• ได้ที่พักราคาถูก
• ตั๋วเครื่องบินราคาไม่แพง
• โปรโมชั่นอาหารและเครื่องดื่มจัดเต็ม
• คนน้อย ถ่ายรูปได้ชิล ๆ 
• สถานที่ท่องเที่ยวยังคงสวยงาม

5 ข้อดีของการท่องเที่ยวหน้า Low season

1. ได้ที่พักราคาถูก

ข้อดีอันดับแรกของการท่องเที่ยวหน้า Low Season ก็คือที่พักราคาถูก ความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศไทยมีให้เห็นในทุกฤดูกาล แม้จะเป็นช่วงโลวซีซั่น แต่การที่คุณสามารถไปเที่ยว และได้ที่พักราคาถูก ทำให้ทริปท่องเที่ยวของคุณประหยัดได้มากขึ้น โรงแรมหลายแห่งในประเทศไทยมีราคาห้องพักในช่วง Low season ที่ถูกมา ๆ บางแห่งลดราคา 50% บางแห่งลดราคาลงมากถึง 70% นอกจากนั้นยังมีการอัปเกรดห้องพักให้อีกด้วย

2. ตั๋วเครื่องบินราคาไม่แพง

สายท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเดินทางด้วยเครื่องบิน บอกเลยว่าราคาตั๋วเครื่องบินช่วง Low season ประหยัดมากเพราะสายการบินชั้นนำของประเทศเราต่างก็จัดโปรโมชั่นพิเศษเพื่อให้เข้ากับการท่องเที่ยวตามฤดูกาลที่จะทำให้คุณประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้อีก นอกจากนั้น บางสายการบินยังนำเสนอแพ็คเกจตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พัก และรถรับส่งสนามบิน เอาใจสายเที่ยวครบจบในทริปอีกด้วย คุ้มจริง ๆ

3. โปรโมชั่นอาหารและเครื่องดื่มจัดเต็ม

ไม่ว่าคุณจะไปเที่ยวที่ไหน เรื่องอาหารการกินก็ต้องสำคัญเบอร์ต้น ๆ ซึ่งร้านอาหาร ภัตตาคาร หรือแม้แต่ห้องอาหารในโรงแรมก็มักจะจัดโปรโมชั่นลดราคาเอาใจลูกค้าเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น ส่วนลด หรือ Complimentary Set ก็รับรองว่าต้องถูกใจคุณแน่นอน

4. คนน้อย ถ่ายรูปได้ชิล ๆ 

การท่องเที่ยวช่วงหน้า Low season บอกได้เลยว่าคนน้อย แต่ไม่พลุกพล่าน และที่สำคัญถ่ายรูปสวยจริง ๆ  อีกทั้ง สถานที่ท่องเที่ยวทุกภาคในประเทศไทยก็ยังคงความสวยงาม เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะจัดทริปให้ตรงกับช่วง High Season ซึ่งไม่ว่าไปไหนในช่วงนั้นก็อาจจะหามุมถ่ายรูปได้ยาก แต่ช่วงนี้รับรองเลยว่า คุณหามุมถ่ายรูปได้แทบทุกจุด โพสต์กันให้เต็มที่ จะถ่ายรูปลงไอจี หรือถ่ายทำ Vlog ก็รับรองว่าปังแน่ ๆ

5. สถานที่ท่องเที่ยวยังคงสวยงาม

ไม่ว่าคุณจะเป็นสายเที่ยวทะเล หรือสายเที่ยวภูเขา จะขึ้นเหนือ ล่องใต้ หรือไปเยือนภาคตะวันออก และอีสาน ก็ไม่ต้องห่วงว่าสถานที่ท่องเที่ยวที่คุณชื่นชอบจะไม่งดงาม เพราะความงามในความแตกต่างก็สามารถสร้างสีสันให้กับการท่องเที่ยวไปอีกแบบ มุมแปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่ยังไม่มีใครค้นพบอาจจะสร้างเทรนด์การท่องเที่ยวหน้า Low season ได้อีกด้วยนะ ลองคิดดูสิว่าการได้เป็นเจ้าของชายหาดแบบฟิน ๆ จะดีแค่ไหน ว้าว!
การท่องเที่ยวหน้า Low Season มีข้อดีมากมาย และยังช่วยประหยัดเงินให้คุณได้เอนจอยกับทริปแบบเพลิน ๆ ว่าแล้วก็ปักหมุดเที่ยวกันเถอะ สำหรับนักเดินทาง หากคุณต้องการความอุ่นใจในทุกเส้นทางก็ควรจะทำประทำการเดินทางเอาไว้ จะได้อุ่นใจไม่ต้องกังวลเลยนะ หากสนใจประกันเดินทางก็สามารถติดต่อมาสิได้เลย เพียงคลิกที่นี่ หรือโทร. 02 710 3100 กันได้เลย
ขอบคุณบทความดี ๆ จาก www.masii.com
Rewrite by Butter Cutter
 
 

The post ข้อดีของการท่องเที่ยวหน้า Low Season appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. พาท่องเที่ยวเปิดหูเปิดตา

การเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ด้วยการท่องเที่ยวเปิดโลกกว้างเป็นสิ่งที่หลาย ๆ ครอบครัวชื่นชอบ เพราะเป็นกิจกรรมที่ช่วยสมานฉันท์ สร้างความใกล้ชิด สร้างประสบการณ์ดี ๆ ร่วมกันในแต่ละทริปไม่ว่าจะเป็นทริปเที่ยวในไทย หรือเที่ยวต่างประเทศ พาเที่ยวแบบตามใจก็ถือว่าเป็นการบอกรักคุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย ฯลฯ ในทางอ้อมแล้วครับ อ้อ! หากมีโอกาสเที่ยวต่างประเทศก็อย่าลืมซื้อประกันการเดินทางไว้ด้วยนะ หากไม่รู้จะเลือกประกันการเดินทางสำหรับการเดินทางกับครอบครัวอย่างไรดี? แนะนำให้พิจารณาเบื้องต้น

• จำนวนผู้เดินทาง เริ่มจากพิจารณาคนในครอบครัวมีอายุมากที่สุดเท่าไหร่  และอายุน้อยที่สุดเท่าไหร่ เพราะประกันการเดินทางมักจะมีการกำหนดอายุผู้เอาประกันไว้
• กรณีมีวันไป-กลับชัดเจน เดินทางประเทศเดียวไม่ยุ่งยาก แต่หากเดินทางหลายประเทศจะต้องวางแผนให้ดี โดยเฉพาะการออกเที่ยวยุโรปที่ต้องมีความคุ้มครองประกันการเดินทางสำหรับขอวีซ่าเชงเก้นด้วย หากคุณกำลังจะพาครอบครัวทัวร์ยุโรปแนะนำอ่าน วิธีขอวีซ่าเชงเก็น (Schengen Visa) ให้ผ่านฉลุย ! เพิ่มความเข้าใจเบื้องต้นครับ ซึ่งการซื้อประกันการเดินทางนั้นควรเป็นประกันการเดินทางที่สามารถคืนค่าเบี้ยประกัน กรณีขอวีซ่าไม่ผ่าน

อย่างไรก็ดี เป็นทริคเบื้องต้นในการเลือกประกันการเดินทางสำหรับเที่ยวต่างประเทศ แต่ถ้าหากเที่ยวไทยก็สามารถซื้อประกันเดินทางในประเทศที่คุ้มครองอุบัติเหตุได้เช่นกันครับ เบี้ยหลักพันคุ้มครองหลักแสนดูแลคนที่รักได้เป็นอย่างดี (ภายใต้เงื่อนไขว่า ผู้ซื้อกรมธรรม์จะต้องมีอายุ 15 ปีขึ้นไปแล้วไม่เกิน 60 ปี)

