เที่ยวเมืองไทย Archives - Bolttech Blog - News & Updates Bolttech Blog - News & Updates Wed, 24 Apr 2024 10:19:37 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.0.3 https://www.bolttech.co.th/blog/wp-content/uploads/2021/02/favicon.ico เที่ยวเมืองไทย Archives - Bolttech Blog - News & Updates 32 32 10 ไอเทมต้องมีสำหรับเที่ยวทะเล ให้พกติดกระเป๋า https://www.bolttech.co.th/blog/10-%e0%b9%84%e0%b8%ad%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%a1%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b8%aa%e0%b8%b3%e0%b8%ab%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2%e0%b8%a7%e0%b8%97%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a5-%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b9%89%e0%b8%9e%e0%b8%81%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b9%8b%e0%b8%b2?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=10-%25e0%25b9%2584%25e0%25b8%25ad%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%2597%25e0%25b8%25a1%25e0%25b8%2595%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%2587%25e0%25b8%25a1%25e0%25b8%25b5%25e0%25b8%25aa%25e0%25b8%25b3%25e0%25b8%25ab%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%25b1%25e0%25b8%259a%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%2597%25e0%25b8%25b5%25e0%25b9%2588%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%2597%25e0%25b8%25b0%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%25a5-%25e0%25b9%2583%25e0%25b8%25ab%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%259e%25e0%25b8%2581%25e0%25b8%2595%25e0%25b8%25b4%25e0%25b8%2594%25e0%25b8%2581%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%25b0%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%259b%25e0%25b9%258b%25e0%25b8%25b2 Fri, 04 Dec 2020 02:50:00 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog?p=14370 เที่ยวทะเล แต่งตัวไปทะเล และไอเทมเที่ยวทะเลมีอะไรบ้าง มาจัดกระเป๋าเดินทางง่ายๆ เพียงพกสิ่งเหล่านี้ไปเที่ยวทะเล รับรองทริปครั้งนี้จะต้องสนุก ไม่ผิดหวังแน่นอน

The post 10 ไอเทมต้องมีสำหรับเที่ยวทะเล ให้พกติดกระเป๋า appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
เข้าใกล้สู่ช่วงปลายปี พร้อมต้อนรับเทศกาลปีใหม่ 2021 เตรียมหยุดยาวๆ ปีใหม่นี้เที่ยวไหนดีนะ ก็คงหนีไม่พ้นเที่ยวทะเลแน่นอน เพราะจะมีกิจกรรมสนุกๆ ให้คุณทำอีกเพียบ ไม่ว่าจะนอนเล่นบนชายหาด ว่ายน้ำ ทริปดำน้ำชมประการัง นั่งเรือเที่ยวชมเกาะ หรือจะถ่ายรูปเช็กอินที่ทะเลสวยๆ อวดเพื่อนในโซเซียลก็ได้นะ ซึ่งเราจะต้องเตรียมอเทมเที่ยวทะเลให้พร้อมก่อน ว่าแต่จะมีอะไรบ้าง เราลองมาจัดกระเป๋าเดินทางกันเลย

1. ชุดว่ายน้ำ

อย่างแรกที่จะต้องเตรียมไว้ ก็คือ “เสื้อผ้าสวยๆ และชุดว่ายน้ำ”  ถือเป็นไอเทมสำคัญของการแต่งตัวไปทะเลเลย เราควรเตรียมเสื้อผ้าสัก 3-4 ตัวเอาไว้ใส่เปลี่ยน (กรณีเที่ยวทะเลแบบ 3 วัน 2 คืน) แล้วที่สำคัญให้หยิบชุดว่ายน้ำสวยๆ เผื่อไปสำหรับทริปดำน้ำด้วย ว่าแล้วหนุ่มๆ สาวๆ ที่อยากจะโชว์หุ่น โชว์ผิว!! ก็สามารถใส่ชุดว่ายน้ำเดินเล่นบนชายหาดได้เช่นกัน

อ่านเพิ่มเติม : ชี้จุดเช็กอินเกาะหลีเป๊ะ เที่ยวทั้งทีต้องแวะที่ไหนบ้าง?

2. ผ้าขนหนู

หลังจากเตรียมเสื้อผ้าแต่งตัวไปทะเลเสร็จแล้ว ก็อย่าลืมหยิบผ้าขนหนูติดกระเป๋าด้วย เอาไว้ใช้ประมาณสัก 2 ผืน ซึ่งผืนแรกเอาไว้ใช้สำหรับเช็ดตัวให้แห้งเวลาอาบน้ำหรือว่ายน้ำก็จะใช้เป็นผ้าขนหนูเปียก อีกผืนก็เก็บเอาไว้ใช้เป็นผ้าขนหนูแห้ง เผื่อไว้ใช้ปูนอนบนเตียงชายหาดจะได้รู้สึกสบายตัวมากขึ้น แต่ถ้าใครกลัวว่านำของไปเยอะๆ จะจัดกระเป๋าเดินทางยาก แนะนำให้ใช้เป็นผ้าขนหนูทั้งสองผืนม้วนซ้อนทับกัน มันจะช่วยประหยัดพื้นที่ในกระเป๋าของคุณ

3. ครีมกันแดด

ปีใหม่ 2021 อยากไปเที่ยวทะเล แต่คุณไม่อยากให้ผิวหมองคล้ำ แนะนำให้เตรียม ครีมกันแดดหรือโลชั่นกันแดด เผื่อไว้ด้วย เพราะเราจะต้องออกไปเผชิญกับแสงแดด UV ริมชายหาดทะเล ยิ่งถ้าเราต้องใส่ชุดว่ายน้ำ หรือชุดบิกินี่โชว์ผิวด้วยนะ ก็ต้องใช้ครีมกันแดดเยอะๆ เพื่อช่วยปกป้องผิวของคุณจากแสงแดด ถือเป็นไอเทมที่ห้ามลืมเด็ดขาด!!

4. ซองใส่มือถือกันน้ำ

บางครั้งมาเที่ยวทะเล หากไม่ระวังตัวให้ดีอาจจะเผลอทำมือถือตกน้ำได้นะ ทางที่ดีเราควรหาซองมือถือกันน้ำที่มีตัวล็อกมิดชิด โดยซองใส่มือถือจะช่วยป้องกันน้ำ กันทรายเข้ามือถือ อีกทั้งยังใช้งานง่าย ราคาไม่แพง ตอบโจทย์สำหรับทริปเที่ยวทะเลสุดๆ

แล้วเพื่อความสบายใจมากขึ้น เพียงทำบริการปกป้องมือถือกับ frank.co.th สำหรับแผนคุ้มครองอุบัติเหตุหรือของเหลว ก็สามารถเคลมมือถือหน้าจอแตก ตกน้ำจากอุบัติเหตุได้ทันที มีให้บริการรับเครื่อง-ส่งคืน การันตีคุณภาพซ่อมมาจากอะไหล่แท้ 100% อุ่นใจกว่าซองใส่มือถือกันน้ำด้วย

5. แว่นกันแดด

อีกหนึ่งไอเทมยอดฮิตที่ต้องพกติดตัวไปเที่ยวทะเล นั่นก็คือ “แว่นกันแดด” นอกจากจะช่วยปกป้องดวงตาจากแสงแดดแล้ว ยังช่วยทำให้เราถ่ายรูปออกมาดูดีเลยล่ะ เราสามารถเลือกแว่นกันแดดลายเก๋ๆ เหมาะกับทริปเที่ยวทะเลได้ เช่น เเว่นกันแดดรูปหัวใจ แว่นกันแดดสีสันสดใส หรือสีพาสเทลน่ารักๆ รับรองว่าจะช่วยทำให้ทริปของคุณดูมีสีสันมากขึ้น

6. หมวกแฟชั่น

แน่นอนว่า “หมวกแฟชั่นใส่เที่ยวทะเล จะช่วยเพิ่มความเก๋ไก๋ให้กับคุณ” มีหลายแบบให้เลือกทั้งหมวกปีกกว้าง หมวกบักเก็ต หมวกสาน หรือหมวกลายลูกไม้ที่ช่วยสร้างความโดดเด่น หรือจะถ่ายรูปสวยๆ โพสต์ลงโซเซียลก็ฟินไม่แพ้กัน ส่วนคุณผู้ชายก็สามารถเลือกหมวกแฟชั่นเท่ๆ ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของคุณได้

7. ยาสามัญประจำบ้าน

สำหรับยาสามัญประจำบ้าน ถือเป็นอุปกรณ์สำคัญมากๆ ในการเดินทางของคุณ โดยเฉพาะเวลาที่ไปเที่ยวทะเล หรือนั่งเรือออกทะเล อาจจะเจอคลื่นลมทะเลทำให้เกิดอาการเวียนหัว เป็นไข้ เป็นลมแดดได้ง่าย ดังนั้น เราควรพกยาสามัญประจำบ้านติดไว้ในกระเป๋าเดินทาง เช่น ยาหอม ยาดม ยาลม ยาหม่อง ยาแก้ไข้ ยาแก้ปวดหัว 

นอกจากนี้เราอย่าลืมหยิบอุปกรณ์ปฐมพยาบาลสำรองไว้อย่างผ้าก๊อซ เทปพันแผล พลาสเตอร์ ยาฆ่าเชื้อ ยาทาแผลสด และยาทาแก้เคล็ดกันไว้ จะได้ไปเที่ยวทะเลอย่างสบายใจ

อ่านเพิ่มเติม : วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น กรณีหกล้มขณะเดินทาง

8. กล้องถ่ายรูปใต้น้ำ

เมื่อคุณมีโอกาสจัดทริปเที่ยวทะเลแล้ว จะลืมกล้องถ่ายรูปใต้น้ำได้ยังไงล่ะ แนะนำให้เตรียมมาใช้ถ่ายรูปสวยๆ กันเลย ข้อดีก็คือสามารถถ่ายรูปใต้น้ำได้อย่างชัดเจน เพื่อเก็บภาพสัตว์น้ำน่ารักและชมปะการังที่หายาก อีกทั้งยังพกพาง่าย น้ำหนักเบา และเหมาะสำหรับผู้ที่ชอบเที่ยวทะเลด้วย หากเรามีกล้องถ่ายรูปใต้น้ำก็จะเป็นประโยชน์ต่อการเซลฟี่ ว่าแล้วเรามาหากล้องถ่ายรูปใต้น้ำเจ๋งๆ กันเลย

9. อุปกรณ์ที่ชาร์จแบต

ถึงแม้ว่าเราจะมีกล้องถ่ายรูปใต้น้ำ กล้องมือถือ หรือกล้องดิจิตอล แต่ถ้าเกิดแบตหมดขณะเที่ยวทะเลก็คงหมดสนุกแน่นอน ดังนั้น คุณจะต้องเตรียมอุปกรณ์ที่ชารจแบต พาวเวอร์แบงค์สำรองไว้ เราจะได้ถ่ายรูปบรรยากาศสวยๆ อย่างเต็มที่ ไม่ต้องกังวลใจ เพียงแค่คุณพกที่ชาร์จแบตไปเท่านั้น

10. รองเท้าเเตะ

“เพราะรองเท้าแตะกับหาดทรายเป็นของคู่กัน” หากมีรองเท้าแตะชิคๆ สักคู่เอาไว้สำหรับเดินเล่นริมชายหาดทะเลก็คงดีเหมือนกัน เราจะได้เดินเล่นแบบสบายๆ แถมมีลายสวยๆ มาให้เราเลือกอีกเพียบ เหมาะกับวันพักผ่อนของคุณด้วย พกพาง่าย และใช้งานสะดวก

หากใครยังไม่รู้ว่าปีใหม่เที่ยวไหนดี ลองจัดกระเป๋าเดินทางเที่ยวทะเลกันเลย แล้วที่สำคัญเพื่อนๆ อย่าลืมมองหาประกันเดินทางในประเทศ สำหรับดูแลค่ารักษาพยาบาลเมื่อเกิดอุบัติเหตุขณะเดินทาง ก็คุ้มครองให้ทันที!! ทำให้อุ่นใจทุกทริปมากขึ้น เอาเป็นว่า อยากไปทริปเที่ยวทะเลให้สนุก ต้องมีประกันเดินทางในประเทศด้วยนะจ๊ะ

The post 10 ไอเทมต้องมีสำหรับเที่ยวทะเล ให้พกติดกระเป๋า appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
6 เมนูอาหารไทย แต่ชื่อเมืองนอก https://www.bolttech.co.th/blog/%e0%b8%b86-%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b8%99%e0%b8%b9%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8%a2%e0%b8%8a%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%99%e0%b8%ad%e0%b8%81?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=%25e0%25b8%25b86-%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%25a1%25e0%25b8%2599%25e0%25b8%25b9%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%25ab%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%25a3%25e0%25b9%2584%25e0%25b8%2597%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%258a%25e0%25b8%25b7%25e0%25b9%2588%25e0%25b8%25ad%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%25a1%25e0%25b8%25b7%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%2587%25e0%25b8%2599%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%2581 Fri, 20 Nov 2020 04:59:00 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog?p=14270 ขนมโตเกียว ลอดช่องสิงคโปร์ ข้าวผัดอเมริกัน กล้วยแขก ฯลฯ เป็นชื่อเมนูอาหารเมืองนอก แต่มีขายเฉพาะในไทยเท่านั้น แล้วจะมีประวัติน่าสนใจยังไงนะ มาอ่านกันเลย

The post 6 เมนูอาหารไทย แต่ชื่อเมืองนอก appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
การตั้งชื่ออาหารตามแหล่งที่มาถือเป็นวิธีคลาสสิคของเชฟทั่วโลกนะครับ เช่น เป็ดปักกิ่ง ก็มาจากประเทศจีน แต่มีหลายเมนูอาหารอร่อยที่ชื่อนี่ยกเมืองนอกมาเลย แต่ไหง หากินในประเทศนั้นไม่ได้ หากินได้แค่ในไทยซะงั้น ไหนๆ ก็เที่ยวต่างประเทศลำบากเพราะโควิด งั้นแฟรงค์ขอแปลงร่างเป็นเชฟชวนชิม พาคุณไปดู 6 เมนูอาหารชื่อเมืองนอก แต่หากินแค่ในไทยกัน

1.โตเกียว

ขนมชื่อเดียวกับเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ที่ไม่ได้มาจากญี่ปุ่นนะจ๊ะ แต่เป็นขนมไทยที่ทำจากแป้งบนกระทะร้อนที่ใส่ใส้หลายชนิด ทั้งไก่หยอง ไข่นกกระทา ไส้กรอก บางเจ้าการตลาดดีมีการวาดคำตามลูกค้าสั่งด้วย แต่พอม้วนปุ้บ อ่านไม่ออกเลยจ้า

ประวัติของ “ขนมโตเกียว” มีหลากหลายที่มา แต่ประวัติที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือเมื่อช่วงปี 2510 ณ ห้างไทไดมารุ ห้างสัญชาติญี่ปุ่นแห่งแรกในประเทศไทย มีพ่อค้าหัวใสนำขนมโดรายากิมาดัดแปลง และตั้งชื่อให้ดูเป็นญี่ปุ่น จนกลายเป็นขนมโตเกียวอย่างทุกวันนี้นั่นเอง

2. ลอดช่องสิงคโปร์ 

ลอดช่องสิงคโปร์

ขนมหวานที่ไม่ได้ข้ามทะเลมาจากเมืองเมอร์ไลออน “ลอดช่องสิงคโปร์” เป็นขนมที่ดัดแปลงมาจากลอดช่องโบราณ โดยการเปลี่ยนส่วนผสมในการทำเส้นจากแป้งข้าวเจ้า มาใช้แป้งมันสำปะหลัง ทำให้ลอดช่องสิงคโปร์มีเส้นที่เหนียวหนุบกว่า กินคู่กับน้ำกระทิใส่น้ำแข็งตอนหน้าร้อน สดชื่นฝุดๆ 

