่ 45-200 กม. ดังนั้นเราควรเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เป็นสิ่งสำคัญก่อนที่คุณจะตัดสินใจซื้อรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า

5. สถานีชาร์จรถไฟฟ้า

การออกรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า สิ่งสำคัญที่คุณไม่ควรลืมเลยคือ สถานีชาร์จรถไฟฟ้า ว่ามีจุดให้บริการที่ไหนบ้างใกล้บ้านของคุณ ในปัจจุบันนี้สถานีรถไฟฟ้าก็เริ่มครอบคลุมทั่วประเทศมากขึ้น หรือค้นหาสถานีชาร์จแบบง่ายๆ ด้วยพิมพฺ์คำค้นในแอปพลิเคชัน Google Maps สถานีชาร์จรถไฟฟ้า หรือ สถานีชาร์จรถไฟฟ้า ใกล้ฉัน เป็นต้น นอกจากนี้ท่านสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันของผู้ให้บริการต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น 

• MEA EV ดาวโหลดสำหรับ Google Play และ App Store 
• EA Anywhere ดาวโหลดสำหรับ Google Play และ App Store 
• EVolt ดาวโหลดสำหรับ Google Play และ App Store 
• EV Station PluZ ดาวโหลดสำหรับ Google Play และ App Store 
• PEA VOLTA ดาวโหลดสำหรับ Google Play และ App Store 
• PlugShare ดาวโหลดสำหรับ Google Play และ App Store 

แล้วนี่คือ สิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า  ช่วยให้เลือกรถได้อย่างเหมาะสมมากที่สุด เพราะว่ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจะมีข้อดีจำกัดหลายประการ เช่น ระยะทางการขับขี่ เราควรวางแผนในการชาร์จทั้งก่อนและระหว่างทางเมื่อขับรถทางไกล พร้อมศึกษาวิธีการดูแลรักษารถอีกด้วย เพื่อความปลอดภัยและให้รถใช้งานได้ยาวนานที่สุด ไม่ควรมองข้ามเลย!!

The post 5 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนซื้อรถมอไซค์ไฟฟ้า  appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. หมวกกันน็อค Index เต็มใบรุ่น Tesla

หมวกกันน็อค Index เต็มใบ รุ่น Tesla ออกแบบดีไซน์สวยงาม เอาใจเหล่านักขับขี่ ใช้งานง่าย มีระบบเปิดปิดแผ่นชั้นในออก ภายในบุด้วยโฟม ฟองน้ำ ผ้าหุ้มแบบแห้งเร็ว ใส่แล้วไม่อับชื้นง่าย มีความยืดหยุ่น และมีสายรัดคางตามมาตรฐาน 

• หมวกกันน็อค Index รุ่น Tesla ราคา 1,290 บาท (ทั้งนี้ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับโปรโมชันแต่ละร้าน

2. หมวกกันน็อคเต็มใบ Real รุ่น Hurricane

ใครที่ชอบหมวกกันน็อคสีพื้น เรียบแต่หรู แนะนำหมวกกันน็อค real รุ่น Hurricane วัสดุที่ใช้ทำมาจาก Acrylonitrile Butadiene Styrene หรือ ABS คุณภาพดี ทำหน้าที่ซึมซับและรองรับแรงกระแทกได้ดี ชุดนวมเป็นแบบ Asian Fit นุ่ม สวมใส่สบาย สามารถถอดซักได้ จุดเด่นคือรองรับการติดตั้งแผ่นกันฝ้า การติดตั้งบลูทูธ และมีช่องสำหรับใส่ลำโพงเฉพาะ ได้รับมาตรฐาน ECE22.05 และมอก. ราคาไม่แพงด้วย 

• หมวกกันน็อค Real รุ่น Hurricane ราคา 2,150 – 2,250 บาท (ทั้งนี้ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับโปรโมชันแต่ละร้าน)

3. หมวกกันน็อค Index เต็มใบรุ่น Enzo

อีกรุ่น หมวกกันน็อคเต็มใบ Index รุ่น ENZO หน้ากาก 2 ชั้น เต็มใบมีคาง ผ้าบุด้านในถอดซักล้างได้ทุกชิ้น มาพร้อมแว่นหมวก Ishield 2 ชั้น มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UV ขณะขับขี่ตอนกลางวัน ได้รับมาตรฐานจาก DOT และ มอก. เช่นเดียวกัน 

• หมวกกันน็อค index เต็มใบ รุ่น ENZO ราคา 2,450 บาท (ทั้งนี้ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับโปรโมชันแต่ละร้าน) 

4. หมวกกันน็อกเต็มใบ KYT รุ่น NF-R AXEL BASSANI REPLICA

หมวกกันน็อกคุณภาพ ดีไซน์เก๋ๆ อย่างหมวกกันน็อก KYT รุ่น NF-R AXEL BASSANI REPLICA แบรนด์ดังจากอิตาลี ที่โครงสร้างทำมาจาก Advance Thermoplastic พร้อมแว่นกันแดดในตัว จุดด่นคือ มีชิลด์หน้าแบบป้องกันรอยขีดข่วน และป้องกันรังสี UV มีสายรัดคางแบบ DD Ring ที่ได้รับมาตรฐาน ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน 

• หมวกกันน็อค KYT รุ่น NF-R AXEL BASSANI REPLICA ราคา 4,200 บาท (ทั้งนี้ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับโปรโมชันแต่ละร้าน) 

5. หมวกกันน็อกเต็มใบ AGV รุ่น PISTA GP RR

ตามด้วย หมวกกันน็อค AGV รุ่น PISTA GP RR เเบรนด์ดังจากอิตาลี โครงสร้างภายนอกทำจาก Carbon-Fiber 100% น้ำหนักเบา ยืดหยุ่น ซับแรงกระแทกได้ดี แถมมีช่องระบายอากาศ 5 ตำแหน่ง ทำให้หมวกกันน็อคระบบอากาศได้ดีขึ้น พร้อมมีระบบล็อคแบบ Visor Lock System (VLS) ช่วยป้องกันการเปิดของชิลด์หน้าโดยบังเอิญ ได้รับมาตฐานจาก ECE 22.05, DOT และ มอก.

