1. รับจ้างส่งอาหาร เดลิเวอรี่

อย่างที่รู้กันดีว่า “อาหารการกิน” เป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิตอยู่แล้ว แต่เมื่อสถานการณ์ไวรัสโควิด 19 ทำให้หลายคนต้องกักตัวอยู่ในบ้าน การทำงานพาร์ทไทม์เสาร์อาทิตย์อย่างอาชีพรับจ้างส่งอาหารเดลิเวอรี่ถือเป็นนาทีทองเลย มีรายได้เสริมเฉลี่ย 15,000 - 30,000 บาทต่อเดือน  โดยอาจจะขึ้นอยู่กับการรับออเดอร์และความขยัน ยิ่งถ้าคุณส่งอาหารหลายๆ รอบต่อวัน หรือเพิ่มระยะทางของลูกค้าในช่วงเวลานั้นๆ ก็จะเพิ่มรายได้เสริมพิเศษไปด้วย บอกเลยว่าบางพาร์ทเนอร์ก็สมัครฟรีนะ ไม่มีค่าใช้จ่าย

เคล็ดลับเพิ่มรายได้รับจ้างส่งอาหาร (เดลิเวอรี่) :

สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะหารายได้เสริมอย่างรับจ้างส่งอาหาร จะต้องศึกษาแพลตฟอร์มการรับ-ส่งอาหารกับพาร์ทเนอร์ให้ดีก่อน ทั้งจุดอ่อนจุดแข็ง รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่เราจะได้รับ เช่น มองเห็นรายได้ก่อนรับงาน เลือกเวลาทำงานได้ มีสวัดิการให้พนักงาน เป็นต้น นอกจากนี้จะต้องมีระบบการจ่ายงานให้ชัดเจน พร้อมอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว แล้วที่สำคัญจะต้องรักษามาตรฐานในการบริการของคุณเสมอ เพราะบางบริษัทอาจจะมีโบนัสขยันและตั้งใจทำงานให้ด้วยนะ

แอปฯ ที่ได้รับความนิยม ได้แก่

• Grabfood (สมัครฟรี)
• Get (สมัครฟรี)
• Happyfresh (สมัครฟรี)
• Foodpanda (ค่าสมัคร 100 บาท) *เหมาะสำหรับงานประจำมากกว่า
• Skootar (ค่าสมัคร 100 บาท)
• Lineman (ค่าสมัคร 400 บาท)

หมายเหตุ : อัตราค่าสมัครผู้ให้บริการของแต่ละแอปพลิเคชั่น อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงสามารถตรวจสอบราคากับทางแอปฯ ก่อนได้

2. ขายของแฮนด์เมดออนไลน์

แต่ถ้าคุณมีฝือในการครีเอทงานแฮนด์เมดเก๋ๆ ก็สามารถหารายได้เสริมควบคู่กับงานประจำได้ เพียงนำเสนอขายผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นงานแฮนด์เมดอย่างเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า กำไลข้อมือ หรือหน้ากากอนามัยที่กำลังเป็นที่ต้องการในท้องตลาดในช่วงโควิด 19 เอาเป็นว่าใครชอบแบบไหนก็ลองครีเอทลายน่ารักๆ ให้ได้คุณภาพตามที่ต้องการเลย แถมยังได้ใช้ในชีวิตประจำวันด้วย ลงทุนไม่มากแต่สร้างรายได้เสริมดี

เคล็ดลับในการขายของแฮนด์เมด :

ทราบหรือไหมว่า? งานแฮนด์เมด (Handmade) เป็นอีกหนึ่งอาชีพเสริมรายได้ดีไม่แพ้งานประจำ สามารถเปลี่ยนเป็นธุรกิจเล็กๆ ให้เป็นธุรกิจใหญ่ตามความฝันได้ สำหรับใครที่เริ่มต้นจะหารายได้เสริมด้วยงานแฮนด์เมด จะต้องศึกษาปัจจัยพื้นฐานในการทำธุรกิจขนาดเล็กก่อน ตามดังนี้

• ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน 
• มีกลุ่มลูกค้าที่แน่นอน 
• วางแผนการทำงานให้เป็นระบบ 
• ลงมือทำอย่างตั้งใจเพื่อให้ได้สินค้ามีคุณภาพ 
• ศึกษาสินค้าตามกระแส
• สำรวจคู่แข่งในตลาด 
• มองหาเทคนิคขายของต่างๆ 
• กระตุ้นยอดขายทางสื่อออนไลน์ 

ทั้งหมดนี้ก็จะช่วยสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จัก และเพิ่มรายได้ให้กับคุณมากขึ้น ซึ่งเราจะต้องขยันโปรโมทสินค้า คุยเป็นกันเอง คอยให้คำแนะนำสินค้าพร้อมบริการอย่างดีที่สุด จะช่วยดึงลูกค้าให้กลับเข้ามาที่ร้านของคุณอีกครั้ง

ช่องทางเพิ่มยอดขายทางออนไลน์ ฟรี!

• Facebook
• Instagram
• Line@
• Youtube
• lnwshop
• Weloveshopping
• Kaidee
• ShopUp
• tarad.com
• makewebeasy.com

3. ทำอาหารคลีน เดลิเวอรี่

พอหลังจากโควิด 19 ระบาด หลายคนก็เริ่มหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น ทั้งออกกำลังกาย ทานอาหารเพื่อสุขภาพ ด้วยเหตุนี้เองการ “ทำอาหารคลีน” ในรูปแบบเดลิเวอรี่ ก็เป็นอีกหนึ่งอาชีพเสริมทําที่บ้านแล้วน่าสนใจ เหมาะสำหรับผู้ที่มีฝีมือด้านการทำอาหารเฉพาะ ข้อดีก็คือทำง่าย ต้นทุนไม่สูงมากนัก  และเป็นที่ต้องการในตลาดด้วย แนะนำให้ลองทำอาหารส่งลูกค้าในย่านใกล้เคียงก่อน หรือจะใช้สื่อออนไลน์ทำการตลาด เช่น ถ่ายรูปอาหารสวยๆ โพสต์ลง พร้อมกับระบุชื่อเมนู ราคา คำบรรยาย และพลังงานแคลอรี่ให้ชัดเจน รับรองทั้งสนุกทั้งได้เงินแน่นอน

เคล็ดลับเพิ่มยอดขายอาหารคลีน :

พอหลังจากธุรกิจอาหารคลีนมาแรงแซงโค้ง หลายคนก็เริ่มอยากทำอาหารคลีน เพื่อหารายได้เสริมกันมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงยุคโควิด 19 ก็ยิ่งเหมาะกับเมนูอาหารเพื่อคนรักสุขภาพลดพุงเฉพาะ แต่การทำอาหารคลีนดีๆ ขายผ่านสื่อออนไลน์นั้นเราจะต้องจับธุรกิจให้ถูกทางจะช่วยให้ธุกิจของคุณเติบโตและมั่นคงในอนาคต ไม่ผิดหวังแน่นอน!

• กำหนดกลุ่มเป้าหมายชัดเจน
• นำเสนอเมนูหลากหลาย
• รสชาติดี วัตถุดิบมีคุณภาพ
• ราคาคุ้มค่า เป็นมิตร
• จัดโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้า
• ให้คำแนะนำด้านสุขภาพ
• ส่งอาหารให้ตรงเวลา
• บรรจุภัณฑ์ออกแบบดูดี
• โปรโมทอาหารให้เป็นที่รู้จัก

4. เขียนบทความออนไลน์

สำหรับใครที่กำลังหางานพาร์ทไทม์อย่าง “การเขียนบล็อก หรือเขียนบทความต่างๆ”  ไม่ว่าจะเป็นท่องเที่ยว อาหาร สุขภาพ ครอบครัว แฟชั่น หรือไลฟสไตล์ ก็สามารถขายผ่านทางออนไลน์ได้ด้วย ถึงคุณจะไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษก็ลองทำได้นะ ไม่ต้องลงทุนอะไร เพียงแค่เขียนบทความให้น่าสนใจตามสไตล์ของตัวเรา ถ้าขยันหน่อยลองทำสัก 3-4 Content ต่อสัปดาห์จะช่วยหารายได้เสริมมากขึ้น บางคนได้ถึง 1,000 บาทต่อวันเลยนะ  เอาเป็นว่าถ้าใครสนใจอยากหาอาชีพเสริมทำที่บ้านก็ลองนำบทความ พร้อมภาพสวยๆ ลงเว็บไซต์ฟรีได้เลย

เคล็ดลับเขียนบทความออนไลน์ เพื่อสร้างรายได้ :

ถ้าคุณอยากเป็นนักเขียน Content เพื่อเป็นอาชีพเสริมทําที่บ้าน ไม่จำเป็นต้องลงทุนอะไรเลย เพียงใช้เทคนิคง่ายๆ ตามนี้ก็หาเงินเลี้ยงตัวเองได้

• กำหนดวัตถุประสงค์การเขียน
• ศึกษาบทความเป็นที่นิยม
• ศึกษาข้อมูลที่จะเขียนให้เข้าใจ
• เรียนรู้การใช้คำและการใช้ภาษา
• ตั้งชื่อเรื่องให้น่าสนใจ
• ตกแต่งบทความให้น่าอ่าน (มีภาพประกอบ)
• เขียนบทความใหม่ๆ ไม่จำเจ
• มีบทสรุปให้คนอ่านติดตาม
• เผยแพร่บทความให้รู้จักมากขึ้น

แล้วหารายได้การเขียนบทความจากที่ไหน?