2. พากินมื้ออร่อย

เพราะอาหารอร่อยช่วยให้ทุกเรื่องในชีวิตดีงาม แฟรงค์เชื่อแบบนั้นนะครับ การพาครอบครัวเดินทางไปกินข้าวมื้ออร่อย เช่น กุ้งเผาอยุธยา หรือเมนูปูบุฟเฟต์ที่จันทบุรี หรืออื่น ๆ คำตอบเหล่านี้ไม่มีข้อตายตัวครัว สามารถพาครอบครัวรับประทานอาหารตามเมนูที่ครอบครัวคุณชื่นชอบ หรือจะซื้อวัตถุดิบมาปรุงอาหารจานอร่อยที่บ้าน ก็ถือเป็นการบอกรักที่ไม่มีคำว่ารักเช่นกัน เพราะเป็นการมอบสิ่งดี ๆ ให้กันและกัน แถมยังอิ่มท้องอีกด้วยนะคร้าบบบ  

3. มอบของขวัญแทนใจ

หากคุณไม่มีเวลาพาเที่ยว หรือพาครอบครัวออกไปทานอาหารมื้ออร่อย จะซื้อของขวัญให้ เช่น เสื้อ, กางเกง, สร้อยทอง, นาฬิกา รวมทั้งสิ่งของเครื่องใช้อื่น ๆ ที่ใกล้หมด ลองสังเกตดูครับว่า ครอบครัวต้องการอะไร หรือมอบการ์ดสวย ๆ ให้ในเทศกาลสำคัญ ๆ เช่น วันวาเลนไทน์ วันพ่อ วันแม่ (ซื้ออะไรให้แม่ดี ? 12 ของขวัญเซอร์ไพรส์วันแม่) วันปีใหม่ ฯลฯ ก็ไม่เสียหายครับ เพราะเป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แทนใจบอกว่า คุณรักคุณพ่อ รักคุณแม่ ด้วยการใส่ใจนั้นเอง และเซอร์ไพร์สได้เป็นอย่างดีเชียว

4. พาไปออกกำลัง

ดั่งวลีเด็ดอมตะนิรันดร์กาลที่ว่า “สุขภาพดีไม่มีขายอยากได้ต้องสร้างเอง!” ใช่ครับ หากคุณพ่อ คุณแม่ รวมทั้งคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยายมีเวลาว่าง และมีสุขภาพแข็งแรง แนะนำให้พาครอบครัวออกกำลังกายเบา ๆ (ไม่เน้นกิจกรรมแอดแวนเจอร์เกินไป) พาผู้สูงวัยออกไปสูดอากาศสดชื่นกันบ้าง เช่น รำไทเก็ก, ปั่นจักรยานเบา ๆ ในระยะทางใกล้, ว่ายน้ำ หรือจะวิ่งเหยาะ ๆ ให้ร่างกายสดชื่น แนะนำให้ลองพาครอบครัวทำกิจกรรมบอกรักแบบไม่มีคำว่ารักเหล่านี้ เพราะดีต่อสุขภาพ ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แถมแสดงออกถึงความรักที่เรามีให้ผู้มีพระคุณที่เลี้ยงดูเรามาได้เป็นอย่างดีเลยครับ

5. ซื้อประกันไว้ดูแล

มาถึงกิจกรรมสุดท้าย Frank.co.th คงต้องบอกว่า “อย่าเพิ่งปิดหน้าจอ เลื่อนหนี หรือเบือนหน้าหนี” เพราะการซื้อประกันให้คนที่คุณรักถือเป็นการบอกรักแบบไม่มีคำว่ารักอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น ประกันรถยนต์ที่ช่วยดูแลเหตุฉุกเฉินหากคุณพ่อคุณแม่หรือคนในครอบครัวต้องขับรถทุกวันเป็นประจำ, หรือจะซื้อประกันการเดินทางรายปีให้หากคนในครอบครัวเราต้องเดินทางต่างประเทศอยู่เสมอ รวมทั้งการซื้อประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันโรคร้ายแรงไว้สำหรับดูแลเทคแคร์เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน เอาเป็นว่า เลือกซื้อประกันที่ใช่ และเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ครอบครัวเพื่อมอบเป็นของขวัญ แสดงออกถึงความรักที่เรามีให้แทนคำพูดว่ารักที่ไม่กล้าบอกไป เพราะเขินอาย
ครับ! และทั้งหมดนี้ก็เป็นไอเดียกิจกรรมคร่าว ๆ ที่ Frank.co.th มาบอกเล่าเป็นไอเดียให้คนที่รักนะแต่ไม่แสดงออกได้ฟังและนำไปปฏิบัติได้นะคร้าบ สามารถนำเลือกใช้ให้เหมาะสมตามสถานการณ์ล่ะคร้าบ 🙂
Content by Butter Cutter

The post บอกรักครอบครัวด้วย 5 กิจกรรมที่ไม่ต้องพูดคำว่ารัก appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. วัดใหญ่ชัยมงคล อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา

เรามาเริ่มกันที่วัดแรกเลยดี ๆ ว่า วัดนี้เป็นวัดชื่อดังแห่งจังหวัดอยุธยา ที่พุทธศาสนิกชนต่างก็มาไหว้พระกันเป็นจำนวนมาก หรือไม่ก็มาปฏิบัติธรรม สวดมนต์ นั่งสมาธิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาอย่างเช่นวันมาฆบูชานี้ ผู้คนยังมานิยมมาเวียนเทียนรอบพระอุโบสถ และโบราณสถานเจดีย์พระชัยมงคลอีกด้วย

2. วัดบางกุ้ง อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม

อีกหนึ่งวัดที่ อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ ที่เราสามารถขับรถหนีฝุ่นมาได้อย่างใกล้ ๆ เลย วัดนี้จะมีสถานที่ Unseen แห่งหนึ่ง ซึ่งเรียกว่าเพิ่งถูกค้นพบครับ ที่วัดบางกุ้งเราจะพบกับ โบสถ์ปรกโพธิ์ ที่ถูกปกคลุมด้วยรากไม้ใหญ่ ทั้งต้นโพธิ์ ต้นไกร และต้นกร่าง ภายในประดิษฐานหลวงพ่อนิลมณี หรือ หลวงพ่อดำ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพบูชาของคนในท้องถิ่น

3. วัดม่วง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง

จังหวัดอ่างทองเป็นจังหวัดในเมืองรอง ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพครับ ที่วัดแห่งนี้ เราจะพบกับหลวงพ่อใหญ่ หรือพระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเรียกว่าใครๆต่างก็มากันไหว้พระขอพรที่นี่ และหลวงพ่อใหญ่มีความสูงจากฐานองค์พระถึงยอดเกศา 95 เมตร หน้าตักกว้าง 63.05 เมตร ซึ่งเรียกว่าใหญ่สมคำร่ำลือกันจริง ๆ ครับ แถมยังมีความสง่างามอีกด้วย

4. วัดโกรกกราก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร

ที่จังหวัดสมุทรสาครก็เป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่ไม่ไกลกรุงเทพ แต่สำหรับที่วัดนี้ มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ภายใน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศิลาแลงปางมารวิชัย ศิลปะสมัยสุโขทัยตอนปลาย ที่โดดเด่นไปด้วยความวิจิตรสวยงาม แล้วยังมีจุดเด่นอยู่ที่เป็นพระพุทธรูปสวมแว่นตาดำ เพราะในสมัยก่อนมีชาวบ้านจะมาบนบานให้หายจากโรคตาแดง และเมื่อหาย ก็จะนำแผ่นทองมาปิดเป็นจำนวนมาก เจ้าอาวาสจึงนำแว่นตามาใส่ให้พระศิลาแลงนั่นเอง

5. วัดโสธรวรารามวรวิหาร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา

ถ้าพูดถึงวัดโสธรวรารามวรวิหาร หลายคนคงนึกถึงเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโสธร อันเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวแปดริ้ว ทำให้ผู้คนที่เลื่อมใสศรัทธาต่างนิยมมากราบไหว้สักการะและขอพรกันเป็นจำนวนมาก เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อชีวิต