• หมวกกันน็อค AGV ราคา ตั้งแต่ 40,000-49,000 บาท (ทั้งนี้ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับโปรโมชันแต่ละร้าน) 

เอาเป็นว่า ใครชอบหมวกกันน็อคเต็มใบยี่ห้อไหน ถูกใจรุ่นไหน สามารถเลือกซื้อได้ตามใจชอบ มีหลายดีไซน์ หลากหลายราคาเริ่มตั้งแต่หลักพันบาท ได้รับมาตรฐานจากมอก. ปลอดภัย และใช้งานง่าย ไปหาเลือกซื้อกันได้เลย!

The post หมวกกันน็อคเต็มใบ ใช้ง่าย ปลอดภัย appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. ใช้ความเร็วที่เหมาะสม

อันดับแรกคุณต้องใช้ความเร็วที่เหมาะสม ไม่ควรใช้ความเร็วมากเกินไป เพราะขับรถขึ้นลงเขาต้องระวังเรื่องถนน สภาพอากาศ ระบบเบรก และน้ำหนักรถ โดยความเร็วที่คงที่ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง  พยายามอย่าลดหรือผ่อนบ่อยๆ มิเช่นนั้นรถอาจเสียการทรงตัวหรือรถไหลลง ให้ระมัดระวังเรื่องความเร็วมากที่สุด

2. ใช้เกียร์ต่ำ

เมื่อขับรถขึ้นลงเขา ผู้ขับขี่ควรใช้เกียร์ต่ำ หรือใช้ไม่เกียร์ 3 แต่ถ้าคุณรู้สึกว่ารถเร่งเครื่องไม่ขึ้น ให้ลดเกียร์ต่ำมาอีก แต่ไม่ควรเหยียบคันเร่งแรงจนเกินไป ซึ่งการใช้เกียร์ต่ำลงเขาจะช่วยให้รถเกิดแรงฉุดให้วิ่งช้าๆ สามารถเบรกและเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ

3. เข้าโค้งชะลอความเร็ว

เนื่องจากบริเวณทางโค้งมักเกิดอุบัติเหตุได้บ่อยที่สุด ผู้ขับขี่ควรมองระยะทางไกลก่อนเข้าโค้ง เช่น เป็นโค้งกว้าง โค้งแคบ หรือโค้งหักศอก หากเป็นถนนสองเลนสวนกัน ผู้ขับขี่ต้องขับมอไซค์ชิดซ้าย ชะลอความเร็วก่อนที่จะเข้าโค้งทุกครั้ง

4. ห้ามแซงในทางคดเคี้ยว หรือมีความลาดชัน

ผู้ขับขี่ทุกคนควรขับรถอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะทางขึ้นเขาที่มีเส้นทางคดเคี้ยว หรือมีความลาดชัน ไม่ควรขับแซงในเขตที่มีป้ายห้ามแซง เพราะเป็นเส้นทางที่อันตรายมาก มักเกิดอุบัติเหตุได้บ่อยๆ ควรสังเกตป้ายเตือนต่างๆ เพื่อความปลอดภัย

5. ห้ามกดแบรกแช่

ค่อยๆ ขับรถไปจะดีที่สุด โดยห้ามกดเบรกแช่ เพราะอาจทำให้มอเตอร์ไซค์ไถลไปข้างหน้า หากรถมอเตอร์ไซค์ของคุณไม่มีระบบเบรก ABS อาจส่งผลให้ล็อคและล้มได้ง่าย  สิ่งที่ควรทำนั่นคือ การกดเบรกเป็นจังหวะและประคองรถให้ดี ใช้เบรกสลับล้อหน้า-หลัง เพื่อป้องกันเบรกไฟไหม้

ใครที่กำลังจะไปเที่ยวต่างจังหวัด ขับรถด้วยมอเตอร์ไซค์ หรือรถบิ๊กไบค์ สิ่งสำคัญคุณต้องมีสติและเคารพกฎจราจร ไม่ประมาท อย่าขับรถเร็ว หรือสามารถนำเทคนิคดีๆ ข้างต้นนี้ไปใช้ได้ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น แต่จะอุ่นใจกว่าถ้าคุณทำประกันรถมอเตอร์ไซค์ กับ bolttech.co.th ซื้อง่ายๆ ผ่านออนไลน์ พร้อมรับความคุ้มครองทันที เบี้ยสุดคุ้ม ราคาประหยัด

The post 5 เทคนิคขับมอเตอร์ไซค์ขึ้นเขาลงเขา appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

ประกันรถบิ๊กไบค์ (Big Bike) มีความคุ้มครองให้เลือกดังนี้ 

ประกันมอเตอร์ไซค์ ชั้น 1

• คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ของผู้ขับขี่ คู่กรณี และบุคคลภายนอก  
• ชดเชยความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย  
• คุ้มครองกรณีชนกับยานพาหนะทางบก ทั้งรถที่เอาประกันและคู่กรณี 
• คุ้มครองจากอุบัติเหตุ ลื่นล้ม หรืออุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี 
• คุ้มครองกรณีรถมอเตอร์ไซค์สูญหาย หรือไฟไหม้  
• การประกันตัวผู้ขับขี่ 

ประกันชั้น 1 คุ้มครองครอบคลุมมากที่สุด ทั้งอุบัติเหตุมีคู่กรณี และไม่มีคู่กรณี แต่เบี้ยประกันแพงกว่าชั้นอื่น

ประกันชั้น 1 เหมาะกับรถบิ๊กไบค์แบบไหน? 

