ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2565 จะมีวันไหนบ้าง ที่ช่วยเสริมดวง การงาน การเงิน สุขภาพ และความรักให้กับเจ้าของบ้าน วันนี้ bolttech ได้รวบรวมมาให้แล้ว 

ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ มกราคม 2565 

• วันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคม (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันจันทร์ วันพุธกลางคืน) 
• วันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันจันทร์ วันอังคาร) 
• วันศุกร์ที่ 21 มกราคม (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันพุธกลางคืน วันเสาร์) 
• วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม เหมาะกับการย้ายที่อยู่ ไม่เหมาะกับการขึ้นบ้านใหม่ (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันจันทร์ วันอังคาร) 
• วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันจันทร์ วันพุธกลางคืน) 
• วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันจันทร์ วันอังคาร) 

ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ กุมภาพันธ์ 2565

• วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันอาทิตย์ วันพุธกลางวัน) 
• วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันจันทร์ วันพุธกลางคืน) 
• วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันจันทร์กับวันพุธกลางคืน) 
• วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันเสาร์ วันอาทิตย์) 
• วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันอาทิตย์ วันพุธกลางวัน) 
• วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันเสาร์ วันอาทิตย์) 
• วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันจันทร์ วันอังคาร) 
• วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันอังคาร วันพฤหัสบดี) 

ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ มีนาคม 2565

• วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันจันทร์ วันอังคาร) 
• วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันอังคาร วันพฤหัสบดี) 
• วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันจันทร์ วันพุธกลางคืน) 
• วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันจันทร์ วันพุธกลางคืน) 

ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ เมษายน 2565

• วันศุกร์ที่ 1 เมษายน 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันเสาร์และวันอาทิตย์) 
• วันจันทร์ที่ 4 เมษายน 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันอังคารและวันพฤหัสบดี) 
• วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันจันทร์และวันอังคาร) 

ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ พฤษภาคม 2565

• วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันเสาร์และวันอาทิตย์)
• วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันอาทิตย์และวันพุธกลางวัน)
• วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันอาทิตย์และวันพุธกลางวัน)
• วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันพฤหัสบดีและวันศุกร์) 

ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ มิถุนายน 2565

• วันพุธที่ 1 มิถุนายน 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันพุธกลางคืนและวันเสาร์) 
• วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันเสาร์และวันอาทิตย์) 
• วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน 2565  (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันจันทร์และวันพุธกลางคืน) 
• วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันเสาร์และวันอาทิตย์) 
• วันอังคารที่ 28 มิถุนายน 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันอาทิตย์และวันพุธกลางวัน) 
• วันพุธที่ 29 มิถุนายน 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันพุธกลางคืนและวันเสาร์) 

ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ กรกฎาคม 2565

• วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันพฤหัสบดีและวันศุกร์)
• วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันเสาร์และวันอาทิตย์)
• วันพุธที่ 13 กรกฎาคม 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันพุธกลางคืนและวันเสาร์)
• วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันพฤหัสบดีและวันศุกร์)
• วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันจันทร์และวันอังคาร)
• วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันอังคารและวันพฤหัสบดี)
• วันพุธที่ 27 กรกฎาคม 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันพุธกลางคืนและวันเสาร์)
• วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันเสาร์และวันอาทิตย์)
• วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันพฤหัสบดีและวันศุกร์) 

ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ สิงหาคม 2565

• วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันอาทิตย์และวันพุธกลางวัน) 
• วันอังคารที่ 23 สิงหาคม 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันอาทิตย์และวันพุธกลางวัน) 

ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ กันยายน 2565

• วันอังคารที่ 6 กันยายน 2565  (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันอาทิตย์และวันพุธกลางวัน) 
• วันพุธที่ 7 กันยายน 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันพุธกลางคืนและวันเสาร์) 
• วันเสาร์ที่ 10 กันยายน 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันพฤหัสบดีและวันศุกร์) 
• วันพุธที่ 14 กันยายน 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันพุธกลางคืนและวันเสาร์) 
• วันจันทร์ที่ 19 กันยายน 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันอังคารและวันพฤหัสบดี) 
• วันพุธที่ 21 กันยายน 2565 (ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ในวันนี้ สามารถใช้ได้ทุกวันเกิด) 
• วันเสาร์ที่ 24 กันยายน 2565  (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันพฤหัสบดีและวันศุกร์) 

ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ ตุลาคม 2565

• วันอังคารที่ 4 ตุลาคม 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันพุธกลางวันและวันอาทิตย์) 
• วันพุธที่ 5 ตุลาคม 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันพุธกลางคืนและวันเสาร์) 
• วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม 2565  (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันพุธกลางวันและวันอาทิตย์) 
• วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม 2565 (ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ในวันนี้ สามารถใช้ได้ทุกวันเกิด) 
• วันพุธที่ 26 ตุลาคม 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันพุธกลางคืนและวันเสาร์) 
• วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันอังคารและวันพฤหัสบดี) 

ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ พฤศจิกายน 2565

• วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันพุธกลางคืนและวันเสาร์) 
• วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันเสาร์และวันอาทิตย์) 
• วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันอังคารและวันพฤหัสบดี) 

ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ ธันวาคม 2565

• วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันอังคารและวันพฤหัสบดี) 
• วันอังคารที่ 6 ธันวาคม 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันพุธกลางวันและวันอาทิตย์) 
• วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2565 (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันเสาร์และวันอาทิตย์) 
• วันพุธที่ 21 ธันวาคม 2565  (ยกเว้น เจ้าของบ้านที่เกิดวันพุธกลางคืนและวันเสาร์)

ทั้งหมดนี้คือ ปฏิทิน 2565 ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ ฤกษ์ดี วันมงคล หากคุณกำลังจะขึ้นบ้านใหม่เร็วๆ นี้ สามารถนำฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ไปใช้ได้เลย แล้วก่อนที่จะทำพิธีขึ้นบ้านใหม่ อย่าลืมเตรียมความพร้อม เตรียมงานตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้การทำบุญบ้านใหม่เป็นไปอย่างราบรื่น 

ถึงทำบุญมาดีแค่ไหน หากเกิดภัยกับที่อยู่อาศัยของคุณก็ไม่ช่วยอะไร ทำประกันบ้าน กับ bolttech.co.th ให้คุ้มครองที่อยู่อาศัยของคุณ เช่น ไฟไหม้ ฟ้าฝ่า ภัยระเบิด ภัยอันเนื่องจากน้ำ เป็นต้น ถือเป็นความคุ้มครองภัยหลัก และสามารถซื้อความคุ้มครองภัยเพิ่มเติมได้ ทำให้คุณไม่ต้องจ่ายค่าซ่อมบ้านเอง เปลี่ยนเรื่องยากให้ง่ายขึ้น

The post ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2565 ฤกษ์ดี เสริมสิริมงคล appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. ทั้งคู่ต้องมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์

การทำประกันชีวิตเพศเดียวกันในเมืองไทยอาจจะยังไม่แพร่หลายมากนัก และมีเงื่อนไขเบื้องต้นว่าผู้ทำประกันชีวิตจะต้องมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ อยู่ในหลักเกณฑ์สามารถสมรสได้ตามกฎหมาย และสามารถทำนิติกรรมได้ตามกฎหมายไทยเท่านั้น พร้อมกันนี้ทั้งคู่จะต้องไม่มีความสัมพันธ์ทับซ้อนกับผู้อื่น หากฝ่ายหนึ่งเคยแต่งงานมาก่อนจะต้องหย่าร้างก่อนถึงจะทำประกันชีวิต LGBT ได้ครับ

2. คู่รัก LGBT ต้องอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างน้อย 2 ปี

สำหรับการทำประกันชีวิต LGBT เมื่อก่อนีข้อจำกัดอยู่มากโขอยู่ครับ แต่เดี๋ยวนี้สบายขึ้นเยอะ เพียงแค่มีเอกสารหลักฐานว่าเราทั้งสองเป็นคู่ชีวิตกันและกันจริง ๆ และอยู่อาศัยร่วมชายคากันมาตั้งแต่ 2 ปีึ้นไป ซึ่งต้องแสดงหลักฐานให้ครบชัดเจนได้แก่ 

• ทะเบียนบ้านที่เราอยู่ด้วยกัน
• เอกสารเช่า หรือจำนองร่วมกัน
• เปิดบัญชีร่วมกัน หรือมีบัญชีบัตรเครดิตร่วมกัน หรือกู้ร่วมกัน
• เอกสารยืนยันความสัมพันธ์คู่ชีวิต 
• ทะเบียนสมรสในประเทศที่รับรอง (ถ้ามี)
• รายละเอียดประกันชีวิต, สวัสดิการพนักงาน หรือแผนการเกษียณที่ระบุคู่ชีวิตรับผลประโยชน์อื่นกับบริษัทฯ (ถ้ามี)

3. ต้องรู้ว่าจะทำประกันชีวิตประเภทไหน

ถามว่าประกันชีวิตเพศเดียวกันน่าทำประกันชีวิตประเภทใดต้องบอกว่า “ประกันออมทรัพย์” ก็น่าสนใจนะครับ เราจะได้เก็บออมเงินก้อนใหญ่ไว้ใช้ หรือมอบให้กับคู่ชีวิตเราในยามแก่เฒ่าและเราไม่อยู่แล้ว ประกันออมทรัพย์บางแห่งก็มีให้เลือกออมสั้น 4 ปี คุ้มครอง 10 ปียาว ๆ ได้รับเงินคืน 6% ของทุนประกันล่ะครับ เอาเป็นว่า ลองศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจได้ครับ 
และตลอดระยะเวลาทำประกันชีวิตคู่รัก ผู้ทำประกันภัยสามารถเปลี่ยนผู้รับผลประโยชน์ใหม่ได้ตลอด หากผู้รับผลประโยชน์มิได้ลงลายลักษณ์อักษรแก่บริษัทประกันว่าจะรับประโยชน์นั้นครับ ไว้แฟรงค์จะหาเรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับประกันภัยมาเล่าให้ฟังอีกนะ
ขอบคุณข้อมูล fwd.co.th, moneyandbanking.co.th, pantip.com
Content by Butter Cutter

The post 3 สิ่งต้องรู้ ก่อนคู่รัก LGBT อยากมอบผลประโยชน์ประกันชีวิตให้กับคนรัก appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. ดูสมาชิกครอบครัว
2. งบประมาณ
3. ความปลอดภัย
4. ความสะดวกสบาย