โดยเหตุผลที่ชื่อ ลอดช่องสิงคโปร์ นี้ เพราะต้นกำเนิดของลอดช่องสูตรนี้ มาจากร้านอาหารชื่อ “สิงคโปร์โภชนา” ที่อยู่หน้าโรงภาพยนต์สิงคโปร์ ซึ่งสูตรลอดช่องสิงคโปร์ของร้านนี้ก็เป็นที่ถูกอกถูกใจ จนโด่งดังไปทั่วประเทศจนถึงทุกวันนี้นั่นเอง

3. ข้าวผัดอเมริกัน

หากคุณเดินเล่นที่ไทม์สแควร์ เข้าไปที่ร้านอาหารดัง และสั่ง “ข้าวผัดอเมริกัน” สิ่งที่คุณจะได้่รับคือความงงเต๊กจากพ่อครัวอย่างแน่นอน เพราะข้าวผัดอเมริกัน ไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอเมริกาเด้อ 

ข้าวผัดสีแดงจากซอสมะเขือเทศ เสริฟพร้อมไข่ดาว ไก่ทอด ไส้กรอก เมนูที่มีวัตถุดิบส่วนใหญ่มาจากอาหารเช้าแบบอเมริกันนี้ มีต้นกำเนิดจากที่ไทยแลนด์นี้เอง โดยต้นกำเนิด บ้างก็ว่ามาจากร้านอาหารแอร์พอร์ตเรสตัวรองต์ ที่ได้นำอาหารเช้าแบบอเมริกันที่เหลือมาผัดกับข้าวเพื่อเสริฟให้กับทหารอเมริกันจนได้รับความนิยม บ้างก็ว่ามาจากพ่อครัวชื่อ “โกเจ๊ก” คิดค้นขึ้นเพื่อให้บริการทหารอเมริกันที่ตั้งฐานทัพในไทยช่วงสงครามเวียดนาม

และด้วยความที่ข้าวผัดอเมริกันมีส่วนผสมทั้งไข่ดาว ไส้กรอก ไก่ทอด และของทานง่ายสไตล์อเมริกันอื่นๆ ทำให้เมนูสำหรับทหารเมกันในวันนั้น กลายมาเป็นเมนูยอดฮิตของเด็กไทยในวันนี้ 

4. กล้วยแขก

แม้จะชื่อว่า “กล้วยแขก” แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่น้องชาวอินเดียเลยนะครับ ซึ่งที่มาของเจ้ากล้วยแขก ขนมไทยที่ทำจากกล้วยหั่นครึ่ง ชุบแป้ง บางเจ้าก็ใส่น้ำตาล งาขาว และกระทิด้วย จากนั้นนำมาทอดให้เหลืองกรอบ ซึ่งกล้วยแขกมีที่มาน่าสนใจมากคือ

คำว่าแขก เพี้ยนมาจากคำว่า แปลก ที่หมายถึง คนแปลกหน้า คนที่ไม่ใช่เจ้าบ้าน คนต่างถิ่น 

ฉะนั้น “กล้วยแขก” จึงน่าจะหมายถึง อาหารที่ทำจากกล้วยที่แปลกออกไปจากอาหารคาว แบบเดิม ๆ ของไทย นั่นเอง

5. ขนมจีน

แม้ประเทศไทยจะได้รับอิทธิพลมาจากประเทศจีนเยอะ แต่ขนมจีนไม่ใช่ขนมนะครับ และไม่ได้มาจากประเทศจีนด้วย แต่ขนมจีนเป็นอาหารคาวชนิดหนึ่งที่ทำด้วยแป้งเส้นกลมๆ คล้ายเส้นหมี่ ได้รับอิทธิพลจากอาหารมอญที่ชื่อ ขนมจีน แปลได้ว่า เส้นสุก โดยในประเทศไทยนิยมกินคู่กับน้ำยา น้ำพริก หรือจะนำไปตำคู่กับส้มตำก็แซ่บอีหลีเด้อ

โดยเกร็ดน่ารู้ของขนมจีนอีกอย่างหนึ่งคือ “ขนมจีน” มีชื่่อเรียกที่แตกต่างกันไปตามแต่ละภาค ได้แก่ ภาคกลาง ขนมจีน ภาคเหนือ ขนมเส้น ภาคอีสาน ข้าวปุ้น และภาคใต้ หนมจีน เป็นอาหารโปรดของทั้งสี่ภาคกันเลย

6. ขนมปักกิ่ง

ขนมปักกิ่ง

แม้เป็ดปักกิ่งจะมาจากกรุงปักกิ่ง “ขนมปักกิ่ง” ไม่ได้มาจากแเดนมังกรนะจ๊ะ แต่มาจากยูโรเปี้ยน สแนค ฟู้ด ที่ก็ไม่ได้มาจากยุโรปที่ไหน แต่เป็นบริษัทที่ตั้งแถวสมุทปราการนี่เอง

ขนมปักกิ่งเป็นขนมเวเฟอร์แบบแท่ง 2 รสชาติ ทั้งสอดใส้ครีมซองสีเหลือง และช็อกโกแลตซองแดง ที่เด็กไทยชื่นชอบ รสชาติหวานๆ มันๆ อารมณ์เดียวกัน กินได้ทุกวันหวานมันเหลือเฟือเอาเชื่อไหมมม 

ประกันเดินทางในประเทศ

The post 6 เมนูอาหารไทย แต่ชื่อเมืองนอก appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
เช็กราคาตั๋วรถไฟ จะเดินทางไปไหน ดูราคาก่อนตัดสินใจ https://www.bolttech.co.th/blog/%e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b9%87%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b9%8b%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%96%e0%b9%84%e0%b8%9f?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%258a%25e0%25b9%2587%25e0%25b8%2581%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%2584%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%2595%25e0%25b8%25b1%25e0%25b9%258b%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%2596%25e0%25b9%2584%25e0%25b8%259f Mon, 19 Oct 2020 04:53:00 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog?p=13756 สำหรับใครที่อยากลองเดินทางด้วยรถไฟ และอยาก เช็กราคาตั๋วรถไฟ เบื้องต้นก่อนว่ามีราคาเท่าไหร่ เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนจองตั๋วรถไฟ บอกเลยว่าไม่ต้องไปหาข้อมูลที่ไหนไกล เราได้รวบรวมข้อมูลราคาตั๋วรถไฟโดยประมาณมาให้ทุกท่านได้ดูไว้ในที่นี้แล้วไม่ว่าจะเป็นเรทคาตั๋วชั้นไหน จะนั่งแบบปรับอากาศหรือตู้นอนรถไฟ มีข้อมูลเช็กราคาตั๋วรถ

The post เช็กราคาตั๋วรถไฟ จะเดินทางไปไหน ดูราคาก่อนตัดสินใจ appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
สำหรับใครที่อยากลองเดินทางด้วยรถไฟ และอยาก เช็กราคาตั๋วรถไฟ เบื้องต้นก่อนว่ามีราคาเท่าไหร่ เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนจองตั๋วรถไฟ บอกเลยว่าไม่ต้องไปหาข้อมูลที่ไหนไกล เราได้รวบรวมข้อมูลราคาตั๋วรถไฟโดยประมาณมาให้ทุกท่านได้ดูไว้ในที่นี้แล้วไม่ว่าจะเป็นเรทคาตั๋วชั้นไหน จะนั่งแบบปรับอากาศหรือตู้นอนรถไฟ มีข้อมูลเช็กราคาตั๋วรถไฟมาฝาก!

เรทราคาตั๋วรถไฟ ขึ้นอยู่กับปัจจัยใดบ้าง?

หากคุณเช็กราคาตั๋วรถไฟแล้วสงสัยว่าทำไมบางขบวนถึงได้ถูก บางขบวนก็แพงเหลือเกินทั้ง ๆ ที่เดินทางไปยังที่เดียวกัน ซึ่งเราจะมาเฉลยให้ได้รู้กันครับว่า เรทราคาตั๋วรถไฟขึ้นกับปัจจัยอะไรบ้าง

1. ขึ้นอยู่กับระยะทาง

หากเดินทางไกลราคาตั๋วรถไฟก็จะแพงขึ้น หากเดินทางใกล้ราคาตั๋วรถไฟจะถูกกว่า ขึ้นอยู่กับระยะทางที่คุณต้องการเดินทาง

2. ขึ้นกับความสะดวกสบายขณะเดินทาง

ถ้าเป็นตู้รถไฟชั้น 1 ราคาตั๋วรถไฟก็จะมีราคาแพงกว่าตู้ชั้น 2 และตู้ชั้น 3 ตู้ปรับอากากาศย่อมแพงกว่าตู้ธรรมดา ตู้นอนก็จะแพงกว่าตู้นั่ง เป็นต้น ซึ่งเราจะสรุปความสะดวกสบายเรียงตามดังนี้ครับ

  • รถไฟตู้โดยสารชั้น 1 จะสะดวกสบายที่สุดไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งสบายไม่อึดอัด และมีแอร์มาให้นั่งเย็น ๆ สบาย ซึ่งชั้น 1 บางเที่ยวที่เดินทางช่วงเวลากลางคืนจะมีตู้นอนให้เลือกด้วยก็จะแพงขึ้นไปอีก
  • รถไฟตู้โดยสารชั้น 2 ความสะดวกสบายก็จะอยู่ในระดับปานกลาง เบาะนั่งสบายกว่าชั้น 3 มีทั้งแบบนั่งแอร์เย็น ๆ กับไม่มีแอร์ครับ และบางเที่ยวก็จะมีตู้นอนมาให้เลือกเหมือนตู้รถไฟชั้น 1 ส่วนราคาตั๋วรถไฟจะถูกในระดับปานกลาง
  • รถไฟตู้โดยสารชั้น 3 ความสะดวกสบายจะน้อยที่สุด และไม่มีแอร์ให้นั่ง ซึ่งราคาตั๋วก็จะถูกที่สุดด้วย

3. ประเภทของขบวนรถขบวนรถไวย่อมมีราคาแพงกว่า

ซึ่งจะเรียงลำดับตามราคาตั๋วรถไฟจากแพงสุดไปยังถูกที่สุดให้ดังนี้ครับ ขบวนรถด่วนพิเศษ, ขบวนรถด่วน, ขบวนรถเร็ว, และขบวนรถธรรมดา

ส่วนขบวนรถด่วนพิเศษ จะจอดเฉพาะสถานทีสำคัญทำให้ถึงไวสุด ส่วนรถขบวนรถธรรมดาจะจอดทุกสถานีทำให้ถึงที่หมายช้าสุด

4. ช่วงเวลาที่รถไฟออกเดินทาง

บางครั้งเวลาที่รถออกก็มีผลต่อราคาตั๋วรถไฟ ดังนั้น เราก็ควรเช็กราคาตั๋วรถไฟ ตรวจสอบช่วงเวลาให้ละเอียดก่อน เพื่อจะได้ราคาตรงใจและคุ้มค่าที่สุด

เทียบราคาตั๋วรถไฟโดยประมาณ เรารวมมาให้แล้ว !

เราสามารถเช็กราคาตั๋วรถไฟพร้อมตารางเวลาแบบละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.thairailwayticket.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของการรถไฟโดยตรง แต่ก็จะต้องใส่รายละเอียดและสมัครสมาชิกซึ่งต้องใช้เวลานาน ทางเราจึงอาสาเข้าไป เช็กราคาตั๋วรถไฟ 2563  มาให้แล้วตามนี้ เพื่อให้ทุกท่านได้เปรียบเทียบราคาตั๋วรถไฟง่ายขึ้น

"ตัวอย่างราคาตั๋วโดยสารโดยประมาณ (ลงตามสถานีใหญ่ ๆ ตามภูมิภาค)"

ราคาตั๋วรถไฟกรุงเทพฯ - เชียงใหม่

  • ขบวนปรับอากาศชั้น 1 ราคาประมาณ 1,253 - 1,653  บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 771 - 1041  บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 641 บาท
  • ขบวนชั้น 2 ราคาประมาณ 391 - 431 บาท
  • ขบวนชั้น 3 ราคาประมาณ 231 - 271 บาท

ราคาตั๋วรถไฟกรุงเทพฯ - ลำปาง

  • ขบวนปรับอากาศชั้น 1 ราคาประมาณ 1,253 - 1,572  บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 654 - 1004  บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 604 บาท
  • ขบวนชั้น 2 ราคาประมาณ 354 - 394 บาท
  • ขบวนชั้น 3 ราคาประมาณ 216 - 256 บาท

ราคาตั๋วรถไฟกรุงเทพฯ - พิษณุโลก

  • ขบวนปรับอากาศชั้น 1 ราคาประมาณ 964 - 1,354  บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 549 - 889  บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 479 บาท
  • ขบวนชั้น 2 ราคาประมาณ 269 - 309 บาท
  • ขบวนชั้น 3 ราคาประมาณ 179 - 219 บาท

ราคาตั๋วรถไฟกรุงเทพฯ - นครสวรรค์

  • ขบวนปรับอากาศชั้น 1 ราคาประมาณ 838 - 1,038  บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 520 - 630  บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 420 บาท
  • ขบวนชั้น 2 ราคาประมาณ 160 - 260 บาท
  • ขบวนชั้น 3 ราคาประมาณ 98 - 198 บาท

ราคาตั๋วรถไฟกรุงเทพฯ - ลพบุรี

  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 154 -374 บาท
  • ขบวนชั้น 2 ราคาประมาณ 94  บาท
  • ขบวนชั้น 3 ราคาประมาณ 58 บาท

ราคาตั๋วรถไฟกรุงเทพฯ - อยุธยา

  • ขบวนชั้น 2 ราคาประมาณ 65  บาท
  • ขบวนชั้น 3 ราคาประมาณ 45บาท

ราคาตั๋วรถไฟกรุงเทพฯ - หนองคาย

  • ขบวนปรับอากาศชั้น 1 ราคาประมาณ 1,357 - 1,557  บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 898 - 998  บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 498 บาท
  • ขบวนชั้น 2 ราคาประมาณ 348 บาท
  • ขบวนชั้น 3 ราคาประมาณ 231 บาท

ราคาตั๋วรถไฟกรุงเทพฯ - ขอนแก่น

  • ขบวนปรับอากาศชั้น 1 ราคาประมาณ 1,198 - 1,398  บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 809 - 909  บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 399 บาท
  • ขบวนชั้น 2 ราคาประมาณ 289 บาท
  • ขบวนชั้น 3 ราคาประมาณ 187 บาท

ราคาตั๋วรถไฟกรุงเทพฯ - อุบลราชธานี

  • ขบวนปรับอากาศชั้น 1 ราคาประมาณ 1,080 - 1,520  บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 631 - 981  บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 481 - 581 บาท
  • ขบวนชั้น 2 ราคาประมาณ 331 บาท
  • ขบวนชั้น 3 ราคาประมาณ 205 - 245 บาท

ราคาตั๋วรถไฟกรุงเทพฯ - ศรีสะเกษ

  • ขบวนปรับอากาศชั้น 1 ราคาประมาณ 1,036 - 1,476  บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 611 - 961  บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 461 - 561 บาท
  • ขบวนชั้น 2 ราคาประมาณ 331 - 331 บาท
  • ขบวนชั้น 3 ราคาประมาณ 197 - 237 บาท

ราคาตั๋วรถไฟกรุงเทพฯ - บุรีรัมย์

  • ขบวนปรับอากาศชั้น 1 ราคาประมาณ 916 - 1,376  บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 545 - 785  บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 475 บาท
  • ขบวนชั้น 2 ราคาประมาณ 265 - 375 บาท
  • ขบวนชั้น 3 ราคาประมาณ 177 - 217 บาท

ราคาตั๋วรถไฟกรุงเทพฯ - นครราชสีมา

  • ขบวนปรับอากาศชั้น 1 ราคาประมาณ 810 - 1,230  บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 425 - 715 บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 325 - 425 บาท
  • ขบวนชั้น 2 ราคาประมาณ 165 บาท
  • ขบวนชั้น 3 ราคาประมาณ 100 บาท