เหมาะสำหรับ รถบิ๊กไบค์ที่ออกจากศูนย์ใหม่ๆ ใช้งานรถเป็นประจำ และรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ที่มีราคาสูง จึงควรทำประกันชั้น 1 ส่วนใหญ่ทางศูนย์มักจะขายรถพร้อมกับประกันชั้น 1 ไปด้วย 

ประกันมอเตอร์ไซค์ ชั้น 2+ 

• คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ของผู้ขับขี่ คู่กรณี และบุคคลภายนอก 
• ชดเชยความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย 
• คุ้มครองกรณีชนกับยานพาหนะทางบก ทั้งรถที่เอาประกันและคู่กรณี 
• คุ้มครองกรณีรถมอเตอร์ไซค์สูญหาย หรือไฟไหม้ 
• การประกันตัวผู้ขับขี่ 

แต่ประกันมอเตอร์ไซค์ ชั้น 2+ ไม่คุ้มครองการชนที่ไม่มีคู่กรณี นอกนั้นความคุ้มครองแทบไม่ต่างกัน หลายคนจึงนิยมทำประกันชั้น 2 พลัส เพราะเบี้ยถูกว่าประกันชั้น 1

ประกันชั้น 2+ เหมาะกับรถบิ๊กไบค์แบบไหน?  

เหมาะสำหรับอายุรถตั้งแต่ 1-5 ปี ใช้งานรถบ่อยพอสมควร และผู้ขับขี่มีความเชี่ยวชาญในการขับรถแล้ว แต่อยากได้เบี้ยประกันที่ประหยัด คุ้มค่า ็สามารถเลือกประกันมอเตอร์ไซค์ชั้น 2+ได้ 

ประกันมอเตอร์ไซค์ ชั้น 3+

• คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ของผู้ขับขี่ คู่กรณี และบุคคลภายนอก 
• รับผิดชอบความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย 
• คุ้มครองกรณีชนกับยานพาหนะทางบก ทั้งรถที่เอาประกันและคู่กรณี 
• การประกันตัวผู้ขับขี่ 

สำหรับประกันชั้น 3+ ก็เป็นอีกหนึ่งประเภทที่ไบค์เกอร์นิยมทำ เพราะเบี้ยประกันราคาถูกกว่าประกันชั้น 1 และประกันชั้น 2+ แต่ประกันชั้น 3+ จะไม่ครอบคลุมกรณีรถมอเตอร์ไซค์สูญหาย หรือไฟไหม้ และไม่คุ้มครองการชนแบบไม่มีคู่กรณี

ประกันชั้น 3+ เหมาะกับรถบิ๊กไบค์แบบไหน?  

เหมาะสำหรับอายุรถตั้งแต่ 1-10 ปี ผู้ขับขี่มีความชำนาญในการขับขี่พอสมควร และใช้งานรถไม่ค่อยบ่อย นอกจากนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการประหยัดเบี้ยประกันรถบิ๊กไบค์ เนื่องจากประกันรถชั้น 3 พลัส ราคาถูก เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับคุณได้

ประกันชั้น 3 รถบิ๊กไบค์มักจะไม่นิยมทำ เพราะให้ความคุ้มครองน้อยที่สุด  คือให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สิน การบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตของบุคคลภายนอกเท่านั้น ไม่เหมาะกับรถบิ๊กไบค์ที่มีราคาแพง

การเลือกประกันบิ๊กไบค์ ควรเลือกความคุ้มครองที่ครอบคลุมทั้งผู้เอาประกันภัยและคู่กรณี เพื่อตอบโจทย์มากที่สุด เราควรเลือกประกันมอเตอร์ไซค์ที่เหมาะสมกับมูลค่ารถของคุณ การใช้งานรถบ่อยแค่ไหน และอายุรถของคุณเป็นหลัก 

ซื้อประกันรถมอเตอร์ไซค์ ที่ bolttech.co.th คุ้มครองคุ้มค่า เช็คราคาผ่านออนไลน์ได้ง่ายๆ ไม่ต้องรอนาน เพียงแค่กรอกวันที่ต้องการคุ้มครอง ขนาดเครื่องยนต์ (CC) พร้อมแผนประกันที่คุณต้องการ ทำให้คุณเลือกซื้อประกันมอเตอร์ไซค์ได้อย่างที่เหมาะสม และตรงใจคุณมากที่สุด

The post เทคนิคเลือกประกันมอเตอร์ไซค์ ให้เหมาะกับบิ๊กไบค์ appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

รถป้ายแดง คืออะไร? 

คือ รถยนต์ที่ได้ติดตั้งป้ายทะเบียนสีแดง เป็นรถยนต์ที่เพิ่งออกจากศูนย์ให้บริการรถ  โดยเป็นรถที่ยังไม่ได้จดทะเบียนอย่างสมบูรณ์ และอยู่ในระหว่างรอเปลี่ยนทะเบียนรถเป็นสีขาว ซึ่งการใช้รถป้ายแดงจะมีข้อจำกัดอยู่พอสมควร 

1. ใช้รถป้ายแดงไม่เกิน 30 วัน

เป็นกฎหมายที่ผู้ขับขี่ทุกคนต้องรู้ เพราะรถป้ายแดงจะมีระยะเวลาในการติดตั้ง เป็นแบบชั่วคราว และใช้งานได้ไม่เกิน 30 วันนับตั้งแต่ออกรถใหม่ โดยระยะทางใช้งานต้องไม่เกิน 3,000 กิโลเมตร  หากใช้งานเกินวันที่กำหนดจะมีความผิดตามกฎหมายรถป้ายแดงที่ระบุไว้ในพระราชบัญญัติรถยนต์ปีพ.ศ. 2552 ซึ่งมีโทษปรับเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท  

2. พกสมุดคู่มือประจำรถไว้เสมอ

เพราะรถใหม่ป้ายแดง มักจะถูกเพ่งเล็งจากด่านตรวจบ่อยๆ ผู้ขับขี่ควรพกสมุดคู่มือประจำรถติดไว้ในรถ เพื่อแสดงบันทึกรายละเอียดของผู้ใช้งาน เช่น ชื่อผู้ขับ ยี่ห้อรถ หมายเลขตัวรถ/เครื่องยนต์ของรถ ระยะเวลาการใช้รถ เป็นต้น ถือเป็นหลักฐานสำคัญที่จะแสดงให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 