1. ดูสมาชิกครอบครัว

อันดับแรกนั้น เพื่อนๆ ควรมองที่สมาชิกครอบครัวของตัวเองก่อนเลย ถ้าหากตั้งใจว่าจะมีลูกน้อยเพิ่มขึ้นอีกกี่คนก็ควรวางแผนกันตั้งแต่ตอนนี้ เพราะถ้าหากปัจจุบันครอบครัวเรามีรวมกัน 4 คน จึงตัดสินใจซื้อรถยนต์ครอบครัวรุ่นนี้ แต่ระยะต่อมากลับขยายสมาชิกครอบครัวเป็น 6 แบบนี้ก็อาจจะเกิดความลำบากต่อการนั่งบนรถยนต์ก็เป็นไปได้ ถ้าหากเราประเมินสมาชิกในครอบครัวของเราได้ก่อน ก็จะง่ายต่อการตัดสินใจซื้อรถครอบครัว และรวมไปถึงยังสามารถใช้รถยนต์ในระยะยาวได้อีกด้วย

2. งบประมาณ

ค่าใช้จ่ายสำหรับลูกๆ นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ ด้วยวัยที่กำลังเจริญเติบโต เรื่องค่าใช้จ่ายจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม สำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกเด็กน้อยหลายคน ยิ่งต้องแบกภาระหนักเพิ่มขึ้น ดังนั้น การซื้อรถยนต์ครอบครัว ควรลองดูตามงบประมาณที่ตัวเราไหว เพราะถ้าหากซื้อมาแล้วต้องเป็นภาระต่อค่าใช้จ่ายตัวเองและคนในครอบครัว คงไม่ใช่เรื่องที่ดีเอาแน่ๆ

3. ความปลอดภัย

ด้วยวัยที่กำลังซนของเจ้าเด็กเล็กลูกน้อยของเพื่อนๆ แม้แต่การอยู่ในรถยนต์ก็มักจะซน หรือเล่นกันเป็นธรรมดา เรื่องของอุบัติเหตุหรืออันตรายต่างๆ เราไม่ควรจะมองข้ามเลย ดังนั้นการเลือกซื้อรถยนต์ครอบครัว เพื่อนๆ ไม่ควรที่จะมองข้ามความปลอดภัย โดยหลักๆ นั้นควรเช็กดูความเรียบร้อยของ ถุงลมนิรภัย ผ้าเบรก ระบบกันขโมย เป็นต้น ทั้งนี้ทั้งนั้น นอกจากจะช่วยลดอัตราความเสี่ยงอุบัติเหตุ และอันตราย ต่อตัวเด็กน้อย ยังช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้แก่พ่อแม่มากขึ้นอีกด้วย

4. ความสะดวกสบาย

หากลูกๆ ของเพื่อนๆ ต้องใช้ชีวิตบนรถยนต์เป็นระยะอันยาวนาน ความสะดวกสบายควรเป็นสิ่งแรกๆ ที่ต้องมองหา เพราะการเลือกรถยนต์ที่ขับขี่และนั่งได้สบายนั้นจะช่วยให้การเดินทางของเพื่อนๆ ราบรื่นได้มากขึ้น ถ้าหากมีเด็กเล็กอยู่ก็อย่าลืมมองหารถยนต์รุ่นที่สามารถรับรองรถเข็นเด็กได้ เพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้แก่ลูกๆ ได้ เช่น เครื่องระบบเสียง ซันรูฟ เป็นต้น
แต่ถ้าหากคนไหนที่ต้องการความอุ่นใจทั้งครอบครัวตลอดทั้งทริปการเดินทางสุดพิเศษ การทำประกันภัยรถยนต์ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี หากเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมา จะได้อุ่นใจว่าทั้งในครอบครัวเราจะได้ความคุ้มครองอย่างแน่นอน 
ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก www.masii.com

The post วิธีเลือกรถครอบครัว รถแบบไหน ที่เหมาะกับคุณ appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1.จัดโซนให้เป็นระเบียบ

เพราะห้องนอนเกมเมอร์ คือการรวม ห้องนอน และ ห้องเล่นเกม เข้าด้วยกันครับ หากเราจะตกแต่งห้องนอนสไตล์เกมเมอร์ เราต้องแบ่งสัดส่วนของห้องให้มีทั้งสองส่วนอย่างสมดุลกัน วิธีการง่าย ๆ ที่แฟรงค์จะแนะนำก็คือ แบ่งครึ่งห้องไปเลยครับ ครึ่งหนึ่งวางเตียงนอน วางตู้เสื้อผ้า  และใช้เป็นมุมพักผ่อน อีกครึ่งห้องใช้เป็นโซนเล่นเกม สำหรับวางโต๊ะคอมพิวเตอร์ ทีวี เครื่องเล่นเกม และเกมมิ่งเกียร์ต่าง ๆ 
โดยข้อดีของการแบ่งโซนห้อง ระหว่างโซนพักผ่อนกับโซนเล่นเกมนั้นจะทำให้ห้องนอนของเรามีระเบียบ เป็นสัดส่วน หาของง่าย และดูแลรักษาความสะอาดง่ายด้วยครับ

2. เลือกธีมสีที่ชอบ

ภาษาวัยรุ่นเรียกว่า “คุมธีม” ครับ เพราะการตกแต่งห้องโดยใช้สีที่ชอบ นอกจากจะบ่งบอกความเป็นตัวเองแล้ว ยังทำให้ทั้งห้องนั้นดูกลมกลืนเข้ากันด้วย โดยอาจใช้วิธีการทาสีผนังห้อง เลือกใช้ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน หรือของตกแต่งในธีมสีเดียวกัน เช่น คุณเป็นแฟนค่าย Razor ที่มีเอกลักษณ์เป็นสีเขียว แน่นอนว่าคุณก็เลือกเกมมิ่งเกียร์ เช่น คีย์บอร์ด เมาส์ ของคุณที่มีไฟหรือลวดลายสีเขียว และก็อาจจะใช้ปลอกหมอน ผ้าปู ผ้าห่มเป็นสีเขียวด้วย หรือเพิ่มไฟ ของตกแต่งที่เป็นสีเขียวในจุดต่าง ๆ เพื่อเพิ่มบรรยากาศให้ห้องของคุณดูเป็น Razor เพิ่มมากขึ้น แค่นี้ ห้องนอนของคุณก็ดูเป็นห้องนอนเกมเมอร์ขึ้นเป็นกองเลย

3.เสริมความเท่ด้วย “เกมมิ่งเกียร์”

แน่นอนว่าเกมเมอร์ ต้องคู่กับ เกมมิ่งเกียร์ และถ้าเราจะจัดห้องนอนสไตล์เกมเมอร์ จะขาดเกมมิ่งเกียร์ไปได้อย่างไรใช่ไหมครับ เพราะเกมมิ่งเกียร์สมัยนี้มีการออกแบบ ทั้งรูปทรงและลวดลายให้ดูโดดเด่นและมีความเฉพาะตัว เช่นเก้าอี้เกมเมอร์ที่ดูสปอร์ตเหมือนเก้าอี้รถแข่ง หรือจะเป็นหน้าจอเกมมิ่งที่มีขนาดใหญ่ ให้ความคมชัดสูง เคสคอมพิวเตอร์ที่มีดีไซน์เฉพาะตัว คีย์บอร์ดและเมาส์เกมมิ่งที่มีไฟ RGB สวยงาม สร้างบรรยากาศให้ห้องนอนของคุณมีจิตวิญญาณของเกมเมอร์ยิ่งขึ้น แต่ถ้าคุณไม่นิยมเกมมิ่งเกียร์ หรือชื่นชอบอะไรที่เรียบง่ายไม่หวือหวา ไม่ชอบแสง RGB หรือมีเก้าอี้ที่นั่งสบายกว่าเก้าอี้เกมมิ่ง แฟรงค์ขอกระซิบว่า เพียงแค่จัดวางทุกอย่างให้เป็นระเบียบ แค่นี้ก็ดูดีได้เหมือนกันครับ

4.ตกแต่งห้องด้วยไฟ RGB

หากคุณค้นหาคำว่า ห้องนอนเกมเมอร์ หรือ Gamer Bedroom ในกูเกิล คุณจะพบว่า ไอเดียการแต่งห้องนอนให้เป็นสไตล์เกมมิ่ง คือการใช้ ไฟ RGB ตกแต่งห้องครับ วิธีการก็คือ นำเทปไฟ LED มาติดบริเวณที่คุณต้องการ โดยบริเวณที่หลายคนนิยมติดไฟ RGB ก็อย่างเช่น หลังทีวี หลังโต๊ะคอมพิวเตอร์ หลังชั้นวางของ หรือบริเวณมุมห้อง เพื่อเพิ่มบรรยากาศให้ห้องนอนของคุณดูล้ำสมัยเหมือนหนังไซ-ไฟ โดยแฟรงค์แนะนำให้เลือกซื้อเทปไฟ LED แบบที่สามารถเปลี่ยนสีไฟได้ และควบคุม เปิด ปิด เปลี่ยนสีได้ด้วยรีโมท เพื่อความสะดวกในการใช้งานจริงนะครับ 

5. ฟองน้ำซับเสียง ประโยชน์มี ตกแต่งก็สวยงาม

ฟองน้ำซับเสียง หรือหลายคนรู้จักในชื่อ โฟมอคูสติก คือวัสดุสำหรับดูดซับเสียงไม่ให้ดังออกไปภายนอก เหมือนกับที่ใช้กันในห้องอัด หรือในห้องซ้อมดนตรี เพราะเชื่อว่าเกมเมอร์หลายคน ต้องการสัมผัสประสบการณ์การเล่นเกมแบบ 300 เปอร์เซ็นต์ ภาพต้องคมชัด เสียงต้องกระหึ่ม หรือเกมเมอร์คนไหนที่เป็นสตรีมเมอร์ด้วย การใช้เสียงในการเล่นเกมแต่ละครั้งอาจดังเกินจนไปรบกวนเพื่อนบ้านได้ การมีฟองน้ำซับเสียงติดผนังห้องไว้จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างดีเลยครับ ซึ่งนอกจากประโยชน์ในการลดเสียงแล้ว ถ้าคุณเลือกสีฟองน้ำซับเสียงดี ๆ แล้ว มันจะช่วยตกแต่งห้องนอนเกมเมอร์ของคุณดูแตกต่างยิ่งขึ้นอย่างมากเลยหละครับ
และนี่ก็คือ 5 ไอเดีย แต่งห้องนอนของคุณให้เป็นห้องนอนเกมเมอร์ที่แฟรงค์นำมาฝาก ขั้นตอนง่าย ๆ ที่จะเปลี่ยนห้องนอนของคุณให้พิเศษยิ่งขึ้น หากใครลองทำตามแล้วได้ผลเป็นอย่างไร ก็อย่าลืมถ่ายรูปมาอวดกันด้วยนะครับ ก่อนจากกัน ขอกระซิบว่า frank.co.th มีประกันบ้านและทรัพย์สินไว้ดูแลบ้านของคุณด้วยนะครับ ไม่ว่าจะภัยจากไฟ จากน้ำ จากโจร เราคุ้มครองหมด ใครรักบ้านต้องมีไว้เลยนะ