6. วัดป่าเลไลยก์ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี

ขับรถห่างจากกรุงเทพไม่ไกลนัก ก็จะมาถึงจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งที่นี่จะมีวัดป่าเลไลยก์ครับ นอกจากจะได้มาไหว้พระขอพรกันแล้ว ภายในวัดยังมีบ้านขุนช้าง ที่มีการแสดงภาพบรรยายเรื่องขุนช้างขุนแผน และการจัดแสดงเครื่องใช้ในสมัยก่อนให้ทุกคนได้เยี่ยมชมกันอีกด้วย

7. วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี

สำหรับวัดพระพุทธบาท มีปูชนียสถานสำคัญ คือ รอยพระพุทธบาท ขนาดกว้าง 21 นิ้ว ยาว 60 นิ้ว ลึก 11 นิ้ว ทั้งยังมีพระมณฑปที่มีความสวยงาม ช่วงทางขึ้นเป็นบันไดนาคสามสาย หมายถึง บันไดเงิน บันไดทอง และบันไดแก้ว ที่ทอดลงมาจากสวรรค์ พร้อมหัวนาค 5 เศียรตรงเชิงบันได ที่หล่อด้วยทองสำริด

8. วัดเขาวงพระจันทร์ อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี

อีกหนึ่งวัดที่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก ยิ่งช่วงวันมาฆบูชานี้มีงานปิดทองรอยพระพุทธบาทวัดเขาวงพระจันทร์ด้วย แต่ต้องเดินขึ้นบันไดไปสู่ยอดเขา 3,790 ขั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2-3 ชั่วโมง นอกจากจะได้ไปไหว้พระขอพรแล้ว ยังได้สัมผัสวิวธรรมชาติข้างทาง และยังถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัวอีกด้วยครับ

9. วัดพราหมณี อ.เมือง จ.นครนายก

วัดพราหมณี หรือ วัดหลวงพ่อปากแดง วัดเก่าแก่อายุหลายร้อยปี ที่ขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ จุดเด่นของวัดนี้ที่ทำให้ผู้คนต่างมากราบไหว้ นั่นก็คือ ความแปลกของพระพุทธรูปที่มีปากสีแดงสดคล้ายทาลิปสติก ใครที่ผ่านไปแถวเส้นน้ำตกสาริกา ก็อย่าลืมแวะมาไหว้พระที่วัดนี้กันนะครับและแน่นอนว่าการขับรถเดินทางไปยังต่างจังหวัดแบบนี้ นอกจากผู้ขับรถควรขับขี่อย่างปลอดภัย และมีสติอยู่ตลอดเวลาแล้ว ก็ควรที่จะต้องทำประกันภัยรถยนต์ เพื่อสวัสดิภาพของตัวเองและผู้อื่น หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ก็มั่นใจได้ว่ายังมีประกันภัยรถยนต์คุ้มครอง สำหรับใครที่สนใจ ก็สามารถ คลิกที่นี่ หรือโทร 02 710 3100 หรือแอด LINE: @masii (มี @ ด้วยนะ) เพื่อสอบถามรายละเอียดต่างๆ ได้เลยครับ
ขอขอบคุณบทความดี ๆ จาก www.masii.com
Rewrite by Butter Cutter

The post ขับรถหนีฝุ่น ไปทำบุญใกล้กรุงเทพ appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

นักษัตรปีชง 2562 มีอะไรบ้าง

ก่อนจะไปดูสถานที่เที่ยวแก้ปีชง เรามาเช็คกันก่อนดีกว่าว่าจะมีปีไหนชงบ้าง? เมื่อลองเปิดดวงปีชง 2562 พบว่า ปีชงปีนี้จะเป็น ปีมะเส็ง หรืองูเล็ก ส่วนปีชงร่วมถัดมาได้แก่ ปีกุน ปีวอก และปีขาล โดยความเชื่อของคนจีนส่วนใหญ่จะเคร่งเรื่องของปีชงทุกๆปี ต่างก็จะพากันไปทำบุญไหว้ศาลเจ้า หรือเดินทางเพื่อขอพรเทพองค์ต่างๆ เชื่อว่าจะเสริมความเป็นมงคลให้กับชีวิต เมื่ออย่างนั้นเรารู้ว่าปีไหนเป็นปีชงแล้ว ต่อไปจะต้องระวังอะไรกันบ้างล่ะ ? เพนกวิน Frank มาสรุปให้ฟังง่ายๆ ดังนี้

• ปีมะเส็ง เป็นดวงของ “ปีชง” เต็มๆ 100% ในปี 2562 ต้องระวังปัญหารอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นทั้งสุขภาพ การเงิน ความรัก หรืออุบัติเหตุต่างๆ ยังคงมีความเสี่ยง ยิ่งใครที่เกิดช่วงปีชงนี้ก็ควรไปทำบุญสักหน่อย เเนะนำให้ช่วยเหลือสัตว์ บริจาคเลือด หรือลองไปไหว้องค์ไท้ส่วยเอี้ย เทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตาที่ชาวจีนนับถือ จะช่วยเสริมมงคลชีวิต และเพื่อความสบายใจ กันเอาไว้ก็ย่อมดีกว่าแก้
• ปีกุน สำหรับปีนี้คนจีนจะเรียกว่า “ปีคัก” ก็คือ ปีที่เป็นเจ้าของนักษัตร ถึงแม้ว่าจะเป็นปีของตัวเอง แต่ก็ได้จัดเป็นปีชงร่วมกับปีมะเส็งมากถึง 50%  และดวงชะตาของผู้ที่เกิดในปีกุนควรระวังเรื่องการเงินมากเป็นพิเศษ เพราะเรื่องเงินนั้นไม่เข้าใครออกใครจริงๆ ลองหาโอกาสไปทำบุญสักครั้ง หรือบริจาคเงินให้กับคนยากไร้ ก็อาจจะช่วยทำให้ชีวิตการงาน การเงินราบรื่นยิ่งขึ้น
• ปีวอก กลายเป็นอีกหนึ่งปีชงร่วม 50 % เหมือนกัน หรือเรียกกันว่า “ปีผั่ว” จะเป็นปีที่ต้องระวังปัญหาสุขภาพเป็นหลัก ทั้งโรคประจำตัวและอุบัติเหตุ อาจจะต้องมีเรื่องให้แวะเข้าโรงพยาบาลได้ คนที่เกิดปีวอกควรดูแลตัวเอง และหมั่นตรวจสุขภาพบ่อยๆ
• ปีขาล ตามแบบฉบับของคนจีนจะเรียกว่า “ปีเฮ้ง” แปลว่าปีที่จะได้รับผลกระทบในเรื่องเคราะห์กรรมต่างๆ โดยเข้าเป็นปีชงร่วม 25% แนะนำให้ชาวปีเสือหมั่นทำบุญเข้าวัด และสวดมนต์เป็นประจำ จะช่วยให้เสริมชะตาชีวิตให้ดีขึ้น

ส่วนใครที่ไม่ได้เกิดในปีชง ก็สามารถเดินทางมาทำบุญ เพื่อเป็นสิริมงคลให้กับชีวิตได้เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ทำบุญด้วย ว่าแต่เราจะไปเที่ยวที่ไหนดีนะ เราเลยจัดมาให้เน้นๆ กับสถานที่ไหว้พระปีชงสำหรับคุณโดยเฉพาะ พลิกร้ายให้กลายเป็นดีตลอดปีกุน !!
 