ราคาตั๋วรถไฟกรุงเทพฯ - สระบุรี

  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 154  บาท
  • ขบวนชั้น 2 ราคาประมาณ 85  บาท
  • ขบวนชั้น 3 ราคาประมาณ 54 บาท

ราคาตั๋วรถไฟกรุงเทพฯ - นครศรีธรรมราช

  • ขบวนปรับอากาศชั้น 1 ราคาประมาณ 1,272 - 1,472  บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 778 - 868 บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 658 บาท
  • ขบวนชั้น 2 ราคาประมาณ 458 บาท
  • ขบวนชั้น 3 ราคาประมาณ 283 บาท

ราคาตั๋วรถไฟกรุงเทพฯ - ตรัง

  • ขบวนปรับอากาศชั้น 1 ราคาประมาณ 1,280 - 1,480  บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 721 - 871 บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 661 บาท
  • ขบวนชั้น 2 ราคาประมาณ 421 - 461 บาท
  • ขบวนชั้น 3 ราคาประมาณ 245 - 285 บาท

ราคาตั๋วรถไฟกรุงเทพฯ - ยะลา

  • ขบวนปรับอากาศชั้น 1 ราคาประมาณ 1,475 - 1,675 บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 792 - 942 บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนชั้น 2 ราคาประมาณ 492 - 572 บาท
  • ขบวนชั้น 3 ราคาประมาณ 275 - 355 บาท

ราคาตั๋วรถไฟกรุงเทพฯ - หาดใหญ่

  • ขบวนปรับอากาศชั้น 1 ราคาประมาณ 1,394 - 1,594  บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 835 - 905 บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนชั้น 2 ราคาประมาณ 535 บาท
  • ขบวนชั้น 3 ราคาประมาณ 339 บาท

ราคาตั๋วรถไฟกรุงเทพฯ - สุราษฎร์ธานี

  • ขบวนปรับอากาศชั้น 1 ราคาประมาณ 1,179 - 1,379  บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 718 - 808 บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 608 บาท
  • ขบวนชั้น 2 ราคาประมาณ 358 - 438 บาท
  • ขบวนชั้น 3 ราคาประมาณ 217 - 297 บาท

ราคาตั๋วรถไฟกรุงเทพฯ - หัวหิน

  • ขบวนปรับอากาศชั้น 1 ราคาประมาณ 782 - 982  บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 622 - 532 บาท (ตู้นอน)
  • ขบวนปรับอากาศชั้น 2 ราคาประมาณ 412 บาท
  • ขบวนชั้น 2 ราคาประมาณ 152 - 252 บาท
  • ขบวนชั้น 3 ราคาประมาณ 94 - 194 บาท

เช็คราคาตั๋วรถไฟ

เมื่อทราบเรทราคาตั๋วรถไฟแบบคร่าว ๆ แล้ว ก็พอจะประมาณค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งขั้นตอนในการจองตั๋วก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด สามารถดูขั้นตอนการจองตั๋วรถไฟจากเว็บไซต์ของการรถไฟ พอหลังจากสมัครสมาชิกแล้วก็ เลือกจุดหมายเดินทาง วันเดินทาง จำนวนตั๋วโดยสาร แล้วกดค้นหาขบวนรถ เลือกรอบและที่นั่งได้เลยครับ โดยราคาตั๋วรถไฟจะปรากฏให้เราเห็นอย่างชัดเจน เราก็จองและจ่ายเงินตามขั้นตอน เพียงเท่านี้ก็ได้ตั๋วรถไฟมาพร้อมเดินทางแล้ว

ประกันเดินทางในประเทศ

The post เช็กราคาตั๋วรถไฟ จะเดินทางไปไหน ดูราคาก่อนตัดสินใจ appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
7 วิธีจองโรงแรมราคาถูก ประหยัดงบในกระเป๋า https://www.bolttech.co.th/blog/%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b8%88%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b9%81%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%b2%e0%b8%96%e0%b8%b9%e0%b8%81?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%25b4%25e0%25b8%2598%25e0%25b8%25b5%25e0%25b8%2588%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%2587%25e0%25b9%2582%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%2587%25e0%25b9%2581%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%25a1%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%2584%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%2596%25e0%25b8%25b9%25e0%25b8%2581 Fri, 09 Oct 2020 02:50:00 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog?p=13421 หากคุณกำลังมองหาที่พักราคาถูก ลองอ่านวิธีจองโรงแรมราคาถูก ฉบับเซฟเงินในกระเป๋าก่อน เพียงทำตามทริคนี้!! รับรองประหยัดค่าจองที่พัก แถมเหลือเงินไว้เที่ยวด้วยนะ

The post 7 วิธีจองโรงแรมราคาถูก ประหยัดงบในกระเป๋า appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
หากใครที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยว และมองหาที่พักใกล้ฉันราคาถูก ลองมาอ่านบทความนี้กันเลย วันนี้เพนกวิน Frank จะมาแนะนำวิธีจองโรงแรมราคาถูก ฉบับประหยัดเงินมาฝากทุกคนด้วย จะลาเที่ยว 2-3 วันหรือหยุดยาวก็คุ้มอยู่ดี!! แถมมีเงินค่าจองตั๋วเครื่องบิน ค่าเที่ยว และค่าอาหารเผื่อไว้เที่ยวในทริปต่อไปอีก โดนใจสายเที่ยวแน่นอน

  • เปรียบเทียบราคาหลายช่องทาง
  • เช็กโปรโมชั่นสมาชิก
  • สำรวจโปรโมชั่นบัตรเครดิต
  • มีบัตรเครดิตเงินคืน
  • เลือกเที่ยวช่วง Low Season
  • หาโปรโมชั่นตามอีเว้นท์
  • มีของแถมและบริการเสริม

1. เปรียบเทียบราคาหลายช่องทาง

จองโรงแรม

อันดับแรกให้ลองเปรียบเทียบราคาที่พักก่อน ไม่ว่าจะเป็นวิธีการจองโรงแรมโดยตรง หรือการจองโรงแรมผ่านเว็บไซต์ตัวแทน เอเจนซี่จองโรงแรม เช่น Booking.com หรือ Agoda.com ก็จะเป็นตัวช่วยในการเปรียบเทียบที่พักราคาถูก มีตัวเลือกห้องพักให้กับคุณเลือกมากขึ้น จากประสบการณ์คนที่เคยจองโรงแรมราคาถูกมักจะเปรียบเทียบราคาก่อนที่จะเข้าพักนั่นเอง

2. เช็กโปรโมชั่นสมาชิก

ในกรณีที่คุณเป็นสมาชิกของโรงแรม หรือสมาชิกของเอเจนซี่จองโรงแรม คุณจะได้ราคาพิเศษกว่าลูกค้าทั่วไปอยู่แล้ว ดังนั้นใครที่อยากได้ที่พักราคาถูก ก็ต้องล็อกอินและสมัครสมาชิก นอกจากเราจะได้จองโรงแรมราคาถูกแล้ว คุณยังได้รับข่าวสารโปรโมชั่นที่พักอื่นๆ มานำเสนอด้วย บางครั้งก็จะได้รับเป็นโค้ดส่วนลดหรือเก็บสะสมเเต้ม เพื่อใช้ในการจองที่พักครั้งต่อไป

3. สำรวจโปรโมชั่นบัตรเครดิต

จองโรงแรม

ต่อมาให้เราสำรวจโปรโมชั่นบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ หากโปรโมชั่นบัตรเครดิตนั้นร่วมรายการ ก็จะได้รับเป็นส่วนลดเพิ่มเข้าไปอีก บางแห่งก็ลดให้ 5% หรือ 10% หรือบางแห่งก็ลดให้สูงสุด 20% เลย แต่ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าบัตรเครดิตไหนร่วมรายการบ้าง แนะนำให้ตรวจสอบบนหน้าเว็บไซต์ หรือติดต่อกับทางโรงแรมที่ต้องการจองได้

4. มีเครดิตเงินคืนด้วยยิ่งดี

ไม่ว่าใครก็อยากได้โปรโมชั่นเงินคืน หรือเครดิตเงินคืนอยู่แล้ว หากโรงแรมที่คุณต้องการจองมีเครดิตเงินคืนให้จะช่วยประหยัดค่าที่พักของคุณได้ ทั้งนี้เครดิตเงินคืนส่วนใหญ่จะเป็นเงินคืน ไม่ใช่คืนแบบเงินสดนะ ซึ่งมักจะนิยมไปใช้แทนเงินสด เพื่อจองที่พักในครั้งต่อไป เช่น สมมตินายแฟรงค์จองโรงแรมบนเว็บไซต์แห่งหนึ่งด้วยบัตรเครดิต  แล้วได้รับเครดิตเงินคืน 10% เมื่อนายแฟรงค์จองโรงแรมในครั้งต่อไป ก็จะถูกหักล้างเป็นค่าที่พักโดยไม่ต้องจ่ายเงินเต็มจำนวนนั่นเอง (โปรโมชั่นเครดิตเงินคืนจะขึ้นอยู่กับข้อกำหนดและข้อตกลงของทางโรงแรม)

5. เลือกเที่ยวช่วง Low Season

จองโรงแรม

ทราบหรือไม่ว่า? ช่วงเวลาก็มีผลต่อค่าโรงแรมของคุณด้วย ยกตัวอย่าง เมื่อเข้าสู่ในช่วงไฮซีซั่นอย่างเดือนพฤศจิกายน-มีนาคมของทุกปี ช่วงนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาหาโรงแรมจำนวนมาก จึงทำให้โรงแรมมีราคาแพงขึ้น แต่ถ้าคุณเลือกมาเที่ยวในช่วงโลว์ซีซั่นเดือนเมษายน - ตุลาคมของทุกปีที่มีนักท่องเที่ยวน้อย เราจะได้รับส่วนลดพร้อมโปรโมชั่นจองโรงแรมให้เลือกมากมาย แถมเที่ยวแบบสบายๆ ไม่ว่าจะเที่ยวแบบแบ็คแพ็คเกอร์ตัวคนเดียว หรือเที่ยวทั้งครอบครัวก็สนุกได้

6. หาโปรโมชั่นตามอีเว้นท์ต่างๆ 

อีกหนึ่งวิธีการจองโรงแรมราคาถูก ก็คือ  หาโปรโมชั่นโรงแรมตามงานอีเว้นท์ต่างๆ เนื่องจากจะมีคูปองส่วนลดจากงานอีเว้นท์มาแจก เช่น บูธท่องเที่ยว บูธจองที่พักโรงแรม เป็นต้น หากใครติดตามงานอีเว้นท์ท่องเที่ยวบ่อยๆ ก็จะได้รับส่วนลดที่พักอีกเพียบ บางอีเว้นท์จะมีจัดกิจกรรมแจกที่พักฟรีหรือบางแห่งก็แจกตั๋วเครื่องบินให้อีก ไม่ควรพลาดเด็ดขาด

อ่านเพิ่มเติม : 5 วิธีจองตั๋วเครื่องบินไปต่างประเทศให้ได้ราคาถูกที่สุด!!

7. มีของแถมและบริการเสริม

จองโรงแรม

สำหรับใครที่มองหาที่พักใกล้ฉันราคาถูก ก็อย่าลืมเช็กโปรโมชั่นของแถมด้วยนะ สมมติว่านายกวิ้นต้องการจองโรงแรมเชียงใหม่ 2 ห้อง ราคาห้องละ 2,000 บาท รวมทั้งหมดเป็น 4,000 บาท แต่พอดีช่วงนั้นมีโปรโมชั่นจองโรงแรม 1 ห้องแถม 1  ห้อง ราคา 3,000 บาท หากนายกวิ้นจองโปรโมชั่นโรงแรมนี้ก็จะได้ราคาถูกกว่าปกติ

หรือถ้าโรงแรมของคุณมีโปรโมชั่นของแถมอื่นๆ อีกด้วย เช่น จองโรงแรมแถมตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรมรวมอาหารเช้าฟรี จองโรงแรมพร้อมรถจักรยานเช่า จองโรงแรมแถมฟรีนวดสปา  หรือจองโรงแรมแถมฟรีบัตรท่องเที่ยว เป็นต้น หากคุณต้องการใช้บริการเสริมนี้อยู่แล้ว แนะนำให้ติดโปรจ่ายรวมกับที่พักไปเลย ก็จะช่วยประหยัดค่าที่พักมากกว่าจ่ายแยก

จองโรงแรม

นอกจากนี้ยังมีโครงการเราเที่ยวด้วยกันและเที่ยวปันสุข เปิดให้คนไทยลงทะเบียน เพื่อเป็นส่วนลดทั้งค่าที่พัก ค่าตั๋วเครื่องบิน และค่าอาหาร ก็สามารถเข้ามาลงทะเบียนกันที่ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com พอหลังจากเรารู้วิธีการจองโรงแรมราคาถูก เพื่อนๆ อย่าลืมจัดกระเป๋าเดินทาง และเตรียมตัวซื้อประกันเดินทางในประเทศกันด้วยนะ รับรองทริปนี้ของคุณจะต้องสนุก แถมมีเงินเหลือไว้ไปเที่ยวครั้งต่อไปด้วย

The post 7 วิธีจองโรงแรมราคาถูก ประหยัดงบในกระเป๋า appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
10 ที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาว ชมทะเลหมอกเมืองไทย https://www.bolttech.co.th/blog/10%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2%e0%b8%a7%e0%b8%9b%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%9d%e0%b8%99%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%99%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8%a2?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=10%25e0%25b8%2597%25e0%25b8%25b5%25e0%25b9%2588%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%2597%25e0%25b8%25b5%25e0%25b9%2588%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%259b%25e0%25b8%25a5%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%259d%25e0%25b8%2599%25e0%25b8%2595%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%2599%25e0%25b8%25ab%25e0%25b8%2599%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%25a7%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%25a1%25e0%25b8%25b7%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%2587%25e0%25b9%2584%25e0%25b8%2597%25e0%25b8%25a2 Wed, 26 Aug 2020 08:05:00 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog?p=12965 เที่ยวปลายฝนต้นหนาวดีๆ แบบนี้ พาทุกคนไปชมทะเลหมอกในไทย จุดชมวิวที่สวยและสูงที่สุด มีทั้งบริการที่พัก จุดกางเต้นท์ และที่เที่ยวใกล้เคียง มาชมวิวสวยๆ กันเลย

The post 10 ที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาว ชมทะเลหมอกเมืองไทย appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
เมื่อปลายฝนกำลังจะหมด หน้าหนาวเตรียมเข้ามาเยือน แต่ไม่รู้จะไปเที่ยวไหนดี? วันนี้เราอยากจะพาทุกคนไปชมทะเลหมอกเมืองไทยด้วยกัน โดยเฉพาะในช่วงเดือนตุลาคมปลายฝนต้นหนาวจะเต็มไปด้วยความชุ่มช่ำ ไม่ว่าจะเป็นความเขียวขจีของธรรมชาติ ภูเขา และป่าไม้ พร้อมรับลมเย็นๆ ให้สดชื่นเต็มปอดอีกด้วย หากใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาวแบบ 3 วัน 2 คืนชิวๆ ลองแวะมาเที่ยวเขากันเลย รับรองสนุกไม่ผิดหวังแน่นอน

1. ดอยแม่สลอง จ.เชียงราย

เที่ยวปลายฝนต้นหนาว

“เหนือสุดในสยาม ชายแดนสามแผ่นดิน” มุ่งหน้าเข้าสู่บนดอยแม่สลอง จ.เชียงราย เส้นทางแห่งดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือดอกซากุระเมืองไทย พร้อมพลิดอกไม้สีชมพูบานสะพรั่งในช่วงปลายฝนต้นหนาว สลับกับความงามด้วยไร่ชา 101 หรือไร่ชาวังพุดตาล ที่ทอดตัวปกคลุมไหล่เขาบนดอยแม่สลอง หากเราเดินไปเรื่อยๆ ก็จะเจอชาวบ้านพื้นถิ่นมาเก็บชากัน เราสามารถแวะจิบชาร้อนๆ บนดอยแม่สลองกันได้ หลายคนลือกันว่ารสชาติของชาจะนุ่มลิ้น และหอมกลมกล่อมมากๆ ส่วนในยามเช้าที่ดอยแม่สลองเรายังได้ชมทะเลหมอกสุดอลังการด้วยนะ เหมาะกับการถ่ายรูปเช็กอินสุดๆ

ค่าเข้าชมและวันเวลาทำการ

เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 08.00 น.-19.00 น. ค่าเข้าชม 20 บาท

พิกัด : 

2. ปางอุ๋ง จ.แม่ฮ่องสอน

เที่ยวปลายฝนต้นหนาว

“ป่าไม้เขียวขจี มีหมอกสามฤดู” เมืองที่เต็มไปด้วยหมอกหนาๆ และวัฒนธรรมของชาวไทยภูเขา ก็ต้องนึกถึงจังหวัดแม่ฮองสอนเป็นอันดับหนึ่ง เพราะที่นี่จะเต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ หากคุณมีโอกาสสักครั้งลองมาเที่ยวปางอุ๋งจากโครงการพระราชดำริปางตอง 2 หลายคนต่างก็ขนานนามว่าที่นี่เป็น “สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย” ด้วยความงามของทิวเขา ต้นไม้ใหญ่ สลับกับวิวอ่างเก็บน้ำปางตองที่เงียบสงบ พาให้คุณได้สัมผัสหมอกเย็นๆ ในช่วงปลายฝนต้นหนาว

นอกจากนี้ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ล่องแพชมวิว และบรรยากาศรอบๆ ปางอุ๋งอีกด้วย แต่ถ้าใครที่อยากนอนพักแรมชิวๆ แนะนำให้รีบจองที่พักในอุทยานจะมีทั้งบ้านพักและเต้นท์นอนแบบใกล้ชิดธรรมชาติ ราคาหลักร้อยแต่วิวหลักล้าน!!

