คนที่ใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าของรถไฟฟ้า เพราะทันสมัยและดีต่อโลก แต่เดี๋ยวก่อน! ก่อนตัดสินใจซื้อควรศึกษาหาข้อดีข้อเสียและควรมองภาพรวมของค่าใช้จ่ายที่ต้องเจอ เพื่อวางแผนการเงิน การเป็นเจ้าของรถไฟฟ้า (EV) นอกจากช่วยลดมลพิษทางอากาศ และประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แถมยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ
มาดูกันว่า 5 ค่าใช้จ่ายหลักของการมีรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
ราคารถไฟฟ้า (EV) โดยทั่วไปจะสูงกว่ารถยนต์ทั่วไป แต่ปัจจุบันมีหลายรุ่นที่ราคาเริ่มต้นใกล้เคียงกับรถยนต์ทั่วไปแล้ว เช่น Nissan Leaf, MG ZS EV และ Ora Good Cat โดยราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณ ประมาณ 7 แสนบาท ถึง 2 ล้านบาท โดยขึ้นอยู่กับรุ่น ยี่ห้อ เทคโนโลยี และออปชั่น ผู้ซื้อสามารถเลือกผ่อนชำระได้เหมือนรถยนต์ทั่วไป โดยระยะเวลาผ่อนชำระ และอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับนโยบายของธนาคาร ซึ่งธนาคารบางแห่งอาจเสนอโปรโมชั่นดอกเบี้ย 0% เลยก็มี
ค่าไฟชาร์จรถไฟฟ้า (EV) อาจคำนวณให้แน่นอนไม่ได้ ขึ้นอยู่กับอัตราค่าไฟฟ้าที่ใช้ชาร์จ สถานที่ชาร์จ และ ขนาดแบตเตอรี่ของรถ โดยเฉลี่ยแล้วชาร์จบ้านประมาณ 3-5 บาท/หน่วย ขึ้นอยู่กับค่าไฟฟ้าแต่ละบ้าน และชาร์จสถานีชาร์จเร็ว 8-10 บาท/หน่วย ตัวอย่างเช่น สถานีชาร์จเร็วของ EA Anywhere คิดค่าบริการ 8.50 บาท/หน่วยเท่านั้น
ค่าไฟชาร์จต่อการขับขี่ อยู่ที่ประมาณ 2-3 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) ซึ่งถือว่าประหยัดกว่าค่าน้ำมัน ตัวอย่างเช่น หากชาร์จไฟเต็มแบตเตอรี่ขนาด 50 kWh จะใช้ค่าไฟประมาณ 100-150 บาท สามารถวิ่งได้ระยะทางประมาณ 300-350 กิโลเมตรเลยทีเดียว
รถยนต์ไฟฟ้า (EV) มีชิ้นส่วนที่ต้องบำรุงรักษาน้อยกว่ารถยนต์ทั่วไป ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ไส้กรองน้ำมันเครื่อง หัวเทียน หรือสายพาน ถือเป็นข้อดีในระยะยาว ทำให้ค่าบำรุงรักษาต่ำกว่า โดยเฉลี่ยแล้วค่าบำรุงรักษารถไฟฟ้า (EV) จะอยู่ที่ประมาณ 1,000-2,000 บาทต่อปี ถือว่าต่ำกว่ารถยนต์ทั่วไปที่มักมีค่าบำรุงรักษาประมาณ 3,000-5,000 บาทต่อปี
เทคโนโลยีรถไฟฟ้า (EV) พัฒนาอยู่ตลอดเวลา ทำให้รถรุ่นเก่าอาจมีราคาเสื่อมเร็วกว่ารถยนต์ทั่วไป แต่ปัจจุบันตลาดรถไฟฟ้า (EV) เติบโตขึ้น ทำให้ความต้องการรถไฟฟ้า (EV) สูงขึ้น ส่งผลให้ค่าเสื่อมราคารถไฟฟ้าชะลอตัวลง ตัวอย่างเช่น รถ Tesla Model 3 ที่เปิดตัวในปี 2017 มีราคาเสื่อมราคาประมาณ 10% ในปีแรก ถือว่าต่ำกว่ารถยนต์ทั่วไปที่มักมีราคาเสื่อมราคาประมาณ 20% ในปีแรก
เบี้ยประกันภัยรถไฟฟ้า (EV) โดยปกติแล้วมักจะสูงกว่ารถยนต์ทั่วไป เนื่องด้วยราคาอะไหล่ที่แพงกว่า แต่ปัจจุบันบริษัทประกันภัยหลายแห่งเริ่มมีแพ็กเกจประกันภัยสำหรับรถไฟฟ้า (EV) โดยเฉพาะ ซึ่งมีเบี้ยประกันที่ถูกลง และคุ้มครองความเสี่ยงที่หลากหลาย บางแห่งเสนอส่วนลดเบี้ยประกัน 10% สำหรับรถไฟฟ้า (EV) เลยก็มีมาแล้ว
การเป็นเจ้าของรถไฟฟ้า (EV) มีค่าใช้จ่ายหลักๆ 5 ประการดังที่กล่าวมา ผู้ซื้อควรศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายต่างๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะประกันภัยรถยนต์ ไม่ว่าจะรถยนต์เติมน้ำมัน หรือรถยนต์ไฟฟ้า ประกันรถยนต์ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ สำหรับรถทุกประเภท โดยเฉพาะรถไฟฟ้า (EV) ที่มีราคาสูง ดังนั้นผู้ซื้อควรเลือกประกันภัยที่คุ้มครองความเสี่ยงที่หลากหลาย และเหมาะสมกับการใช้งาน ให้ bolttech.co.th ดูแลเรื่องประกันภัยรถยนต์ และมอบสิทธิพิเศษให้คุณโดยเฉพาะ ซื้อง่ายผ่านออนไลน์ เข้ามาเช็กเบี้ยประกัน พร้อมรู้ราคาได้ทันที มีส่วนลดพิเศษมอบให้ด้วย!
เชื่อมต่อ กับพวกเรา