3. ห้ามใช้รถป้ายแดงตอนกลางคืน

ถึงแม้ว่าคุณจะขับรถป้ายแดงได้ แต่ใช่ว่าจะขับได้ทุกเวลา เนื่องจากรถป้ายแดงสามารถขับได้เฉพาะเวลา 06.00 – 18.00 น.เท่านั้น แต่บางครั้งก็อนุโลมได้ถึง 20.00 น. เพราะรถป้ายแดงอาจทำให้ผู้ขับขี่บนท้องถนนไม่สามารถเห็นทะเบียนรถได้ชัดเจน อาจเสี่ยงกรณีชนแล้วหนี รถถูกโจรกรรม และสามารถนำไปใช้ผิดกฎหมายได้ง่าย กรณีที่ผู้ขับขี่ฝ่าฝืนต้องมีความผิดและและมีโทษปรับสูงสุด 10,000 บาท แต่ถ้ามีเหตุจำเป็นต้องใช้รถป้ายแดง ต้องขออนุญาตจากนายทะเบียนก่อนทุกครั้งด้วยการจดลงในสมุดบันทึก และให้นายทะเบียนเซ็นรับรอง 

4. ห้ามขับรถป้ายแดงข้ามเขต

ขับรถใหม่เพลินๆ ไม่ได้เลย เพราะกฎหมายกำหนดไว้ว่า ห้ามขับขี่รถป้ายแดงข้ามเขตเด็ดขาด! หมายความว่าต้องใช้งานได้เฉพาะเขตจังหวัดที่ระบุอยู่บนป้าย เช่น ทะเบียนรถกรุงเทพฯ สามารถขับได้แค่ในเขตกรุงเทพเท่านั้น เช่นเดียวกันถ้ามีเหตุจำเป็นต้องขับข้ามเขต ต้องแจ้งและได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน และมีหลักฐานเซ็นยืนยันตามกฎหมาย สำหรับผู้ใดฝ่าฝืนจะมีความผิดโทษปรับ 10,000 บาท 

5. ห้ามนำป้ายแดงปลอมไปติดรถ

กรมขนส่งเตือน การใช้ป้ายแดงปลอมที่โฆษณาขายในสื่อสังคมออนไลน์ หรือทำป้ายปลอมขึ้นเอง เข้าข่ายผิดฐานใช้เอกสารทางราชการปลอมตามกฎหมายอาญา มีโทษถึงขั้นจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน – 5 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 - 100,000 บาท  ทั้งนี้วิธีสังเกตป้ายแดงที่ออกให้โดยกรมการขนส่งทางบก ตัวแผ่นป้ายต้องมีตัวอักษรย่อนูน ขส ที่มุมด้านล่างขวา และลายน้ำ ปรากฏในแผ่นป้ายทะเบียนรถ 

ขับขี่อุ่นใจทุกครั้ง ซื้อประกันรถยนต์ กับ bolttech.co.th ซื้อง่ายผ่านออนไลน์ ปรับแต่งกรมธรรม์เองได้ ให้ความคุ้มครองทันที พร้อมรับสิทธิพิเศษจาก bolttech หรือสนใจเข้ามาเทียบแผนประกันบนหน้าเว็บไซต์ได้เลย

The post กฎหมายรถป้ายแดง ผู้ขับขี่มือใหม่ต้องรู้! appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

เมื่อเห็นคนข้ามทางม้าลายจะต้องชะลอความเร็วของรถ และหยุดรถให้แก่ผู้ที่ข้ามถนน กรณีที่ผู้ขับรถไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย หรือจอดรถบนทางม้าลายจะต้องโดนระวางโทษกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522

ห้ามจอดรถทับทางม้าลาย

หากผู้ขับขี่จอดรถทับทางม้าลาย จอดทับเส้นทางช่องข้ามถนน โดยนับจากเส้นไปก่อนและหลัง 3 เมตร เช่นเดียวกับเส้นเหลืองทแยง มีความผิดตามกฎหมายมาตรา 57 มีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท 

ขับรถใกล้ทางม้าลาย ให้ชะลอความเร็ว 

กรณีที่ผู้ขับขี่เข้าใกล้ทางม้าลาย ทางข้ามเส้นให้รถหยุดหรือวงเวียน จะต้องลดความเร็วของรถ เพื่อให้คนได้เตรียมตัวข้ามถนน เมื่อเห็นว่าคนข้ามทางม้าลายปลอดภัยแล้ว จึงค่อยขับรถต่อไปได้ แต่ถ้าผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท ซึ่งกฎหมายความเร็วเป็นข้อบังคับสำหรับผู้ขับขี่ทุกคน

หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย

ผู้ขับขี่ทุกคนจะต้องให้สิทธิแก่คนเดินเท้าในทางข้าม หรือรถที่มาทางขวาก่อน หากผู้ขับขี่ไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย มีความผิดกฎหมาย ระวางโทษไม่เกิน 1,000 บาท

ห้ามขับแซงขึ้นหน้ารถคันอื่นก่อนถึงทางข้าม 

หมายถึง ห้ามผู้ขับขี่รถแซงเพื่อขึ้นหน้ารถคันอื่น ภายในระยะ 30 เมตรก่อนถึงทางข้าม ทางร่วมทางแยกวงเวียน เกาะที่สร้างไว้ หรือทางเดินรถตัดข้ามทางรถไฟ หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับตั้งแต่ 400-1,000 บาท 

ผู้เดินเท้าต้องใช้ทางม้าลายข้ามถนน

ผู้เดินเท้าต้องการข้ามถนน ต้องใช้ช่องทางม้าลายที่อยู่ในระยะ 100 เมตร หากผู้เดินทางเท้าฝ่าฝืนจะมีความผิด และระวางโทษปรับไม่เกิน 200 บาท  

ในกรณีขับรถชนคนบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ผู้ขับขี่จะต้องมีโทษทั้งจำและปรับตามที่กฎหมายกำหนด เราควรปฏิบัติตาม กฎจราจรทางม้าลาย สัญญาณไฟจราจร และไม่ควรขับรถเร็ว เคารพกฎ มีน้ำใจเอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน จะช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้