The post ไอเดียจัดห้องนอนสไตล์เกมเมอร์ ง่าย ๆ ทำตามได้เลย appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. ค่าตรวจครรภ์ และฝากครรภ์

ก่อนอื่นคุณแม่มือใหม่ทุกท่าน สามารถเช็กสิทธิประกันสังคมด้วยวิธีง่ายๆ บนเว็บไซต์ SSO E-Service กันได้เลย ทางประกันสังคมจะเพิ่มสิทธิประโยชน์ค่าตรวจครรภ์ และฝากครรภ์ให้กับคนท้อง โดยสามารถเบิกค่าฝากครรภ์ 5 ครั้ง ตามอัตราที่จ่ายจริง ไม่เกินจำนวน 1,500 บาท  ทั้งนี้ผู้ประกันตนสามารถขอเบิกค่าฝากครรภ์จากประกันสังคมได้โดยไม่ต้องรอให้คลอดบุตรก่อน หรือจะยื่นขอรับสิทธิประโยชน์หลังจากคลอดบุตรแล้วก็ได้

การจ่ายเงินในแต่ละครั้งจะแบ่งตามเกณฑ์ดังนี้

• ครั้งที่ 1 อายุครรภ์ ไม่เกิน 12 สัปดาห์ จ่ายตามจริงแต่ไม่เกิน 500 บาท
• ครั้งที่ 2 อายุครรภ์ 12-20 สัปดาห์ จ่ายตามจริงแต่ไม่เกิน 300 บาท
• ครั้งที่ 3 อายุครรภ์ 20-28 สัปดาห์ จ่ายตามจริงแต่ไม่เกิน 300 บาท
• ครั้งที่ 4 อายุครรภ์ 28-32 สัปดาห์ จ่ายตามจริงแต่ไม่เกิน 200 บาท
• ครั้งที่ 5 อายุครรภ์ 32-40 สัปดาห์ จ่ายตามจริงแต่ไม่เกิน 200 บาท

เงื่อนไขการรับสิทธิ์:

• จ่ายค่าประกันสังคมมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายใน 15 เดือนก่อนใช้สิทธิ์
• กรณีทั้งสามีและภรรยาเป็นผู้ประกันตน ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช้สิทธ์ก็ได้

2. ค่าคลอดบุตร

ผู้ประกันตนสามารถเบิก ค่าคลอดบุตรประกันสังคม 2567  แบบเหมาจ่ายได้ในอัตรา 15,000 บาทต่อการคลอดบุตรหนึ่งครั้ง  เช่น ค่าทำคลอด ค่ายา ค่าห้อง ค่ารถพยาบาล หรือค่าบริการอื่นๆ สามารถเข้าโรงพยาบาลไหนก็ได้ตามที่เลือกลงทะเบียนประกันสังคม หากต้องการเข้าโรงพยาบาลที่ไม่ได้อยู่ในสังกัด อาจต้องสำรองจ่ายไปก่อน แล้วค่อยนำเอกสารมายื่นเบิกที่สำนักประกันสังคมภายหลัง

เงื่อนไขการรับสิทธิ์:

• จ่ายเงินสมทบประกันสังคมแล้ว ไม่น้อยกว่า 5 เดือน และภายใน 15 เดือนก่อนการคลอดบุตร
• กรณีสามีและภรรยาเป็นผู้ประกันตนทั้งคู่ ให้ใช้สิทธิในการเบิกค่าคลอดบุตรฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่จำกัดจำนวนบุตร/ครั้ง
• กรณีสามีและภรรยาเป็นผู้ประกันตนทั้งคู่ให้ใช้สิทธิในการเบิกค่าคลอดบุตรฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง (เลือกว่าใครจะเป็นคนใช้สิทธิ์)

กรณีคลอดบุตรแฝด สามารถเบิกค่าคลอดบุตรประกันสังคมได้ตามปกติ นั่นคือ เหมาจ่าย 15,000 บาท/ครั้ง  เนื่องจากทางประกันสังคมจะนับเป็นรายครั้ง เลือกเข้าโรงพยาบาลตามสิทธิประกันสังคมได้เลย แต่ถ้าคุณอยากเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม ควรแจ้งกับทางประกันสังคมล่วงหน้าไว้ก่อน

3. ค่าสิทธิการลาคลอด

หลังจากตรวจสอบสิทธิประกันสังคม อย่างเช่น ค่าฝากครรภ์ และค่าคลอดบุตร ก็สามารถใช้สิทธิ์ในการลาคลอดได้ คือ ค่าจ้างชดเชยกรณีหยุดงานเพื่อลาคลอด ทางประกันสังคมจะจ่ายในอัตรา 50% ของค่าจ้างเฉลี่ย เป็นระยะเวลา 90 วัน หรือ 3 เดือน  (หากเป็นบุตรคนที่ 3 จะไม่ได้รับสิทธิ์หยุดงานลาคลอด) ตัวอย่างเช่น นางบีกำลังตั้งท้อง (เป็นผู้ประกันตน) มีเงินเดือน 15,000 บาท จะได้รับเงินชดเชยการหยุดงาน 50% ของเงินเดือน นางบีจะได้รับเงินทั้งหมด 7,500 บาทต่อเดือน

เงื่อนไขการรับสิทธิ์:

• จ่ายเงินสมทบประกันสังคมแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนการคลอดบุตร
• สิทธิประกันสังคม ลาคลอดใช้ได้เฉพาะฝ่ายหญิงเท่านั้น (ฝ่ายชายไม่สามารถใช้สิทธิ์นี้ได้)
• จ่ายให้ไม่เกินฐานเงินเดือน 15,000 บาท หากเงินเดือนมากกว่ากำหนดจะคิดแค่ 15,000 บาท
• การใช้สิทธิประกันสังคมนี้ จะใช้ได้เฉพาะบุตรคนที่ 1 และคนที่ 2 เท่านั้น
• มีระยะเวลาจ่ายเงินให้ทั้งหมด 90 วัน หรือ 3 เดือน นับรวมวันหยุดราชการ
• กรณีกลับมาทำงานก่อนถึง 90 วัน คุณแม่จะยังคงได้รับเงินสงเคราะห์คลอดบุตร

4. ค่ากรณีแท้งบุตร

กรณีเกิดการแท้งบุตร จะได้รับสิทธิประกันสังคมหรือไม่? คำตอบคือ “คนท้องที่มีสิทธิประกันสังคมสามารถเบิกค่าคลอดบุตรประกันสังคมได้ตามปกติ” ไม่ว่าเด็กจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ ถือว่าเป็นกรณีคลอดบุตร ซึ่งเงินที่ได้มาจากค่าคลอดบุตรเหมาจ่าย และเงินหยุดงานลาคลอดนั่นเอง แต่ต้องตรวจสอบสิทธิประกันสังคมตามเงื่อนไข

เงื่อนไขการรับสิทธิ์:

• จ่ายเงินสมทบประกันสังคม ไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนแท้งบุตร
• มีอายุครรภ์ไม่น้อยกว่า 28 สัปดาห์ หรือ 7 เดือนขึ้นไป

หลังจากคลอดบุตร ยังได้รับเงินสงเคราะห์บุตรอีกด้วย

สำหรับคุณแม่ที่คลอดบุตรแล้ว อย่าลืมใช้ สิทธิประกันสังคม 2567 เพื่อรับเงินสงเคราะห์เลี้ยงบุตรกันด้วย โดยจะได้รับเงินเหมาจ่ายบุตรละ 800 บาทต่อเดือน บุตรอายุไม่เกิน 6 ปีบริบูรณ์ (จำนวนไม่เกิน 3 คน) ประกันสังคมจะจ่ายเงินสงเคราะห์บุตร

เงื่อนไขการรับสิทธิ์:

• จ่ายประกันสังคม ไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายใน 36 เดือน ก่อนเดือนที่มีสิทธิ์ได้รับประโยชน์ทดแทน
• เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ยกเว้นบุตรบุญธรรม หรือบุตรซึ่งยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่น
• ได้เงินสงเคราะห์บุตรตั้งแต่เกิด-อายุครบ 6 ปีบริบูรณ์
• ใช้สิทธิ์ได้คราวละไม่เกิน 3 คน
• หากสามีและภรรยาเป็นผู้ประกันตนทั้งคู่ ให้ใช้สิทธิ์เพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

กรณีได้บุตรแฝด 2 คน จะได้รับเงินประกันสังคมจำนวน 1,600 บาทต่อเดือน ซึ่งจ่ายเงินสูงสุดไม่เกิน 3 คน หากคุณแม่ลืมใช้สิทธิประกันสังคมสำหรับเงินสงเคราะห์บุตร สามารถยื่นย้อนหลังได้ไม่เกิน 1 ปีนับตั้งแต่วันที่ส่งเงินประกันสังคมตามกำหนดเท่านั้น

การเบิกเงินประกันสังคม สำหรับคนท้อง

คุณแม่ที่เป็นผู้ประกันตน สามารถยื่นเรื่องขอรับเงินตามกรณีต่างๆ ข้างต้นได้ที่สำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศ ตามสาขาที่สะดวกหรือใกล้บ้าน (ยกเว้นสำนักงานใหญ่กระทรวงสาธารณสุข)  ติดต่อได้ในวันและเวลาราชการ หากไม่สะดวกเข้ามาดำเนินเรื่อง สามารถให้ผู้อื่นยื่นเรื่องแทนได้ แต่จะต้องมีหนังสือมอบอำนาจ และเอกสารต่างๆ มาแสดงด้วย หรือจะยื่นเอกสารผ่านทางไปรษณีย์ได้เช่นกัน

การรับเงินประกันสังคม สำหรับคนท้อง

หลังจากคุณได้ยื่นเอกสารเรียบร้อยแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบสิทธิประกันสังคม แล้วติดต่อให้คุณมารับเงินภายหลัง โดยคุณสามารถเข้ามารับเงินด้วยตนเอง หรือมอบอำนาจให้ตัวเเทนเข้ามารับได้ที่สำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศ หรือจะเลือกโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของคุณได้