จริงๆ แล้วการเขียนบทความเพื่อสร้างรายได้ สามารถทำได้หลายวิธีเลย แต่สำหรับนักเขียนมือใหม่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง ลองมาศึกษาพร้อมๆ กันเลย

• สร้างบล็อกหรือสร้างเพจของตัวเอง ถ่ายทอดเนื้อหา Conntent ตามสไตล์ของตัวเอง อาจจะมีภาพประกอบ วิดีโอ และโฆษณาเพื่อหารายได้เสริม เช่น บล็อกท่องเที่ยว บล็อกอาหาร บล็อกสุขภาพ เป็นต้น
• รับเขียนบทความแบบฟรีแลนซ์ แนะนำให้สมัครจากเว็บไซต์หรือตามบริษัทรับจ้างเขียนบทความต่างๆ 
• สมัครเขียนบทความตามสื่อออนไลน์ นอกจากนี้ยังมีบทความที่รับจ้างโพสต์ตามสื่อโซเชียลมีเดีย (Social Network) เพื่อเพิ่มโอกาสในการหาเงินอีกด้วย

5. ขายประกันสุขภาพ ประกันโควิด 19

เนื่องจากทุกคนยังอยู่ในช่วงเฝ้าระวังโควิด 19  หลายคนต่างกำลังมองหาประกันสุขภาพ ประกันโควิด 19 มากขึ้น มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ สามารถเป็นตัวแทน นายหน้าขายประกันสุขภาพ หรือประกันโควิดควบคู่งานประจำได้ ทั้งนี้คุณจะได้รับรายได้จากค่าตอบแทน ยิ่งถ้าคุณขายได้มากเท่าไหร่ก็จะได้ผลตอบแทนมากขึ้น แล้วคุณยังสามารถเข้าร่วมขายประกันผ่านทางออนไลน์ในช่วงยุคโควิดอีกด้วย ถือเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้ไม่จำกัดเลยล่ะ 

เป็นตัวแทนขายประกันสุขภาพทำยังไง?

อย่างแรกจะต้องศึกษาบริษัทประกันที่ต้องการ แล้วไปสมัครเป็นตัวแทนขาย อาจจะต้องเตรียมเอกสารสำคัญ การอบรมสินค้าและระบบการทำงานภายในก่อน แล้วไปสอบใบอนุญาตขายกับประกันตามขั้นตอนที่บริษัทประกันนั้นๆ แนะนำมาให้ พอหลังจากได้รับใบอนุญาตแล้วก็สามารถขายได้เลย โดยเทคนิคการขายอาจจะขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน จะลองทำเป็นงานอดิเรกหรือสร้างรายได้เสริมก็สนุกไปอีกแบบ
หากคุณสนใจสมัครเป็นตัวแทนประกันกับ frank.co.th สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-106-5810 (จ-ศ : 9.00 - 18.00) หลังจากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่จาก Frank ติดต่อกลับอย่างเร็วที่สุด
ทั้งหมดนี้ก็คือ 5 อาชีพเสริมรายได้ในช่วงโควิด รายได้ดีไม่ขาดมือ แถมยังใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์แน่นอน นอกจากนี้หากใครที่กำลังอยู่ช่วงวิกกฤติ ตกงานกะทันหัน ก็ยังมีมาตรการจากประกันสังคม ชดเชยกรณีหยุดงาน ออกจากงาน ตกงาน จาก COVID-19 ให้ด้วยนะ อย่างน้อยจะได้ช่วยเยียวยาสู้วิกกฤติโควิดในครั้งนี้ แล้วที่สำคัญเพื่อนๆ ชาวแฟรงค์อย่าลืมดูแลตัวเอง ซื้อประกันสุขภาพ  กับ frank.co.th เพื่อให้คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกันด้วย ซึ่งวงเงินค่ารักษาจะขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณเลย ไม่ต้องจ่ายค่ารักษาแพงๆ ไม่ต้องตรวจสุขภาพ ก็รับกรมธรรม์ผ่านอีเมลทันที

The post 5 อาชีพเสริมรายได้ สำหรับมนุษย์เงินเดือนในช่วงโควิด appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. มิจฉาชีพ มักจะใช้ภาพโปรไฟล์ปลอม

ข้อนี้เป็นข้อพื้นฐานเลยครับ เนื่องจากเจ้ามิจฉาชีพออนไลน์ต้องพยายามปิดบังตัวตนที่แท้จริงของตัวเองทำให้เหล่ามิจฉาชีพมักจะใช้ภาพโปรไฟล์ปลอมในการสร้างบัญชีมาหลอกล่อเรา ซึ่ง “รูปโปรไฟล์” คือตัวจับผิดชั้นดีเลยครับ ให้เราดูที่ภาพโปรไฟล์ ถ้าพบว่าเป็นภาพการ์ตูน หรือภาพวิว ภาพดารา หมา แมว ฯลฯ ให้สงสัยไว้ก่อนเลยครับว่าเป็นมิจฉาชีพ หรือจะให้ชัวร์ ให้นำภาพโปรไฟล์ที่เราสงสัยไปค้นหาที่ https://images.google.com/ ถ้าพบว่ามีภาพเดียวกันจากที่อื่นแสดงว่าภาพที่คุณเห็นถูกก็อปมา ที่นี้ก็มั่นใจได้เลยครับ “โจร”

2. มิจฉาชีพ มักจะหลอกว่าเป็นคนจากองค์กรสำคัญ

ข้อนี้เป็นวิธีที่มิจฉาชีพใช้หากินได้ทั้งทางออนไลน์และทางโทรศัพท์เลยครับ โดยเหล่ามิจฉาชีพจะใช้วิธีปลอมบัญชีและอ้างตัวว่ามาจากองค์กรสำคัญๆ เช่น ธนาคาร ศาล หรือตำรวจ และพยายามพูดให้เราบอกข้อมูลส่วนตัวของตัวเอง ให้โอนเงิน หรือเสนอขายสินค้าให้เรา ถ้าเราไม่ยอม ก็จะขู่ว่าจะโดนฟ้อง และต้องเสียค่าปรับจำนวนมาก ถ้ามาแนวนี้ มั่นใจได้เลยครับว่าโจรแน่ เพราะหน่วยงานเหล่านี้เขาจะมีวิธีในการติดต่อเราแบบถูกกฎหมาย และไม่มีนโยบายในการขอข้อมูลของเรา ดังนั้น เรา ห้าม โอน เงิน หรือ บอก ข้อมูล ส่วน บุคคล นะครับ

3. มิจฉาชีพ จะบ่ายเบี่ยงเมื่อเราขอข้อมูล

จำไว้เลยนะครับ ทองแท้ไม่แพ้ไฟ ถ้าโดนไฟแล้วลอกนั่นคือทองปลอม เหมือนกันกับเหล่ามิจฉาชีพนั่นล่ะครับ ที่เมื่อเราพยายามสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมแล้วจะพยายามบ่ายเบี่ยง เฉไฉ ไม่ยอมให้ข้อมูล เช่น เมื่อเราขอดูภาพสินค้าเพิ่มเติม กลับส่งภาพเดิมมาให้ เมื่อเราถามเลขที่พนักงานกลับไม่ยอมบอก ไม่ยอมนัดรับสินค้า หรือเก็บเงินปลายทาง บ่ายเบี่ยงว่าไม่มีของอยู่กับตัว หรือจำไม่ได้ แบบนี้ ทองปลอมแน่ มิจฉาชีพชัวร์ เซกู๊ดบายให้ไวเลยครับ

4. มิจฉาชีพจะให้ข้อมูลที่ขัดแย้งกัน

ข้อนี้เป็นไม้เด็ดที่เราใช้จับมิจฉาชีพเลยครับ เนื่องจากมิจฉาชีพไม่ได้มีสินค้า หรือเป็นเจ้าของสินค้านั้นจริงๆ เวลาเราสอบถามข้อมูล มิจฉาชีพก็จะให้ข้อมูลที่วกไปวนมา และขัดแย้งกันเอง เช่น ขายกล้องรุ่นนึง แต่ในรายละเอียดเป็นอีกรุ่นนึง คุยกับเราเป็นอีกรุ่นนึง หรือ ชื่อเฟสเป็นคนนึง แต่ชื่อในบัญชีธนาคารเป็นอีกคนนึง ถ้ามาแนวนี้ ตีไว้ก่อนเลยครับว่า มิจฉาชีพออนไลน์แน่ๆ