อ่านเพิ่มเติม : 55 พิกัดเที่ยวหน้าหนาว รวมพิกัดเหนือจรดใต้

ค่าเข้าชมและวันเวลาทำการ

เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 05.30 น.-18.00 น. ทั้งนี้ปางอุ๋งจะมีพื้นที่บางส่วนอยู่ในอุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสือ จึงมีค่าเข้าชมอุทยานด้วย ราคาผู้ใหญ่ 20 บาท และราคาเด็ก 10 บาท

พิกัด :

3. ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่

เที่ยวปลายฝนต้นหนาว

“สูงสุดแดนสยาม เมืองงามแห่งขุนเขา” อีกหนึ่งพิกัดที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาวบนดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ เมืองล้านนาที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของธรรมชาติป่าไม้ ภูเขาลำเนาไพร ไม่ว่าใครต่างก็ต้องรู้จักเป็นอย่างดี ซึ่งที่เที่ยวดอยอินทนนท์จะมีจุดให้แวะหลายจุด ทั้งบนดอยอินทนนท์และบริเวณใกล้เคียง ได้แก่

  • กอดทะเลหมอกที่กิ่วแม่ปาน 
  • แวะชิมกาเเฟสดๆ บ้านแม่กลางหลวง 
  • เที่ยวชมดอกไม้ที่สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์
  • ชมความงามมหาธาตุเจดีย์ภเมทนีดล และพระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ

ถือเป็นหนึ่งเส้นทางเที่ยวเชียงใหม่หน้าฝนที่คุณห้ามพลาด!! ยิ่งถ้ามาเที่ยวหน้าฝนทุ่งนาบริเวณนั้นจะเขียวชอุ่ม และมีนาขั้นบันไดสลับสวยงามด้วย หรือใครมีเวลาหน่อยจะแวะซื้อผักผลไม้จากโครงการหลวงบนดอยอินทนนท์ เพื่อเป็นของฝากติดไม้ติดมือกันได้

ค่าเข้าชมและวันเวลาทำการ

เปิดให้ทำการทุกวัน เวลา 05.00 น.-18.00 น. ค่าเข้าชมผู้ใหญ่คนไทย 40 บาท และเด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติผู้ใหญ่ราคา 200 บาท และเด็ก 100 บาท

พิกัด :

4. ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์

เที่ยวปลายฝนต้นหนาว

“สวรรค์ทะเลหมอกในยามเช้า” พาเดินทางเข้าสู่ถิ่นใน จ. เพรชบูรณ์ แหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆ เมืองไทยกันต่อ นอกจากจะมีที่เที่ยวเขาค้อให้ชมวิวสวยๆ กันแล้ว อีกหนึ่งพิกัดไม่ควรพลาดเลยก็คือ “ที่เที่ยวภูทับเบิก” จุดชมทะเลหมอกที่สวยและสูงสุดในเพชรบูรณ์ คุณจะได้ชมความเขียวขจีของป่าไม้ และไร่กระหล่ำปลีที่ชาวบ้านปลูกสลับเป็นขั้นบันได หากมาเที่ยวในช่วงเดือนตุลาคมปลายฝนต้นหนาวจะได้ชมทะเลหมอกในยามเช้า ส่วนบริเวณนั้นสามารถกางเต้นท์นอนเองได้ แต่เราอย่าลืมเตรียมอุปกรณ์เดินป่าตั้งแคมป์เผื่อไว้ด้วยนะ จะได้รับลมเย็นๆ บนยอดเขาแบบใกล้ชิด

ค่าเข้าชมและวันเวลาทำการ

เปิดให้ทำการทุกวัน เวลา 00.00 น.- 24.00 น. ค่าเข้าชมอุทยาน 40 บาท (ทั้งนี้ค่าเข้าชมอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง แนะนำให้สอบถามกับทางเจ้าหน้าที่อุทยานก่อน)

พิกัด :

5. ภูกระดึง จ.เลย

เที่ยวปลายฝนต้นหนาว

“เมืองหนาวสูงสุดแห่งหุบเขา” ต้องแวะมาเที่ยวกันที่จังหวัดเลย ท่ามกลางหุบเขาและอากาศที่หนาวเย็นจับใจ สำหรับใครที่อยากจะมาพิชิตยอดเขาต้องมาเที่ยวภูกระดึงสักครั้ง โดยที่นี่จะเป็นอุทยานแห่งชาติที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมตั้งแต่เดือนตุลาคม - พฤษภาคมของทุกปี ทางเดินจะค่อนข้างยาวประมาณ 9 กิโลเมตร และใช้เวลา 3-5 ชั่วโมง เราจะต้องเตรียมกายเตรียมใจให้พร้อมก่อนออกเดินทาง นอกจากนี้ที่เที่ยวภูกระดึงยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ให้เราเยี่ยมชมอีกด้วยนะ เช่น

  • ผานกแอ่น
  • ลานพระศรีนครินทร์
  • สระอโนดาต
  • น้ำตกถ้ำสอเหนือ
  • ผาเหยียบเมฆ
  • ผาจำศีล
  • ผาหมากดูก
  • น้ำตกวังกวาง
  • น้ำตกพ่วงพบ
  • น่ำตกโผนพบ
  • น้ำตกเพ็ญพบ

ส่วนเรื่องกระเป๋าสัมภาระของเรา ก็หมดห่วงไปได้เลย เพราะที่นี่จะมีบริการรับจ้างหาบสัมภาระขึ้นให้ด้วย เราจะได้เดินขึ้นเขาอย่างสบายใจ ซึ่งแต่ละจุดจะมีที่พักชมวิวระหว่างเดินขึ้น-ลงภูกระดึง พร้อมบริการที่พัก และร้านค้าให้นักท่องเที่ยวได้เติมพลัง เหมาะกับการพักผ่อนแบบ 3 วัน 2 คืน ไม่ควรพลาด!!

ค่าเข้าชมและวันเวลาทำการ

แต่ที่เที่ยวภูกระดึงไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นตลอดปี ช่วงฤดูการท่องเที่ยวเปิดตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม - 31 พฤษภาคมของทุกปี และช่วงปิดฤดูการท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน - 30 กันยายนของทุกปี จะมีค่าเข้าชมคนไทย ราคาผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ส่วนชาวต่างชาติ ราคาผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท

พิกัด :

6. เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา

เที่ยวปลายฝนต้นหนาว

“ท่องเขาใหญ่ ลำเนาไพร” เราจะพาทุกคนไปที่เที่ยวเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา หลายคนต่างเล่ากันว่าที่เที่ยวเขาใหญ่มีความหลากหลายทางธรรมชาติมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นพืชพรรณป่าไม้ ดอกไม้ สัตว์ป่า น้ำตก และภูเขา ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสอากาศเย็นๆ บนยอดเขา แต่ถ้าคุณอยากต้องการใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น สามารถจองที่พักกับทางอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้ มีทั้งบริการที่พักเดี่ยว บ้านพัก และจุดบริการให้เช่าเต้นท์ด้วย พอเดินเลาะตามทางไปหน่อยจะมีน้ำตกให้เยี่ยมชม พร้อมให้คุณได้ถ่ายรูปสวยๆ กลับบ้านเพียบ

ค่าเข้าชมและวันเวลาทำการ

เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00น.-18.00 น. ราคาบัตรผู้ใหญ่คนละ 40 บาท และเด็ก 20 บาท สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 400 บาท และเด็ก 200 บาท

พิกัด :

7. ภูฝอยลม จ.อุดรราชธานี

เที่ยวปลายฝนต้นหนาว

“แดนเนรมิต พิชิตยอดเขา” ที่ภูฝอยลม จ.อุดรธานีกันต่อ เที่ยวหน้าฝนต้นหนาวดีๆ แบบนี้เราจะได้มีเวลาชมวิวเขา-ดอกไม้นานาชนิด สลับกับเมฆหมอกสีขาว ซึ่งอุทยานแห่งชาติภูฝอยลมยังมีพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ รูปปั้นไดโนเสาร์จำลอง ซากสัตว์ดึกดำบรรพ์ และเส้นทางเดินเท้าให้แวะชมตลอดทางด้วย ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะมาทั้งกลุ่มครอบครัว กลุ่มเพื่อนและคู่รัก พร้อมทำกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น ตั้งแคมป์พักแรม กิจกรรมเดินป่า สำรวจระบบนิเวศ เป็นต้น ถ้าเรามีโอกาสมาเที่ยวภูฝอยลมก็จะได้เห็นวิวต่างๆ ของจังหวัดอุดรธานีแบบพาโรนาม่าเลย

ค่าเข้าชมและวันเวลาทำการ

เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00 น. - 20.00 น. ไม่มีค่าเข้าชม

พิกัด :

8. เขาคอหงส์ จ.สงขลา

เที่ยวปลายฝนต้นหนาว

“เมืองสองทะเล เสน่ห์ภูผา” หากพูดถึงเมืองใหญ่สองทะเลที่ติดทั้งอ่าวไทย และทะเลสาบสงขลาแห่งเดียวในไทย เราก็ต้องนึกถึงจังหวัดสงขลาเป็นอันดับแรก ดินแดนปักษ์ใต้บ้านเรานี่เอง วันนี้เราจะพาทุกคนไปชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามที่สุด นั่นก็คือ “เขาคอหงส์” สวนสาธารณะที่อยู่ใจกลางเมืองหาดใหญ่ มีทั้งโซนให้อาหารปลา โซนเรือปั่น โซนออกกำลังกาย และจุดให้นั่งชมวิวด้านบน แต่สำหรับใครที่เดินขึ้นเขาไม่ไหว ทางเจ้าหน้าที่จะมีบริการให้นั่งเคเบิ้ลคาร์ส่งนักท่องเที่ยวขึ้นเขาด้วยนะ พอลงจากเคเบิ้ลคาร์ก็จะได้เห็นพระพุทธมงคลมหาราช มีลักษณะองค์ใหญ่ยืนสง่างาม พร้อมสักการะเจ้าแม่กวนอิม ท้าวมหาพรหม และเทพองค์อื่นๆ อีกมากมาย นอกจากอิ่มบุญกันไปแล้ว เรายังได้เห็นทิวทัศน์เมืองหาดใหญ่แบบ 360 องศาด้วยนะ ฟินหมือนอยู่เมืองนอก

ค่าเข้าชมและวันเวลาทำการ

เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00 น. - 20.00 น. ไม่มีค่าเข้าชม แต่จะมีค่าธรรมเนียมเคเบิ้ลคาร์ คนไทยผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท และชาวต่างชาติ 300 บาท

พิกัด :

9. เขาพะเนินทุ่ง จ. เพชรบุรี

เที่ยวปลายฝนต้นหนาว

“ดินแดนแห่งธรรมชาติและสายหมอก” อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ จะพาเพื่อนๆ ไปชมเขาพะเนินทุ่งจังหวัดเพชรบุรี สถานที่เที่ยวน่าสนใจในอุทยานแก่งกระจาน บริเวณรอบๆ ป่าเขาจะมีทิวทัศน์งดงาม เราจะได้ชมทะเลหมอกในยามเช้า สำหรับการเดินทางไปยังเขาพะเนินทุ่งก็สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่นำทาง เพื่อเตรียมอาหารและเต้นท์พักให้กับคุณได้ แต่ที่นี่จะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงกรกฎาคมของทุกปี และมีรถให้ขึ้นเขาเป็นรอบๆ อีกด้วย ว่าแล้วก็ไม่รอช้ารีบมาเที่ยวเขาพะเนินทุ่งที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานกันเลย

ค่าเข้าชมและวันเวลาทำการ

อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานจะปิดพื้นที่ท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯ ตั้งแต่บริเวณด่านสามยอด - บ้านกร่างแคมป์ – เขาพะเนินทุ่ง ในวันที่ 1 ส.ค - 31 ต.ค. แล้วจะเปิดอีกครั้งในวันที่ 1 พ.ย.ของทุกปี สำหรับเวลาขึ้นเขา (ช่วงเช้า) 05.30 น. - 07.30 น. เวลาลง 09.00 น. - 10.00 น. และช่วงบ่ายเวลา 13.00 น. - 15.00 น. เวลาลง 16.00 น. - 17.00 น. โดยมีค่าเข้าชมอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานคนละ 100 บาท

พิกัด : 

10. อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

เที่ยวปลายฝนต้นหนาว

“ภูเขาสุดชายแดนแสนอัศจรรย์” ถ้าคุณเป็นสายรักเขาจะต้องไม่พลาดกับที่เที่ยวทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี อีกหนึ่งพิกัดที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุด เพราะคุณจะได้สัมผัสทั้งธรรมชาติ และสัตว์ป่าแบบใกล้ชิด ซึ่งอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิจะมีจุดชมวิวทั้ง 3 จุด ได้แก่ จุดชมวิวเนินกุกดอย จุดชมวิวเนินช้างพลาย และจุดชมวิวเนินช้างศึก 

อ่านเพิ่มเติม : รวมเส้นทางตื่นตาตื่นใจ ขับรถไปเที่ยวเมืองกาญฯ

ถ้าคุณมีโอกาสมาเที่ยวหน้าฝนจะได้สัมผัสทั้งความร่มรื่น และเขียวขจีของต้นไม้ นอกจากนี้ภายในอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิจะมีแม่น้ำลำธาร น้ำตกที่ไหลผ่านให้แวะถ่ายรูปกันด้วย หรือใครที่ชอบส่องสัตว์ในอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิจะมีสัตว์ป่าที่หาชมได้ยากอาศัยอยู่หลายแห่ง เช่น เลียงผา เก้ง ชะนี ชะมด พังพอน กระต่ายป่า นกนางแอ่น นกกระสา นกขุนทอง เป็นต้น รับรองจะต้องตื่นตาตื่นใจแน่นอน

ค่าเข้าชมและวันเวลาทำการ

เปิดให้เข้าชมตลอดทั้งปี มีค่าเข้าชมสำหรับคนไทย ราคาผู้ใหญ่ 40 บาท และเด็ก 20 บาท สำหรับชาวต่างชาติ ราคาผู้ใหญ่ 200 บาท และเด็ก 100 บาท

พิกัด :

เที่ยวปลายฝนต้นหนาว

หากใครยังนึกไม่ออกว่าจะไปเที่ยวไหนดี? ก็สามารถเดินทางตามพิกัดที่ Frank เเนะนำข้างต้นได้เลย จะมาเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ หรือจะลองค้างคืนสักคืนสองคืนก็ยิ่งดี เพียงหาวันหยุดว่างๆ ชวนเพื่อน ชวนแฟน หรือชวนคนในครอบครัวมาเที่ยวด้วยกันได้ ทั้งสนุกและผ่อนคลายแน่นอน แล้วที่สำคัญก่อนออกเดินทางเที่ยวหน้าฝนต้นหนาว เพื่อนๆ อย่าลืมมองหาประกันเดินทางในประเทศกับ frank.co.th เพื่อให้ดูแลทริปของคุณด้วยนะ ไม่ว่าจะไปเส้นทางไหนก็หายห่วงมากขึ้น เบี้ยเริ่มต้นเพียง 55 บาทเท่านั้น!!