The post ฝ่าฝืนกฎจราจรทางม้าลาย มีโทษปรับเท่าไหร่ appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

บทลงโทษไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย

กรณีที่ไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลายไปก่อน ถือว่าเป็นความผิดตามพรบ.จราจรทางบก มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท เพื่อให้ความสำคัญในการที่ข้ามทางม้าลายอย่างปลอดภัย หากผู้ขับขี่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรถือว่ามีความผิด

ขับรถชนคนบาดเจ็บ

หากผู้ใดขับรถประมาททําให้ผู้อื่นบาดเจ็บ ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ตามมาตรา 390 ผู้ขับขี่ต้องมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

ขับรถชนคนบาดเจ็บสาหัส

แต่ถ้าผู้ขับขี่ขับรถชนคนบาดเจ็บสาหัส ผู้ขับขี่จะได้รับโทษตามมาตรา 300 ว่าด้วยเรื่องการกระทำการโดยประมาทให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส แก่กายหรือจิตใจ มีโทษปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ  

ขับรถชนคนตาย

การขับรถชนคนเสียชีวิต จะมีโทษทางกฎหมายที่เพิ่มขึ้นจากกรณีบาดเจ็บ โดยเป็นไปตามความผิดมาตรา 291 ผู้ใดขับรถโดยประมาท และเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีโทษปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งจำและปรับ 

นอกจากนี้การที่ขับรถชนคนแล้วเสียชีวิต อาจต้องขึ้นศาลและเป็นไปตามคำพิพากษาของผู้พิพากษาในศาล โดยจะใช้หลักฐานอื่นๆ หรือพยานในที่เกิดเหตุประกอบกันไป

ขับรถชนคนประกันจ่ายไหม ?

กรณีที่ขับรถชนคนประกันจ่ายไหม ต้องบอกก่อนว่า พ.ร.บ.รถยนต์ หรือพ.ร.บ.รถมอเตอร์ไซค์ จะช่วยจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้น โดยไม่ต้องรอผลพิสูจน์ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายถูกหรือผิด ได้แก่

• กรณีบาดเจ็บจ่ายค่ารักษาตามจริง สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท/คน 
• กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพถาวร จะได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นจำนวน 35,000 บาท/คน 
• กรณีเสียชีวิตหลังจากรักษาพยาบาล จะได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 30,000 บาท และค่าปลงศพอีกจำนวน 35,000 บาท รวมแล้วไม่เกิน 65,000 บาท

แต่ถ้าคุณมีประกันรถยนต์ หรือ ประกันรถมอเตอร์ไซค์ ก็สามารถเบิกความคุ้มครองต่อชีวิตบุคคลภายนอกเพิ่มเติมจากความคุ้มครองพ.ร.บ.รถยนต์ตามวงเงิน ส่วนกรณีที่เกิดอุบัติเหตุและเป็นคดีอาญาที่ต้องขึ้นศาล บริษัทประกันภัยจะช่วยประกันตัวผู้ขับขี่ตามจำนวนเงินเอาประกันภัยที่เราเลือกเช่นกัน

เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร หรือผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกัน สิ่งสำคัญผู้ขับขี่จะต้องไม่ประมาท ไม่ขับรถเร็วเกินไป และปฎิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เพราะอุบัติเหตุแต่ละครั้งไม่ใช่สูญเสียแค่ทรัพย์สินอย่างเดียว แต่ตัวเราก็ได้รับอันตรายถึงชีวิตและจิตใจ รวมถึงผู้อื่นที่ใช้รถใช้ถนนร่วมกันด้วย

สุดท้ายนี้มีสติ ขับขี่ไม่ประมาท ช่วยลดอุบัติเหตุได้ ด้วยความห่วงใยจาก bolttech.co.th

The post กฎหมายที่ต้องรู้ไว้ ขับรถชนคนมีโทษอะไร appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. ไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว

ระบบไฟรถ เป็นสิ่งที่จำเป็นมากต่อการขับขี่ ไม่ใช่เพียงแค่ส่องแสงสว่างในตอนกลางคืนอย่างเดียว แต่สัญญาณไฟยังช่วยเตือนเหตุต่างๆ ล่วงหน้าอีกด้วย ทั้งไฟหน้า สูง-ต่ำ ไฟเลี้ยว ไฟหรี่ท้าย ไฟเบรก ต้องติดครบทุกดวง ดังนั้นอย่าลืมเช็กระบบไฟให้ดีก่อนขับขี่ทุกครั้ง

2. แตรรถต้องใช้งานได้ปกติ

รถมอเตอร์ไซค์ที่ดีต้องมีเสียงแตรดังเป็นปกติ หากแตรรถไม่ดังอาจเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น ไฟหน้าขาด สามารถทดสอบด้วยวิธีปิดสวิทซ์ไฟแล้วลองกดแตรดู กรณีที่รถไม่มีแบตเตอรี่ ทำให้แตรรถจะไม่ค่อยดัง ถ้าคุณเจอปัญหาเหล่านี้ให้รีบนำรถไปตรวจสภาพทันที มิเช่นรถจะไม่มีเสียงแตรรถช่วยในเรื่องของการเตือนก่อนเกิดอุบัติเหตุ

3. เช็กระบบเบรก และน้ำมันเบรก

อีกหนึ่งจุดที่สำคัญมาก นั่นก็คือ ระบบเบรก ผู้ขับขี่ทุกคนควรเช็กระดับน้ำมันเบรกให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม รวมถึงเช็กผ้าเบรกว่ามีประสิทธิภาพในการใช้งานหรือไม่ กรณีผ้าเบรกเสื่อมสภาพหรือหมดอายุการใช้งาน ควรเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่ทันที เพื่อป้องกันอันตรายขณะขับขี่ นอกจากนี้อย่าลืมศึกษาวิธีใช้เบรกที่ปลอดภัยควบคู่ไปด้วย