5. มิจฉาชีพ จะเสนอของถูกเกินจริง

ใครๆ ก็ชอบของถูก แต่อย่าลืมว่า ของถูกไป ก็ใช่ว่าจะดีจริงเพราะ มิจฉาชีพมักจะใช้ราคาสินค้าที่ถูกกว่าในท้องตลาดมาหลอกล่อให้คนอยากได้ ดังนั้น ถ้าเราเจอคนขายที่นำเสนอสินค้าที่ราคาถูกเกินไป หรือยอมลดราคาให้ง่าย ๆ ให้เรายั้งใจไว้นิดนึง และพยายามขอดูรายละเอียดของสินค้าและผู้ขายอีกนิด ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนแย่งตัดหน้า กลัวว่าจะโดนหลอกดีกว่าครับ ถ้าไม่มั่นใจจริงๆ ก็ยอมตัดใจ ไปซื้อกับคนที่มีเครดิต มั่นใจได้ดีกว่า แม้จะแพงกว่าก็ยอมเถอะครับ เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย
และนี่ก็คือทริคจับมิจฉาชีพออนไลน์ง่าย ๆ ที่แฟรงค์นำมาเสนอ การซื้อของออนไลน์แม้จะง่าย รวดเร็ว แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะโดนคนไม่หวังดีเข้ามาฉกฉวยเอาผลประโยชน์ ดังนั้น เราควรเสริมเกราะป้องกันให้ตัวเอง ไม่ถูกหลอกง่าย ๆ นะครับ โดยเฉพาะกับสินค้าหรือบริการที่สำคัญ เช่น ประกันรถยนต์ ประกันมอไซค์ เราควรเลือกซื้อกับเจ้าที่เชื่อถือได้ อย่าง Frank.co.th นะครับ รับรองว่ามั่นใจ ได้กรมธรรม์แน่นอน

The post ซื้อของออนไลน์อย่างไรให้ปลอดภัย วิธีจับ “มิจฉาชีพ” ออนไลน์ appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. โรคหัวใจจะแน่นหน้าอกบริเวณตรงกลาง

โรคหัวใจ จะแสดงอาการเจ็บแน่นบริเวณกลางหน้าอกเหมือนมีอะไรมากดทับ ทำให้รู้สึกจุก แน่น ไม่สบายตัว บางรายอาจรุนแรงจนมีอาการปวดร้าวยาวไปถึงแขน ใครมีอาการประมาณนี้ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์นะครับ
ส่วนอกหัก จะรู้สึกเจ็บที่อกเมื่อผ่านไปยังบริเวณที่เคยอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารที่เคยมาเดท โรงหนังที่เคยมาดู สวนสาธารณะที่ขอเป็นแฟน โอ้ยย มันมีความทรงจำไปโม้ด

2. รู้สึกเหนื่อยง่าย หอบ หายใจเร็ว

จริง ๆ แล้ว อาการเหนื่อยหอบง่ายนี้เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุครับ ไม่ว่าจะเป็นโรคโลหิตจาง ความดันโลหิตสูง หรือแม้แต่เวลาเราวิตกกังวล เครียด ก็ทำให้รู้สึกเหนื่อยได้เช่นกัน โดยอาการเหนื่อยง่าย หอบ หายใจเร็วจากโรคหัวใจนั้น จะเกิดขึ้นหลังจากออกแรงหนักๆ แต่ในรายที่เป็นหนักจะรู้สึกเหนื่อยแม้หยุดออกแรงไปแล้ว โดยจะรู้สึกเหนื่อยมากจนนอนไม่ได้เพราะจะยิ่งเหนื่อยและไอ ต้องนั่งตัวตรงเท่านั้น
ส่วนอกหัก จะรู้สึกเหนื่อย หายใจเร็ว เพราะวิ่งตามเธอไม่เคยทัน เหมือนจะไกล้ แต่ยิ่งไกล อีกไกลแค่ไหนจนกว่าฉันจะใกล้ บอกที

3. ใจสั่น เต้นเร็ว เต้นผิดจังหวะ

โดยอาการใจสั่นที่ว่านี้ก็คือ หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ อัตราการเต้นไม่สม่ำเสมอ ผิดจังหวะ เพราะตามปกติแล้วหัวใจควรจะเต้นในความถี่คงที่ โดยผู้ป่วยโรคหัวใจหลายคนมักมองข้ามอาการใจสั่นนี้ เพราะเป็นอาการที่เกิดขึ้นชั่วขณะ แต่ถ้าใครรู้สึกว่าตัวเองมีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะบ่อย ๆ จู่ ๆ หัวใจเต้นเร็วทั้งๆที่ไม่ได้ออกกำลังกาย ต้องรีบไปปรึกษาแพทย์เลยครับ
เด็ก 2-6 ปี ประมาณ 75-120 ครั้ง/นาที
เด็ก 6-12 ปี ประมาณ 75-110 ครั้ง/นาที
วัยรุ่น-วัยผู้ใหญ่ ประมาณ 60-100 ครั้ง/นาที
ส่วนอกหัก จะรู้สึกใจสั่น เต้นเร็วทุกครั้งเมื่อเห็นเธอลงภาพสวีทหวานกับคนใหม่ โอ๊ย มุ้ปอรเร็วไป๊ มันเจ็บกระดองใจ

4. ขาบวม

ผู้ป่วยโรคหัวใจบางรายจะมีอาการขาบวม เนื่องจากหัวใจด้านขวาทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้เลือดจากขาไม่สามารถไหลเข้าสู่หัวใจด้านขวาได้โดยสะดวก ทำให้เลือดค้างอยู่ที่ขามากจนทำให้ขาบวมขึ้นครับ
ส่วนอกหัก ช้ำรัก จะเริ่มมีอาการขาบวม แขนบวม หน้าบวม โดยมีสาเหตุมาจากชาบู ชาไข่มุก และขนมนมเนยอื่น ๆ ที่กินเพื่อเยียวยาจิตใจให้ลืมเธอ เผลอแปปเดียว น้ำหนักขึ้นหลายโลเลยจ้า

5. มีอาการหน้ามืด วูบ

ผู้ป่วยโรคหายใจหลายคนมีประวัติหน้ามืด แต่อาการวูบนี้ ไม่รวมถึงอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุนหรือรู้สึกโคลงเครงนะครับ เพราะอาการวูบจากโรคหัวใจ จะมีอาการจะเป็นลมหรือตาลาย มองไม่เห็นภาพชัดเจน โดยมีสาเหตุมาจากอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือหยุดเต้นชั่วขณะครับ
ส่วนอกหัก จะมีอาการทุกครั้งหลังเที่ยงคืน จะเข้าไปส่องเฟสบุคของเธอ และแล้วก็หน้ามืด ส่งข้อความบอกคิดถึงไป แปปเดียวเท่านั้นแล่ะ แฟนใหม่เขาตอบกลับจ้า ฮือๆ เข้านอนแต่แรกก็จบแล้ว
โรคหัวใจ เป็นโรคที่น่ากลัวและคงไม่มีใครอยากเป็น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าก็เป็นโรคร้ายใกล้ตัวเช่นเดียวกัน ยิ่งสมัยนี้มีปัจจัยเสี่ยงมากมาย ทั้งเรื่องของอากาศ ฝุ่นพิษ ไปจนถึงอาหารการกิน แฟรงค์ก็ขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอนะครับ และถ้ามีอาการตาม 5 ข้อที่กล่าวไป ก็รีบไปปรึกษาแพทย์ด้วยนะ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย แฟรงค์ขอแนะนำประกันสุขภาพ และ ประกันโรคร้ายแรง ไว้ดูแลด้วยนะครับ ป่วยแค่ไหนก็ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย เบี้ยประกันจ่ายสบาย ทำง่าย แถมไม่ต้องตรวจสุขภาพอีกด้วย

The post เจ็บหน้าอกเป็นโรคหัวใจ vs เจ็บใจเพราะอกหัก ต่างกันยังไงนะ appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

ถูกเลิกจ้างตามปกติทั่วไป เราได้เงินทดแทนตอนที่ยังว่างงาน รับเงินชดเชย 6 ครั้ง ตลอดระยะเวลา 6 เดือน อยู่ที่ 50% ของค่าจ้างที่นำส่งเงินสมทบ 15,000 บาทไม่มากกว่านี้ครับ
สรุปว่า โดนไล่ออกจากงานเราจะได้เงินจากประกันสังคม ไม่เกิน 7,500 บาทต่อเดือน ซึ่งแต่ละเดือนได้เงินไม่เท่ากันนะจ้ะ และเรายังได้รับความคุ้มครองจากประกันสังคมต่ออีก 6 เดือน และคุณจะต้องไม่ปฏิเสธการฝึกงาน ต้องรายงานตัวออนไลน์กับเจ้าหน้าที่สำนักงานจัดหางานไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อรับเงินชดเชยครับ

โดนไล่ออกด้วย 6 สาเหตุนี้ประกันสังคมไม่จ่ายชดเชย

จริงอยู่ที่ประกันสังคมจะเยียวยาทุกอย่าง แต่ไม่ใช่ทุกเคสนะเพราะยังมีการถูกเลิกจ้างบางประการที่ประกันสังคมไม่จ่ายเงินเยียวยาอยู่นะ และ Frank.co.th ขอสรุปเล่าให้ฟังดังนี้