สถานที่เที่ยวแก้ปีชง

1. วัดมังกรกมลาวาส จ. กรุงเทพฯ

เชื่อว่าคงจะเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว สำหรับวัดจีนชื่อดังย่านเยาวราช สถานที่แก้ชงยอดฮิตอันดับหนึ่งในกรุงเทพ เป็นวัดจีนแต้จิ๋วที่มีศิลปะสวยงาม มีความเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในไทย ภายในวัดจะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ และเทพเจ้าที่สำคัญของชาวจีน เช่น เทพเจ้าไท้ส่วยเอี้ย , เทพเจ้าไฉ่ซิ้งเอี๊ยะ , เทพเจ้าเฮ่งเจีย , พระเมตไตรยโพธิสัตว์ หรือแม่กวนอิมผู่สัก นอกจากนั้นยังมีเทพเจ้าที่เคารพบูชาอีกหลายองค์ด้วยเช่นกัน หากลองเดินมาดูตรงด้านหน้าของวัดจะมีที่สำหรับจุดธูป เทียน ถวายดอกไม้ และอื่นๆไว้ให้แล้ว แต่ถ้าอยากจะเตรียมของไหว้เพิ่มเติมก็สามารถนำมาถวายได้นะ เช่น ส้มมงคล  ขนมจันอับ ขนมเปี๊ยะ ขนมถ้วยฟู หรือน้ำมันตะเกียง
ส่วนคนไม่ได้เตรียมของมา ไม่ต้องกังวลไปนะ ทางวัดก็มีจำหน่ายเช่นกัน ปล่อยให้ขอพรกันได้ตามสบายเลย พร้อมเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น. หากใครยังนึกสถานที่แก้ปีชงไม่ออกนะ ก็ลองมาไหว้กันสักครั้ง เพราะที่นี่ยิ่งใหญ่อลังการมาก ทั้งเดินทางง่าย สะดวก และอยู่ตรงใจกลางกรุงเทพ แถมยังมีของกินของขายอีกมากมาย คนเกิดปีมะเส็งที่ชงเต็มๆ ยิ่งควรเข้ามาไหว้เพื่อขอพร และทำพิธีแก้ปีชงที่วัดแห่งนี้ เพราะชาวจีนเชื่อว่าจะนำพาความโชคดี ชีวิต ครอบครัว ตลอดจนการเจ็บป่วย อุบัติเหตุ เรื่องร้ายต่างๆก็จะค่อยเบาลง
พิกัด: วัดมังกรกมลาวาส จ. กรุงเทพฯ
 

2. วัดมังกรบุปผาราม จ.จันทบุรี

เขาเล่ากันว่าที่นี่เหมาะมากสำหรับผู้แสวงบุญ ห่างไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก จะอยู่ตรงบริเวณ อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของคนไทยเชื้อสายจีนมายาวนาน เมื่อเดินเข้ามาด้านหน้าวัดก็จะเห็นวิหารท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่  มีซุ้มประตูทางเข้าตามศิลปะแบบจีน และวงเวียนน้ำพุอันสวยงาม ถ้าลองเข้าไปอีกหน่อยก็จะเจอกับวิหารกวนซีอิมผ่อสัก วิหารตี่จั่งอ้วงผ่อสัก พระกวนอิมปางพันมือพันตา และพระโพธิสัตว์ต่างๆ  จึงเปรียบเสมือนดินแดนมังกรสู่สวรรค์ ชาวปีมะเส็ง และปีชงร่วมสามารถมาทำบุญ เพื่อเสริมโชคชะตาให้กับชีวิตได้ โดยลำดับการไหว้พระจะมีทั้งหมด 17 จุด ใครที่มาครั้งแรกไม่ต้องกลัวว่าจะงงนะ เพราะทางวัดได้เรียงลำดับตัวเลขไว้ตามจุดต่างๆให้แล้ว ซึ่งเชื่อว่าถ้าไหว้ครบทุกจุดจะได้รับพลังบุญยิ่งใหญ่ ช่วยแก้เคล็ด เสริมบารมี จึงเหมาะมากกับคนที่เกิดปีขาลที่ชงเรื่องของเคราะห์กรรม จะช่วยเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี ทั้งนี้ทางวัดยังมีพิธีทำบุญถือศีลอีกด้วย ใครที่อยากจะมานั่งสมาธิ หรือกำลังอยู่ในช่วงถือศีล ก็หาเวลาไปไหว้กันก่อนได้
พิกัด: วัดมังกรบุปผาราม จ.จันทบุรี
 

3. ศาลเจ้าปึงเถ่ากงม่า จ.ขอนแก่น

วันหยุดสุดสัปดาห์เราลองมาไหว้ศาลเจ้าปึงเถ่ากงม่า อ.เมือง จ.ขอนแก่นกันนะ ถือเป็นศาลหลักเมืองของคนจีน เป็นเทพเจ้าแห่งการค้าขาย เชื่อว่าจะช่วยคุ้มครองให้อยู่เย็นเป็นสุข ร่ำรวยเงินทอง หยิบจับอะไรก็ไม่ติดขัด คนไทยเชื้อสายจีนจะเคารพนับถือมาก ชาวปีกุนที่กำลังมีปัญหาเรื่องการเงินไม่คล่องตัว แนะนำให้ลองมากราบไหว้กันสักครั้ง ไม่ใช่เพียงแค่นั้นศาลแห่งนี้ยังมีจัดพิธีสมโภชศาลเจ้าด้วยนะ ซึ่งจะเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้ามาร่วมงาน เช่น เทพเจ้าแป๊ะยิ้ม ล้อโก้ว เจ้าแม่กวนอิม ไต้ฮงกง โป๊ยเซียนโจ้วซือ และเทพเจ้าองค์อื่นอีกมากมาย พร้อมของนำมาถวายเป็นพวก หมู เป็ด ไก่ ไข่ต้ม ขนม ผลไม้ กระดาษเงิน กระดาษทอง และน้ำชา ตามความเชื่อของคนจีนว่าจะช่วยทำให้มีอยู่มีกิน ค้าขายเจริญรุ่งเรือง ติดต่อเจรจาเป็นไปอย่างราบรื่น หรือจะเติมน้ำมันพืชในตะเกียงของศาลเจ้า ก็จะช่วยต่ออายุกับดวงชะตาชีวิตให้นานขึ้น 

พิกัด: ศาลเจ้าปึงเถ่ากงม่า จ.ขอนแก่น  
 

4. วัดวิหารจีนห้วยบง จ.เชียงใหม่

หากคุณมีโอกาสได้ไปเที่ยวเหนือแล้ว แนะนำให้มาแก้ปีชงที่วัดห้วยบง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ซึ่งวัดแห่งนี้สร้างด้วยสถาปัตยกรรมจีน อยู่บนทำเลไหล่เขา เมื่อมองลงไปจะเห็นวิวธรรมชาติอันสวยงาม ส่วนตรงบริเวณบันไดทางขึ้นจะมีรูปปั้นสิงโต 2 ตัวขนาดใหญ่คอยคุ้มครอง ด้านภายในจะประดิษฐานองค์ปุงเถ่ากง-ม่า เจ้าแม่กวนอิม ไฉ่ซิงเอี้ย ฮั่วท้อเซียนซือ เฮี้ยงเทียนเซียงตี่ และเทพเจ้าต่างๆ รวมถึงพระพุทธรูปที่วางเรียงกันยาวอีกหลายองค์  จึงเป็นวัดที่มองแล้วสวยสะดุดตามาก นอกจากจะได้สัมผัสบรรยากาศเย็นๆของที่นี่แล้ว ยังได้แก้ปีชงพร้อมกันด้วย หรืออาจจะทำบุญบริจาคเงินช่วยเหลือทางวัด เพื่อสร้างวิหาร พุทธรูปร่วมกันถือว่าได้บุญครั้งใหญ่เลยล่ะ ส่วนตรงบริเวณรอบนอกวิหารจะค่อนข้างกว้าง สะอาด และเงียบสงบ เหมาะมากกับผู้ที่ต้องการมานั่งสมาธิ โดยเฉพาะผู้ที่เกิดปีชงในปีนี้ก็ลองเข้ามาไหว้กันดู ที่นี่จะเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.
พิกัด:  วัดวิหารจีนห้วยบง จ.เชียงใหม่ 

5. ศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย จ.ภูเก็ต

เมื่อลงมาทางใต้ได้สัมผัสกับทะเลชายหาดสวยๆกันแล้ว คนไหนที่เชื่อในเรื่องของดวงปีชงก็เข้ามาไหว้ศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย หรือจุ้ยตุ่ยเต้าโบ้เก้งกันก่อนได้ จะตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต โดยเล่ากันว่าถ้ามาไหว้ศาลเจ้าจุ้ยตุ่ยให้ขอพรด้านสุขภาพเป็นหลัก เหมาะมากกับคนเกิดปีวอกที่มีปัญหาเรื่องของสุขภาพ ไม่ใช่แค่นั้นวัดแห่งนี้ยังขึ้นชื่อของยาจีนรักษาโรคอีกด้วยนะ จะมีใบบอกสรรพคุณของยาจีนทุกชนิด และนำกลับไปต้มที่บ้านได้ด้วย
นอกจากนี้ที่นี่ยังมีประเพณี “ถือศีล กินผัก” ผู้คนในละแวกนั้นก็จะนำสิ่งของ เครื่องใช้ เช่น ข้าวสาร น้ำมันมะพร้าว ขนมลูกเต๋า ขนมเปี๊ยะ ดอกไม้ ธูปเทียน มาถวายในศาล พร้อมกราบไหว้เจ้าแม่กวนอิม และทำพิธีสะเดาะเคราะห์ ชาวปีวอกที่ชงเรื่องของสุขภาพ ก็ลองมาพิกัดนี้กันดู แถมยังได้ยินมาอีกว่าที่นี่ยังมีบูชาเทพเจ้าแห่งโชคชะตาเหมือนกัน
พิกัด: ศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย จ.ภูเก็ต
ก็อย่างที่ Frank บอกนั่นแหละว่า การแก้ปีชงเป็นเรื่องความเชื่อของชาวจีน แต่ไม่เห็นจะเป็นไรใช่ไหมล่ะ ? ถ้าเราจะเดินทางไปไหว้เพื่อเสริมบุญบารมี และความสบายใจของตัวเราเอง ยิ่งไปกว่านั้นสถานที่แก้ปีชงในไทยก็มีให้เลือกมากมาย แบบว่าสวยงามไม่แพ้กัน ยิ่งถ้าใครใกล้ที่ไหนก็ลองขับรถไปที่นั่นได้เลย
แล้วอย่าลืมเพื่อนคู่ใจอย่าง “ประกันรถยนต์” ให้คุ้มครองการเดินทางของคุณด้วย เพราะเชื่อกันว่าช่วงปีชงอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือบาดเจ็บได้ง่าย ก็ลองหากรมธรรม์ประกันรถยนต์กันก่อน หรือเข้ามา เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ออนไลน์ กับ Frank.co.th ก็คลิกได้เลย !! และที่สำคัญไม่ว่าใครจะเตือนเรื่องของการแก้ปีชงอย่างไร หัวใจที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ การมีสติ และไม่ประมาทครับ
 

The post ปีชง 2562 ต้องไหว้แก้ปีชงที่ไหนดี ? appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

ขับรถเท้าเปล่าผิดไหม ?

การขับรถยนต์ด้วยเท้าเปล่าไม่สวมรองเท้า หรือการถอดรองเท้าขับรถ “ไม่ผิดครับ” (ยกเว้นผู้ที่เป็นโชเฟอร์ขับขี่รถสาธารณะไม่สามารถถอดรองเท้าขับรถได้นะครับเพราะผิดกฎหมาย) เพียงแต่ไม่ปลอดภัยและสุ่มเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ และร้ายแรงกลายเป็นสาเหตุของเกิดอุบัติเหตุได้ หากฝ่าเท้าเล็กคุณอาจจะเหยียบพลาดไปลงช่วงกลางระหว่างเบรกและคันเร่งได้ ทำให้เบรกไม่ทันในที่สุด
โดยเฉพาะถนนเมืองไทยที่เป็นหลุมเป็นบ่อ มีสถานการณ์เฉพาะหน้าให้ผู้ขับขี่ต้องคอยเบรกอยู่ตลอดเวลา หากต้องเบรกกระทันหันหรือการเหยียบสลับกับคันเร่ง อาจจะทำให้ฝ่าเท้าของคุณเป็นแผล และเล็บฉีกขาดได้ครับ อย่าลืมว่าเคสนี้ประกันรถยนต์ไม่คุ้มครองนะครับ  
โดยเฉพาะผู้ที่ชอบขับรถเท้าเปล่าที่ชอบถอดวางรองเท้าไว้ในที่พักเท้าของคนขับรถ ความประมาทนี้อาจทำให้รองเท้าไหลลงมา ขยับเข้ามาทับหรือซ้อนบริเวณคันเร่ง หรือเบรกรถยนต์โดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ หรือไม่ทันเห็น นี่ก็เป็นสาเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงที่คาดไม่ถึงได้เช่นกันครับ ดังนั้น เลือกสวมใส่รองเท้าขับรถจะดีที่สุดนะ หากยังไม่ถนัดก็ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทีละนิด ๆ ลองสวมใส่รองเท้าในระยะสั้น ๆ และค่อย ๆ เพิ่มระยะทางมากขึ้น ๆ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณและผู้โดยสารในรถยนต์ของคุณล่ะครับ

รองเท้าแบบไหนที่ควรหลีกเลี่ยง

เพราะเบรกและคันเร่งรถยนต์ถูกออแบบมาเพื่อรองรับกับรองเท้า การสวมใส่รองเท้าระหว่างขับขี่นั้นเป็นเรื่องที่ดีก็จริง แต่ก็ไม่ใช่รองเท้าทุกคู่ที่เหมาะกับการขับรถยนต์ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด การสวมใส่รองเท้าก็ยังมีข้อยกเว้นอยู่เช่นกัน คือ

• ไม่ควรสวมรองเท้าส้นสูงในการขับขี่ เพราะส้นของรองเท้าติดกับเบรกหรือคันเร่ง ทำให้ไม่สามารถสั่งการได้ตามความต้องการ ทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชนในที่สุด
• หลีกเลี่ยงรองเท้าหลวม หรือเทอะทะที่จะทำให้การขับยากไปอีก ก่อให้เกิดอันตรายได้ล่ะ
• เป็นไปได้ไม่ควรใส่รองเท้าแตะขับขี่รถยนต์ เพราะรองเท้าแตะที่ไม่มีดอกยางอาจจะพลิกคว่ำพลิกหงาย ทำให้คุณเสียการควบคุมรถได้เช่นกันครับ

อย่างไรก็ดี Frank.co.th ขอย้ำอีกครั้งว่า นักขับทั้งหลายควรเก็บรองเท้าออกจากบริเวณที่วางเท้าฝั่งคนขับทั้งหมด รวมทั้งสิ่งของอื่น ๆ เช่น ขวดน้ำ ร่ม กระเป๋า กล่องแว่น ของใช้ของคุณ หยิบออกจากฝั่งคนขับเถอะครับ เพื่อความปลอดภัยในทุกเส้นทาง  เมื่ออ่านจบแล้ว ลองเช็กรถของคุณดูนะครับว่ามีสิ่งของตั้งอยู่ในโซนที่เราเล่าหรือไม่ ถ้ามีแนะนำเก็บเถอะครับ ปลอดภัยไว้ก่อน 🙂 Frank.co.th เป็นห่วงนะ และอย่าลืมต่อประกันรถยนต์ด้วยยยยยนะ สามารถเช็กเบี้ยประกันรถยนต์ออนไลน์กับเราได้ครับ
Content by Butter Cutter

แหล่งข้อมูล :

• carsguide.com.au
• dlt.go.th

The post ถอดรองเท้าขับรถ ควรหรือไม่ ? appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

รู้ยังว่าเทศกาลกินเจเริ่มกันช่วงไหนกัน?

เทศกาลกินเจเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม จนไปถึงวันที่ 17 ตุลาคมครับ
 

เริ่มไว้เทพเจ้ากันที่ไหนก่อนดี?