4. เช็กระดับของเหลว

เช็กง่ายๆ เพียงสังเกตระดับของเหลวอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมหรือไม่  เช่น น้ำในหม้อพักน้ำต้องอยู่ในระดับ MAX น้ำมันเครื่องไม่พร่องลงต่ำกว่าระดับปกติ และน้ำมันเบรกต้องมีอยู่เต็มระบบ รวมถึงน้ำมันเชื้อเพลิงอย่าลืมเติมให้เต็มถังก่อนขับรถมอเตอร์ไซค์

5. ตรวจระบบคลัตช์และเกียร์

ต่อมาให้สังเกตว่าการออกตัว การเปลี่ยนเกียร์รถนุ่มนวลหรือไม่  ถ้าเกิดออกตัวรถแล้วอาการคลัตซ์ลื่นแสดงว่าเกิดจากผ้าคลัตซ์หมด หรือสายคลัตช์หลุด หลวมหรือหย่อนเกินไป ควรติดต่อให้ช่างเข้ามาตรวจสอบโดยเฉพาะ ส่วนเกียร์ต่างๆ ให้สังเกตการเร่งตัว และการเข้าเกียร์ให้ดี 

6. โซ่รถต้องไม่ตึงหรือหย่อนเกินไป

โซ่รถมอเตอร์ไซค์ เป็นชิ้นส่วนสำคัญที่ชาว Biker ต้องเช็กให้ดีๆ เพราะว่าโซ่สามารถทำให้เกิดอันตรายขณะขับขี่ได้ ทางที่ดีควรเช็กความพร้อมของโซ่ เช่น ไม่ตึงหรือหย่อนเกินไป 25-30 มม. แล้วชุดโซ่สเตอร์จะต้องไม่มีรอยแตกหักหรือชำรุด ถ้าโซ่เริ่มหมดสภาพก็คงถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนใหม่แล้ว

7. เช็กลมยางรถมอเตอร์ไซค์

เรื่องของลมยางรถมอเตอร์ไซค์ ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน ชาวไบร์เกอร์ทุกคนจะต้องตรวจสภาพลมยางให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด เพราะถ้าเกิดลมยางอ่อน ยางรั่ว ยางแตก อาจเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย โดยตรวจสอบได้ด้วยการวัดค่าความดันลมยาง ส่วนใครที่ไม่อยากเสียเงินให้ร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ เพื่อนๆ ก็สามารถเติมลมยางฟรีในปั๊มน้ำมันเองได้  

ดังนั้นก่อนขับรถทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ หรือรถมอเตอร์ไซค์ ผู้ขับขี่ควรตรวจเช็กเครื่องยนต์อยู่เสมอ โดยเฉพาะต้องขับรถทางไกลก็อย่าลืมเช็กเส้นทางให้ดี แล้วที่สำคัญเตรียมร่างกายให้พร้อม สวมใส่หมวกกันน็อกขณะขับขี่ ขับรถอย่างมีติและไม่ประมาทเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เท่านี้ก็จะช่วยคุณขับรถได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น

ถ้าคุณสนใจ ซื้อประกันมอเตอร์ไซค์ ที่ช่วยคุ้มครองค่ารักษาจากอุบัติเหตุขณะขับขี่ ก็สามารถเข้ามาได้ที่ bolttech.co.th นอกจากนี้ประกันมอเตอร์ไซค์ ยังดูแลค่าซ่อมรถของคุณ รถคู่กรณีด้วย ชาวไบค์เกอร์ต้องมีติดไว้จะได้อุ่นใจ!!

The post 7 จุดที่ต้องเช็กรถมอเตอร์ไซค์ก่อนออกทริป appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

ซึ่งก่อนหน้านี้ bolttech ได้พูดถึง ฤกษ์ออกรถ 2564 บ้างแล้ว วันนี้เราจึงขอรวบรวม ฤกษ์ออกรถ 2565 มาฝากทุกคนกันต่อ เพื่อต้อนรับปีใหม่และสิ่งดีๆ ตามมา

ฤกษ์ออกรถ 2565 ออกรถวันไหนดี ?

เข้าสู่ปีใหม่ลองมาดูกันสิว่า ฤกษ์ออกรถ 2565 ตามวันเกิด ออกรถวันไหนดี ให้เฮงๆ รวยๆ เสริมดวงตลอดทั้งปี หรือวันไหนไม่ควรออกรถ สรุปมาให้แล้ว 

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

• ฤกษ์ออกรถที่เหมาะสม คือ วันจันทร์ วันพฤหัสบดี วันเสาร์ และวันอาทิตย์ 
• ฤกษ์ออกรถที่ไม่เหมาะ คือ วันศุกร์ 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์ 

• ฤกษ์ออกรถที่เหมาะสม คือ วันจันทร์ วันศุกร์ และวันเสาร์ 
• ฤกษ์ออกรถที่ไม่เหมาะ คือ วันอาทิตย์  

ผู้ที่เกิดวันอังคาร 

• ฤกษ์ออกรถที่เหมาะสม คือ วันศุกร์ วันอังคาร วันพฤหสบดี และวันเสาร์ 
• ฤกษ์ออกรถที่ไม่เหมาะสม คือ วันจันทร์ 

ผู้ที่เกิดวันพุธ (กลางวัน) 

• ฤกษ์ออกรถที่เหมาะสม คือ วันจันทร์ และวันศุกร์ 
• ฤกษ์ออกรถที่ไม่เหมาะสม คือ วันอังคาร  

ผู้ที่เกิดวันพุธ (กลางคืน) 

• ฤกษ์ออกรถที่เหมาะสม คือ วันจันทร์ และวันศุกร์ 
• ฤกษ์ออกรถที่ไม่เหมาะสม คือ วันพฤหัสบดี  

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี 

• ฤกษ์ออกรถที่เหมาะสม คือ วันจันทร์ และวันศุกร์  
• ฤกษ์ออกรถที่ไม่เหมาะสม คือ วันเสาร์ 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์ 

• ฤกษ์ออกรถที่เหมาะสม คือ วันจันทร์ วันศุกร์ วันอาทิตย์ และวันอังคาร 
• ฤกษ์ออกรถที่ไม่เหมาะสม คือ วันพุธ (กลางคืน) 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์ 