1. ทุจริตทำผิดกฎหมาย

“ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน” หากทุจริตต่อหน้าที่กระทำผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง ข้อบทกฎหมายนี้ตีความค่อนข้างกว้างเลยครับ ส่วนใหญ่จะหมายความถึง พนักงานที่โกงเงิน การแสวงหาผลประโยชน์กับบริษัทฯ หรือยักยอกเงินบริษัทฯ ไปเป็นเงินของตัวเอง ถือเป็นการทำทุจริตผิดกฎหมายหากถูกจับได้ก็ต้องโดนดำเนินคดีอยู่แล้ว หากคุณผิดและโดนให้ออกจากงานเพราะกรณีนี้หมดหวังได้เงินชดเชยประกันสังคมครับ

2. จงใจทำให้บริษัทฯ เสียหาย

แปลตรงตัวเลยครับ หากพนักงานมีเจตนาจงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย ถ้าโดนไล่ออกแบบนี้ประกันสังคมไม่จ่ายเช่นกัน

3. ฝ่าฝืนข้อบังคับร้ายแรง

เชิงตีความค่อนข้างอธิบายยากเหมือนกันนะครับ เนื่องจากขึ้นอยู่กับการพิจารณาเป็นหลักเลยแหละ ฝ่าฝืนข้อบังคับ หรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงาน หรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายในกรณีร้ายแรง ในกรณีทำผิดระเบียบหรือฝ่าฝืนผิดปกติธรรมดา นายจ้างจะต้องส่งจดหมายตักเตือนเป็นหนังสือก่อน หากยังทำผิดซ้ำ ตรงนี้นายจ้างถึงจะมีสิทธิ์เลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชยได้

4. ไม่มาทำงานติดต่อกัน 7 วัน

อยู่ดี ๆ ก็หายไลน์ไม่ตอบ หายยาวหายไปเลย 1 สัปดาห์ ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลา 7 วันทำงานติดต่อกัน โดยไม่เหตุอันควร กรณีนี้ก็จะโดนให้ออกจากงาน อดได้เงินชดเชยว่างงานนะคร้าบ เป็นเรื่องไม่ดี ไม่ควรทำ เพราะส่งผลเสียประวัติการทำงานด้วยนะ

5. ประมาทเลินเล่อ

กรณีถูกให้ออกจากงาน เพราะประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง ประกันสังคมอาจจะไม่จ่ายค่าชดเชยให้คุณนะครับ ด้วยภาษากฎหมายอาจจะเข้าใจยากไปหน่อยว่า “ประมาทเลินเล่อ” มันคืออะไรกันแน่ และบางครั้งนายจ้างใช้กล่าวอ้างเพื่อเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ไม่จ่ายเงินเดือน 
เอาเป็นว่า เพื่อความชัดเจน Frank.co.th ขอหยิบยกบทความของคุณพรเทพ ทวีกาญจน์ ผู้บริหารสำนักทรัพยากรบุคคล บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ที่บอกเล่าเรื่องราวไว้ว่า  คำว่า “ประมาทเลินเล่อ” หมายถึง การกระทำซึ่งบุคคลพึงคาดหมายได้ว่าอาจก่อให้เกิดความเสียหายขึ้น และหากใช้ความระมัดระวังเพียงเล็กน้อยก็อาจป้องกันมิให้เกิดความ เสียหายได้แต่กลับละเลย 
แปลง่าย ๆ คือ ประมาทเลินเล่อเนี้ยะ คือ การที่รู้ว่าจะเกิดความเสียหาย แต่ก็ยังทำ  ปล่อยละเลยตามยถากรรม ไม่แคร์ ปล่อยให้เสียหายแก่ชีวิต และทรัพย์สิน จนทำให้นายจ้างเสียหายร้ายแรงครับ 
ตัวอย่าง พนักงานขับรถผู้บริหารตั้งใจขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดจนทำให้เกิดความเสียหาย และทำให้ผู้บริหารบาดเจ็บครับ หากโดนให้ออกงานด้วยกรณีนี้ ประกันสังคมอาจจะไม่จ่ายค่าชดเชยให้คุณนะ

6. ติดคุก

แน่นอนว่า ถ้าต้องโทษคดี และได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษา ไม่สามารถรับเงินชดเชยลาออกจากงาน หรือชดเชยว่างงานได้นะครับ ข้อนี้คงเข้าใจกันดีไม่ต้องอธิบายให้ยืดยาวเนาะ และทั้งหมดนี้ก็เป็นกรณีศึกษาที่ไม่ควรทำ เกี่ยวกับการโดนไล่ออกประกันสังคมไม่จ่ายครับผม หากสนใจอ่านบทความอื่น ๆ Frank.co.th ก็มีไว้ให้คุณนะ  
ขอบคุณข้อมูลจาก sso.go.th,tpa.or.th, jobbkk.com

The post โดนไล่ออกแบบไหน ? ประกันสังคมไม่จ่ายค่าชดเชย appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1.โรคกระเพาะอาหารอักเสบ

โรคกระเพาะอาหารอักเสบ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า โรคกระเพาะ เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบหรือเกิดการระคายเคืองบริเวณเยื่อบุภายในกระเพาะอาหาร โดยโรคนี้ถือเป็นโรคยอดฮิตของคนวัยทำงานอันดับต้นๆ เลยครับ ซึ่งสาเหตุก็มาจากคนวัยทำงานมักจะทานอาหารไม่ตรงเวลา บางครั้งก็ทำงานจนลืมวันลืมคืน ลืมทานอาหารจนทำให้เป็นโรคกระเพาะกันมากมายเหลือเกิน โดยอาการของโรคกระเพาะ จะมีอาการปวดท้องกลางท้องช่วงบน ลักษณะการปวดคือรู้สึกปวดแน่น หรือแสบร้อน ซึ่งหากไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการกินให้ตรงเวลา อาจทำให้เรื้อรังจนเกิดอาการแทรกซ้อนและรุนแรงขึ้นก็ได้ครับ
ซึ่งวิธีดูแลสุขภาพ ให้วัยทำงานมีสุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นโรคกระเพาะอาหารก็ง่ายๆ ครับ “ทานอาหารเป็นเวลา” เพื่อให้ระบบย่อยอาหารสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ถ้าไม่มีเวลา ตื่นเช้ามาก็ต้องรีบไปทำงานแล้ว ก็ติดอาหารทานง่าย เช่น แซนด์วิชไว้รองท้องก็ได้ครับ แต่ต้องทานให้เป็นเวลา และสม่ำเสมอนะ
 

2.โรคอ้วน

ที่คนวัยทำงานหลายคนเป็นโรคอ้วน สาเหตุก็มาจากความเร่งรีบ ทำให้อาหารที่ได้รับความนิยมในหนุ่มสาวชาวออฟฟิศมักเป็นอาหารฟาสต์ฟูดที่มีแป้งและไขมันเป็นส่วนประกอบหลัก เช่น หมูปิ้ง ไก่ทอด น้ำอัดลม ยิ่งถ้าใครไม่มีเวลาไปออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาด้วยแล้ว มีสิทธิ์เป็นโรคอ้วนได้แบบไม่รู้ตัวเลยครับ ซึ่งโรคอ้วนไม่ได้หมายถึงน้ำหนักตัวหรือไขมันที่เพิ่มขึ้นอย่างเดียวนะครับ แต่คือการที่ดัชนีมวลกายและปริมาณไขมันสะสมในร่างกายมากจนเกิดค่ามาตรฐาน ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นโรคอื่นๆ แทรกซ้อนตามมา พูดง่ายๆ คือ โรคอ้วน ไม่ได้อันตรายเท่าโรคอื่นๆ ที่อาจแทรกซ้อนเข้ามาหรอกครับ ทั้งโรค ไขมันพอกตับ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน และอื่นๆ อีกมากมาย 
 
ซึ่งวิธีดูแลสุขภาพ ให้วัยทำงานมีสุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นโรคอ้วนก็ได้แก่การเลือกทานอาหารให้มีประโยชน์ครับ ลดแป้ง ลดน้ำตาล ลดน้ำอัดลมหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์สูง ออกกำลังกาย ดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อขับสารพิษและปรับสมดุลให้ร่างกาย
 

3.โรคจาก "ความเครียด

ปฏิเสธไม่ได้ว่าความเครียดเป็นเรื่องที่คู่กับวัยทำงาน ไม่ว่าจะเครียดจากเรื่องงาน ความสัมพันธ์ ความรับผิดชอบ ทำให้คนวัยทำงานหลายคนประสบปัญหาโรคเครียดกันไม่น้อย ซึ่งความเครียดนี้ส่งผลกระทบกับร่างกายและสุขภาพมากกว่าที่เราคิดนะครับ เพราะเมื่อเราเครียดร่างกายจะตอบสนองด้วยการหลั่งฮอร์โมน ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ หัวใจเต้นเร็ว แน่นท้อง มือเท้าเย็น ซึ่งถ้ามากจนเกินไป หรือเรื้อรังจะทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมาๆ เช่น โรคทางเดินอาหาร โรคปวดศีรษะไมเกรน ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ ไปจนถึงเกิดอาการวิตกกังวล ร้องไห้ ซึมเศร้า ท้อแท้ ซึ่งอาจนำไปสู่การเป็นโรคซึมเศร้าและการฆ่าตัวตายได้ครับ
 