นอกจากจะได้รับประทานเจพร้อมได้บุญแล้ว (อ่านเพิ่มเติม 5 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกินเจ และผู้สูงอายุุ) เรามาขับรถเล่นเข้าวัดกราบไหว้เทพเจ้าด้วย 10 สถานที่ไหว้เจ้าขอพรสิ่งศักดิ์สิทธ์ตามคนไทยเชื้อสายจีนกันฮะ
 

1. วัดเล่งเน่ยยี่

วัดจีนที่ไม่มีใครไม่รู้จัก และ เชื่อว่าหลายคนได้เข้าไปกราบไหว้ขอพรที่แห่งนี้กันมาบ้างแล้ว มาอ่านประวัติกันเล็กน้อยนะฮะ วัดเล่งเน่ยยี่เป็นวัดจีนสังกัดคณะสงฒ์จีนนิกายแห่งประเทศไทย ที่ตั้งอยู่ ถนนเจริญกรุงซอย 19 ส่วนวัดเล่งเน่ยยี่ 2 นั้นตั้งอยู่ที่จังหวัดนนทบุรีซึ่งที่นี่มีวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอย่างมากพร้อมสถาปัตยกรรมบนผนังสวยงามบนชั้น 2 วัดเล่งเน่ยยี่แห่งนี่หลายคนมักนิยมไปแก้ชง และเสริมดวงกัน ยังไงนี่ก็เป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่คุณไม่ควรพลาดเลยในช่วงเทศกาลกินเจ

ไปวัดเล่งเน่ยยี่ยังไง?

วัดเล่งเน่ยยี่ 1: 423 ถนน เจริญกรุง เขต ป้อมปราบศัตรูพ่าย แขวง ป้อมปราบ จังหวัดกรุงเทพ

วัดเล่งเน่ยยี่ 2: ตั้งอยู่ที่ซอยเทศบาล 9 ตำบลบางรักพัฒนา อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี

เปิดให้เข้าตั้งแต่เวลา 08.00 น. วันจันทร์ถึงศุกร์ ปิด 5 โมงเย็น ส่วนเสาร์ถึงอาทิตย์ เปิดถึง 6 โมงเย็น

2. ศาลเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ (วิหารเทพสถิตพระกิติเฉลิม)

ขับรถห่างไปเพียง 2 ชั่วโมงคุณก็จะได้เจอกับวิหารสถิตพระกิติเฉลิมที่สวยงาม ภายในศาลเจ้านี้ คุณจะได้พบกับการตกแต่งที่สวยงามใหญ่โต ซึ่งสมัยก่อนที่นี่มีพื้นที่เพียง 200 ตาราวาง แต่หลังจาก 5 ปีอาจารย์สมชายก็ได้ทุ่มเงิน 300 ล้านบาทขยายบนพื้นที่ 5 ไร่ ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมจีนที่ดึงดูดทั้งคนไทย และ คนต่างชาวเข้ามาชื่นชมความสวยงาม และ สักการะบูชาเทพเจ้า

ไปศาลเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ (วิหารเทพสถิตพระกิติเฉลิม)ยังไง?

ที่อยู่ 113 หมู่ 5 ตำบลอ่างศิลา อำเภอเมืองฯ จังหวัดชลบุรี

เปิดให้เข้าชมทุกวัน จันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-17.00 น. เสาร์เปิดถึง 18.00 น. อาทิตย์เปิดถึง 20.00 น.

3. ศาลเจ้าแม่กวนอิม (มูลนิธิเทียนฟ้า)

ศาลเจ้าแม่กวนอิมแห่งนี้ได้ถูกอัญเชิญมาจากประเทศจีนเมื่อปี พ.ศ. 2501 ซึ่งศาลเจ้าแม่กวนอิมแห่งนี้ตั้งอยู่ในมูลนิธิเทียนฟ้า หรือ มูลนิธิแห่งแรกในประเทศไทยที่เกิดจากการรวมตัวกันของชาวจีน 5 ภาษา การที่พวกเขาได้อัญเชิญเจ้าแม่กวนอิม หรือ พรโพธิสัตว์อวโรกิเตศวรปางประทานพรก็เพื่อวงเคราะห์ผู้ป่วย และ ผู้ยากไร้ เพราะเจ้าแม่กวนอิมเปรียบเสมือนเทพแห่งความเมตตา

ไปศาลเจ้าแม่กวนอิม (มูลนิธิเทียนฟ้า) ยังไง?

ที่อยู่ ซอย เยาวราช 7  เขต/แขวง เขตสัมพันธวงศ์ จังหวัดกรุงเทพ

เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.

4. ศาลเจ้าพ่อเสือ

ศาลเจ้าพ่อเสือ หรือ ศาลเจ้าพ่อใหญ่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คุณควรไปสักการะบูชาหลังจากวัดเล่งเน่ยยี่สถานที่ศักดิ์สิทธ์ และ มีชื่อเสียงโด่งดังไปถึงหมอลักษณ์ยังต้องฟันธงเพราะอยู่ทางสามแพร่งที่เราทราบกันดีว่าเป็นสถานที่มีพลังมาก ศาลเจ้าพ่อเสือมีอายุนานมาถึง 100 ปี

ไปศาลเจ้าพ่อเสือยังไง?

ที่อยู่ ใกล้เสาชิงช้า เขต พระนคร จังหวัดกรุงเทพ

เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00-17.00 น.

5. ศาลเจ้ากวนอู

หากใครเคยอ่านเรื่องสามก๊กต้องจำชื่อ “กวนอู” ที่เป็นรูปปั้นผู้ชายนักรบโบราณ ใบหน้าดุดัน ไว้เคราและมีผมยาง ถืออาวุข้างกายที่เรียกว่า ทวน ความพิเศษของที่นี่ก็คือ เทพเจ้ากวนอู หรือ เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตว์แล้วยังประดิษฐานเทพเจ้าม้า ซึ่งเชื่อว่าเป็นม้าเทา ม้าโลหิตประจำกายของเทพเจ้ากวนอูนะครับ

ไปศาลเจ้ากวนอูยังไง?

ที่อยู่ ซอย สมเด็จเจ้าพระยา 3 ซอย กลังอุทยานสมเด็จย่า จังหวัดกรุงเทพ

เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.

6. วัดทิพยวารีวิหาร

วัดทิพยวารีวิหาร หรือ วัดกัมโล่วยี่เป็นวัดสมัยกรุงธนบุรี ที่อยู่ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อปี พ.ศ. 2439 พระอาจารย์ไหซัน พระภิกษุจีนชาวมณฑลหูหนานได้มาจำพรรษาอยู่ที่วิหารแห่งนี้ เหตุที่ได้ตั้งชื่อวัดทิพยวารีวิหารนั้นก็เพราะในวัดนี้มี “บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์”  หรือ “บ่อน้ำทิพย์” อยู่นั่นเอง วัดนี้เป็นวัดที่มีคนจีนแต้จิ๋วนับถือกันมากที่สุก หลังจากที่หลายคนเดินทางขอพรและสมดังใจปราถนา โดยเฉพาะการเสริมบารมี และ เสริมบารมี

ไปวัดทิพยวารีวิหารยังไง?

ที่อยู่ 119 ซอยทิพย์วารี ตรีเพชร เขตพระนคร จังหวัด กรุงเทพ

เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.

7. ศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ

การก่อสร้างที่มาด้วยการก่อสร้างศิลปะจีนแบบแต้จิ๋วตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ด้วยการตกแต่งสถานที่ด้วยวัตถุโบราณล้ำค่า หากคุณเป็นนักเดินทาง หรือ นักท่องเที่ยว จะต้องเขามากราบไหว้สักการะสั่งครั้งเพื่อให้การเดินทางของคุณลื่นไหล โดยภายในศาลมีแท่นบูชาเล่งบ๊วยเอี๊ยะ หรือ เทพเจ้าหางมังกรเป็นประธานพร้อมภริยา ด้านซ้ายมือตั้งแท่นบูชาเทพเจ้ากวนอู และ ฝั่งขวามือเป็นแท่นบูชาพระแม่สวรรค์

ไปศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะยังไง?

ที่อยู่  125 ซอย เยาวราช 6 จังหวัด กรุงเทพ

เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 07.00-17.00 น.