The post 10 ที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาว ชมทะเลหมอกเมืองไทย appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
วิธีลงทะเบียน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com https://www.bolttech.co.th/blog/%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b8%a5%e0%b8%87%e0%b8%97%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%9a%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2%e0%b8%a7%e0%b8%9b%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%82?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%25b4%25e0%25b8%2598%25e0%25b8%25b5%25e0%25b8%25a5%25e0%25b8%2587%25e0%25b8%2597%25e0%25b8%25b0%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%259a%25e0%25b8%25b5%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%2599%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%2597%25e0%25b8%25b5%25e0%25b9%2588%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%259b%25e0%25b8%25b1%25e0%25b8%2599%25e0%25b8%25aa%25e0%25b8%25b8%25e0%25b8%2582 Tue, 21 Jul 2020 03:40:57 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog?p=12513 หลังจากไม่ได้ไปเที่ยวมานาน เพราะในช่วงวิกฤติโควิด 19 ที่ผ่านมานี้ ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มีมติอนุมัติงบประมาณให้คนไทยเที่ยวหลังโควิดแล้ว เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยว พร้อมเปิดโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” หรือลงทะเบียนเที่ยวปันสุขผ่านเว็บไซต์ที่ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. 63 เป็นต้นไป

The post วิธีลงทะเบียน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
หลังจากไม่ได้ไปเที่ยวมานาน เพราะในช่วงวิกฤติโควิด 19 ที่ผ่านมานี้ ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มีมติอนุมัติงบประมาณให้คนไทยเที่ยวหลังโควิดแล้ว เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยว พร้อมเปิดโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” หรือลงทะเบียนเที่ยวปันสุขผ่านเว็บไซต์ที่ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. 63 เป็นต้นไป หากใครที่วางแผนจะไปเที่ยวในช่วงหลังโควิด แบบประหยัดค่าใช้จ่าย ลองมาเช็กวิธีลงทะเบียนเที่ยวปันสุขกันเลย จะได้เตรียมพร้อมตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วย

1. คลิกเข้าไปที่ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com

ลงทะเบียนเที่ยวปันสุข
สำหรับโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” จะเป็นชื่อโครงการใหม่ที่รวมกันระหว่างโครงการเราไปเที่ยวกันและโครงการเที่ยวปันสุข หากคุณต้องการลงทะเบียนเที่ยวปันสุขเพื่อขอรับ สิทธิพิเศษทั้งค่าที่พัก ค่าอาหาร และค่าตั๋วเครื่องบิน  อย่างแรกผู้ที่ใช้สิทธิ์จะต้องลงทะเบียนที่ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. 63 เป็นต้นไป หลังจากเข้าเว็บไซต์แล้วให้กดลงทะเบียนรับสิทธิ์ (สำหรับประชาชน) โดยจะมีเงื่อนไขการลงทะเบียน ตามนี้

  • มีบัตรประชาชนและเป็นบุคคลสัญชาติไทย
  • อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน

ทั้งนี้เราจะได้รับสิทธิเมื่อลงทะเบียนสำเร็จ และใช้จ่ายในโรงแรม ร้านอาหาร หรือสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดที่ไม่ใช่ทะเบียนบ้านของผู้ใช้สิทธิ์เท่านั้น

2. อ่านรายละเอียดเงื่อนไข แล้วกดปุ่มยืนยัน

ลงทะเบียนเที่ยวปันสุข
ถัดมาให้เราอ่านเงื่อนไขและความยินยอมสิทธิ์ สำหรับเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน แนะนำให้อ่านเงื่อนไขการรับสิทธิ์อย่างละเอียด เพื่อจะได้เข้าใจหลักเกณฑ์และการใช้สิทธิ์เบื้องต้น หลังจากอ่านเสร็จให้คลิกช่องยินยอมรายละเอียดข้อตกลงข้างต้น แล้วกดที่ปุ่มยืนยันอีกครั้ง ถ้าผู้ลงทะเบียนไม่ตกลงและยินยอมตามข้อตกลงจะไม่สามารถลงทะเบียนได้

3. ลงทะเบียนโครงการเราเที่ยวด้วยกัน

ลงทะเบียนเที่ยวปันสุข
จากนั้นให้กรอกข้อมูลของท่านให้ถูกต้องและครบถ้วน โดยวิธีลงทะเบียนเที่ยวปันสุข มีดังนี้

  • คำนำหน้า ชื่อ-นามสกุล (เป็นภาษาไทย)
  • เลขประจำตัวประชาชน
  • รหัสหลังบัตรประชาชน
  • วันเดือนปีเกิดตามบัตรประชาชน
  • เบอร์โทรศัพท์ติดต่อได้
  • Email (ถ้ามี)

พอกรอกข้อมูลครบแล้วให้คลิกที่ปุ่มลงทะเบียนด้านล่าง จะปรากฎช่องให้ให้ท่านกรอกเลข OTP ขึ้นมา ซึ่งท่านจะต้องเข้าไปตรวจสอบใน SMS ของเบอร์โทรศัพท์ที่ท่านลงทะเบียนไว้ก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นให้กรอกรหัส OTP ที่ท่านได้รับลงในช่องวางแล้วกดยืนยันอีกครั้ง

4. ติดตั้งแอปพลิชัน “เป๋าตัง”

ลงทะเบียนเที่ยวปันสุข
เมื่อลงทะเบียนโครงการเราเที่ยวด้วยกันเสร็จแล้ว ให้ติดตั้งแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ที่เป็นแอปพลิเคชันเดียวจากความช่วยเหลือของภาครัฐที่ผ่านมา แต่ถ้าไม่เคยติดตั้งมาก่อนสามารถดาวน์โหลดได้ทั้ง Android (5.0 ขึ้นไป) หรือ IOS (9.0 ขึ้นไป) ตามขั้นตอนดังนี้

  • ดาวโหลดแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” 
  • ยืนยันตัวตนผ่านเป๋าตัง
  • เข้าใช้งานผ่าน G-Wallet
  • แสกนและกรอกข้อมูลบัตรประชาชน
  • ยืนยันรหัส OPT (รหัสจะส่งเข้า SMS)
  • แสกนใบหน้า
  • G-Wallet พร้อมสำหรับการจองโรงแรม

5. จองห้องพักโรงแรม พร้อมชำระเงิน

ลงทะเบียนเที่ยวปันสุข
ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันจะจำกัดสิทธิ์ ค่าที่พักสูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือคืน  และสูงสุด 5 ห้องหรือคืนต่อคน โดยท่านสามารถลงทะเบียนเที่ยวปันสุขได้ 2 วิธี ผ่านช่องทางของโรงแรมโดยตรง หรือจอง Online Travel Agency (OTA) ที่เข้าร่วมรายการ เช่น Agoda, Booking.com เป็นต้น 
พอกดจองห้องพักเสร็จแล้ว จะขึ้นข้อมูลให้ตรวจสอบว่าจองกี่ห้องต่อคืน แล้วระบบจะโชว์ว่าเราต้องจ่ายเท่าไหร่ในส่วนลดค่าที่พัก 40% ยกตัวอย่างสมมติว่า นายเพนกวิน จองห้องพัก 1 ห้องจำนวน 2 คืน จะถูกนับเป็นทั้งหมด 2 สิทธิ์  มูลค่าห้องพักรวม 2,500 บาท นายเพนกวินจะได้รับส่วนลด 40% จะจ่ายเองเพียงแค่ 1,500 บาทเป็นต้นจากนั้นก็ให้ชำระเงินและรับ Voucher เพื่อใช้ check-in บนเป๋าตัง ทั้งนี้หากข้อมูลถูกต้องก็ชำระเงินได้เลยทันที แต่ถ้าชำระเงินเรียบร้อยแล้วจะแก้ไขไม่ได้

6. จองตั๋วเครื่องบินตามช่องทางปกติ

ลงทะเบียนเที่ยวปันสุข
ส่วนการจองตั๋วเครื่องบินให้จองตามช่องทางปกติของสายการบิน โดยท่านจะต้องเลือกท่องเที่ยวไทยเท่านั้น และการเดินทางไปกลับจะต้องอยู่ในภาคเดียวกันกับโรงแรมที่พัก) แล้วกดชำระเงินเต็มจำนวน ซึ่งการขอรับเงินคืนค่าตั๋วเครื่องบินจะจ่ายเป็น 40% ของค่าตั๋วเครื่องบินไม่เกิน 1,000 บาทต่อที่นั่ง  แต่จะจ่ายให้คืนภายหลังจากเช็กเอ้าท์เรียบร้อย และวันที่เดินทางไปหรือกลับจะต้องไม่ห่างจากวัน check-in หรือ check-out โรงแรมที่จองผ่านโครงการเที่ยวปันสุขไม่เกิน 5 วัน

7. เช็กอินเข้าพัก และใช้คูปองส่วนลดอาหาร

ลงทะเบียนเที่ยวปันสุข
เมื่อเดินทางมาเช็กอินกับทางโรงแรมตามที่กำหนด ให้ท่านกดคลิกเพื่อแสดงคูปองที่พักที่จองไว้และเปิดหน้าคิวอาร์โค้ด ทางโรงแรมจะใช้แอปเป๋าตังมาแสกนเพื่อเช็กอิน พร้อมรับส่วนลดค่าอาหารหรือท่องเที่ยว
ต่อมาให้ท่านกดคลิกคูปองอาหารที่ร่วมรายการ โดยให้ทางร้านค้านั้นๆ แสกน QR เพื่อใช้คูปองส่วนลด หลังจากนั้นทางแอปเป๋าตังเที่ยวปันสุขจะคำนวนส่วนลดค่าอาหารหรือท่องเที่ยวให้ 40% จากคูปอง สมมติว่านายเพนกวินจ่ายค่าอาหาร 1,000 บาท นายเพนกวินจะจ่ายเพียงแค่ 600 บาท 
หมายเหตุ : ทางรัฐสนับสนุนคูปองอาหาร/ท่องเที่ยวมูลค่า 600 บาทต่อห้องคืน โดยจะได้รับเป็นรายวัน ณ เวลา 17:00 น. เริ่มตั้งแต่วันเช็คอินและคูปองจะหมดอายุในวันเช็คเอาท์เวลา 23:59 น. ทั้งนี้ท่านสามารถเลือกชำระได้ทั้ง G-Wallet หรือบัตรเครดิต/เดบิตได้

8. เช็กเอาท์ออกจากที่พัก

ลงทะเบียนเที่ยวปันสุข
ตามเงื่อนไขแล้ว E-Voucher จะหมดอายุ 23.59 น. ของวันที่ Check out ออกจากที่พัก หากคูปองยังเหลืออยู่สามารถใช้ระหว่างเดินทางกลับได้จนกว่าจะสิ้นสุดวันเช็กเอ้าท์ แต่ห้ามใช้ในจังหวัดเดียวกับที่ระบุในบัตรประชาชน

9. ขอรับเงินคืนค่าตั๋วเครื่องบิน

ลงทะเบียนเที่ยวปันสุข
พิเศษ! สำหรับคนที่เดินทางด้วยเครื่องบิน สามารถลงทะเบียนเที่ยวปันสุข เพื่อขอรับเงินคืนค่าตั๋วเครื่องบินได้ที่ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com  แต่ไม่เกิน 1,000 บาทต่อที่นั่ง จำกัดห้องพักละ 2 ที่นั่ง  ตามจำนวนห้องพักที่เข้าพักจริงรวมไม่เกิน 10 ที่นั่ง ซึ่งให้ท่านลงทะเบียนหลังจากท่องเที่ยวและเช็กเอ้าท์ออกจากโรงแรมแล้ว ตามขั้นตอนต่อไปนี้

  • เข้า www.เราเที่ยวด้วยกัน.com 
  • เข้าสู่ระบบ เฉพาะผู้ที่ลงทะเบียนรับสิทธิ์ที่พักแล้วเท่านั้น
  • กรอกแบบฟอร์มจองสิทธิรับเงินสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบิน
  • กดยืนยันการส่งแบบฟอร์ม และจะแสดงสถานะเป็นคำขอจองสิทธิ์
  • ได้รับเงินค่าตั๋วเครื่องบินคืน 40% ของค่าตั๋วเครื่องบินไม่เกิน 1,000 บาท ต่อที่นั่ง ใน G-Wallet App (เป๋าตังเที่ยวปันสุข)

แต่ขอย้ำว่า!! โครงการเราเที่ยวด้วยกันจำนวนที่เข้าพักเพียง 5 ล้านสิทธิ์เท่านั้นนะ หากคุณมีแพลนจะไปเที่ยวไทยกับคนรัก เพื่อน หรือคนในครอบครัว ก็สามารถรีบจองกันได้เลย ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการดีๆ ที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายขณะเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่าอาหารหรือค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว แถมยังช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจดีขึ้นด้วยนะ 
พอลงทะเบียนเที่ยวปันสุขไปแล้ว เพื่อนๆ ก็อย่าลืมซื้อประกันเดินทางในประเทศให้อุ่นใจกันด้วยนะ เผื่อประสบอุบัติเหตุขณะเดินทางไปต่างจังหวัด ทางประกันจะช่วยคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ รวมถึงค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินให้ด้วย ท่องเที่ยวไทยที่ไหนก็อุ่นใจมากขึ้น แต่เพื่อนๆ อย่าลืมใส่แมส กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือในช่วงโควิด 19 กันด้วยนะจ๊ะ
 
ประกันเดินทางในประเทศ

The post วิธีลงทะเบียน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
5 ข้อควรรู้ !? ก่อนลงทะเบียน 100 เดียวเที่ยวทั่วไทย https://www.bolttech.co.th/blog/%e0%b8%a5%e0%b8%87%e0%b8%97%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%9a%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%99100%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%a7%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2%e0%b8%a7%e0%b8%97%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8%a2?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=%25e0%25b8%25a5%25e0%25b8%2587%25e0%25b8%2597%25e0%25b8%25b0%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%259a%25e0%25b8%25b5%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%2599100%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%2594%25e0%25b8%25b5%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%25a7%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%2597%25e0%25b8%25b5%25e0%25b9%2588%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%2597%25e0%25b8%25b1%25e0%25b9%2588%25e0%25b8%25a7%25e0%25b9%2584%25e0%25b8%2597%25e0%25b8%25a2 Tue, 15 Oct 2019 11:44:34 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog?p=8812 ล่าสุด ภาครัฐขอกระตุ้นธุรกิจท่องเที่ยวไทยต่อเนื่องจากเป็นเฟส 2 สานต่อจากสิทธิชิมช้อปใช้ มาเป็น 100 เดียวเที่ยวทั่วไทย ซึ่งเปรย ๆ มาว่าจะเริ่มลงทะเบียนใช้สิทธิได้ 2 รอบ ดังนี้  11-12 พ.ย. 62 วันละ 10,000 สิทธิ์ รวมเป็น 20,000 สิทธิ์ 11-12 ธ.ค. 62 วันละ 10,000 สิทธิ์ รวมเป็น 20,000 สิทธิ์ หมายความว่า เรามีเวลาเพียง 4 วัน