ที่โรคเครียดเป็นอันตรายอย่างมาก เพราะความเครียดเป็นสิ่งที่ทุกคนพบเจอได้ในชีวิตประจำวัน ทำให้โรคเครียดอาจค่อยๆ สะสมและก่อตัวอยู่โดยที่เราไม่รู้ก็เป็นได้ครับ ดังนั้น วิธีดูแลสุขภาพ ให้วัยทำงานมีสุขภาพแข็งแรง ไม่ให้ความเครียดทำร้ายเราได้นั้นก็ได้แก่การผ่อนคลายจิตใจ ฟังเพลง อ่านหนังสือ ไม่หักโหมงานจนเกินไป หรือเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ
 

4.จอประสาทตาเสื่อม

วัยทำงาน โดยเฉพาะมนุษย์ออฟฟิศที่ต้องทำงานกับคอมพิวเตอร์ การจ้องคอมนานๆ นั้นส่งผลกระทบกับดวงตาของเรามากกว่าที่เราคิดนะครับ บางคนทำงานไปซักพัก เริ่มมองไม่ชัด ก็คิดไปว่าตัวเองสายตาสั้น แต่ที่จริงแล้ว สายตาสั้นกับโรค “จอประสาทตาเสื่อม” นั้นมีความใกล้เคียงกันอย่างมากครับ ซึ่งอาการของโรคจอประสาทตาเสื่อมคือ จะรู้สึกว่าดวงตามองไม่ชัดเจน ตามัว อ่านหนังสือลำบาก หนักเข้าก็เห็นภาพบิดเบี้ยว หรือมีจุดดำบังกลางตา ซึ่งอาจลุกลามจนถึงขั้นตาบอดเลยก็เป็นได้ครับ
 
ซึ่งวิธีดูแลสุขภาพ ให้วัยทำงานมีสุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมก็ได้แก่ ทำการปรับความสว่างและตำแหน่งของหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม พักสายตาเป็นระยะๆ  หรือทานผลไม้ที่มี สารแอนโธไซยานิน ที่มีอยู่ในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น บิลเบอร์รี่ แบลคเคอร์แรนท์ อะซาอิเบอร์รี่ สตอร์เบอร์รี่ โดยสารแอนโธไซยานินจะช่วยต้านการเกิดอนุมูลอิสระที่เซลล์ของจอประสาทตา เพื่อป้องกันการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมนั่นเองครับ
 

5.โรคออฟฟิศซินโดรม

ถ้าพูดถึงโรคที่คนวัยทำงานหรือมนุษย์ออฟฟิศเป็นบ่อย จะไม่มีโรคออฟฟิศซินโดรมก็คงเป็นไปไม่ได้ ออฟฟิศซินโดรมคืออาการที่มักเกิดขึ้นกับคนทำงานออฟฟิศที่ต้องนั่งหน้าคอมติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ จนส่งผลกระทบต่อระบบกระดูก ระบบกล้ามเนื้อ ไปจนถึงระบบย่อยอาหารและการมองเห็น โดยอาการของออฟฟิศซินโดรมที่พบบ่อยที่สุดคือปวดตึงที่คอ บ่า หลัง หนักขึ้นอาจเกิดอาการระบบประสาทถูกกดทับซึ่งนำไปสู่โรคร้ายอื่นๆ ตามมาได้ เป็นภัยร้ายที่มนุษย์ออฟฟิศทุกคนต้องกลัวเลยนะครับ
ซึ่งวิธีดูแลสุขภาพ ให้วัยทำงานมีสุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นโรคออฟฟิศซินโดรมก็ได้แก่ การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อ ปรับโต๊ะและเก้าอี้ให้สามารถนั่งทำงานในท่าที่สบายที่สุด และควรเปลี่ยนอริยาบถทุกๆ 1 ชั่วโมงครับบ
และนี่ก็คือ 5 โรคยอดฮิตคนวัยทำงานและวิธีป้องกัน ที่แฟรงค์นำมาเสนอเพื่อให้เพื่อนๆ วัยทำงานได้ปรับพฤติกรรมเพื่อจะได้มีสุขภาพดีๆ มีแรงทำงานที่เรารักไปได้อีกนาน และที่สำคัญ เพื่อนๆ วัยทำงานทุกคนควรมีประกันสุขภาพไว้ เพื่อดูแลยามเจ็บป่วยด้วยนะครับ 
 

The post 5 โรคยอดฮิตคนวัยทำงานและวิธีป้องกัน appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. อย่าปล่อยให้โต๊ะรก

ถ้าอยากให้ “Money money come come.” มาเลยเงินมา ๆ หากโต๊ะทำงานรกราวกับอยู่ในป่าลึกนี่ไม่ใช่เรื่องดีของคุณแน่ ๆ ดังนั้น การจัดโต๊ะให้สะอาดเรียบร้อย จะช่วยให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น หยิบจับอะไรก็ง่าย ดูก็สบายตา รับรองว่า ทำงานได้ลื่นไหลไม่ต้องเหนื่อยหาข้าวของ ยิ่งทำให้เราทำงานได้ไว เรียกทรัพย์ได้แน่นอน

2. ลูกแก้วเรียกทรัพย์

ไม่เชื่อก็ต้องลองนะครับ การนำลูกแก้วเรียกทรัพย์วางไว้บนโต๊ะ ช่วยเสริมดวงได้เหมือนกัน ตรงนี้แฟรงค์ลองมาด้วยตัวเองแล้วก็ถือว่า เรียกเงินทองได้ดีเลยล่ะ แต่ต้องวางในตำแหน่งที่ไกลจากมือเอาไว้ก่อน เพื่อป้องกันการปัดลูกแก้วหล่นแตกเศษแก้วบาดมือ หรือตำเท้าของเราได้ต้องระวังนะครับ ซึ่งเคสนี้แม้จะเบิกประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลเพื่อรักษาได้ก็ตาม แต่แฟรงค์ก็เป็นห่วงอยู่ดี 

3. อะไรที่หมดแล้วต้องทิ้ง

อย่าปล่อยดินสอหัก ปากกาหมึกหมด เศษกระดาษ ขยะ ถุงขนมกินแล้ว แก้วน้ำไม่ได้ล้าง ไม่ควรวางบนโต๊ะทำงาน จริง ๆ ไม่ได้มีนัยยะเสริมอะไรมากมายเลยครับ เพื่อความสะดวก และความสะอาด รวมทั้งดีต่อสุขอนามัยของคุณล้วน ๆ เพราะสุขภาพดีย่อมนำพามาซึ่งเงินทองถูกไหมละ

4. หนังสือ เอกสาร หรือชั้นวางควรวางซ้ายมือ

เชื่อกันว่ามุมโต๊ะด้านซ้ายคือมุมแห่งการเสริมพลังความรู้  อะไรที่ไม่ได้ใช้งานทุกวัน นาน ๆ หยิบมาใช้ที เช่น หนังสือ เอกสารอื่น ๆ หรือชั้นหนังสือควรวางไว้ทางซ้ายมือ (สำหรับคนถนัดขวา) ส่วนคนถนัดซ้ายอาจจะต้องเปลี่ยนมาไว้ทางด้านขวานะครับ เพื่อความสะดวกเนาะ ถามว่าทำไมการจัดโต๊ะแบบนี้ช่วยเรียกเงินทองได้ก็เพราะว่าโต๊ะทำงานที่เก็บเอกสารไว้ชัดเจน ทำให้หยิบจับง่าย ประสานงานได้สะดวกไงล่ะ ไม่ติดขัด สมองโลดแล่น พอมีงานเข้ามาก็สามารถปิด Job สร้างรายได้สบาย ๆ 

5. ของใช้บ่อยให้วางไว้ด้านขวา

บนโต๊ะทำงานเยื้องทางด้านขวา ควรจะวางของใช้บ่อย ๆ ไว้ตรงนั้นครับ เช่น กล่องใส่ดินสอ โทรศัพท์ประจำโต๊ะ สมุดจดประจำวัน จุดติดโพสต์อิทเตือนเหตุการณ์สำคัญ หรือบางคนอาจจะมีหน้าจอคอมพิวเตอร์วางไว้ตรงขวามือก็ได้ครับ รับรองทำงานสะดวกเยอะ 

6. สายไฟต้องเก็บให้เป็นระเบียบ

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะครับ การจัดสายไฟให้เป็นระเบียบช่วยได้จริงนะ โดยเฉพาะสายไฟโน๊ตบุ๊ก สายไฟคอมพิวเตอร์ สายชาร์จมือถือ สายไฟอื่น ๆ ที่วางบนโต๊ะ ถ้าเราเดินสายให้เป็นระเบียบสะอาดตา จะช่วยให้การงาน การเงินราบรื่นทันทีอย่างบอกไม่ถูก !! แฟรงค์ลองมาแล้ว
และนี้ก็เป็นการจัดโต๊ะทำงาน เสริมฮวงจุ้ยโต๊ะทำงาน ทำแล้วเรียกทรัพย์ ไม่ต้องเปย์เยอะ ใครมีวิธีเสริมดวงยังไงบอกแฟรงค์ได้นะ จะได้ลองเอาไปทำมั้ง อิอิ 
Content by Butter Cutter
Artwork by Kamonwan Wongchai

The post จัดฮวงจุ้ยโต๊ะทำงาน ทำแล้วเรียกทรัพย์ ! appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. จู่ ๆ ก็ไฟไหม้

ว่ากันว่า “ไฟไหม้เกมซิมส์มีที่มา” ย้อนไปตอนแรกบ้านของวิล ไวลท์ ( Will Wright) นักสร้างและนักออกแบบเกมได้ถูกไฟไหม้ โชคดีที่เขาและครอบครัวรอดชีวิต และนี่ทำให้วิลได้ไอเดียสร้างเกม Sims เอาสิหน่ะ
เชฟกระทะเหล็กหรอก็ทำไมได้ กอร์ดอน แรมซีย์หรอก็อย่าหวังว่าจะเป็นแบบชาวซิมส์ได้ เพราะไม่ว่าจะทำอาหารยังไง หากมีทักษะไม่เพียงพอ เลือกทำเมนูยาก แบบไหนก็ไฟไหม้ได้เสมอ และสถานการณ์ไฟไหม้ของซิมส์เนี้ยะแทบจะเป็นเรื่องใหญ่เลยนะ เพราะพวกเขาจะเอาแต่ตะโกน วิ่งร้องโหวกเหวก ดีไม่ดีโดนไฟคลอกตายอีก หรือจะวางเตาผิงไฟไว้ใกล้พรมไฟก็ไหม้อีก !!