8. วัดบำเพ็ญจีนพรต (ย่งฮกยี่)

หากคุณไปย่านเยาวราช เที่ยวชมเทศกาลกินเจ ก็อย่าลืมเข้าไปกราบไหว้สักการะบูชาเทพเจ้าที่วัดบำเพ็ญจีนพรตกันนะครับ สถานที่แห่งนี้เดิมเป็นวิหารพระอวโลกิดตศวรโพธิสัตว์ร้าง  ต่อมามีพระอาจารย์เข้ามาปฎิสังขรณ์วิหารพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น “ย่งฮกยี่” ภายในวัดแห่งนี้อาจจะมีพื้นที่จำกัด แต่ก็มีประชาชนเข้ามาสักการะอย่างมากโดยเฉพาะช่วงเทศกาลตรุษจีน

ไปวัดบำเพ็ญจีนพรต (ย่งฮกยี่) ยังไง?

ที่อยู่  324 ซอย เยาวราช 8 จังหวัด กรุงเทพ

เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 07.00-17.00 น.

9. วัดจีจินเกาะ

อีกสถานที่หนึ่งที่หลายคนเคยเห็นกันริมแม่น้ำเจ้าพระยากันใช่ไหมครับ วัดแห่งนี้เรียกว่าเป็นวัดที่มีความเก่าแก่ และ มีความสำคัญในระดับชาติ หากคุณได้เดินทางเข้าไปในวัดก็จะเห็นโบสถ์จีนสูง 9 ชั้น เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่สำคัญของวัดที่มีอีกชื่เรียกว่า “พระมหาธาตุเจดีย์พระจอมชาตรีไทยจีนเฉลิม” เพราะ นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นโบสถ์จีนได้ในระยะไกลได้

ไปวัดจีจินเกาะยังไง?

ที่อยู่  494 ซอย สมเด็จเจ้าพระยา 17 จังหวัด กรุงเทพ

เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00-16.30 น.

10. วัดจีนประชาสโมสร (วัดเล่งฮกยี่)

หากพูดถึงวัดจจีนแถวเยาวราช หลายคนคงนึกถึงวัเล่งฮกยี่ วัดจีนแห่งนี้เรียกว่าเป็นสถานที่รวบรวมคนไทยเชื้อสายจีนมายาวนาน ภายในวิหารมีหลักความเชื่อศรัทธาแบบจีน ผู้คนมักเดินทางมาที่นี่เพื่อมาสักการะ ขอพร เพื่อความเจริญรุ่งเรื่องเป็นสิริมงคลในชีวิต สถานที่นี้มีพื้นที่จำกัดแต่ก็มีจุดกราบสักการะถึง 20 จุดด้านในที่ทางวัดได้ติดตัวเลขจัดลำดับการไหว้ไว้ให้เรียบร้อย ไม่ต้องกลัวการกราบไหว้ผิดจุดเลยทีเดียว

ไปวัดจีนประชาสโมสร (วัดเล่งฮกยี่)ยังไง?

ที่อยู่  291 ถนน ศุภกิจ หน้าเมือง จังหวัด ฉะเชิงเทรา

เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.

 
 
ขับรถเล่นวันหยุดกราบไหว้สักการะบูชาวัดจีนเพิ่มสิริมงคลแก่ตัวใกล้กรุงเทพกับครอบครัว และ คนที่คุณรักกันดีกว่า ได้ทั้งบุญและความสุขที่คุณสามารถทำได้กับคนที่คุณรัก อย่าลืมทำความเข้าใจประกันรถยนต์ดูแลเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนด้วยนะครับ

The post กินเจ 2561 เที่ยววัดจีนไหนดีใกล้กรุงเทพ? appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

 
“อยุธยา” กรุงเก่าที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ชาติไทย และมีโบราณสถาน โบราณวัตถุที่สำคัญและน่าสนใจมากมาย รวมไปถึงวัดต่างๆ ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก เสาร์-อาทิตย์นี้ frank จึงอยากเชิญชวนเพื่อนๆ ไปเดินสายไหว้พระ 9 วัดเสริมสิริมงคลให้กับชีวิตที่จังหวัดอยุธยากัน บอกเลยว่าขับรถไปได้ง่ายๆ ตามเส้นทางที่เรากำลังจะบอกตามนี้เลยคร้าบบบ
1. วัดใหญ่ชัยมงคล

เริ่มต้นวันกันด้วยวัดใหญ่ชัยมงคล ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองสวนพลู หากเดินทางมาให้ใช้ถนนสายเอเชีย (ทางหลวงหมายเลข 32) จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายบริเวณสี่แยกเข้าอยุธยา ตรงเข้ามาจะพบวงเวียนเจดีย์วัดสามปลื้ม จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายไปอีก 1.5 กิโลเมตร จะพบวัดใหญ่ชัยมงคลอยู่ทางซ้ายมือ
วัดใหญ่ชัยมงคล เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง พระมหากษัตริย์ผู้สถาปนากรุงศรีอยุธยา โดยวัดใหญ่ชัยมงคล เป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในอยุธยาและมีสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น ได้แก่ มีเจดีย์ที่สูงที่สุดในอยุธยา มีตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธชัยมงคล  มีพระนอนที่วิหารพระพุทธไสยาสน์ ฯลฯ ที่สวยงามและศักดิ์สิทธิ์ จึงทำให้เป็นวัดที่มีผู้คนต่างมากราบไหว้เป็นจำนวนมาก
เวลาเปิด - ปิด : 08.00 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม : ชาวไทยฟรี / ชาวต่างชาติ 20 บาท
2. วัดพนัญเชิงวรวิหาร

ต่อกันที่วัดที่สองนั่นก็คือ วัดพนัญเชิงวรวิหาร โดยออกจากวัดใหญ่ชัยมงคลแล้วให้คุณขับตรงไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร จะพบกับวัดพนัญเชิงวรวิหาร อยู่ทางซ้ายมือ
วัดพนัญเชิงวรวิหาร เป็นวัดที่ชาวไทยและชาวจีนต่างนิยมมากราบหลวงพ่อโต ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ ส่วนในพระอุโบสถ มีพระพุทธรูปสำคัญอยู่ 3 องค์ ได้แก่ พระพุทธรูปทองคำพระพุทธรูปปูน และพระพุทธรูปนาค นอกจากนั้นยังมีตำหนักเจ้าแม่สร้อยดอกหมากให้ได้ไปกราบไหว้ และยังมีท่าน้ำสำหรับให้อาหารปลาเพื่อเป็นการทำทานอีกด้วย
เวลาเปิด - ปิด : 08.00 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม : ชาวไทยฟรี / ชาวต่างชาติ 20 บาท
3. วัดมงคลบพิตร

Credit Photo : https://th.wikipedia.org/wiki/ไฟล์:วิหารพระมงคลบพิตร_จังหวังพระนครศรีอยุธยา.jpg
วัดที่สามคือ วัดมงคลบพิตร โดยให้ย้อนกลับไปบริเวณวงเวียนเจดีย์วัดสามปลื้มก่อนจะถึงวัดใหญ่ชัยมงคล เมื่อเจอวงเวียนแล้วให้เลี้ยวซ้ายข้ามสะพานปรีดี-ธำรง จากนั้นจะเจอสามแยกโดยให้เลี้ยวขวาไปตามทาง ก็จะพบกับวงเวียนเล็กๆ อีกที จากนั้นให้ขับรถตรงไปก็จะพบกับวัดมงคลบพิตร
วิหารพระมงคลบพิตร เป็นที่ประดิษฐานพระมงคลบพิตร พระพุทธรูปบุสำริดปางมารวิชัย ซึ่งเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่องค์หนึ่งในประเทศไทย ซึ่งต้องไม่ลืมกราบนมัสการหลวงพ่อมงคลบพิตร พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของอยุธยาด้วย นอกจากนั้นบริเวณด้านทิศตะวันออก เคยใช้เป็นที่สำหรับสร้างพระเมรุพระบรมศพของพระมหากษัตริย์และเจ้านายเช่นเดียวกับสนามหลวงกรุงเทพในปัจจุบัน
เวลาเปิด - ปิด : จันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.00 – 16.30 น. ส่วนเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.00 - 17.00 น.
4. วัดแม่นางปลื้ม