สิทธิประกันสังคม จะเป็นเพียงการรักษาพยาบาลขั้นพื้นฐานเท่านั้น ความคุ้มครองอาจจะไม่ได้ครอบคลุมทุกอย่างเสมอไป แต่ถ้าคุณซื้อประกันสุขภาพ จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้กับคุณมากขึ้น ได้รับความคุ้มครองเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย อุบัติเหตุ ค่ายา ค่าห้อง และค่าอาหาร บางแผนคุ้มครองผู้ป่วยนอก OPD และยังมีโอกาสเลือกรักษาทางการเเพทย์เฉพาะทาง

ประกันสุขภาพ จึงจำเป็นสำหรับคุณแม่มือใหม่มากๆ หากวันนึงเกิดไม่สบายขึ้นมา ประกันสุขภาพจะช่วยดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลในอนาคต หากคุณสนใจซื้อประกันสุขภาพเข้ามาเช็กค่าเบี้ยประกัน และเงื่อนไขต่างๆ ได้ที่ bolttech.co.th ซื้อผ่านออนไลน์ได้เลย ไม่ต้องตรวจสุขภาพ มีไว้อุ่นใจกว่าเยอะ

แหล่งอ้างอิง : www.sso.go.th

The post สิทธิประกันสังคมคนท้อง 2567 appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

แนะนำ 5 สปาน่าพาแม่ไปผ่อนคลาย

เป็นของขวัญให้แม่สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่ทางคุณแม่ไม่ชอบความวุ่นวายสักเท่าไรนัก ทางเรามีอีกหนึ่งสถานที่แนะนำที่บอกว่าเลยว่า ตอบโจทย์สำหรับคุณแม่หลายท่านแน่นอน นั่นก็คือ การทำสปา เพราะนอกจากจะผ่อนคลายไปกับกลิ่นหอมอโรม่า บรรยากาศดี ๆ การนวดสปาจะช่วยให้คลายกล้ามเนื้อ เลือดไหลเวียน ทำให้คุณแม่ของเราสุขภาพดี และมีผิวพรรณที่สวยงาม
วันนี้แฟรงค์ได้รับบทความจากเว็บไซต์มาสิที่แนะนำสปา 5 แห่งน่าไปจะสร้างความประทับใจให้แก่คุณแม่ ตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าสปาอย่างแน่นอนจ้า

1. PAÑPURI WELLNESS

สำหรับที่แรกทางเราต้องขอแนะนำให้เพื่อนๆ ต้องรีบพาคุณแม่ไปที่นี้ให้ได้ ปัญญ์ปุริ เวลเนส ตั้งอยู่ที่ชั้น 12 ตึก Gaysorn Village สำหรับความพิเศษนอกเหนือจากการนวดสปาที่แสนจะผ่อนคลายแล้ว เขายังมีการแช่ออนเซ็นอีกด้วยนะ บอกเลยว่าคุณแม่ของเราจะต้องเพลิดเพลินและผ่อนคลายไปกับการบริการที่ดีของ ปัญญ์ปุริ เวลเนส แบบออร์แกนิกจากประเทศไทยของเรานั่นเอง

2. Lullaby Spa

ขอต่อสำหรับสปาออร์แกนิกสำหรับเพื่อน ๆ หรือคุณแม่ที่ชื่นชอบแนวนี้กันต่ออีกสัก 1 สถานที่อยู่ละแวกบริเวณสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินลุมพินี โดยทางร้าน Lullaby Spa พร้อมให้บริการที่ดีสำหรับคุณแม่ในด้านการนวดสปาแล้ว ความพิเศษที่ครองใจใครหลายคนคงดีไม่พ้นกับการสปาหินร้อน สปาอโรมาสมุนไพรไทย จะช่วยให้คุณแม่ผ่อนคลายไปกับกลิ่นหอมที่อบอวลทั่วห้อง ในวันที่ท่านเหนื่อยล้ามาก ๆ การเข้ามาใช้บริการนวด สปากับทางร้าน จะช่วยให้คุณแม่ท่านมีความสุขแน่นอนจ้า

3. Calm Spa

สำหรับร้านนี้ Calm Spa ตั้งอยู่บริเวณอารีย์ซอย 4 ต้องพูดเลยว่า บรรยากาศตรงตามชื่อร้านแน่นอนจ้า ด้วยบรรยากาศที่ดี การตกแต่งด้วยต้นไม้หลากหลายชนิด และการให้บริการของพนักงาน รับรองว่า คุณและครอบครัวจะต้องประทับใจ มีความสุข ตั้งแต่ได้เห็นร้านแล้ว คุณแม่จะสดชื่นด้วยการนวดผ่อนคลาย สำหร้บสปาแห่งนี้ชั้นแรกจะเป็นคาเฟ่ หากคุณอยากหาอะไรทำเพื่อฆ่าเวลาแบบชิล ๆ ก็แนะนำให้ลงไปสั่งเมนูเย็นดื่มรอคุณแม่ได้นะจ้ะ

4. The Vannara Spa

ขอยกร้านสปาที่ตกแต่งด้วยสไตล์น่ารัก สดใส มาฝากเพื่อนๆ กันบ้างดีกว่า สำหรับร้านนี้จะตั้งอยู่บริเวณพระราม 9 ที่ถ้าหากเพื่อน ๆ พาคุณแม่ท่านไปใช้บริการสักครั้ง บอกเลยว่าต้องติดอกติดใจอย่างแน่นอน นอกจากจะผ่อนคลายไปกับการนวดและสปาที่ดีจากพนักงานแล้ว ทางร้านยังมีมุมน่ารัก ๆ ให้เพื่อน ๆ และคุณแม่เซลฟี่ไปอวดคนในครอบครัวกัน

5. Kashikiri Onsen and Spa

ร้านสุดท้ายขอแปลกแหวกแนวจากเดิม ๆ ที่เคยแนะนำไปก่อนหน้านี้กับร้านคาชิคิริ ออนเซน แอนด์สปา ตั้งอยู่บริเวณซอยสุขุมวิท 49 ทีเด็ดของสปาแห่งนี้ ได้แก่ การตกแต่งที่บรรยายกาศออกมาสไตล์ใกล้เคียงกับทางญี่ปุ่นเอามาก ๆ ไฮไลท์ของการมาที่นี่ คือ คุณแม่จะได้แต่งกายเป็นสาวญี่ปุ่นด้วยชุดยูตากะแหละ พร้อมกับแช่ออนเซ็นได้อีกด้วยนะ รับประกันว่าคุณแม่จะต้องเพลิดเพลินและประทับใจต้องขออ้อนลูกๆ กลับมาอีกครั้งแน่ ๆ เลย
คงจุใจกันแล้วสำหรับสถานที่ดี ๆ น่าพาคุณแม่ผ่อนคลายเพลิดเพลินสนใจตามรอยได้นะครับ ไปเดือนไหนก็ได้เพราะเรารักแม่ได้ทุกเดือนล่ะ
ขอขอบคุณบทความดี ๆ จาก www.masii.com
Rewrite by Butter Cutter

ซื้อประกันกับแฟรงค์รับเลยสิทธิพิเศษ

The post 5 สปา พาแม่ไปผ่อนคลาย appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. Waterside Resort Restaurant

อันดับแรกร้านอาหารอร่อยที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอบอุ่น ต้องขอแนะนำร้าน Waterside Resort Restaurant (วอเตอร์ไซด์รีสอร์ทเรสเตอรองท์) เลยครับ เนื่องจากร้านนี้จะเน้นฟิวชั่นอาหารไทยกับอาหารจีน มีรสชาติกลมกล่อม เหมาะกับการพาคุณแม่กินข้าวมื้อเย็นมากๆ  ซึ่งเราจะประทับใจตั้งแต่เดินเข้าไปยังในร้าน มองเห็นวิวริมแม่น้ำและสะพานไม้ที่ทอดยาว ประดับด้วยโคมไฟสวยงาม มีบรรยากาศให้คุณเลือกทั้ง 2 แบบเลยนะ ได้แก่ แบบด้านนอก (Outdoor) และ แบบด้านใน (Indoor) เสมือนพาครอบครัวมาพักผ่อนแบบสไตล์รีสอร์ทครับ หรือจะลองเดินถ่ายรูปชิล ๆ กับคุณแม่ได้เช่นกัน ยิ่งถ้ามาตรงกับช่วงวันเกิดทางร้านก็จะมีเซอร์ไพรส์เค้กสุดพิเศษ พร้อมกับตีกลองยาวโชว์อีกด้วยครับ จะพาคุณแม่หรือจะพาครอบครัวไปรับประทานก็ได้ทั้งนั้น

เมนูแนะนำให้กับคุณแม่

ชวนบอกรักคุณแม่ด้วยเมนูแสนอร่อย ได้แก่ ยำวอเตอร์ไซค์, ขาหมูเยอรมันทอด, ส้มตำผลไม้รวมกุ้งเผา, คอหมูย่าง, ปลากระพงทอดราดสมุนไพร และกุ้งอบวุ้นเส้น 

วิธีการเดินทาง

แค่คุณขับรถจากแยกเกษตร-นวมินทร์ตัดใหม่ แล้วเลี้ยวซ้ายตรงไปประมาณ 100 เมตร หลังจากนั้นจะเห็นสะพานให้ชิดขวาเพื่อกลับรถบริเวณนั้น แล้วตรงไปประมาณอีก 800 เมตร จะเห็นร้านวอเตอร์ไซด์รีสอร์ทเรสเตอรองท์อยู่ด้านซ้ายมือนั่นเอง จะเปิดให้บริการทุกวัน ช่วงเวลา 17.00 - 01.00 น. เบอร์ติดต่อ 02-018 9200 

2. The Local by Oam Thong Thai Cuisine 

หากคุณแม่ของคุณชื่นชอบร้านอาหารสไตล์ไทยพื้นบ้าน ก็ลองพามาที่  The Local by Oam Thong Thai Cuisine หรือ ร้าน เดอะ โลคอล บาย ออมทอง กันก่อนครับ เรียกว่าครบสูตรเรื่องอาหารไทยนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น อาหารภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง หรือภาคอีสาน  ซึ่งแต่ละเมนูนั้นจะมาจากตำราอาหารเก่าแก่ และคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ อย่างเช่น น้ำพริกแกงสูตรลับจากทางร้านมาปรุงแต่งกับเมนู และผักบางชนิดที่ปลูกขึ้นเองครับ จึงหากินไม่ได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป นอกจากนี้บรรยากาศรอบๆ ร้าน เดอะ โลคอล บาย ออมทอง จะมีลักษณะเป็นอาคารทรงไทยแบบโบราณ และข้าวของเครื่องใช้สมัยก่อน เลยทำให้ได้กลิ่นอายของยุคเก่าๆ ถือเป็นร้านอาหารอร่อยพาแม่ไปกินข้าวเฉพาะ หรือจะพาคนในครอบครัวไปได้เช่นกันครับ