The post 5 ข้อควรรู้ !? ก่อนลงทะเบียน 100 เดียวเที่ยวทั่วไทย appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
ล่าสุด ภาครัฐขอกระตุ้นธุรกิจท่องเที่ยวไทยต่อเนื่องจากเป็นเฟส 2 สานต่อจากสิทธิชิมช้อปใช้ มาเป็น 100 เดียวเที่ยวทั่วไทย ซึ่งเปรย ๆ มาว่าจะเริ่มลงทะเบียนใช้สิทธิได้ 2 รอบ ดังนี้ 

  • 11-12 พ.ย. 62 วันละ 10,000 สิทธิ์ รวมเป็น 20,000 สิทธิ์
  • 11-12 ธ.ค. 62 วันละ 10,000 สิทธิ์ รวมเป็น 20,000 สิทธิ์

หมายความว่า เรามีเวลาเพียง 4 วันเท่านั้นที่นักเที่ยวสามารถลงทะเบียนรับสิทธิร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทยจากรัฐบาลลุงตู่ และเพื่อติวก่อนลงทะเบียน ป้องกันการเข้าใจผิดว่าสิทธิเนี๊ยะใช้ยังไง และต้องขอแบบไหน ? Frank มีมาเล่า

เงื่อนไข 100 เดียวเที่ยวทั่วไทย 

ทุกอย่างจะถูกขายในราคาพิเศษ 100 บาทต่อรายการ เห็นว่าแคมเปญ 100 เดียวเที่ยวทั่วไทยจะเริ่มต้น 11 พ.ย. 62 เป็นวันแรก ซึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่าน 100เดียวเที่ยวทั่วไทย.com เท่านั้น และมีข้อควรรู้ตามนี้

1. สิทธิร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทย ลงทะเบียนวันละ 10,000 สิทธิ์

วอร์มนิ้วมือรอซื้อสิทธิ์ได้เลยครับ เพราะครั้งนี้แจกรวม ๆ เพียง 40,000 สิทธิ์ 40,000 แพ็คเกจเท่านั้น ส่วนเวลาลงทะเบียนอาจจะต้องรอข้อมูลจากทางการอีกครั้ง คิดเป็นสิทธิ์ 0.0007% ของคนไทย (โดยประมาณ) ที่จะได้รับสิทธิ์ร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทย 

2. ร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทยเลือกได้แค่อย่างเดียว

“ไม่งงนะครับ” เราสามารถเลือกสิทธิได้อย่างเดียวโดยสิทธิ 100 เดียวเที่ยวทั่วไทยเนี้ยะ แบ่งออกเป็น

ตั๋วเครื่องบิน 

คุณสามารถจองสายการบิน Bangkok Airways และ AirAsia  เพื่อเที่ยวไทยฟิน ๆ

ที่พัก/โรงแรม 

แบ่งเป็นพิกัดตามนี้ครับ
พิกัดภูเก็ต

  • ศรีพันวา ภูเก็ต (Sri Panwa Phuket Luxury Pool Villa Hotel)
  • เดอะนาคา ภูเก็ต หาดกมลา (The Naka Phuket)
  • บาบา บีช คลับ ภูเก็ต ลักชัวรี พูล วิลลา โฮเต็ล บาย ศรีพันวา (Baba Beach Club Phuket by Sri Panwa)
  • เดอะวิจิตรรีสอร์ทภูเก็ต หาดราไวย์ (The Vijitt Resort Phuket)
  • โรงแรมเคปกูดู เกาะยาวน้อย (Cape Kudu hotel, Koh Yao Noi)
  • เดอะ โบ๊ตเฮาส์ ภูเก็ต (The Boathouse Phuket)
  • บ้านอาจ้อ (Baan Ar-Jor Boutique Homestay)

พิกัดกระบี่

  • เดอะ ทับแขก กระบี่ บูทิก รีสอร์ท (The Tubkaak Krabi Boutique Resort)

พิกัดเชียงใหม่

  • ออนเซน แอท ม่อนแจ่ม (Onsen @Moncham)
  • โรงแรมมารายา แอนด์ รีสอร์ท (Maraya Hotel & Resort)

พิกัดชลบุรี

  • เรเนซองส์ พัทยา รีสอร์ท แอนด์ สปา (Renaissance Pattaya Resort & Spa)
  • โรงแรมฮาร์ดร็อคพัทยา (Hard Rock Hotel Pattaya)

พิกัดตราด

  • ไฮซีซั่น พูลวิลล่า แอนด์ สปา เกาะกูด (High Season Pool Villa & Spa, Ko Kood)
  • เอวา เกาะช้าง (Awa Koh Chang)

พิกัดหัวหิน ประจวบคีรีขันธ์

  • เดอะ ยานา วิลลา หัวหิน (The Yana Villas Hua Hin)
  • เฌอรีสอร์ท หัวหิน (Cher Resort Hu-Hin)
  • เอซ ออฟ หัวหิน รีสอร์ท ชะอำ (Ace of Hua Hin Resort)

พิกัดสวนผึ้ง ราชบุรี

  • เดอะ ซีนเนอรี่ วินเทจ ฟาร์ม (The Scenery Vintage Farm)

พิกัดอยุธยา

  • โรงแรม ธัญ เวลเนส เดสทิเนชั่น  (Thann Wellness Destination)

ร้านอาหาร 

  • ห้องทานข้าวสุพรรณิการ์ สาทร กรุงเทพฯ
  • ดูโอ คูซินา สาขายอดพิมาน กรุงเทพฯ
  • โอต๊ะคาเฟ่ จังหวัดภูเก็ต (Orta Cafe)

แพคเกจทัวร์

  • อิ่มสุขใจ ไหว้พระภาคกลาง ทำบุญไหว้พระ 9 วัด อยุธยา 1 วันโดยรถตู้ปรับอากาศ
  • เที่ยวสมุทรสงคราม-อัมพวา โดยรถตู้ปรับอากาศ

แพคเกจกิจกรรม 

  • วานา นาวา หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์(Vana Nava Hua Hin)
  • รามายณะ พัทยา ชลบุรี (Ramayana Water Park)
  • พิพิธภัณฑ์ริบลีส์พัทยา ชลบุรี (Believe it or not)
  • โอเชียน เวิลด์ และมาดามทุสโซ กรุงเทพฯ (Sea Life Bangkok and Madame Tussauds)
  • ล่องเรือ เรือแกรนด์เพิร์ล กรุงเทพ (Grand Pearl Dinner Cruise)
  • มหานคร สกายวอล์ค จุดชมวิวตึกมหานคร กรุงเทพฯ (Mahanakon Sky Walk)
  • สวนสนุกดรีมเวิลด์ (Dream World)

แพคเกจสปา 

  • ราวินทรา บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา พัทยา (Ravindra Beach Resort & Spa)
  • ดิโอเอซิส บริการนวด (The Oasis Spa Thailand) มีหลายสาขาทั่วไทย

ย้ำว่า โครงการ 100 เดียวเที่ยวทั่วไทยเลือกได้แค่อย่างเดียวเท่านั้น เลือกให้ดี เลือกที่อยากเที่ยวนะจ้ะ หมายความว่า ค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวทั่วไทยที่เหลือเราต้องดูแลตัวเองตามปกตินะจ้ะ 

3. ร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทย 1 คนต่อ 1 สิทธิ์

สงวนสิทธิให้คนไทยสามารถซื้อได้ 1 คนต่อ 1 รายการเท่านั้น เอาเป็นว่า เลือกสินค้าด้านการท่องเที่ยวที่จะนำมาจำหน่ายให้ดีนะครับ จะได้ตรงกับความต้องการของคุณนะจ้ะ  และสิทธิ์ 100 เดียวเที่ยวทั่วไทยต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปจะต้องใช้สิทธิ์นอกจังหวัดที่ปรากฎบนบัตรประชาชนเช่นเคย

4. ลงทะเบียนและซื้อแพคเกจผ่านเว็บ

เป็นแคมเปญจากรัฐบาลเหมาะกับการเที่ยวปลายปีเหมือนกันนะ การลงทะเบียน 100 เดียวเที่ยวทั่วไทย มีขั้นตอนตามนี้

  • เตรียมบัตรประชาชน ลงทะเบียนเข้าคิวบนเว็บ 100เดียวเที่ยวทั่วไทย.com
  • จองซื้อของขวัญผ่านเว็บไซต์ ด้วยอีเมลส่วนตัว และหมายเลขโทรศัพท์ ต้องทราบวันที่ต้องการเดินทาง
  • จ่ายด้วยพร้อมเพย์ หรือบัตรเครดิตของคุณ
  • รับอีเมลคอนเฟิร์ม Booking Confirmation ว่าได้สิทธิ 100 เดียวเที่ยวทั่วไทย
  • หลังจากนั้นก็ทำตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้เลยครับ นำ E-Voucher Confirmation ไปใช้ โดยแสดงหลักฐานนี้ได้เลย

5. ใช้สิทธิ์ร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทยได้ตอนไหน

กรอบระยะเวลาการใช้สิทธิ์ 100 เดียวเที่ยวทั่วไทยจะต้องใช้ก่อนวันที่ 31 ธันวาคม 2562 เห็นว่าคนที่ลงทะเบียนคิว 6,000/7,000/8,000/9,000 และ 10,000 จะได้รับสิทธิซื้อวอยเชอร์โรงแรมหรูเพียง  100 บาท
และถ้ามีโอกาสเที่ยวไทยอยากได้ความคุ้มครองอุบัติเหตุระหว่างท่องเที่ยว เบี้ยประกันรายปี 1,XXX บาทเท่านั้น พร้อมรับความคุ้มครองจุก ๆ ไปเลยจ้า เช็ก 20 เหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลเทคแคร์คุณ ก่อนก็ได้จ้ะ 
ขอบคุณข้อมูล : travel.kapook.com, sanook.com
Content by Butter Cutter
อัปเดทข้อมูล 05/11/2019
สิทธิลูกค้าแฟรงค์

The post 5 ข้อควรรู้ !? ก่อนลงทะเบียน 100 เดียวเที่ยวทั่วไทย appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
เช็กพิกัดใช้เงินเที่ยว “ชิม ช้อป ใช้” 1000 บาทจากรัฐบาล https://www.bolttech.co.th/blog/%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%84%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%8a%e0%b8%b4%e0%b8%a1%e0%b8%8a%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%9b%e0%b9%83%e0%b8%8a%e0%b9%89?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=%25e0%25b8%25a3%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%2599%25e0%25b8%2584%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%258a%25e0%25b8%25b4%25e0%25b8%25a1%25e0%25b8%258a%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%259b%25e0%25b9%2583%25e0%25b8%258a%25e0%25b9%2589 Thu, 26 Sep 2019 03:13:49 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog?p=8482 “ชิม ช้อป ใช้” เป็นอีกหนึ่งโครงการที่เปิดตัวมาเพื่อกระตุ้นให้คนไทยเที่ยวไทยใช้เงินผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” หลายท่านอาจจะสงสัยว่า หลังจากเราลงทะเบียนรับเงินเที่ยว 1000 บาทบนเว็บไซต์ www.ชิมช้อปใช้.com แล้วเสร็จ ระหว่างวันที่ 23 กันยายน - 15 พฤศจิกายน 2562 (รับลงทะเบียน วันละ 1 ล้านคน ต่อเนื่อง ทุกวัน จนกว่าจะครบ 10 ล้า

The post เช็กพิกัดใช้เงินเที่ยว “ชิม ช้อป ใช้” 1000 บาทจากรัฐบาล appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
“ชิม ช้อป ใช้” เป็นอีกหนึ่งโครงการที่เปิดตัวมาเพื่อกระตุ้นให้คนไทยเที่ยวไทยใช้เงินผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” หลายท่านอาจจะสงสัยว่า หลังจากเราลงทะเบียนรับเงินเที่ยว 1000 บาทบนเว็บไซต์ www.ชิมช้อปใช้.com แล้วเสร็จ ระหว่างวันที่ 23 กันยายน - 15 พฤศจิกายน 2562 (รับลงทะเบียน วันละ 1 ล้านคน ต่อเนื่อง ทุกวัน จนกว่าจะครบ 10 ล้านคน) อย่างที่ทราบดีว่า เราต้องใช้เงินเที่ยวภายใน 14 วัน และจะต้องใช้เงินในจังหวัดอื่นที่ไม่ใช้จังหวัดภูมิลำเนา !! 

รับเงินเที่ยว 1000 บาท

หลังจากได้รับสิทธิเงินเที่ยว 1000 บาท คุณจะต้องโหลดแอปพลิเคชัน “เป๋าเงิน” พร้อมกับลงทะเบียนรับเงินเที่ยวทั่วไทยที่ไอคอน G-Wallet ไว้ใช้จ่ายกับร้านถุงเงินที่ร่วมรายการ “ชิม ช้อป ใช้” รองรับทั้งระบบ iOS และ Android เลยล่ะ

ถามว่า เงินเที่ยว 1000 บาทต้องใช้ภายใน 14 วัน เราจะสามารถใช้เงินชิมช้อปใช้ในร้านค้าไหนได้บ้าง Frank.co.th แนะนำให้คุณเช็กกับเว็บไซต์ธนาคารกรุงไทยที่ระบุรายชื่อร้านค้าถุงเงินในมาตราการชิมช้อปใช้ได้เลยครับ หรือจะอ่านวิธีการเช็กร้านค้าที่เข้าร่วมชิมช้อปใช้ที่เราสรุปไว้ก่อนก็ได้นะ  

เงินเที่ยว 1000 ใช้ที่ไหนได้บ้าง ?