Credit Photo : http://ww2.ayutthaya.go.th/travel/detail/47
ต่อกันที่วัดที่สี่ วัดแม่นางปลื้ม ตั้งอยู่บริเวณคลองเมือง ตรงข้ามหัวรอ สามารถขับรถตรงจากวัดมงคลบพิตรได้เลย โดยขับไปเรื่อยๆ จะเจอสี่แยก จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายและขับรถตรงไปเรื่อยๆ จะผ่านอีก 2 สี่แยกแล้วให้ข้ามสะพานข้ามคลองไป จากนั้นเลี้ยวขวาก็จะพบกับวัดแม่นางปลื้มอยู่ขวามือ
วัดแม่นางปลื้ม เป็นวัดที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และตำนานที่น่าสนใจที่เกี่ยวข้องกับความจงรักภักดีของแม่ปลื้มที่มีต่อสมเด็จพระนเรศวร หลังจากแม่ปลื้มเสียชีวิต สมเด็จพระนเรศวรจึงรับสั่งให้จัดงานศพให้กับแม่ปลื้มอย่างสมเกียรติพร้อมสร้างวัดให้แม่ปลื้ม นามว่า “วัดแม่นางปลื้ม” สำหรับพระประทานของที่นี่ คือ หลวงพ่อขาว ซึ่งมีความสวยงามเป็นอย่างมาก
เวลาเปิด - ปิด : 08.00 – 16.30 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี
5. วัดธรรมิกราช

ออกจากแม่นางปลื้มแล้วให้ย้อนกลับไปยังสี่แยกที่ 2 แล้วเลี้ยวซ้ายไปประมาณ 750 เมตร วัดธรรมิกราชจะอยู่ทางซ้ายมือ
วัดธรรมิกราช เป็นวัดหลวงเก่าแก่ที่สร้างขึ้นก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา มีเจดีย์ทรงกลมที่มีปูนปั้นรูปสิงห์ล้อมอยู่ จำนวน 52 ตัว ถือเป็นความโดดเด่นของวัดแห่งนี้ รวมไปถึงวิหารหลวงซึ่งเป็นวิหารขนาดใหญ่ ซึ่งใช้ปูนเปลือกหอย ประสานด้วยน้ำตาลอ้อยเป็นโครงสร้าง ไร้โครงเหล็กใดๆ ถือว่ามีความมั่นคงแข็งแรงมาก
เวลาเปิด - ปิด : 08.30 – 16.30 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี
6. วัดท่าพระเมรุ

Credit Photo : https://www.pinterest.com/pin/229050331026091321
วัดที่หก ได้แก่ วัดท่าพระเมรุ โดยออกจากวัดธรรมิกราชมาแล้วให้เลี้ยวซ้ายไปประมาณ 300 เมตร แล้วข้ามสะพานไป เลี้ยวซ้ายอีกทีก็จะพบกับวัดท่าพระเมรุทางขวามือ
วัดท่าพระเมรุ เป็นวัดที่พม่าเคยใช้ตั้งฐานบัญชาการ จึงเป็นวัดเดียวในกรุงศรีอยุธยาที่ไม่ได้ถูกพม่าทำลาย ความน่าสนใจอยู่ที่สถาปัตยกรรมของวัดที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ตามสถาปัตยกรรมแบบอยุธยามากที่สุด รวมไปถึงพระอุโบสถ และพระพุทธรูปในพระอุโบสถที่หล่อด้วยทองสำริด ภายนอกฉาบด้วยปูน ลงลักปิดทองปางมารวิชัยทรงเครื่องพระมหากษัตราธิราชสมัยกรุงศรีอยุธยา ฯลฯ
เวลาเปิด - ปิด : 08.30 – 17.30 น.
ค่าเข้าชม : ชาวไทยฟรี / ชาวต่างชาติ 20 บาท
7. วัดเชิงท่า

ต่อกันที่วัดเชิงท่า ซึ่งอยู่ห่างจากวัดท่าพระเมรุเพียงแค่เลี้ยวขวามา 300 เมตร เท่านั้น วัดเชิงท่า มีโบราณสถานสำคัญ ได้แก่ ปรางค์ห้ายอดสมัยอยุธยา, ศาลาการเปรียญที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 รวมไปถึงงานศิลปกรรมไทยสมัยอยุธยาตอนปลาย ทั้งในรูปแบบสถาปัตยกรรม ประติมากรรม และจิตรกรรมต่างๆ ซึ่งควรค่าแก่การไปกราบไหว้และเยี่ยมชม
เวลาเปิด - ปิด : 08.00 – 17.30 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี
8. วัดท่าการ้อง

Credit Photo : http://ww2.ayutthaya.go.th/travel/detail/43
ออกจากวัดเชิงท่าแล้วเลี้ยวซ้ายไปจะเจอกับถนนใหญ่ พอเข้าสู่ถนนใหญ่ให้ขับไปเรื่อยๆ จะพบสามแยกประตูชัย เลี้ยวขวาสู่ถนนอู่ทอง ให้ขับเลียบแม่น้ำไปประมาณ 1.6 กิโลเมตร ก็จะพบสี่แยก จากนั้นเลี้ยวขวาขึ้นสะพานกษัตราธิราช เมื่อลงสะพานจะพบสี่แยกหัวแหลม จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าซอยและขับเลียบคลองส่งน้ำไป ผ่านวัดกษัตราธิราชวรวิหาร ประมาณ 800 เมตร ให้สังเกตขวามือจะเจอซอยเข้าไปยังวัดท่าการ้อง
วัดท่าการ้อง เป็นวัดที่ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ผู้คนต่างนิยมมาสักการะ “หลวงพ่อยิ้ม” ซึ่งสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นสมัยอยุธยาตอนต้น ภายในวัดท่าการ้อง จะแตกต่างกับวัดอื่นๆ ในอยุธยา ตรงที่เป็นวัดสมัยใหม่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีห้องน้ำติดแอร์ มีตลาดน้ำที่เปิดทุกเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์อีกด้วย
เวลาเปิด - ปิด : 09.00 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี
9. วัดกษัตราธิราชวรวิหาร

Credit Photo : https://th.wikipedia.org/wiki/วัดกษัตราธิราชวรวิหาร
ปิดท้ายกันที่วัดกษัตราธิราชวรวิหาร โดยออกจากวัดท่าการ้องมาแล้วให้ย้อนกลับไปจะเจอกับวัดกษัตราธิราชวรวิหาร โดยวัดกษัตราธิราช เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี มีความน่าสนใจอยู่หลายอย่างภายในวัด ไม่ว่าจะเป็นพระวิหารที่มีถึง 4 หลัง, พระอุโบสถที่เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธกษัตราธิราช พระพุทธรูปปางมารวิชัย, พระปรางค์ประธานหลังพระอุโบสถ, เจดีย์รายซึ่งเป็นศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย ฯลฯ
เวลาเปิด - ปิด : 08.00 – 16.30 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี
หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางทำบุญมาทั้งวัน แนะนำว่าให้ลองพักค้างคืนที่อยุธยาสักคืน ซึ่งในจังหวัดอยุธยามีที่พักสวยๆ ให้คุณได้นอนซึมซับบรรยากาศของกรุงเก่าอยู่หลายโรงแรม เช้าวันที่ 2 frank แนะนำให้เพื่อนๆ เที่ยวตลาดน้ำอโยธยาแวะทานของอร่อยๆ พร้อมซื้อของฝากก่อนกลับ รวมไปถึงมีก๋วยเตี๋ยวอยุธยา ร้านอาหารที่ขายกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ๆ เด็ดๆ ที่ขึ้นชื่ออยู่หลายร้านที่รอให้คุณไปลิ้มลองอีกด้วยนะครัาบบบ

 
ข้อมูลจาก expedia.co.th,

The post ขับรถไหว้พระ 9 วัดในอยุธยา 2 วัน 1 คืน appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.