• ฤกษ์ออกรถที่เหมาะสม คือ วันจันทร์ 
• ฤกษ์ออกรถที่ไม่เหมาะสม คือ วันพุธ (กลางวัน) 

ฤกษ์ออกรถ 2565 ในแต่ละเดือน ออกรถวันไหนดี

หากใครที่ต้องการดูฤกษ์ดี วันออกรถ โดยแต่ละเดือนนั้นจะมีฤกษ์มงคลตามวันเกิดของแต่ละคน เหมาะกับการออกรถคันใหม่ เสริมดวง เสริมโชคลาภ และสิริมงคลให้กับเจ้าของรถ ว่าแล้วออกรถวันไหนดี มาดูกันเลย 

ฤกษ์ออกรถ มกราคม 2565

• วันเสาร์ที่ 1 มกราคม 2565 ห้ามคนเกิดวันพฤหัสบดีออกรถในวันนี้ 
• วันอาทิตย์ที่ 2 มกราคม 2565 ห้ามคนเกิดวันจันทร์ออกรถในวันนี้ 
• วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม 2565 ห้ามคนเกิดวันจันทร์ออกรถในวันนี้ 
• วันศุกร์ที่ 7 มกราคม 2565 ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ออกรถในวันนี้ 
• วันพุธที่ 12  มกราคม 2565 ห้ามคนเกิดวันเสาร์ออกรถในวันนี้ 
• วันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคม 2565 ห้ามคนเกิดวันจันทร์ออกรถในวันนี้ 
• วันศุกร์ที่ 14 มกราคม 2565 ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ออกรถในวันนี้ 
• วันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม 2565 ห้ามคนเกิดวันจันทร์ออกรถในวันนี้ 
• วันศุกร์ที่ 21 มกราคม 2565 ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ออกรถในวันนี้ 
• วันเสาร์ที่ 22 มกราคม 2565 ห้ามคนเกิดวันพฤหัสบดีออกรถในวันนี้ 
• วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม 2565 ห้ามคนเกิดวันจันทร์ออกรถในวันนี้ 
• วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม 2565 ห้ามคนเกิดวันจันทร์ออกรถในวันนี้ 
• วันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2565 ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ออกรถในวันนี้ 
• วันอาทิตย์ที่ 30  มกราคม 2565 ห้ามคนเกิดวันจันทร์ออกรถในวันนี้ 
• วันจันทร์ที่ 31  มกราคม 2565 ห้ามคนเกิดวันอังคารออกรถในวันนี้ 

ฤกษ์ออกรถ กุมภาพันธ์ 2565

• วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 ห้ามคนเกิดวันจันทร์ออกรถในวันนี้ 
• วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 ห้ามคนเกิดวันจันทร์ออกรถในวันนี้ 
• วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ออกรถในวันนี้ 
• วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 ห้ามคนเกิดวันจันทร์ออกรถในวันนี้ 
• วันเสาร์ที่ 19  กุมภาพันธ์ 2565 ห้ามคนเกิดวันพฤหัสบดีออกรถในวันนี้ 
• วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ห้ามคนเกิดวันจันทร์ออกรถในวันนี้ 
• วันอาทิตย์ 27 กุมภาพันธ์ 2565 ห้ามคนเกิดวันอังคารออกรถในวันนี้ 

ฤกษ์ออกรถ มีนาคม 2565

• วันอังคารที่ 8 มีนาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันพุธออกรถในวันนี้ 
• วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันจันทร์ออกรถในวันนี้ 
• วันพุธที่ 16 มีนาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันเสาร์ออกรถในวันนี้ 
• วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันจันทร์ออกรถในวันนี้ 
• วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ออกรถในวันนี้ 
• วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันจันทร์ออกรถในวันนี้ 

ฤกษ์ออกรถ เมษายน 2565

• วันจันทร์ที่ 4 เมษายน 2565 ห้ามคนเกิดวันอังคารออกรถในวันนี้ 
• วันอังคารที่ 5 เมษายน 2565 ห้ามคนเกิดวันพุธออกรถในวันนี้ 
• วันพุธที่ 13 เมษายน 2565 ห้ามคนเกิดวันเสาร์ออกรถในวันนี้ 
• วันเสาร์ที่ 15 เมษายน 2565 ห้ามคนเกิดวันพฤหัสบดีออกรถในวันนี้ 

ฤกษ์ออกรถ พฤษภาคม 2565

• วันพุธที่ 11 พฤษภาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันเสาร์ออกรถในวันนี้ 
• วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันจันทร์ออกรถในวันนี้ 
• วันพุธที่ 18 พฤษภาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันเสาร์ออกรถในวันนี้ 
• วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ออกรถในวันนี้ 
• วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันพุธออกรถในวันนี้ 
• วันพุธที่ 25 พฤษภาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันเสาร์ออกรถในวันนี้ 
• วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันพฤหัสบดีออกรถในวันนี้ 
• วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันจันทร์ออกรถในวันนี้ 

ฤกษ์ออกรถ มิถุนายน 2565

• วันพุธที่ 1 มิถุนายน 2565 ห้ามคนเกิดวันเสาร์ออกรถในวันนี้ 
• วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2565 ห้ามคนเกิดวันอังคารออกรถในวันนี้ 
• วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน 2565 ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ออกรถในวันนี้ 
• วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน 2565 ห้ามคนเกิดวันจันทร์ออกรถในวันนี้ 
• วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน 2565 ห้ามคนเกิดวันจันทร์ออกรถในวันนี้ 
• วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน 2565 ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ออกรถในวันนี้ 
• วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน 2565 ห้ามคนเกิดวันพฤหัสบดีออกรถในวันนี้ 
• วันอังคารที่ 28 มิถุนายน 2565 ห้ามคนเกิดวันพุธออกรถในวันนี้ 