“ป้าดติโธะ !” ถึงจะติดเครื่องเตือนไฟไหม้ให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาช่วย หรือบางทีดับไฟเองก็ไม่ทัน และบางครั้งจะโทรศัพท์ก็ไม่ทันอีก ทำให้ซิมส์ของเราลาโลกเพราะไฟไหม้ครัวล่ะจ้า
ในชีวิตจริงก็เหมือนกันครับ เหตุไฟไหม้เนี้ยะเกิดขึ้นได้กับทุกครัวเรือนเลยนะ หากเราลืมปิดแก๊ส หรือจุดเทียนไว้แล้วไม่ได้เฝ้า สายไฟลัดวงจร รวมทั้งอื่น ๆ ก็เป็นสาเหตุการเกิดไฟไหม้ได้ทั้งนั้น อ้างอิงจากข่าวมติชนออนไลน์ระบุว่า “กทม.ตรวจละเอียดพื้นที่ไฟไหม้ ชี้ ปี 2560-2562 ไหม้อาคารแล้ว 739 ครั้ง ตาย 35 คน” เป็นสถิติที่ไม่น้อยเลยนะ เอาเป็นว่า เล่นเกมเสร็จก็ต้องดูแลทรัพย์สินในบ้านให้ดีล่ะ สายไฟเก่าก็ต้องเปลี่ยน จุดธูป จุดเทียนไว้ตรงไหนก็ต้องเฝ้า ปลั๊กพ่วงก็ควรเลือกที่มีคุณภาพดีป้องกันไฟลัดวงจรไว้ก่อน ช่วย ๆ กันเช็กป้องกันเหตุไฟไหม้ครับ 

2. ดึกดื่นเดี๋ยวก็โจรขึ้นบ้าน

เพราะเกมซิมส์เป็นอีกเกมที่จำลองชีวิตมนุษย์ไว้ให้เล่นและเราต้องพบกับสถานการณ์ย่องเบาของเหล่าโจร !! เออ เข้าได้เข้าดี และซิมส์ของเราก็หลับเก่ง โจรมาก็ทำอะไรไม่ได้ ยกทั้งคอมพิวเตอร์ จอโทรทัศน์ ยกทุกอย่างที่แพง ๆ ยกหมด ยกแบบไม่แคร์อะไรทั้งนั้น
ไม่ว่าคุณจะติดเครื่องกันขโมยราคาแพงติดไว้หน้าบ้าน หรือยังไงก็ตาม โอกาสจับโจรได้มีน้อยมาก ๆ แหม่… ขนาดในเกมยังเสี่ยง ชีวิตจริงก็เสี่ยงขโมยขึ้นบ้านนะครับ จะอ่าน 12 วิธีป้องกันจอมโจรขึ้นบ้านอย่างชาญฉลาด หรือจะซื้อประกันบ้านและทรัพย์สินไว้ดูแลก็ได้ครับ

3. เจอเอเลี่ยน หรืออาจถูกเอเลี่ยนลักพาตัว

เหตุการณ์เหลือเชื่อจากเกมเดอะซิมส์มีอยู่จริงกับเหตุเอเลี่ยนนี่แหละ หากดึก ๆ คุณไม่หลับไม่นอน รับรองว่าเจอเอเลี่ยน โดยเฉพาะชาวซิมส์ที่ชอบใช้กล้องดูดาวตั้งแต่เวลา 1 ทุ่มถึงตี 2 มีโอกาสจะโดนเหล่าเอเลี่ยนลักพาตัวด้วย บางครั้ง The Sims 5 มีบัคในเกมครับ!! ซิมส์เพศชายตั้งท้องกับเอเลี่ยนได้ด้วย งื้อ สำหรับเคสมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวนี้ ปัจจุบัน ยังไม่มีประกันคุ้มครองนะครับ 

4. ชาวซิมส์ได้เป่ายิงชุบกับยมทูตตัวเป็น ๆ 

"ยัน ยิง เยา ปั๊กกะเป้า ยิ้งงงงงงงงง ชุ๊ป" การเล่นเกมซิมส์ถึงจุดหนึ่งคุณจะได้เจอกับยมทูต หรือกริมม์ ริปเปอร์สวมใส่ชุดดำมีผ้าคลุมยาว ส่วนใหญ่เราจะได้เป่ายิงชุบอ้อนวอนชีวิตกับยูมะท้ม เอ้ย ยมทูตอ่ะแหละ เป่ายิ้งชุปแพ้ก็ตายจริง ชนะก็ได้ฟื้น เห็นว่า The Sims 4 สามารถพายมทูตมาอยู่บ้านได้ด้วย ก็แปลกไปอีกแบบดีนะ มีรูมเมทเป็นยมฑูตเหมือนอยู่ในซีรีย์ก็อบลิน (Gobiln) เลย อิอิ พูดแล้วก็นึกถึง ยมทูตสุดหล่ออย่างอีดงอุกขึ้นมาเลยจ้า

5. ไม่ว่าอะไรจะพัง ช่างก็เรียกค่าซ่อม 10 เหรียญ

“มีอะไร มันพัง ไป เชิญเอามาที่เรา หนักเบาเราซ่อม ได้ (จะซ่อมให้)” เปิดด้วยเพลงของพี่เบิร์ดเลยจ้ะ เพราะถ้าเครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรพังจ่ายค่าซ่อมเหมา ๆ 10 เหรียญ นี่เป็นความพิเศษของช่างชาวซิมส์ แต่ชีวิตจริงไม่ใช่แบบนั้นนะจ้ะ อิอิ หากเราเป็นหนุ่มโสดที่พอมีฝีมือซ่อมเบื้องต้นคงไม่น่ากังวล 

หากเราเป็นสาวโสดที่ไม่รู้วิธีซ่อม แถมไม่รู้จักช่างเชี่ยวชาญยิ่งแย่เลย แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ประกันบ้านและทรัพย์สินจาก AIG ช่วยคุณได้นะครับ ด้วยบริการ Home Assistance มอบสิทธิประโยชน์ 

• บริการช่างซ่อมไฟฉุกเฉิน
• บริการช่างซ่อมประปะฉุกเฉิน
• บริการช่างซ่อมกุญแจ
• บริการช่างซ่อมเครื่องปรับอากาศฉุกเฉิน
• บริการขจัดสัตว์ดุร้ายรบกวน
• บริการซ่อมหลังคาและเพดาน
• และยังมีบริการอื่น ๆ 

โดยความคุ้มครองเบื้องต้นของ Home Assistance รับประกันโดย AIG ครอบคลุมค่าบริการและค่าเดินทางของช่างสูงสุดไม่เกิน 1,500 บาท/ครั้ง และจํากัด 2 ครั้ง/ปีครับ
นี้เป็นเรื่องราวของเกมส์ซิมส์ที่เกมเมอร์ต้องเจอเป็นประจำ หากเล่นเกมพลาดเรายังเล่นใหม่ได้ แต่ชีวิตจริงเราไม่ได้มีสูตร motherload หากเกิดเรื่องราวเล่ามาข้างต้นคงจะขำไม่ออกนะครับ ดังนั้น การมีประกันบ้านและทรัพย์สินไว้ดูแลเบื้องต้นก็เป็นเรื่องที่ไม่เสียหายนะ อ่านเคล็ดลับประกันบ้านก่อนทำก็ได้ครับ 
ขอบคุณ matichon.co.th, oknation.nationtv.tv, thaithesims3.com
Content by Butter Cutter
Artwork by Pimvipar Upatampaganon

The post 5 เหตุสุดเงิบที่คนเล่นเกม The Sims ต้องเคยโดน! appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. วางแผนจ่ายบิลให้คุ้ม!