วิธีเช็กร้านค้าในโครงการชิมช้อปใช้ไม่ยากครับ คุณสามารถเช็กข้อมูลตามพิกัดที่เลือกไว้ หรือถ้าไม่อยากเหนื่อยจะเลือกพิกัดร้านค้าเงินเที่ยว 1000 บาทที่อยู่ใกล้คุณก็ได้ มาครับจะอธิบายให้ฟังเพิ่ม

1. วิธีเช็กเงินเที่ยว 1000 บาท จากร้านค้าใกล้ฉัน

หากคุณกำลังอยู่ในพิกัดที่เราได้ลงทะเบียนขอเงินเที่ยว 1000 บาทไว้อยู่แล้ว สามารถเช็กร้านค้าชิมช้อปใช้ได้ตามขั้นตอนนี้ 

  • กดเลือก “ร้านค้าใกล้ฉัน” 
  • สามารถเลือกประเภทร้านค้าถุงเงินได้เอง เช่น “ทุกประเภท, ชิม, ช้อป, ช้อปธงฟ้า, ใช้, ทั่วไป”

เช็กพิกัดใช้เงินเที่ยว “ชิม ช้อป ใช้” 1000 บาทจากรัฐบาล

เว็บไซต์นี้ จะบอกทั้งหมดว่า ย่านนี้พบร้านค้าถุงเงินกี่ร้านค้า ยกตัวอย่าง แฟรงค์อยู่แถวสีลมใกล้วัดแขกก็พบกับร้านค้าทั้งหมด 4,493 แห่ง พร้อมกับระบุสิทธิ 1000 และสิทธิ 15% Cash Rebate ที่ได้รับเงินคืนด้วย และยังบอกด้วยว่าอยู่ใกล้หรือไกลแค่ไหน

2. ระบุจังหวัดที่ต้องการใช้เงินเที่ยว 1000 บาท

กรณีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังแพลนเที่ยวต่างจังหวัดครับ เราสามารถเช็กได้เลยว่า จังหวัดที่เรากำลังจะไปเที่ยวและขอสิทธิ 1000 บาท เช็กดูร้านไหนสามารถเปย์เงินชิมช้อปใช้ได้ วิธีการง่าย ๆ ครับ

  • กดเลือก “ค้นหาจังหวัด” 
  • กด “เลือกจังหวัด” มองหาจังหวัดที่ต้องการใช้เงินเที่ยว
  • สามารถเลือกประเภทร้านค้าถุงเงินแบบเฉพาะเจาะจงได้เอง เช่น “ทุกประเภท, ชิม, ช้อป, ช้อปธงฟ้า, ใช้, ทั่วไป” 

ถ้ายังสงสัยและไม่เข้าใจ เพนกวิน Frank.co.th จะเลือกให้ดูเป็นตัวอย่างคร่าว ๆ นะครับ  

  • คลิก “ค้นหาจังหวัด”
  • เลือกจังหวัด “แพร่”

เช็กพิกัดใช้เงินเที่ยว “ชิม ช้อป ใช้” 1000 บาทจากรัฐบาล
เราพบว่ามีร้านค้าร่วมโครงการชิมช้อปใช้ทั้งหมด 728 แห่ง แบ่งเป็นประเภทตามนี้

  • ชิม 143 ร้านค้า
  • ช้อป 481 ร้านค้า (รวมทั้งร้านค้าทั่วไปและธงฟ้าเข้าด้วยกัน)
  • ช้อปธงฟ้า 328 ร้านค้า
  • ใช้ 30 แห่ง (เป็นโรงแรมและที่พัก)
  • ทั่วไป 84 ร้านค้า 

หรือถ้าคุณไม่ชอบอ่านรายชื่อร้านค้าถุงเงินที่ร่วมโครงการ “ชิม ช้อป ใช้” เงินเที่ยว 1000 บาทจากรัฐบาล ชอบภาพเป็นแผนที่สามารถคลิก “ดูแผนที่ทั้งหมด” ได้เช่นกันครับ
วิธีเช็กพิกัดใช้เงินเที่ยว “ชิม ช้อป ใช้” 1000 บาทจากรัฐบาล

FYI : ทำความรู้จักกันอีกนิดกับพิกัด "ชิม ช้อป ใช้"

สัญลักษณ์ ความหมาย
วิธีเช็กพิกัดใช้เงินเที่ยว “ชิม ช้อป ใช้” 1000 บาทจากรัฐบาล ชิม
วิธีเช็กพิกัดใช้เงินเที่ยว “ชิม ช้อป ใช้” 1000 บาทจากรัฐบาล ช้อป
วิธีเช็กพิกัดใช้เงินเที่ยว “ชิม ช้อป ใช้” 1000 บาทจากรัฐบาล ช้อปธงฟ้า
วิธีเช็กพิกัดใช้เงินเที่ยว “ชิม ช้อป ใช้” 1000 บาทจากรัฐบาล ใช้
วิธีเช็กพิกัดใช้เงินเที่ยว “ชิม ช้อป ใช้” 1000 บาทจากรัฐบาล ทั่วไป

รายชื่อร้านค้าที่ร่วมแคมเปญ "ชิม ช้อป ใช้"

ร้านถุงเงินคืออะไร ?

เป็นชื่อแอปพลิเคชันของ “ร้านค้า” ที่ร่วมรายการกับแคมเปญ “ชิม ช้อป ใช้” เงินเที่ยว 1000 จากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแอปพลิเคชันสำหรับร้านค้าที่ได้รับคัดเลือกให้ใช้จ่ายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งรับชำระค่าสินค้าและบริการร่วมกับแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”

สรุป

  • เป๋าตัง เป็นแอปใช้รับสิทธิเงินเที่ยว 1000 บาท 
  • ถุงเงิน เป็นแอปของร้านค้าที่อยู่ในโครงการชิมช้อปใช้ และยังใช้ร่วมกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ด้วย

ทั้งสองแอปพลิเคชันนี้พัฒนาโดยธนาคารกรุงไทย หรือ Krungthai Bank PCL เข้าใจวิธีการเช็กร้านค้าชิมช้อปใช้กันแล้ว คงต้องรีบหน่อยนะครับ เนื่องจากสิทธิเงินเที่ยว 1000 บาทสามารถใช้ได้ถึงวันที่ 27 กันยายนถึง 30 พฤศจิกายน 2562 เท่านั้น และถ้าต้องการประกันไว้ดูแลเทคแคร์คุณกว่าใครให้นึกถึง Frank.co.th นะครับ เรามีประกันเดินทางในประเทศ (ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล) ที่ดูแลทั่วไทยทั่วโลกด้วยนะ ช่วยให้คุณเที่ยวได้อย่างสบายใจเชียวล่ะ

Frank Box : 

นอกจากผู้รับสิทธิเงินเที่ยว 1000 บาทแล้ว ยังได้รับเงินคืน (Cash Back) ทุกการใช้จ่ายผ่าน G-Wallet กับร้านค้าถุงเงินทั่วประเทศตามเงื่อนไขโครงการครับ 
ขอบคุณข้อมูลจาก : ชิมช้อปใช้.com
Content by Butter Cutter

ประกันเดินทางในประเทศ
 

The post เช็กพิกัดใช้เงินเที่ยว “ชิม ช้อป ใช้” 1000 บาทจากรัฐบาล appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
10 เส้นทางขับรถเที่ยว วิวสวย ฤดูฝน https://www.bolttech.co.th/blog/10-%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b9%89%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%82%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%96%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2%e0%b8%a7-%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%a7%e0%b8%aa%e0%b8%a7%e0%b8%a2-%e0%b8%a4%e0%b8%94%e0%b8%b9%e0%b8%9d%e0%b8%99?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=10-%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%25aa%25e0%25b9%2589%25e0%25b8%2599%25e0%25b8%2597%25e0%25b8%25b2%25e0%25b8%2587%25e0%25b8%2582%25e0%25b8%25b1%25e0%25b8%259a%25e0%25b8%25a3%25e0%25b8%2596%25e0%25b9%2580%25e0%25b8%2597%25e0%25b8%25b5%25e0%25b9%2588%25e0%25b8%25a2%25e0%25b8%25a7-%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%25b4%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%25aa%25e0%25b8%25a7%25e0%25b8%25a2-%25e0%25b8%25a4%25e0%25b8%2594%25e0%25b8%25b9%25e0%25b8%259d%25e0%25b8%2599 Mon, 19 Jun 2017 08:28:01 +0000 https://www.bolttech.co.th/blog?p=2745   หน้าฝนแบบนี้การท่องเที่ยวแนวธรรมชาติน่าจะเหมาะสมที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเดินป่า ขึ้นเขา หรือลุยน้ำตก เพื่อนๆ ก็จะได้พบความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติอย่างที่หาจากฤดูไหนไม่ได้ ลองจินตนาการดูสิว่าถ้าได้ตื่นมาโดยมีทะเลหมอกหนาๆ ในตอนเช้าโอบล้อมรอบตัว รวมถึงอากาศเย็นๆ ในวันฝนตก สูดไอดินกลิ่นธรรมชาติจะฟินขนาดไหน โดย 10 เส้น

The post 10 เส้นทางขับรถเที่ยว วิวสวย ฤดูฝน appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>
@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Mitr');.entry-thumbnail>.img-responsive{width:100%;}.speed_text{border-left:8px solid #FFc22c;padding:16px 16px 16px 30px;color:#215BA7;}.speed_text>.title{font-size:2em;color:#FFC22c;}.quote_text{text-align:center;padding:30px;border-width:0;border-radius:12px;background-color:#fbfbfb;}.quote_text:before,.quote_text:after{display:inline-block;width:66px;height:48px;content:"";background-image:url(https://www.bolttech.co.th/blog/wp-content/uploads/2016/11/q_start.png);background-size:cover;}.quote_text:after{background-image:url(https://www.bolttech.co.th/blog/wp-content/uploads/2016/11/q_end.png);}.quote_text>p{margin-top:24px;margin-bottom:24px;font-family:'Mitr',sans-serif;font-size:2em;color:#215BA7;}

 
หน้าฝนแบบนี้การท่องเที่ยวแนวธรรมชาติน่าจะเหมาะสมที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเดินป่า ขึ้นเขา หรือลุยน้ำตก เพื่อนๆ ก็จะได้พบความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติอย่างที่หาจากฤดูไหนไม่ได้ ลองจินตนาการดูสิว่าถ้าได้ตื่นมาโดยมีทะเลหมอกหนาๆ ในตอนเช้าโอบล้อมรอบตัว รวมถึงอากาศเย็นๆ ในวันฝนตก สูดไอดินกลิ่นธรรมชาติจะฟินขนาดไหน โดย 10 เส้นทางวิวสวยที่ Frank นำมาฝากกันนี้ บอกเลยว่าเหมาะแก่การเที่ยวในหน้าฝนนี้เป็นที่สุด จะมีที่ไหนบ้างตามมาดูเลย
1. นาขั้นบันไดบ้านป่าบงเปียง จ. เชียงใหม่
นาขั้นบันไดบ้านป่าบงเปียง จ. เชียงใหม่-1นาขั้นบันไดบ้านป่าบงเปียง จ. เชียงใหม่-2นาขั้นบันไดบ้านป่าบงเปียง จ. เชียงใหม่-3
นาข้าวขั้นบันไดที่บ้านป่าบงเปียง อ. แม่แจ่ม จ. เชียงใหม่ เป็นเส้นทางสายธรรมชาติที่ควรค่าแก่การไปเที่ยวในหน้าฝนเป็นอันดับต้นๆ เลย เพราะในช่วงหน้าฝนประมาณเดือนกรกฎาคม – เดือนสิงหาคม เพื่อนๆ จะได้เห็นหยดน้ำที่กล้าข้าวสะท้อนแสงแดดเป็นประกายสวยงาม และถ้าไปเที่ยวช่วงเดือนกันยายน – ต้นเดือนตุลาคม เพื่อนๆ จะได้ชมความเขียวขจีของนาขั้นบันไดที่เขียวเต็มท้องทุ่ง และจะเห็นรวงข้าวสีทองในช่วงปลายเดือนตุลาคม เรียกได้ว่าตั้งแต่ต้นฤดูฝนยันปลายฤดูฝนนาข้าวขั้นบันไดที่บ้านป่าบงเปียงจะสร้างความประทับใจให้กับเพื่อนๆ ได้แน่นอน
การเดินทาง: จากที่ว่าการอำเภอแม่แจ่มให้เลี้ยวขวา จะเห็นเซเว่น อีเลเว่นอยู่ทางฝั่งขวามือ จากนั้นขับรถตรงไปประมาณ 1 กิโลเมตรจะเจอทางแยกซ้ายมือไปวัดพุทธเอิ้นและนาขั้นบันไดบ้านกองกาน ให้ตรงไปก่อนแล้วจะพบกับบ้านต่อเรือ จากนั้นขับตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 10 กิโลเมตรจะถึงบ้านทุ่งยาว ให้สังเกตหลักกิโลแม่นาจร 16 โดยเลี้ยวขวาไปจะพบกับวัดทุ่งยาว และให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตรจะเจอหมู่บ้านแม่มิงค์ โรงเรียนอินทนนท์วิทยา จากนั้นเลี้ยวขวาไปยังหน่วยจัดการต้นน้ำแม่อวม ไปยังบ้านป่าตึง และให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนทางลาดยางและขับตรงไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตรก็จะพบทางแยก ให้เลี้ยวขวาไปยังบ้านป่าบงเปียง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที หรือบินตรงไปยังสนามบินนานาชาติเชียงใหม่เลยก็ได้