ฤกษ์ออกรถ กรกฎาคม 2565

• วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันพฤหัสบดีออกรถในวันนี้ 
• วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ออกรถในวันนี้ 
• วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันอังคารออกรถในวันนี้ 
• วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันพุธออกรถในวันนี้ 
• วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันพฤหัสบดีออกรถในวันนี้ 
• วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันอังคารออกรถในวันนี้ 
• วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ออกรถในวันนี้ 
• วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันจันทร์ออกรถในวันนี้ 

ฤกษ์ออกรถ สิงหาคม 2565

• วันอังคารที่ 2 สิงหาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันพุธออกรถในวันนี้ 
• วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ออกรถในวันนี้ 
• วันอังคารที่ 9 สิงหาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันพุธออกรถในวันนี้ 
• วันพุธที่ 10 สิงหาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันเสาร์ออกรถในวันนี้ 
• วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ออกรถในวันนี้ 
• วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ออกรถในวันนี้ 
• วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันจันทร์ออกรถในวันนี้ 
• วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ออกรถในวันนี้ 
• วันพุธที่ 24 สิงหาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันเสาร์ออกรถในวันนี้ 
• วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ออกรถในวันนี้ 
• วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันจันทร์ออกรถในวันนี้ 
• วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันอังคารออกรถในวันนี้ 

ฤกษ์ออกรถ กันยายน 2565

• วันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2565 ห้ามคนเกิดวันอังคารออกรถในวันนี้ 
• วันอังคารที่ 6 กันยายน 2565 ห้ามคนเกิดวันพุธออกรถในวันนี้ 
• วันพุธที่ 7 กันยายน 2565 ห้ามคนเกิดวันเสาร์ออกรถในวันนี้ 
• วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน 2565 ห้ามคนเกิดวันจันทร์ออกรถในวันนี้ 
• วันเสาร์ที่ 10 กันยายน 2565 ห้ามคนเกิดวันพฤหัสบดีออกรถในวันนี้ 
• วันศุกร์ที่ 16 กันยายน 2565 ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ออกรถในวันนี้ 
• วันจันทร์ที่ 19 กันยายน 2565 ห้ามคนเกิดวันอังคารออกรถในวันนี้ 
• วันเสาร์ที่ 24 กันยายน 2565 ห้ามคนเกิดวันพฤหัสบดีออกรถในวันนี้ 

ฤกษ์ออกรถ ตุลาคม 2565

• วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันจันทร์ออกรถในวันนี้ 
• วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันอังคารออกรถในวันนี้ 
• วันอังคารที่ 4 ตุลาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันพุธออกรถในวันนี้ 
• วันพุธที่ 5 ตุลาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันเสาร์ออกรถในวันนี้ 
• วันพุธที่ 12 ตุลาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันเสาร์ออกรถในวันนี้ 
• วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันจันทร์ออกรถในวันนี้ 
• วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ออกรถในวันนี้ 
• วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันจันทร์ออกรถในวันนี้ 
• วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ออกรถในวันนี้ 
• วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันจันทร์ออกรถในวันนี้ 
• วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันพฤหัสบดีออกรถในวันนี้ 
• วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันจันทร์ออกรถในวันนี้ 
• วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันอังคารออกรถในวันนี้ 

ฤกษ์ออกรถ พฤศจิกายน 2565

• วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2565 ห้ามคนเกิดวันอังคารออกรถในวันนี้ 
• วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน 2565 ห้ามคนเกิดวันเสาร์ออกรถในวันนี้ 
• วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน 2565 ห้ามคนเกิดวันพฤหัสบดีออกรถในวันนี้ 
• วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน 2565 ห้ามคนเกิดวันพุธออกรถในวันนี้ 
• วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2565 ห้ามคนเกิดวันพฤหัสบดีออกรถในวันนี้ 
• วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2565 ห้ามคนเกิดวันอังคารออกรถในวันนี้

ฤกษ์ออกรถ ธันวาคม 2565

• วันอังคารที่ 6 ธันวาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันพุธออกรถในวันนี้ 
• วันพุธที่ 7 ธันวาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันเสาร์ออกรถในวันนี้ 
• วันพุธที่ 14 ธันวาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันเสาร์ออกรถในวันนี้ 
• วันพฤหัสที่ 15 ธันวาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันจันทร์ออกรถในวันนี้ 
• วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ออกรถในวันนี้ 
• วันพุธที่ 21 ธันวาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันเสาร์ออกรถในวันนี้ 
• วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ออกรถในวันนี้ 
• วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันพฤหัสบดีออกรถในวันนี้ 
• วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม 2565 ห้ามคนเกิดวันจันทร์ออกรถในวันนี้

ทั้งหมดนี้คือ ฤกษ์ออกรถ 2565 ตามวันเกิด และฤกษ์ออกรถในแต่ละเดือน หากคุณไม่รู้ว่าจะออกรถวันไหนดี สามารถดูฤกษ์ตามนี้ได้เลย โดยจะบอกว่าวันเกิดของคุณเหมาะกับวันไหน หรือไม่ควรออกรถวันไหน เหมาะสำหรับคนที่วางแผนซื้อรถเฉพาะ 

อ่านเพิ่มเติม: ออกรถปลายปีหรือต้นปีอันไหนดีกว่ากัน

พอหลังจากออกรถคันใหม่แล้ว เพื่อนๆ ก็อย่าลืมซื้อประกันรถยนต์ควบคู่ไปด้วยนะ เพราะถึงคุณจะออกรถฤกษ์ดีแค่ไหน อุบัติเหตุย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ แต่ถ้าคุณมีประกันรถยนต์ไว้จะเบาใจ มีคนช่วยจ่ายค่าซ่อมรถให้ และค่าชดเชยต่างๆ ที่ได้รับความคุ้มครอง สามารถเคลมได้ทันที

The post ฤกษ์ออกรถ 2565 ออกรถวันไหนดีให้เฮงทั้งปี appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.