ก่อนวางแผนออมเงิน ดูก่อนว่าเหลือเงินให้ออมเท่าไหร่ แน่นอนว่าการจ่ายบิลเป็นเรื่องที่คนวัยทำงานทุกคนต้องพบเจอ ไม่ว่าจะเป็นบิลค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าโทรศัพท์ ไปจนถึงค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่น ๆ ที่ต้องจ่ายเป็นประจำทุกเดือนอยู่แล้ว ซึ่งถ้าคุณวางแผนจ่ายบิลดี ๆ คุณจะพบว่ามีหลายวิธีมากที่จะช่วยให้คุณได้ประหยัดเงินเพิ่มขึ้น เช่น การจ่ายค่าน้ำค่าไฟผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ หรือการตัดผ่านบัตรเครดิต ที่จะมีส่วนลดหรือเงินคืนให้คุณทุกครั้งที่ชำระบิล จ่ายบิลตรงเวลา ได้ประหยัดเงิน แถมยังสะดวก ลดค่าใช้จ่ายแอบแฝงตอนออกจากบ้านไปจ่ายอีกด้วย ทีนี้หล่ะ คุณก็จะมีเงินไว้ออมมากขึ้นแล้ว

2. ออมก่อนใช้ ท่องไว้เสมอ

คิดว่าเงินเหลือแล้วค่อยออม ปรากฏว่า ไม่เหลือให้ออมซักเดือน ดังนั้น วิธีการเก็บเงินที่ถูกต้องคือเมื่อเงินเดือนออก ให้เรากันเงินส่วนหนึ่งมาออมไว้ทันทีครับ โดยสูตรทั่วไปที่คนนิยมคือ เงินออมขั้นต่ำ = 10% ของรายได้ ซึ่งแฟรงค์แนะนำว่าถ้าใครไหวจะออมเงินมากกว่า 10% ของรายได้ก็ดีเลยนะครับ แต่ข้อสำคัญของการออมก่อนใช้คือ ห้ามนำเงินออมนี้ออกมาใช้เด็ดขาด เก็บแล้วเก็บเลย เปรียบเหมือนใส่ตุ่มฝังดินอย่างไงอย่างงั้นครับ 
หรือถ้าบริษัทฯ ไหนมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ๆ ก็ควรทำนะครับ เพราะเก็บสะสมต่อเนื่องบริษัทจะมีเงินสมทบให้เราด้วย 

3. บันทึกก่อนจ่ายทุกครั้ง

รู้หรือไม่ ว่าสาเหตุหลักของการเก็บเงินไม่อยู่ เพราะไม่รู้ว่าวัน ๆ หนึ่งเราใช้เงินไปกับอะไรบ้าง ซึ่งการบันทึกรายรับรายจ่ายจะช่วยเราเช็กพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินของเรา บางคนไม่ได้ซื้อของแพง ๆ เลย แต่ก็ไม่รู้ว่าเก็บเงินไม่อยู่เพราะอะไร พอทำบันทึกรายรับรายจ่ายเท่านั้นแหละ พบว่าตนเป็นคนซื้อของจุกจิกเยอะมาก ชิ้นละร้อย ชิ้นละสองร้อย แต่หลายชิ้น รวม ๆ กัน รู้ตัวอีกทีก็หมดเงินไปหลายพันแล้ว ซึ่งการบันทึกรายรับรายจ่ายจะช่วยเตือนให้เรารู้ว่า เดือนนี้เราเสียเงินไปเท่าไหร่ เสียไปกับอะไร และช่วยให้เราตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้ง่ายขึ้น

4. บัตรเครดิต ใช้ถูกวิธีมีแต่ได้

เชื่อว่าหลายคนคงมีบัตรเครดิตไว้รูดจับจ่ายซื้อของ แต่รู้หรือไม่ว่า บัตรเครดิต ถ้าใช้อย่างถูกวิธีนั้นมีแต่ได้กับได้ แถมจะช่วยให้เราออมเงินได้อีกด้วย เพราะบัตรเครดิตหลายเจ้ามักมีโปรโมชั่นพิเศษให้ลูกค้า เช่น ซื้อของพร้อมรับเครดิตเงินคืน หรือมีโปรโมชั่นส่วนลดต่าง ๆ เช่น ส่วนลดตั๋วหนัง ร้านอาหาร ร้านกาแฟ จองโรงแรม ฟิตเนส และอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้น เช็กด่วนเลยว่าบัตรที่คุณมีโปรอะไรให้ใช้บ้าง แค่นี้ จะกินสตาร์บัคปลายเดือน หรือตีตั๋วดูหนังฟิน ๆ แบบมีเงินเหลือก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไปแล้ว แต่อย่าลืมว่า ต้องใช้บัตรเครดิตอย่างมีสติ และจ่ายบิลตามกำหนดทุกเดือนนะครับ

5. อย่าลืมลงทุนกับประกันภัย

เก็บเงินมาทั้งปี เจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุครั้งเดียว เงินที่เก็บมาทั้งหมดก็มลายหายไปกับค่ารักษา คำพูดนี้เป็นความจริงนะครับ เพราะเราไม่รู้ว่าอุบัติเหตุหรืออาการเจ็บป่วยจะมาถึงตัวเมื่อไหร่ และเมื่อมาถึง แน่นอนว่ารายจ่ายต้องเพิ่มขึ้น ทั้งค่ายา รักษาพยาบาล ค่าเสียหาย (เช่น ค่าซ่อมรถ) ไม่รวมถึงการขาดหายไปของรายได้อีก เรียกได้ว่า เก็บเงินมาได้ทั้งปี ก็หมดได้ในวันเดียวเลย ดังนั้นเราควรมีประกันภัยไว้เพื่อดูแลเมื่อภัยมาด้วยครับ
และถ้าจะให้ดีที่สุด ก็ทำประกันภัยที่คุ้มครองอุ่นใจพร้อมมีสิทธิพิเศษมากมาย เหมือนที่ Frank.co.th มี เพนกวิน พริวิเลจ (Penguin Privilege) สิทธิพิเศษ ลด แลก แจก แถม ทั้งที่พัก เปลี่ยนยาง เช่ารถ ช็อปปิ้งเสื้อผ้าเครื่องสำอาง ส่งของ จองทัวร์ สั่งอาหาร ให้คุณได้เลือกใช้แบบเต็มอิ่มตลอดทั้งปี ประหยัดได้ มีเงินเก็บ แถมชีวิตดี๊ดีอีก 

The post วัยทำงาน เก็บเงินอย่างไรให้ชีวิตดี๊ดีแต่มีเงินออม appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

“อาจจะงง อาจจะสับสน ?”

หากใครที่ต้องการทำความเข้าใจประกันสังคมให้มากขึ้นว่า ระหว่างประกันสังคมมาตรา 39 กับ 40 ต่างกันอย่างไร? แฟรงค์มีมาเล่าให้ฟังแบบชัด ๆ ตามนี้
คุณอาจสนใจ : โควิด-19 ทำให้ต้องหยุดงาน ออกจากงาน ประกันสังคมช่วยเหลืออย่างไรบ้าง?

ประกันสังคม มาตรา 39

สำหรับประกันสังคมมาตรา 39 เป็นประกันสังคมผู้ประกันตนโดยสมัครใจ กล่าวคือ ทำเองหลังจากลาออกจากงาน ไม่ทำงานประจำแล้ว และคุณเคยขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตน มาตรา 33 เคยเป็นลูกจ้างที่ส่งเงินให้กับประกันสังคมอยู่แล้ว 
คุณสามารถยื่นสมัครประกันสังคมมาตรา 39 ได้ภายใน 6 เดือนหลังจากวันลาออกจากงานประจำครับ จะต้องนำส่งเงินประกันสังคมเดือนละ 432 บาท  ทุกๆ วันที่ 15 ของเดือน สามารถหักจากบัญชีธนาคาร หรือจะจ่ายผ่านเคาท์เตอร์เซอร์วิสเองก็ได้
ถ้าสงสัยว่า ผู้ประกันตนประกันสังคมมาตรา 39 จะได้รับความคุ้มครองอะไรบ้าง มีดังนี้ 

• กรณีเจ็บป่วย 
• กรณีคลอดบุตร 
• กรณีทุพพลภาพ 
• กรณีเสียชีวิต 
• กรณีสงเคราะห์บุตร
• กรณีชราภาพ

และคุณจะสมัครประกันสังคมมาตรา 39 นี้ได้ จะต้องส่งประกันสังคมตามมาตรา 33 อย่างน้อย 12 เดือน หรือ 1 ปีนะจ้ะ บทความที่คุณอาจจะสนใจหากต้องลาออกจากงานขอเงินชดเชยประกันสังคมกรณีลาออก ต้องทำไง ? สรุปมาให้แล้ว

ประกันสังคม มาตรา 40

ถึงคิวประกันสังคมมาตรา 40 ซึ่งเป็นประกันที่เปิดให้แรงงานนอกระบบ เช่น ผู้ใช้แรงงาน พ่อค้าแม่ขาย ฯลฯ ได้มีความคุ้มครองจากภาครัฐเพิ่มเติม รวมทั้งผู้พิการก็สามารถสมัครได้ แต่จะต้องอยู่ในเงื่อนไขสิทธิประกันสังคมนะครับ จะต้องไม่เคยเป็นผู้ประกันตนประกันสังคมมาตรา 39 และประกันสังคมมาตรา 40 มาก่อน 
โดยการจ่ายเงินสมทบประกันสังคมมาตรา 40 สามารถเลือกได้ว่าจะจ่ายยังไง ?