เมนูแนะนำให้กับคุณแม่

ลองสั่งอาหารสไตล์พื้นบ้านให้กับคุณแม่ก่อน เขาลือกันว่าเด็ดมากครับ เช่น แกงรัญจวนไก่, แกงคั่วเนื้อปลาใบส้มแป้น, ข้าวซอยไก่ หมูฮ้อง เมี่ยงบัวหลวง ยำใบชะคราม ใบเหมียงผัดไข่ หรือจะลองยำตะไคร้สามเกลอใต้ เมนูเด็ดเพื่อสุขภาพของคุณแม่ ก็อร่อยไม่แพ้กัน ส่วนเมนูของหวานนั้นก็จะเป็นต้นตำรับจากทางร้านอย่างเช่น ข้าวเหนียวมะม่วงสูตรเด็ด บัวลอย และไอศกรีมกะทิ เป็นต้น เชื่อว่าคุณแม่จะต้องรู้จักเกือบทุกเมนูแน่นอนครับ

วิธีการเดินทาง

ให้ขับรถตามถนนสุขุมวิท แล้วมุ่งหน้าสุขุมวิท 23 แล้วเลี้ยวเข้าซอยประมาณกลางซอย จะเจอร้านเดอะโลเคิลบายออมทอง อยู่ด้านขวามือ ฝั่งตรงข้ามกับอาคารประสานมิตรพลาซ่า โดยที่นี่จะเปิดให้บริการเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงกลางวัน เวลา 11.30 - 14.30 น. และช่วงเย็น เวลา 17.30 - 23.30 น. หรือติดต่อเบอร์โทรที่ 02-664 0664 

3. ร้านกินลมชมสะพาน

อีกหนึ่งร้านอาหารอร่อยพาแม่ไปกิน ต้องยกให้ “ร้านกินลมชมสะพาน” ครับ จุดเด่นของร้านนี้จะอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเราจะได้เห็นวิวสะพานพระราม 8 อย่างชัดเจน  หากเดินเข้าทางหน้าร้านจะมีสระน้ำพุให้ถ่ายรูปเช็กอินก่อน ตรงบริเวณนั้นเราจะเห็นโซนครัว และอาหารทะเลกันสดๆเลย ส่วนบรรยากาศภายในร้านจะตกแต่งสไตล์เรือนไทยระหว่างภาคกลางกับภาคใต้ แน่นอนว่าคุณจะได้สัมผัสกลิ่นอายของความเป็นไทยร่วมสมัย และดนตรีสดให้ฟังตลอดคืน หรือถ้าใครอยากจะพาคุณแม่ไปล่องเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ทางร้านกินลมชมสะพานก็ยังมีบริการเรือให้ล่อง พร้อมกับดินเนอร์ชิล ๆ ยามค่ำคืนอีกด้วย แนะนำให้เราโทรจองโต๊ะล่วงหน้าก่อนครับ

เมนูแนะนำให้กับคุณแม่

ได้แก่ น้ำพริกไข่ปู กุ้งแม่น้ำเผา ห่อหมกทะเลมะพร้าวอ่อน ปลากะพงสมุนไพร, เมี่ยงกุ้งฝอย ปูไข่ผัดผงกะหรี่  และยำคอหมูย่างส้มโอ ทางร้านจะเน้นเป็นอาหารทะเล ยิ่งใครที่ชอบปลาเเซลมอนเป็นพิเศษ ก็ลองเข้ามาทานกันเลยครับ

วิธีการเดินทาง

สังเกตถนนสามเสน แล้วเลี้ยวเข้าซอยสามเสน 3  (ตรงทางเข้าสำนักงานเขตพระนคร) ขับตรงไปอีกประมาณ 500 เมตร สุดซอยก็จะเห็นร้านอาหารกินลมชมสะพาน อยู่ใกล้สะพานพระราม 8 ติดแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งพระนคร ซึ่งจะเปิดให้บริการตั้งแต่ 11.00 น. จนถึงเที่ยงคืน หรือต้องการโทรจองโต๊ะติดต่อได้ที่เบอร์  02-628 8382 

4. ร้านอาหาร สตีฟ คาเฟ่ แอนด์ ครุยซีน

ร้านอาหารแนะนำสำหรับคุณแม่ต่อมา ก็คือ ร้านสตีฟ คาเฟ่ แอนด์ ครุยซีน (Steve Cafe and Cuisine) ร้านอาหารสไตล์ค่าเฟ่น่ารักๆ เน้นอาหารไทยแท้ และรสชาติดั้งเดิม ด้วยเครื่องปรุงต่างๆที่นำมาเสิร์ฟครบเครื่อง จึงทำให้หลายคนติดใจในรสชาติ แล้วไม่เพียงแค่นี้นะ จุดเด่นของที่นี่ยังใช้บ้านเก่าแก่กว่า 60 ปีมาตกแต่งเป็นร้านอาหาร และที่สำคัญร้านอาหารบรรยากาศดีติดกับริมแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย  โดยจะเปิดให้นั่งเป็น 2 โซนครับ ได้แก่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และห้องแอร์ด้านใน มีหลังคาโปร่งสบาย สีสันไม่ฉูดฉาด ให้ความรู้สึกอบอุ่น เหมาะที่จะพาครอบครัวมานั่งกินทานข้าวยามเย็น หรือนั่งฟังดนตรีสดภายในร้าน ก็จะช่วยเพิ่มบรรยากาศให้กับมื้ออาหารมากขึ้น 

เมนูแนะนำให้กับคุณแม่

จะเน้นรสชาติเข้มข้น แนะนำให้ลองกิน น้ำพริกกะปิสูตรเด็ดจากทางร้าน คั่วหมู แก้มกุ้งทอด แกงเหลืองไหลบัว และข้าวผัดน้ำพริกมะขาม เป็นต้น สามารถทานคู่กับผักเครื่องเคียงต่างๆ ได้ตามใจชอบ ต้องบอกเลยว่า ทางร้านจะใช้น้ำซุบต้มผัก แทนซุปกระดูกหมูนะ เพราะอาหารจะไม่มันและคาว แถมยังดีต่อสุขภาพด้วย ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ

วิธีการเดินทาง

เปิดให้บริการทั้งหมด 2 สาขา ดังได้แก่ สาขาพระราม 6 ถนน พหลโยธิน (เข้าซอยอารีย์ 1 มาจนถึง 3 แยกซอยราชครู ร้านอยู่ทางขวา) สามเสนใน พญาไท กรุงเทพฯ หรือติดต่อที่ 02-619-9822 และ สาขา เทเวศน์ ซึ่งจะอยู่ใน ซ.วัดเทวราชกุญชร (ซอยข้างๆ หอสมุดแห่งชาติ) ถ้ามาจากถนนศรีอยุธยาขาออกก็ขับตรงเข้ามาจนสุดถนนก็จะเจอครับ หรือจะมาจากถนนสามเสนก็เลี้ยวเข้าซอยวัดมาได้เช่นกัน หรือโทรสอบถามที่ 02-281-0915 ครับ จะเปิดให้บริการทุกวัน ช่วงเช้า 11.30 -14:30 น. และช่วงเย็น 16.30 - 23.00 น. แต่ถ้ามาช่วงวันเสาร์ อาทิตย์จะเปิดตั้งแต่ 11.30 - 23.00 น. เลยครับ

5. บ้านน้ำเคียงดิน

พลาดไม่ได้เลยครับ อีกหนึ่งร้านอาหารอร่อยพาแม่ไปกินข้าวต้องลองมากันที่ “บ้านน้ำเคียงดิน” ร้านอาหารอร่อยสไตล์คันทรียุโรป เน้นการตกแต่งด้วยต้นไม้สีเขียวสบายตา และมีพื้นที่ของสัตว์อย่างห่าน และฝูงปลา ที่ว่ายในบ่อน้ำขนาดใหญ่ รวมถึงนกฟลามิงโก้ และกระต่ายตัวเล็กๆ ให้ได้ชื่นชมกัน พอหลังจากถ่ายรูปกันเสร็จแล้ว ก็แวะมากินข้าวที่บ้านน้ำเคียงดิน ต้องบอกเลยว่าร้านอาหารบรรยากาศดีมาก เพราะคุณจะได้เห็นบ้านแบบตะวันตก สามารถเลือกนั่งได้ทั้งโซนด้านใน และด้านนอก ส่วนอาหารก็มีหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย อาหารจีน และอาหารยุโรป  ก็คัดวัตถุดิบสดใหม่มาเสิร์ฟกันร้อนๆ ให้ฟินอีกด้วย แนะนำให้มาช่วงเย็นจนถึงพระอาทิตย์ตกดิน บรรยากาศจะสวยมากครับ เพราะร้านนี้จะประดับไฟสีส้มตลอดทางเดิน สามารถพาครอบครัวมาถ่ายรูปกันได้

เมนูแนะนำให้กับคุณแม่

อยากให้ลองลิ้มรสชาติอาหารไทยสูตรโบราณ ปลากระพงเจี๋ยนเต๋าเจี้ยว พร้อมน้ำราดสูตรแท้ดั้งเดิม ส่วนเมนูตะวันตกแนะนำให้สั่งเมนูซี่โครงหมูอบกาแฟและน้ำผึ้ง ที่เสริฟ์พร้อมมันบดร้อน ๆ หรือจะลองชิมขาหมูเยอรมันสักหน่อย อาหารชื่อดังจากทางร้าน

วิธีการเดินทาง

จะตั้งอยู่ตรงถนนอุทยาน หรือถนนอักษะ ระหว่างพุทธมณฑล สาย 3 กับ สาย 4 กรุงเทพฯ ซึ่งจะเปิดให้บริการวันจันทร์ - วันพฤหัส เวลา 17.00 - 22.30 น. และช่วงวันศุกร์ - วันอาทิตย์ เวลา 16.00 - 22.30 น. หรือสามารถโทรจองโต๊ะล่วงหน้าที่เบอร์ 02-441 3837 ครับ
 
ทั้งหมดนี้ จะเป็นร้านอาหารแนะนำสำหรับคุณแม่โดยเฉพาะ คุณก็สามารถเซอร์ไพรส์คุณแม่ ด้วยการขับรถพาไปกินข้าวที่ร้านอาหารอร่อย ๆ สักมื้อ เพื่อเติมเต็มรักให้กับคุณ และคนในครอบครัว หรือจะขับรถพาแม่ไปเที่ยวใกล้กรุงก็ได้ครับ ก็น่าสนุกเช่นกัน แล้วที่สำคัญไม่ว่าคุณจะพาคุณแม่ไปที่ไหน ก็อย่าลืมซื้อประกันรถยนต์ไว้ ให้คุ้มครองคุณแม่และตัวคุณกันด้วยนะ เพื่อตอบแทนความรักและความห่วงใยจากใจคุณนั่นเอง
 