โรงแรมใน จ. เชียงใหม่
2. อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จ. ชัยภูมิ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จ. ชัยภูมิ-1 อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จ. ชัยภูมิ-2 อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จ. ชัยภูมิ-3
ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ทุ่งดอกกระเจียวถือเป็นไฮไลท์สำคัญที่ห้ามพลาด โดยเพื่อนๆ สามารถไปชมทุ่งดอกกระเจียวได้ที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จ. ชัยภูมิ เพื่อนๆ จะได้พบกับดอกกระเจียวสีชมพูหวานๆ ที่แข่งกันบานชูช่อ ท่ามกลางธรรมชาติของขุนเขาและป่าไม้ โดยในแต่ละปีจะมีให้ชมเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น และในปีนี้พิธีเปิดจะจัดขึ้นในวันที่ 17 มิถุนายน 2560 พร้อมกิจกรรมต่างๆ มากมาย และงานจะมีไปจนถึง 30 กันยายน 2560 นอกจากทุ่งดอกกระเจียวที่เป็นไฮไลท์ของอุทยานฯ แล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจภายในอีก ไม่ว่าจะเป็นผาสุดแผ่นดิน ลานหินงาม ฯลฯ
การเดินทาง: จากกรุงเทพฯ สามารถขับรถส่วนตัวไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 ผ่านสระบุรีไปยังสามแยกพุแค จากนั้นเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 21 สู่บ้านลำนารายณ์ จากนั้นเลี้ยวขวาอีกครั้งไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 205 เส้นทางลำนารายณ์–ลำสนธิ–เทพสถิต–หนองบัวโคก-นครราชสีมา โดยเดินทางจากบ้านลำนารายณ์ไปประมาณ 48 กิโลเมตร ก่อนถึงที่ทำการอำเภอเทพสถิตประมาณ 1 กิโลเมตร ให้เลี้ยวซ้ายไป อ. หนองบัวระเหวตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2354 ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตรก็จะถึงทางแยกซ้ายมือเข้าบ้านไร่ ตรงไปอีกประมาณ 14 กิโลเมตรก็จะถึงที่ทำการของอุทยานฯ
โรงแรมใน จ. ชัยภูมิ
3. ภูทับเบิก จ. เพชรบูรณ์
 ภูทับเบิก จ. เพชรบูรณ์-1 ภูทับเบิก จ. เพชรบูรณ์-2 ภูทับเบิก จ. เพชรบูรณ์-3
จะมีฤดูไหนเหมาะกับการมาเที่ยวภูทับเบิก อ. หล่มเก่า จ. เพชรบูรณ์มากไปกว่าฤดูฝน ซึ่งเป็นฤดูที่ชาวบ้านจะปลูกกะหล่ำปลีสีเขียวเต็มทุ่งตลอดทั้งหุบเขา และที่แห่งนี้ยังเป็นแหล่งปลูกกะหล่ำปลีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา Expedia แนะนำว่าให้ไปเที่ยวช่วงเดือนสิงหาคมหรือกันยายนก่อนที่ชาวบ้านจะเก็บเกี่ยวผลผลิต ซึ่งจะทำให้เพื่อนๆ ได้ชมวิถีชีวิตของชาวบ้านที่มาเก็บกะหล่ำปลีไปขาย นอกจากนั้นภูทับเบิกยังเป็นสถานที่ที่เดินทางมาง่าย ช่วงฤดูฝนก็จะมีอากาศเย็นสบาย แถมยังชมทะเลหมอกในตอนเช้าและหลังฝนตกได้ด้วย
การเดินทาง: จากกรุงเทพฯ ให้ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 ตรงไปจนถึงกิโลเมตรที่ 125 จากนั้นแยกไปทางขวามือเข้าสู่เส้นทางหลวงหมายเลข 21 ต่อไปอีก 221 กิโลเมตรก็จะถึงเพชรบูรณ์ จากตัวเมืองเพชรบูรณ์ให้ขับรถต่อไปตามเส้นเดิมคือทางหลวงหมายเลข 21 จากตัวเมืองไปถึง อ. หล่มสักมีระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางเลี่ยงเมืองหล่มสักบนทางหลวงหมายเลข 12 และเลี้ยวเข้าสู่ถนนหมายเลข 2372 จากนั้นเลี้ยวซ้ายอีกครั้งสู่ถนนหมายเลข 2331 ก็จะเป็นเส้นทางขึ้นเขาไปสู่ภูทับเบิก
โรงแรมใกล้ภูทับเบิก
4. เขาค้อ จ. เพชรบูรณ์
 เขาค้อ จ. เพชรบูรณ์-1
 เขาค้อ จ. เพชรบูรณ์-2 เขาค้อ จ. เพชรบูรณ์-3
หากไปภูทับเบิกแล้วก็ต้องแวะมาเขาค้อด้วย เพราะอยู่ห่างกันไม่ถึง 100 กิโลเมตร การมาเที่ยวเขาค้อในฤดูฝนนั้นเรียกได้ว่าสุดโรแมนติกจริงๆ เพราะสามารถมองเห็นวิวภูเขาอันเขียวขจีตัดกับสายหมอกสวยงามและสดชื่น เหมาะกับคนที่ต้องการจะไปสูดอากาศบริสุทธิ์ แถมจุดท่องเที่ยวที่เขาค้อนั้นยังมีหลายที่ ไม่ว่าจะเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่วัดกองเนียน จุดชมทะเลหมอกที่ไปรษณีย์เขาค้อ ซึ่งบางวันนั้นมีทะเลหมอกให้ชมกันจนถึง 9 โมงเลย และห้ามลืมถ่ายรูปกับป้ายหนาวนี้ที่เพชรบูรณ์ด้วยนะ ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่ามาไม่ถึง ส่วนจุดชมวิวใหม่ล่าสุดก็คือที่ทุ่งกังหันลม เมื่อเข้ามาในบริเวณแคมป์สนจะเห็นกังหันลมตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ ถ่ายรูปแล้วไปบอกเพื่อนๆ ว่าอยู่ต่างประเทศก็คงไม่มีใครสงสัยเพราะว่าสวยงามมากจริงๆ
การเดินทาง: จากกรุงเทพฯ ให้ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธินไปเส้นทางสระบุรี จากนั้นก่อนจะถึงสระบุรีให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางเลี่ยงเมืองไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 21 ผ่านลพบุรีจนถึงเพชรบูรณ์ จากนั้นให้ขับรถต่อไปเรื่อยๆ จาก อ. เมืองประมาณ 13 กิโลเมตร จะถึงแยกนางั่วให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนหมายเลข 2196 ตรงไปเรื่อยๆ ก็จะถึงเส้นทางท่องเที่ยวเขาค้อ
โรงแรมในเขาค้อ
5. อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ. เลย จ. พิษณุโลก และ จ. เพชรบูรณ์
อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ. เลย จ. พิษณุโลก และ จ. เพชรบูรณ์-1อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ. เลย จ. พิษณุโลก และ จ. เพชรบูรณ์-2อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ. เลย จ. พิษณุโลก และ จ. เพชรบูรณ์-3
อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าเป็นอุทยานแห่งชาติที่ครอบคลุมพื้นที่อยู่ 3 จังหวัดด้วยกัน ได้แก่ อ. ด่านซ้าย จ. เลย อ. นครไทย จ. พิษณุโลก และ อ. หล่มสัก จ. เพชรบูรณ์ นอกจากจะเป็นเส้นทางวิวสวยในช่วงหน้าฝนแล้ว บริเวณนี้ยังเป็นเส้นทางประวัติศาสตร์ของนักรบไทยในอดีตอีกด้วย โดยอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้ามีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 18 – 25 องศาเซลเซียส โดยในอุทยานฯ จะมีสถานที่ท่องเที่ยวให้ได้แวะเที่ยวมากมาย อาทิ ลานหินแตก ลานหินปุ่ม ผาชูธง น้ำตกร่มเกล้า-ภราดร น้ำตกผาลาด น้ำตกตาดฟ้า ฯลฯ ซึ่งในช่วงหน้าฝนแบบนี้ระหว่างทางเพื่อนๆ จะได้พบกับความชุ่มฉ่ำและความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติอย่างแท้จริง นอกจากนั้นเพื่อนๆ ยังได้ชื่นชมความงามของดอกเปราะภู ดอกเอนอ้า และดอกลิ้นมังกรที่บานสะพรั่งเฉพาะในช่วงหน้าฝนประมาณเดือนกรกฎาคม – เดือนสิงหาคมให้เราได้ชมกันอีกด้วย โดยเฉพาะบริเวณลานหินแตกและลานหินปุ่มจะมีให้เพื่อนๆ ได้เห็นตลอดสองข้างทาง
การเดินทาง: จากกรุงเทพฯ ให้ใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) แยกเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 ผ่านอยุธยา สิงห์บุรี ชัยนาท นครสวรรค์ จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 117 ตรงไป 130 กิโลเมตรก็จะถึงตัวเมืองพิษณุโลก จากตัวเมืองพิษณุโลกให้ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 สายพิษณุโลก-หล่มสัก จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2013 ไปทาง อ. นครไทย ก่อนถึงตัวอำเภอจะมีทางแยกขวามือตามทางหลวงหมายเลข 2331 มุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า โดยเส้นทางค่อนข้างคดเคี้ยวเป็นระยะ ต้องใช้ความระมัดวังในการขับขี่
โรงแรมใกล้อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
6. ภูสอยดาว จ. อุตรดิตถ์ และ จ. พิษณุโลก
ภูสอยดาว จ. อุตรดิตถ์ และ จ. พิษณุโลก-1ภูสอยดาว จ. อุตรดิตถ์ และ จ. พิษณุโลก-2ภูสอยดาว จ. อุตรดิตถ์ และ จ. พิษณุโลก-3
เส้นทางชมธรรมชาติที่สุดท้ายที่เราอยากแนะนำก็คือที่ภูสอยดาว โดยภูสอยดาวมีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ทั้งที่ จ. อุตรดิตถ์ และ จ. พิษณุโลก ภูสอยดาวในช่วงหน้าฝนนั้นมีไฮไลท์เด็ดคือ “ทุ่งดอกหงอนนาค” ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทุกปี ซึ่งจะออกดอกสีม่วงบานสะพรั่งเต็มทุ่งในฤดูฝน ตั้งแต่เดือนสิงหาคม - เดือนกันยายนของทุกปี รวมไปถึงดอกไม้ชนิดอื่นๆ อย่างดอกสร้อยสุวรรณา ดอกหญ้ารากหอมให้ได้ชมกันพร้อมต้นไม้สีเขียวชอุ่มโดยรอบ นอกจากนี้ภายในภูสอยดาวยังมีเส้นทางธรรมชาติให้เราได้ชมและแวะเที่ยวกันอีก ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกภูสอยดาว ลานสนสามใบภูสอยดาวและทุ่งดอกไม้ในป่าสน น้ำตกสายทิพย์ ฯลฯ
การเดินทาง: หากใช้เส้นทาง จ. พิษณุโลกให้ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 แยกเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1246 เมื่อถึงบ้านแพะให้แยกเข้าทางหลวงหมายเลข 1143 ผ่าน อ. ชาติตระการ แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 1237 ผ่านบ้านบ่อภาคไปสุดที่เส้นทางแผ่นดินหมายเลข 1268 ก็จะถึงน้ำตกภูสอยดาว อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ระยะทางประมาณ 188 กิโลเมตร
หากใช้เส้นทาง จ. อุตรดิตถ์ ให้ใช้ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1047 (อุตรดิตถ์-น้ำปาด) ไปจนถึง อ. น้ำปาด เข้าสู่ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1239 ตรงไปอีกประมาณ 47 กิโลเมตร เข้าสู่ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1268 ขับรถต่อไปอีก 18 กิโลเมตรก็จะถึงที่ทำการอุทยานฯ ระยะทางประมาณ 133 กิโลเมตร
โรงแรมใน จ. พิษณุโลก
7. ม่อนแจ่ม จ. เชียงใหม่
ม่อนแจ่ม จ. เชียงใหม่-1ม่อนแจ่ม จ. เชียงใหม่-2ม่อนแจ่ม จ. เชียงใหม่-3
ม่อนแจ่มในหน้าฝนนั้นสวยไม่แพ้หน้าหนาวเลย โดยม่อนแจ่มเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย อยู่บริเวณหมู่บ้านม้ง ต. แม่แรม อ. แม่ริม การไปเที่ยวม่อนแจ่มในช่วงหน้าฝนนั้นเพื่อนๆ อาจจะไม่ได้พบกับดอกไม้จำนวนมากอย่างที่คุ้นตากัน เพราะเป็นช่วงเตรียมดินเพื่อปลูกดอกไม้ให้บานในช่วงหน้าหนาว แต่สิ่งที่เพื่อนๆ จะได้พบในช่วงหน้าฝนนี้ก็คือเมฆหมอกที่เข้ามาใกล้ชิดอยู่รอบตัวตลอดทั้งวัน พร้อมกับความสมบูรณ์ทางธรรมชาติของป่าเขาที่พร้อมให้เราไปสูดอากาศบริสุทธิ์ ที่สำคัญการเที่ยวม่อนแจ่มในช่วงหน้าฝนจะได้ความสงบมากกว่าฤดูไหนๆ เพราะผู้คนไม่พลุกพล่าน และที่ห้ามพลาดเลยก็คือการนั่งรับประทานอาหาร จิบกาแฟ ชมธรรมชาติบนกระท่อมไม้ไผ่ซึ่งเป็นไฮไลท์ของที่นี่ นอกจากนั้นม่อนแจ่มยังเป็นอีกหนึ่งเส้นทางในการชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกที่น่าตรึงตาตรึงใจ ควรค่าแก่การไปเห็นกับตาให้ได้สักครั้งในชีวิตอีกด้วย
การเดินทาง: ม่อนแจ่มห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 39 กิโลเมตร โดยให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 (เชียงใหม่–ฝาง) ผ่านที่ว่าการอำเภอแม่ริม เมื่อถึงหลักกิโลเมตรที่ 17 ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงสาย 1096 (แม่ริม–สะเมิง) เมื่อมาถึงประมาณหลักกิโลเมตรที่ 15 บริเวณบ้านโป่งแยง ให้สังเกตป้ายศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอยทางด้านขวามือ จากนั้นให้เลี้ยวขวาตรงตามถนนหลักขึ้นเขาเป็นระยะทางอีก 6 กิโลเมตร จนถึงที่ทำการศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย หรือจะบินตรงไปยังสนามบินนานาชาติเชียงใหม่เลยก็ได้
โรงแรมใกล้ม่อนแจ่ม
8. ทุ่งโปรงทอง จ. ระยอง
ทุ่งโปรงทอง จ. ระยอง-1ทุ่งโปรงทอง จ. ระยอง-2ทุ่งโปรงทอง จ. ระยอง-3
ใครว่าไประยองจะต้องไปเที่ยวทะเลอย่างเดียวเท่านั้น ทว่ายังมีสถานที่ท่องเที่ยวอย่างทุ่งโปรงทองที่เขตชุมชนบ้านแสมภู่ ปากน้ำประแส อ. แกลง จ. ระยองด้วย ที่นี่เหมาะแก่การมาเที่ยวในช่วงหน้าฝนเป็นอย่างมาก ด้วยเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บนพื้นที่กว่า 6,000 ไร่ ซึ่งเพื่อนๆ จะได้เห็นป่าชายเลนผืนใหญ่ที่รอให้ไปท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ พร้อมกับเดินชมธรรมชาติบนสะพานระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร โดยตลอดทั้งสองฝั่งเต็มไปด้วยต้นโปรงที่ในช่วงหน้าฝนจะแข่งกันเบียดเสียดหนาแน่น และเมื่อยามแสงแดดตกกระทบลงบนต้นโปรงจะให้สีเขียวปนสีทอง จนที่แห่งนี้ได้รับการขนานนามว่า “ทุ่งโปรงทอง” นั่นเอง
การเดินทาง: จากตัวเมืองระยองให้ขับรถไปตามถนนสุขุมวิทเพื่อไปยัง อ. แกลง จนเจอแยกปากน้ำประแส ให้เลี้ยวไปปากน้ำประแส ไปยังวัดตะเคียนงามและเข้าไปยังซอยข้างวัดจะเจอป้ายจุดชมหิ่งห้อย ให้ขับไปตามป้ายบอกทางก็จะเจอสะพานซึ่งเป็นจุดเริ่มการเดินเท้าไป
โรงแรมใน อ. แกลง
9. น้ำตกไทรโยคน้อย จ. กาญจนบุรี
น้ำตกไทรโยคน้อย จ. กาญจนบุรี
การเที่ยวน้ำตกในช่วงหน้าฝน แน่นอนว่าคุณจะได้พบกับความชุ่มฉ่ำของสายน้ำเพราะเป็นช่วงที่มีน้ำมาก จะว่ายน้ำก็สนุก จะถ่ายรูปก็สวย และถ้าพูดถึงน้ำตกที่มีเส้นทางไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก ที่พร้อมให้เพื่อนๆ ได้ไปชมวิวสวยๆ ของน้ำตกกันย่อมหนีไม่พ้นน้ำตกไทรโยคน้อย และถึงแม้จะเป็นน้ำตกชั้นเดียวขนาดไม่ใหญ่ แต่ก็เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว เพราะตั้งอยู่ริมถนนสายหลัก ซึ่งเป็นทางผ่านจากตัวเมืองกาญจนบุรีไปยังถนนเส้นทองผาภูมิ–สังขละบุรี ถือว่าเป็นเส้นทางที่ให้คุณเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย โดยภายในน้ำตกจะมีกองหินน้อยใหญ่ไล่ลงมาเป็นระดับ พร้อมกับสายน้ำที่ไหลตกลงกระทบเป็นแอ่งน้ำด้านล่างให้ได้เล่นน้ำกัน อีกทั้งที่นี่ยังมีร้านค้า ร้านอาหาร สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครันอีกด้วย
การเดินทาง: จากตัวเมืองกาญจนบุรี ให้ใช้เส้นทางถนนแสงชูโตซึ่งเป็นถนนสายหลัก จากนั้นข้ามทางรถไฟจนไปถึงสี่แยกแก่งเสี้ยน เลี้ยวซ้ายไปตามป้าย อ. ไทรโยค–ทองผาภูมิ ซึ่งเป็นทางหลวงหมายเลข 323 เมื่อถึงป้ายกิโลเมตรที่ 120 จะพบน้ำตกไทรโยคน้อยอยู่ทางขวามือ
โรงแรมใน อ. ไทรโยค
10. เขื่อนรัชชประภา จ. สุราษฎร์ธานี
น้ำตกไทรโยคน้อย จ. กาญจนบุรีน้ำตกไทรโยคน้อย จ. กาญจนบุรี-2น้ำตกไทรโยคน้อย จ. กาญจนบุรี-3
เขื่อนรัชชประภาตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสก มีความสวยงามและความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติจนได้รับสมญานามว่าเป็นกุ้ยหลินเมืองไทย ที่ควรค่าแก่การไปเห็นกับตา การเที่ยวเขื่อนรัชชประภาในช่วงหน้าฝนนั้นเป็นอีกหนึ่งเส้นทางการท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ต้องไปสัมผัสให้ได้สักครั้ง เพราะในช่วงหน้าฝนน้ำจะขึ้นเต็ม เหมาะแก่การทำกิจกรรมทางน้ำเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นพายเรือคายัค นอนแพชมเขาสามเกลอ เที่ยวถ้ำประการัง ถ้ำน้ำทะลุ ฯลฯ
การเดินทาง: จากกรุงเทพฯ ให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ไปจนถึงชุมพร จากนั้นตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 41 จนถึง อ. พุนพินบริเวณสี่แยกจะสามารถเข้าไปยัง จ. สุราษฎร์ธานีได้โดยไม่ต้องเข้าตัวจังหวัด ให้ตรงไปเรื่อยๆ จนถึงแยกท่าโรงช้างแล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 401 จากนั้นขับรถไปอีกประมาณ 40 กิโลเมตรก่อนจะถึง อ. บ้านตาขุนจะเจอป้ายเขื่อนรัชชะประภาอยู่ทางขวามือ หรือจะบินตรงไปยังสนามบินนานาชาติสุราษฎร์ธานีเลยก็ได้
frank ประกัน
ข้อมูลจาก expedia.co.th,
expedia.co.th

The post 10 เส้นทางขับรถเที่ยว วิวสวย ฤดูฝน appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

]]>