• ทางเลือกที่ 1 จ่ายสมทบเดือนละ 70 บาท (จ่ายปีละ 840 บาท) จะได้รับความคุ้มครอง กรณีเจ็บป่วย ประสบอุบัติเหตุ กรณีทุพพลภาพ กรณีเสียชีวิต 
• ทางเลือกที่ 2 จ่ายสมทบเดือนละ 100 บาท (จ่ายปีละ 1,200 บาท) กรณีเจ็บป่วย ประสบอุบัติเหตุ กรณีทุพพลภาพ กรณีเสียชีวิต รวมทั้งกรณีชราภาพ
• ทางเลือกที่ 3 จ่ายสมทบเดือนละ 300 บาท (จ่ายปีละ 3,600 บาท) กรณีเจ็บป่วย ประสบอุบัติเหตุ กรณีทุพพลภาพ กรณีเสียชีวิต กรณีชราภาพ และกรณีสงเคราะห์บุตร

หากไม่สะดวกจ่ายรายเดือน สามารถเปลี่ยนทางเลือกการจ่ายเงินสมทบรายปี จ่าย 1 ครั้งก็ได้นะ เมื่อผู้ประกันตนประกันสังคมมาตรา 40 ยื่นขอเปลี่ยนแปลงจะมีผลในเดือนถัดไป
อย่างไรก็ดี สิทธิประกันสังคมยังมีข้อจำกัด คือ สามารถรักษาตัวในสถานพยาบาลประกันสังคมที่เลือกไว้เท่านั้น  หรือถ้าต้องการความคุ้มครองด้านอุบัติเหตุเพิ่มเติมแนะนำซื้อประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลเพิ่มไว้ก็ได้นะ 
อย่างซื้อประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล กับ bolttech.co.th เบี้ยเริ่มต้นแค่หลักร้อยเท่านั้น พร้อมรับความคุ้มครองหลักแสนเลยนะครับ และสามารถรักษาตัวได้ทั่วไทยแบบไม่ต้องสำรองจ่ายด้วยนะ

สรุป ประกันสังคมมาตรา 39 กับ 40 ต่างกันอย่างไร 

• ประกันสังคม มาตรา 39 คือ ประกันสังคมของคนที่เคยทำงานประจำ เคยส่งประกันสังคมมาก่อน และต้องการความคุ้มครองต่อเนื่อง
• ประกันสังคม มาตรา 40 คือ ประกันสังคมสำหรับแรงงานนอกระบบ หรือผู้ที่ต้องการทำประกันสังคม ไม่เคยทำมาก่อน ต้องมีอายุ 15-60 ปี

พอเข้าใจความแตกต่างระหว่าง ประกันสังคมมาตรา 39 กับ 40 ต่างกันอย่างไร  แล้วใช่ไหมจ้ะ 😀 แต่ถ้าอยากเช็กเบี้ย เทียบเบี้ยประกันอื่น ๆ ก็อยากให้ลองเช็กกับ bolttech.co.th รับรองจะติดใจ หรืออยากหาข้อมูลเพิ่มเติมว่าเมื่อเกษียนแล้ว จะเบิกเงินประกันสังคมอย่างไร ก็อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยนะ วิธีเบิกเงินประกันสังคมชราภาพ

ขอบคุณข้อมูล : sso.go.th
Content by Butter Cutter

The post ประกันสังคมมาตรา 39 กับ 40 ต่างกันอย่างไร ? appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

เริ่มเช็คเงินสะสมประกันสังคม!

อยากเช็คยอดเงินประกันสังคมที่สะสมไปทุกเดือน ๆ เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตก็เพียงพอไม่ต้องโทรหาประกันสังคมให้วุ่นวาย หากคุณไม่อยากโหลดแอปพลิเคชันให้หนักมือถือหรือสมาร์ทโฟน เราสามารถเช็คเงินสะสมประกันสังคมผ่านเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคมหรือ SSO E-Service ได้ครับ

ขั้นตอนที่ 1 เข้าสู่ระบบเช็คสิทธิประกันสังคม

ถ้าคุณเพิ่งเข้าระบบเช็คสิทธิประกันสังคมออนไลน์ครั้งแรกจะต้องสมัคร เพื่อเข้าระบบสมาชิกประกันสังคมก่อนนะครับ เพียงกรอกข้อมูลหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน (13 หลัก), เบอร์โทรศัพท์ที่เราใช้งานอยู่ ขาดไม่ได้เลยครับข้อมูลส่วนตัวของเรา สามารถอ่านวิธีการสมัครอย่างละเอียดได้ในบทความเช็คประกันสังคมด้วยวิธีการชิลที่สุดในโลก

ขั้นตอนที่ 2 เข้าระบบเช็คสิทธิประกันสังคม

กรอกข้อมูลเสร็จ เข้าระบบได้แล้ว! เรามาเช็คยอดเงินประกันสังคมกันดีกว่า ให้คุณมองหาคำว่า “ผู้ประกันตน” ที่เป็นไอคอนรูปคน เจอแล้วให้คลิกที่ไอคอนนี้ ระบบจะแสดงข้อมูลของผู้ประกันตนให้ทั้งหมด เช่น รายละเอียดผู้ประกันตน ชื่อ-สกุล เลขที่บัตรประชาชน เพศ รวมทั้งข้อมูลจำเป็นอื่น ๆ 
เลื่อนลงมาอีกหน่อยจะพบกับ “ข้อมูลการส่งเงินสมทบ” คลิกตรงนี้เราจะสามารถเช็คเงินสะสมประกันสังคมที่เราเคยจ่ายไปกี่เดือนแล้ว จ่ายสมทบครั้งแรกเมื่อไหร่ มีเดือนไหนขาดจ่ายประกันสังคมบ้าง เราก็จะสามารถเช็กข้อมูลได้ในหน้าเว็บไซต์นี้

แต่ถ้าอยากเห็นยอดรวม (รายปี) ว่าเราจ่ายเงินสะสมประกันสังคมรวมทั้งหมดเท่าไหร่ และเราจะได้รับผลประโยชน์ทดแทนกรณีบำเน็จชราภาพกี่บาท คลิกที่ “การคำนวณเงินสงเคราะห์ชราภาพ” ซึ่งจะเป็นข้อมูลเฉพาะของแต่ละคน 

• ระบุทั้งจำนวนเงินสมทบของผู้ประกันตน (ส่วนของเรา) และจำนวนเงินสมทบของนายจ้าง (ส่วนของบริษัทฯ)
• พร้อมกับระบุยอดเงินรวม (รายปี)

โดยเงินประกันสังคมจะคำนวณเงินเดือนสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาทครับผม เพียงเท่านี้ก็เราก็สามารถเช็กเงินสะสมทั้งหมดที่เราเคยจ่ายได้แล้วคร้าบบบ 

Bolttech Box

เช็คเงินสะสมประกันสังคมเสร็จแล้ว เกิดสงสัยว่าแบบนี้ เราจะได้เงินบำเหน็จชราภาพเท่าไหร่ ?

• เราได้รับค่าจ้างเดือนละ 15,000 บาท ถูกหักเงินสมทบ 5% ของค่าจ้าง คิดเป็น (15,000 x 15) / 100 = 750 บาท ทุกเดือน 
• เงินประกันสังคมถูกแบ่งเป็นเงินสงเคราะห์บุตรและเงินชราภาพ 3% คิดเป็น (15,000 x 3) / 100 = 450 บาท

เราจะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเมื่อไหร่ ? 

ผู้ประกันตนประกันสังคมจะได้รับเงินออมชราภาพทั้งหมดเมื่อมีอายุ 55 ปีบริบูรณ์ หรือหลังจากสิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตน “เงินบำเหน็จ คือ เงินที่จ่ายก้อนเดียวจบไม่แบ่งจ่ายรายเดือน” 

ต้องส่งประกันสังคมกี่เดือน ? ถึงจะรับเงินบำเหน็จชราภาพได้

• จ่ายเงินประกันสังคมไม่ถึง 180 เดือน หรือ 15 ปี ก็รับเงินบำเหน็จได้
• จ่ายสมทบมากกว่า 12 เดือน แต่ไม่ถึง 180 เดือน ได้บำเหน็จเท่ากับเงินที่เราจ่ายสมทบ บวกกับเงินที่นายจ้างสมทบ และผลประโยชน์ตอบแทนที่ประกันสังคมกำหนด
• หากจ่ายเงินสมทบประกันสังคมน้อยกว่า 12 เดือน เราจะได้รับบำเหน็จเท่ากับเงินที่เราจ่ายสมทบเท่านั้น

กรณีผู้จ่ายประกันสังคมเสียชีวิตก่อนอายุ 55 ปี ทายาทมีสิทธิ์รับเงินชราภาพนี้แทนครับ ได้แก่ บุตรที่ระบุตามกฎหมาย สามีหรือภรรยาที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย และบิดามารดาที่มีชีวิตอยู่ครับ หายสงสัยวิธีการเช็คยอดเงินประกันสังคมกันแล้วเนาะ 
Content by Butter Cutter

The post เช็คเงินสะสมประกันสังคมง่าย ๆ รู้งี้เช็คนานแล้ว appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.