The post 5 ร้านอาหารอร่อย พาแม่ไปกินข้าว appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

• โยคะ
• ว่ายน้ำ
• ตรวจสุขภาพ
• สปา
• ทานเบเกอรี่

1. เล่นโยคะสำหรับคนท้องที่ YOGA SUTRA STUDIO

โยคะเป็นวิธีการออกกำลังกายยอดฮิตของสาว ๆ ยุคนี้เลยว่าไหมครับ ทั้งทำให้ร่างกายได้เผาผลาญ ปรับสมดุล เพิ่มความยืดหยุ่น และที่สำคัญ ถ่ายรูปออกมาสวยอีกต่างหาก และโยคะที่ YOGA SUTRA STUDIO  ก็มีทุกอย่างพร้อมสำหรับคุณแม่ที่ต้องการออกกำลังกายอย่างถูกวิธี กับ คอร์สโยคะ Prenatal Yoga โยคะคนท้องที่ออกแบบท่าทางมาเพื่อคนท้องโดยเฉพาะ ช่วยลดปัญหาที่คุณแม่ต้องเจอระหว่างตั้งครรภ์ ทั้งอาการปวดหลัง ปวดบ่า ปวดคอเนื่องจากการรับน้ำหนักครรภ์ ปรับการไหลเวียนเลือดให้เหมาะสม ช่วยให้คุณแม่สดชื่นทั้งร่างกายและจิตใจ มีทั้งคอร์สแบบรวม แบบส่วนตัว หรือแบบสอนที่บ้านสำหรับคุณแม่ที่ไม่สะดวกเดินทาง แต่ถ้าใครมาเรียนที่สตูดิโอ อยากบอกว่า นอกจากห้องโยคะจะกว้างขวาง ได้สัมผัสกลิ่นอาย Neo Indian แล้ว วิวของห้องเรียนยังเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย ได้บำบัดทั้งร่างกาย จิตใจ แถมได้ชมวิวสวย ๆ แบบนี้ ทั้งคุณแม่และลูกในท้องฟินกันเลย
สถานที่ : ชั้น 32 อาคารสาธรนครทาวเวอร์ ถนนสาทรเหนือ
การเดินทาง : ลงรถไฟฟ้า BTS สถานีช่องนนทรี
ข้อแนะนำ : คุณแม่ที่สนใจเล่นโยคะ ควรมีอายุครรภ์ไม่น้อยกว่า 4 เดือนขึ้นไปครับ

2. ฟิตร่างกายใต้น้ำที่ Aquafitness Health Club

ถ้าถามว่า คนท้องออกกำลังกายแบบไหนเหมาะที่สุด ก็ต้องตอบว่า การว่ายน้ำเป็นวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับคนท้องที่สุดเลยครับ เพราะนอกจากจะทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น การว่ายน้ำยังเป็นการออกกำลังกายที่เสี่ยงต่อการได้รับบาดเจ็บน้อยมาก เพราะเมื่อคุณอยู่ในน้ำ น้ำหนักคุณจะเหลือแค่ 10% และน้ำยังช่วยลดความตึงของกระดูกข้อต่อ รวมทั้งกล้ามเนื้อลง และที่ Aquafitness Health Club สโมสรสุขภาพ ณ สาธุประดิษฐ์ ก็มีสระว่ายน้ำที่ออกแบบมาเพื่อการออกกำลังกายในน้ำโดยเฉพาะ (Aquatic Exercise) ซึ่งมีระบบควบคุมอุณหภูมิ และวิธีการบำบัดน้ำด้วยก๊าซโอโซน
แต่เหตุผลที่แฟรงค์แนะนำ Aquafitness Health Club เป็นสถานที่ออกกำลังกายสำหรับคนท้อง เพราะที่นี่ มีบริการ Aqua Maternity โปรแกรมการออกกำลังกายสำหรับหญิงระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอดโดยเฉพาะ ที่คิดค้นโดยแพทย์นักสรีรวิทยาการออกกำลังกายร่วมกับหมอสูตินรีเวช ทำให้รับประกันเรื่องความปลอดภัยและประโยชน์ โดยโปรแกรมนี้ จะช่วยในเรื่องของ ระบบไหลเวียนเลือด ความแข็งแรง ยืดหยุ่นของร่างกายรวมทั้งระบบหายใจให้แก่คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ลดอาการปวดเมื่อยร่างกาย นอกจากนั้น การว่ายน้ำยังช่วยให้คุณแม่ได้ฝึกจังหวะการหายใจ ซึ่งช่วยในการคลอดอีกด้วย
สถานที่ : 1009/3 ซอยสาธุประดิษฐ์ 20 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กทม.10120
เดินทาง : เข้าซอยสาธุประดิษฐ์ 20 จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าซอยวัดไผ่เงิน ร้านจะอยู่ตรงสุดซอย
แนะนำ : ก่อนเข้าโปรแกรม Aqua Maternity คุณแม่ควรปรึกษาสูติแพทย์ประจำตัวก่อนนะครับ

3.เข้าคอร์สอบรม เตรียมพร้อมคุณแม่ตั้งครรภ์ก่อนคลอด

เพราะการเป็นคุณแม่นั้นเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ และมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง! เอ๊ะ นี่คุณแม่หรือสไปเดอร์แมนเนี่ย แต่ก็เป็นเรื่องจริงครับ การเป็นแม่นั้นมีเรื่องต้องเตรียมพร้อมมากมาย ทั้งสุขภาพ ร่างกาย ข้อมูลความรู้เพื่อดูแลลูกน้อยตั้งแต่อยู่ในครรภ์ แต่คุณแม่มือใหม่ จะไปหาข้อมูลจากไหนดีล่ะ ไม่ต้องห่วงครับ เพราะหลายโรงพยาบาลได้มีการเปิดคอร์ส “ครรภ์คุณภาพ”  ให้ความรู้แก่คุณแม่เกี่ยวกับเรื่องการดูแลครรภ์จนถึงหลังคลอด
โดยคอร์สครรภ์คุณภาพนี้จะแบ่งคอร์สและบทเรียนตามอายุครรภ์ของคุณแม่ เช่น อายุครรภ์ 3 - 5 เดือน จะเรียนเรื่องของการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์ อาการผิดปกติที่ควรมาพบแพทย์ วิธีดูแลครรภ์ การรับประทานอาหาร การปฏิบัติตัว ท่านั่ง ท่านอน ที่ถูกต้อง ส่วนอายุครรภ์  6 - 8 เดือน ก็จะเรียนเรื่องของ การกระตุ้นพัฒนาการเด็กทารก อาหารที่ควรทานเพื่อบำรุงน้ำนม ท่าสำหรับให้นมลูกที่ถูกต้อง การเตรียมตัวหากต้องเดินทางไปทำงานนอกบ้าน และการเตรียมตัวคลอด เรียกได้ว่า เป็นคอร์สเรียนที่เปลี่ยนจากคุณแม่มือใหม่ ให้กลายเป็นคุณแม่รุ่นใหม่ที่มีคุณภาพเลย 
สถานที่ : โรงพยาบาลที่เปิดคอร์สอบรม
แนะนำ : เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ให้เลือกคอร์สอบรมของโรงพยาบาลเดียวกับที่เข้าฝากครรภ์นะครับ

4. เข้าสปาผ่อนคลาย ที่ Lullaby Spa

จะมีอะไรสบายไปกว่าการได้นวดผ่อนคลาย พร้อมกลิ่นอโรม่าหอมอ่อน ๆ อีกครับ แค่คิดก็รู้สึกฟินสบายแล้ว แต่! สำหรับคุณแม่ที่ต้องดูแลครรภ์แล้ว การนวดแบบไม่ถูกวิธี อาจส่งผลร้ายต่อครรภ์ถึงขั้นแท้งได้เลยนะครับ อย่างเช่นข่าวจาก Sanook หมอเตือน คนท้องห้ามนวด! เสี่ยงลิ่มเลือดอุดตัน-แท้ง-เสียชีวิต โดยมีเนื้อข่าวว่า “ สาวตั้งครรภ์ 6 เดือน เข้าไปใช้บริการนวดแผนโบราณแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ แต่สุดท้ายเกิดอาการช็อกและชักคาเตียงนวดจนหมดสติ “
โดยภายหลังจากข่าวนี้ออกมานะครับ ก็มีความกังวลว่า คนท้องนวดได้ไหม? ปลอดภัยหรือเปล่า ซึ่งสูติแพทย์ออกมาเตือนว่า คนท้องนวดได้ครับ แต่การนวดสำหรับคนท้องนั้นจะต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม ทั้งวิธีนวด เก้าอี้ เตียง และหมอนที่ใช้ และที่ Lullaby Spa ก็มีคอร์สนวดสปา Pre-natal Massage เพื่อคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์โดยเฉพาะ ทั้งวิธีการนวดที่นุ่มนวล อุปกรณ์ทั้ง เตียง เก้าอี้ น้ำมันนวดที่ออกแบบมาสำหรับคนท้องโดยเฉพาะ ไปจนถึงหมอนวดผู้เชี่ยวชาญด้านการนวดคนท้อง ช่วยฟื้นฟูให้คุณแม่หายเมื่อยล้าจากการอุ้มท้อง และช่วยให้ผ่อนคลายจิตใจ ลดความเครียด และช่วยให้นอนง่าย หลับสบายยิ่งขึ้น
สถานที่ : Life Center ใน Q. House Lumpini
การเดินทาง : ลง MRT สถานีลุมพินี
แนะนำ : ที่ Lullaby Spa มีคอร์สนวดสำหรับคนท้องหลายคอร์ส ทั้งนวดตัว นวดขา หัวไหล่ ซึ่งแต่ละคอร์สจะกำหนดอายุครรภ์ต่างกัน แฟรงค์แนะนำให้คุณแม่สอบถามรายละเอียดก่อนจองคอร์สนะครับ

5. ทานเบเกอรี่เพื่อสุขภาพที่ ORGANIC SUPPLY

หลังจากรู้สถานที่คนท้องออกกำลังกาย ดูและสุขภาพกันไปแล้ว เรื่องกินก็สำคัญกับการดูแลครรภ์เหมือนกันนะครับ อาหารที่มีประโยชน์นั้นช่วยให้เสริมสร้างพัฒนาการเด็กให้แข็งแรง คุณแม่จะต้องพิถีพิถันเรื่องการกิน ต้องควบคุมอาหาร ทำให้ระหว่างตั้งท้องคุณแม่หลายคนต้องเลี่ยงกินหวาน ขนมเค้ก เบเกอรี่ นี่ลืมไปได้เลย แต่ถ้ามีเบเกอรี่ที่ทั้งอร่อยทั้งมีประโยชน์ล่ะ? 
เพื่อเอาใจคุณแม่สายขนมหวาน แฟรงค์ขอแนะนำ ร้าน ORGANIC SUPPLY ร้าน เบเกอรี่บรรยากาศดีๆ ที่คุณแม่ไม่ควรพลาด เพราะมีเค้กแนวรักสุขภาพด้วยการใช้ผลไม้และธัญพืชเป็นวัตถุดิบหลัก ลดหวานลงนิดนึงแต่ยังคงความอร่อยไว้แบบเต็มเปี่ยม เมนูที่ดัง ๆ และเหมาะกับคุณแม่ก็ได้แก่ “Vegan Bread (Pumpkin)” ขนมปังฟักทองที่ใช้น้ำมันรำข้าวแทนเนย ช่วยบำรุงสายตา แถมยังบำรุงผิวพรรณให้เต่งตึง ชุ่มชื่น ชะลอรอยเหี่ยวย่นอีกด้วย คุณแม่คนไหน ร่างกายต้องการปะทะของหวาน มาร้านนี้เลย ฟิน!
สถานที่ : 148 ถนนนาคนิวาส แขวง ลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร 10230 (ตรงข้ามซอย นาคนิวาศ 7)
การเดินทาง : ใช้ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ขาออก เลี้ยวซ้ายเข้าซอยลาดพร้าว 71 (นาคนิวาส 21) เลี้ยวขวาตรงร้าน Is Delight resturant เข้าสู่ถนน นาคนิวาส ร้านอยู่ข้างขวาก่อนขึ้นสะพานข้ามคลองทรงกระเทียม
และนี่ก็คือ 5 สถานที่ดูแลสุขภาพเพื่อคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ ที่แฟรงค์นำมาฝาก มั่นใจได้เลยว่าทุกที่มีบริการที่ออกแบบมาเพื่อคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์โดยเฉพาะ เพราะอย่างนั้น ปลอดภัยหายห่วงจ้า 
สุขภาพของคุณแม่นั้นจะส่งไปยังสุขภาพของลูกในครรภ์ หากคุณแม่แข็งแรง ลูกน้อยก็แข็งแรง การเป็นแม่จึงเต็มไปด้วยความรับผิดชอบ แม้จะเหนื่อย แต่ก็เป็นหน้าที่ที่สำคัญมาก ๆ แฟรงค์ก็ขอใช้โอกาสในเดือนแห่งวันแม่นี้ อวยพรให้คุณแม่ทุกคนมีสุขภาพที่แข็งแรง ทั้งร่างกาย และจิตใจนะครับ ด้วยรักและห่วงใยจากแฟรงค์ประกันที่รวดเร็ว เรียบง่าย และจริงใจกับคุณ
 

The post 5 กิจกรรมดูแลสุขภาพเพื่อคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. หลอกโจรว่ามีคนอยู่ในบ้าน

ถือว่าเป็นวิธีชาญฉลาดที่แท้จริง คุณสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการเซ็ตเวลาเปิด-ปิดไฟภายในบ้าน และวิทยุทิ้งไว้ แสดงเหมือนว่ามีคนอยู่ในบ้านตลอดเวลา  แต่อย่าเปิดไฟดวงเล็กตามบริเวณทางเดิน หรือมุมห้องต่างๆนะ เพราะโจรจะรู้ทันทีว่าคุณไม่อยู่บ้าน รวมถึงให้ปิดเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ภายในบ้านด้วย เนื่องจากเวลาที่ไม่มีคนรับสาย อาจเป็นได้ว่าไม่มีใครอยู่ในบ้านเช่นกัน สำหรับกรณีนี้จะเป็นการกันขโมยเเบบเนียนๆครับ แล้วที่สำคัญอย่าฝากข้อความทิ้งไว้ในโทรศัพท์ หรือเขียนกระดาษโน้ต ว่าเราไม่อยู่บ้านนะ ไม่ต้องบอกให้โจรรู้ครับ
 

2. ล็อกประตูบ้านและหน้าต่างให้มิดชิด

อย่าลืมกันนะ ก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง ต้องล็อกประตูบ้านและหน้าต่างทุกบานให้ดีซะก่อน แนะนำให้คุณใช้เป็นกุญแจระบบล็อก หรือเลือกประตูที่ยากต่อการงัดแงะ  เพื่อป้องกันขโมยขึ้นบ้าน หรือถ้าบ้านของคุณเป็นประตูบานเลื่อน ก็สามารถเอาไม้มาวางในล่องรางของบานนั้น จะเป็นการป้องกันขโมยขึ้นบ้านอีกชั้นหนึ่งครับ เพราะประตูบานเลื่อนจะงัดแงะเข้ามาง่ายที่สุด ส่วนหน้าต่างรอบตัวบ้านก็ควรใช้แบบ กระจกนิรภัย หรือ Glass block จะป้องกันการทุบกระจกจากด้านนอก ช่วยให้ปลอดภัยมากขึ้นอีกเปราะ
 

3. เก็บของมีค่าให้ลับสายตา

รู้หรือไม่ว่า เหตุผลหลักที่โจรขึ้นบ้านอยู่บ่อยๆ ก็มาจากการวางของมีค่าให้โจรเห็นครับ เนื่องจากโจรจะรู้ตำแหน่งวางสิ่งของ เลยพยายามจะบุกเข้ามาในบ้าน ดังนั้น ถ้าไม่อยากให้โจรขึ้นบ้าน ก็อย่าโชว์ของมีค่าไว้ตามบ้าน และตู้เซฟก็ต้องเก็บให้มิดชิดด้วยครับ  เพื่อป้องกันโจรขึ้นบ้านของคุณ หรือจะซ่อนของมีค่าตามจุดต่างๆ ภายในบ้านก็น่าสนใจนะครับ ถึงโจรเข้ามาบ้านของคุณได้ ก็หาของมีค่าไม่เจอ แต่อย่าเผลอเอาไปซ่อนไว้นอกบ้านเชียวนะ
 

4. พกกุญแจบ้านไว้กับตัว

หลายคนมักจะชอบทิ้งกุญแจไว้ตามจุดต่างๆ บริเวณนอกบ้าน เพราะกลัวว่าหากออกจากบ้านแล้ว จะทำกุญแจหล่นหาย แต่ลองมองในมุมกลับกันนะครับ ถ้ากุญแจของคุณหาย คุณยังสามารถเรียกช่างมาเปิดให้ได้ แต่ถ้าคุณถูกโจรสวมรอยแอบหยิบกุญแจบ้านของคุณไป แล้วยกเค้าของมีค่าของคุณหมดล่ะ คุณจะทำยังไง? เพราะฉะนั้นเราไม่ควรทิ้งกุญแจบ้านไว้ข้างนอกเด็ดขาด จะเป็นการเปิดทางให้โจรขึ้นบ้านง่ายขึ้น ควรเก็บไว้กับตัวจะปลอดภัยที่สุด  เอาเป็นว่า ป้องกันไว้ดีกว่าแก้นะครับ เพราะถ้าแย่จะแก้ไม่ทัน
 

5. ติดสัญญาณกันขโมย

ถึงแม้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเข้ามาหน่อย แต่ถ้าคุณติดตั้งระบบสัญญาณกันขโมยไว้ ก็จะช่วยป้องกันขโมยขึ้นบ้านได้ดีครับ ซึ่งระบบเซ็นเซอร์จะส่งเสียงดังเตือนภัย กรณีมีคนกำลังบุกรุกบ้านของคุณ เวลาใครจะแอบเข้ามางัดบ้าน คุณก็จะรู้ตัวทันที หรือมีบางรุ่นหากคุณไม่อยู่บ้าน เสียงสัญญาณนี้ก็จะส่งเตือนเข้ามือถือของคุณอีกด้วย อาจจะทำให้โจรตกใจ และหนีออกไปในที่สุด เป็นวิธีขัดขวางภารกิจของโจรได้ดีเลยล่ะ
 

6. มีเหล็กดัดก็ยิ่งดี

ส่วนกรณีบ้านของคุณไม่มีประตู หรือหน้าต่างระบบนิรภัย ก็สามารถติดตั้งเหล็กดัด เพื่อป้องกันขโมยขึ้นบ้านได้ มันจะช่วยถ่วงเวลาโจรในการงัดเเงะเข้ามาครับ  แต่หลายคนก็บอกว่าถ้าติดแล้วจะไม่สวย ไม่ต้องห่วงเลยนะครับ เพราะปัจุบันนี้เริ่มมีลวดลายเหล็กดัดให้เลือกมากขึ้น สามารถนำมาใช้งานได้ตามใจชอบ แถมยังช่วยให้บ้านของคุณปลอดภัยจากจอมโจรอีกด้วยนะ แต่ต้องเลือกเหล็กดัดที่สามารถเปิดได้ง่ายจากด้านในนะครับ เผื่อเกิดเหตุไฟไหม้หรือฉุกเฉินจะได้หนีทันไงล่ะ
 

7. ใช้กล้องวงจรปิด

เมื่อคุณมีสัญญาณกันขโมยขึ้นบ้านแล้ว ก็อย่าลืมติดตั้งกล้องวงจรปิดเช่นกันนะ มันจะช่วยเป็นหูเป็นตาในยามที่คุณไม่อยู่บ้าน  ซึ่งกล้องวงจรปิดคอยทำหน้าที่ตรวจจับภาพ และบันทึกความเคลื่อนไหวต่างๆ หากพวกขโมยเห็นว่าบ้านของคุณมีกล้องวงจรปิด ก็จะไม่กล้าเข้ามาภายในบ้าน ยิ่งใครที่ไม่ค่อยอยู่บ้าน หรือเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อยๆ ก็ควรติดกล้องวงจรปิดไว้รอบๆ บ้าน เพื่อคุณจะได้มีหลักฐานมัดตัวคนร้ายครับ
 

8. เคลียร์บ้านไม่ให้รก

สำหรับบ้านที่ดีและปลอดภัยโจร จะต้องเป็นบ้านที่ไม่รกจนเกินไปครับ โดยเฉพาะบ้านที่มีต้นไม้หรือพุ่มไม้เยอะๆ คุณต้องเคลียร์พื้นที่บ้านให้สะอาดอยู่เสมอ เนื่องจากโจรมักชอบอาศัยตามจุดต่างๆ ยิ่งถ้าเป็นมุมมืดก็จะชอบมากครับ เพื่อหลบซ่อนตัว ดังนั้น เราควรทำให้บ้านโล่งเข้าไว้ก่อน หรือจะลองติดไฟดวงเล็กๆตามพุ่มไม้ได้เช่นกันนะ  เอาให้โจรไม่มีที่อยู่เลยครับ แถมการเคลียร์พื้นที่บ้านยังช่วยให้เราปลอดภัยจากสัตว์มีพิษด้วย
 

9. ปกปิดกิจกรรมภายในบ้าน

ต้องขอบอกเลยว่า สมัยนี้พวกโจรฉลาดมากขึ้น เวลาเราทำอะไรจะหัดสังเกตก่อน แล้วย่องเข้าบ้านทีเดียว จึงขอเตือนให้คุณระวังตัวไว้ ด้วยการปกปิดการมองเห็นกิจกรรมของคนในบ้านครับ  อย่างเช่น เวลาเข้าออกภายในบ้าน หรือปิดไฟนอนตอนไหน ยิ่งถ้าคุณอยู่บ้านคนเดียว ก็จะเสี่ยงโดนบุกรุกง่ายมาก หากคุณใช้ชีวิตแบบเดิมซ้ำไปซ้ำมาในทุกวัน ก็จะยิ่งไม่ปลอดภัยต่อตัวคุณ แนะนำให้ปิดผ้าม่านให้มิดชิด เพราะพวกโจรจะได้ไม่เห็นกิจกรรมภายในบ้านของคุณนั่นเอง 
 

10. ตั้งตู้จดหมายให้ลับสายตา

ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าตู้จดหมายคือจุดสังเกตที่ดีที่สุดของโจร อันนี้จริงเลยครับ มันจะทำให้โจรเช็กได้ว่าคุณอยู่บ้านหรือไม่ หากพบว่ามีจดหมายอยู่ในตู้กองทิ้งไว้แบบไม่มีใครมาเก็บ แสดงว่าไม่มีคนอยู่ในบ้าน อาจจะทำให้โจรเดาทางง่ายครับ เราจึงควรตั้งตู้จดหมายให้ลับสายตามากที่สุด หรือไม่โชว์ไว้หน้าบ้านให้โจรเห็น  วันนี้เพนกวินเเเฟรงค์เลยเอาเคล็ดลับจากบ้านในต่างประเทศมาฝากด้วยนะ เขาได้ติดตั้งตู้จดหมายไว้ฝังกับผนัง หรือประตูบ้านครับ พอหลังจากหย่อนลงไปแล้ว จดหมายก็จะอยู่ในบ้านทันที เรียกว่ากันขโมยขึ้นบ้านแบบชาญฉลาดจริงๆ
 

11. หลอกโจรว่าที่บ้านเลี้ยงหมาดุ

เราต่างก็รู้กันดีว่า ใครที่เลี้ยงหมาไว้ในบ้าน จะช่วยป้องกันขโมยปีนขึ้นบ้านได้ เพราะมันจะช่วยส่งเสียงร้องออกมาเมื่อมีคนบุกรุก จึงทำให้เรารู้ตัวทันที แต่บางคนที่ไม่ได้เลี้ยงหมาล่ะ จะทำยังไงดี? อีกหนึ่งวิธีที่จะหลอกหัวขโมยได้ก็คือ ให้เขียนข้อความระบุใส่กระดาษไว้ว่า “บ้านนี้หมาดุ” หรือ “ระวังหมาดุ” ครับ  หลังจากนั้นเอาไปติดกับหน้าประตูบ้าน หรือประตูรั้วให้เห็นชัดเจน อาจทำให้โจรกลัวหมา และไม่กล้าเข้ามาใกล้บ้านของคุณ
 

12. ซื้อประกันบ้านให้อุ่นใจ

ถึงแม้เราจะมีตัวช่วยสารพัด เพื่อป้องกันขโมยขึ้นบ้านแล้ว หากโชคร้ายจริง ๆ ถูกขโมยงัดเเงะบ้านจนเสียหาย หรือหยิบของมีค่าไป อะไรก็ช่วยคุณไม่ได้ถ้าลืมซื้อประกันบ้านนะครับ เพราะประกันบ้านจะช่วยดูแลบ้านของคุณให้ปลอดภัยจากเหตุร้ายต่าง ๆ ที่ไม่คาดฝันครับ
สมมติว่า บ้านของคุณถูกขโมยปีนขึ้นบ้าน มีปรากฎร่องรอยการงัดแงะต่อตัวบ้านชัดเจน กรณีคุณซื้อประกันภัยบ้านและทรัพย์สินกับแฟรงค์ ที่รับประกันภัยโดย AIG  เราก็จะเข้ามาช่วยจัดการบ้านของคุณให้ทันทีครับ ตามมูลค่าความคุ้มครองที่กำหนดไว้ หรือถ้าคุณเลือกความคุ้มครองเสริม (แผนคุ้มครองของมีค่าสูญหายจากการโจรกรรม) คุณก็จะได้รับวงเงินความคุ้มครองเพิ่มเข้ามาด้วย ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับคุณ เพียงแค่นำหลักฐานต่าง ๆ ก็สามารถเเจ้งเคลมได้ครับ สบายใจกว่าเยอะ
เรียนรู้เทคนิคป้องกันโจรขึ้นบ้านกันแล้ว เริ่มสนใจซื้อประกันภัยบ้านและคอนโดกับ frank.co.th แล้วใช่ไหมครับ ลองเข้ามาเช็กเบี้ยประกันดูก่อน เรามีข้อเสนอพิเศษให้กับคุณอีกเพียบ ด้วยราคาที่ประหยัด และจ่ายได้ตามงบประมาณของคุณ หมดห่วงทันทีกรณีขโมยขึ้นบ้าน เพราะประกันภัยบ้านและคอนโด จะช่วยเหลือที่อยู่อาศัยของคุณเมื่อยามฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมงครับ ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตของคุณได้ดี โดยเฉพาะคนที่จำเป็นต้องปล่อยบ้านทิ้งไว้ เพื่อไปทำงานหรือเที่ยวต่างจังหวัด นอกจากจะมีวิธีป้องกันโจรขึ้นบ้านอย่างชาญฉลาดแล้ว ก็อย่าลืมซื้อประกันภัยบ้านและคอนโดเสริมความปลอดภัยในครอบครัวและทรัพย์สินของคุณด้วยนะครับ
 

The post 12 วิธีป้องกันจอมโจรขึ้นบ้านอย่างชาญฉลาด appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

บุกแดนมังกร WCG 2019 ดูเกมเมอร์ & ชมนวัตกรรมเจ๋ง ๆ

พาแฟนเที่ยวเทศกาล EMF Hong Kong บนเกาะฮ่องกง

เริ่มพาแฟนเที่ยวต่างประเทศพิกัดใกล้ไทยกับ “ฮ่องกง” งานเทศกาล EMF Hong Kong หรือ E-Sports & Music Festival รวมพลคนรักเกม ตัวท็อปของวงการจะมาแข่งกันที่นี่ครับเพื่อชิงชัยชนะ เช่น ชมการแข่งขันเกมแนว Battle Royale อย่าง PUBG ก็ 16 ทีมชั้นนำระดับโลกมาลงแข่งเดือด ๆ วัดกันเลยว่าใครคือสายแข็ง !! ขึ้นจอใหญ่ให้เห็นเลย ภายในงานยังมีกิจกรรมอีกมากมายครับคอเกมต้องไปสักครั้งในชีวิต
ในทริปเที่ยวฮ่องกงไม่ต้องกลัวเบื่อครับ ไม่อินกับเกม แต่คุณจะได้ชมคอนเสิร์ตด้วย และสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่แตกต่าง รับรองว่า แฟนคุณจะหลงใหลได้ปลื้มกับงานนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26–28 กรกฎาคม 2019 ณ ศูนย์การประชุมและนิทรรศการฮ่องกง Hall 3B-C (ค่าเข้าชมประมาณ 10 ดอลลาร์ฮ่องกง) หลังจากเที่ยวงานนี้เสร็จจะแวะช้อปปิ้ง แวะไหว้พระขอพรก็ได้ไม่ว่ากัน 
เว็บไซต์ทางการ : emfhk.com
พิกัด :
 

รักโปเกมอน จะรออะไรไปสิงคโปร์ ฉันเลือกนาย

ถึงจะเข้าการชิงแชมป์โลกโปเกมอน Pokemon World Championships กับเทรนเนอร์จากผู้เล่นทั่วโลกระดับสูงไม่ได้ ลองซอกแซกสิงคโปร์ดูเมอร์ไลออน พาแฟนเที่ยวเดินเล่นย่านคลาร์กคีย์ ยังมีย่านเที่ยวเล่นเกมสำหรับโปเกมอนเทรนเนอร์ด้วย เอาละเหว่ย เอาละหว่า เตรียมมือถือ เตรียมตัว เตรียมพาวเวอร์แบงค์พร้อม “ลุย!!”
Pokemon Center แหล่งรวมทุกสิ่งจิงกาเบลแห่งแรกนอกญี่ปุ่นอยู่ที่สนามบินชางฮี Jewel Changi Airport สิงคโปร์ ล่าสุด เปิดตัวยิ่งใหญ่เลยนะให้ปิกาจูมาเต้นพาเรดแบบจัดเต็ม เวลา 14.00 น. และ 18.00 น. โซนสวนสวย Shiseido Forest Valley เอาเป็นว่า ไปจับโปเกมอนหายากกันเถอะครัช โดยก่อนหน้านี้เดือนเมษายนมีกิจกรรมพิเศษที่เซนโตซ่า อีเว้นท์ใหม่อาจจะต้องติดตามกันนะครับ
เว็บไซต์ทางการ : sg.portal-pokemon.com
พิกัด : 

ทั้งนี้ต้องย้ำว่า ภารกิจพาแฟนติดเกมออกเที่ยวนั้น Frank เอามาเล่าแบบฉบับน้ำจิ้มเท่านั้นนะครับ ไว้ถ้ากระแสดีมีคนชอบจะหยิบมาเล่าแบบเจาะลึกให้ฟังอีกนะ อิอิ ก่อนออกทัวร์ต่างประเทศทุกครั้งอย่าลืมพกประกันเดินทางติดตัวด้วยนะครับ สามารถซื้อประกันการเดินทางออนไลน์ สำหรับเที่ยวต่างประเทศ พร้อมรับกรมธรรม์ทันทีที่ frank.co.th ได้นะจ้ะ
อ้างอิง : sg.portal-pokemon.com, esports-marketing-blog.com
Content by Butter Cutter

The post แฟนติดเกมทำไงดี ? พาแฟนเที่ยว ท่องโลกเกมเมอร์ดูสิ appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.