รู้หรือไม่ว่า? หัวใจสำคัญของรถไฟฟ้า คือ แบตเตอรี่ เนื่องจากแบตเตอรี่เปรียบเสมือนถังน้ำมันที่ขับเคลื่อนรถ และเป็นตัวกลางในการกระจายพลังงาน เพื่ออำนวยความสะดวกภายในรถ ดังนั้นการดูแลรักษาแบตเตอรี่ ถือป็นสิ่งสำคัญช่วยให้รถใช้งานได้ยาวนาน คงประสิทธิภาพ และประหยัดค่าใช้จ่าย เริ่มต้นดูแลแบตเตอรี่รถไฟฟ้าง่ายๆ ด้วย 5 วิธีดังนี้

1. ชาร์จไฟอย่างถูกวิธี

คุณไม่ควรชาร์จไฟรถจนเต็ม 100% เป็นประจำ ควรชาร์จไฟอยู่ที่ 80% เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งาน เปรียบเสมือนการชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือ การชาร์จจนเต็ม 100% อยู่เสมอ อาจทำให้แบตเสื่อมเร็ว ในทางเดียวกันผู้ขับขี่ไม่ควรชาร์จไฟในตอนแบตเตอรี่ใกล้หมด ควรชาร์จไฟเมื่อเหลือประมาณ 20% การปล่อยให้แบตเตอรี่ใกล้หมด จะทำให้อายุการใช้งานสั้นลง และควรเลือกใช้หัวชาร์จที่ได้มาตรฐาน เหมาะกับรุ่นรถ เพราะการใช้หัวชาร์จที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดความร้อนสูง ส่งผลเสียต่อแบตเตอรี่

และควร หลีกเลี่ยงการชาร์จไฟเร็วบ่อยๆ การชาร์จไฟเร็ว ถึงแม้จะสะดวก แต่การใช้งานเป็นประจำจะทำให้อายุการใช้งานสั้นลงได้

2. หลีกเลี่ยงอุณหภูมิที่ร้อนจัด

ผู้ขับขี่ไม่ควรจอดรถตากแดดเป็นเวลานานๆ ควรจอดรถในที่ร่ม โดยเฉพาะอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับแบตเตอรี่อยู่ที่  20-30 องศา  การจอดรถตากแดดเป็นเวลานาน ทำให้อุณหภูมิภายในรถสูง ส่งผลต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่รถไฟฟ้าทางอ้อม  เมื่อรู้ว่าต้องจอดรถกลางแจ้ง ให้เลือกสถานที่ที่พอมีร่มเงา หรือติดตั้งฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ช่วยลดอุณหภูมิภายในรถได้

3. ขับขี่อย่างประหยัดพลังงาน

ผู้ขับขี่ควรขับรถด้วยความเร็วคงที่ หลีกเลี่ยงการเร่งความเร็ว และ ไม่ควรเบรกแบบกะทันหัน เพราะการใช้ความเร็วสูง จะทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน และควรปิดระบบที่ไม่จำเป็น เช่น เครื่องปรับอากาศ วิทยุ ไฟส่องสว่าง การใช้งานระบบต่างๆ เหล่านี้จะกินพลังงาน ควรเลือกรูปแบบการขับขี่ที่แบบประหยัดพลังงาน รถไฟฟ้าหลายรุ่นมีโหมดการขับขี่ที่ช่วยประหยัดพลังงาน

4. ตรวจเช็คสภาพแบตเตอรี่เป็นประจำ

ต่อมาควร ตรวจเช็คสภาพรถ ที่ ตรอ. โดยเฉพาะเช็คแบตเตอรี่ในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้ทราบสภาพของแบตเตอรี่ และสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที แต่ในขณะขับขี่หรือใช้งานรถยนต์ ให้หมั่นสังเกตสัญญาณเตือนจากหน้าปัดรถ ทั้งจดบันทึกประวัติการใช้งาน ช่วยให้วิเคราะห์ปัญหา และหาแนวทางแก้ไขได้

5. เลือกซื้อรถไฟฟ้าที่มีแบตเตอรี่คุณภาพดี

สิ่งสุดท้ายควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ แบตเตอรี่รถยนต์ เลือกรุ่นที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย มีการรับประกันแบตเตอรี่ยาวนาน เลือกรุ่นที่เหมาะกับการใช้งาน โดยพิจารณาจากระยะทางที่ขับขี่เป็นประจำ

ลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้ ช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่รถไฟฟ้าของคุณได้ เนื่องจากการดูแลรักษาแบตเตอรี่รถไฟฟ้า เปรียบเสมือนการดูแลรักษาสุขภาพ ช่วยให้รถใช้งานได้ยาวนาน ประหยัดค่าใช้จ่าย และสร้างความมั่นใจในการขับขี่

แต่หากเป็นการดูแลรถยนต์ มั่นใจให้ bolttech.co.th ช่วยดูแล อุ่นใจด้วยประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ คุ้มครองคุ้มค่า ราคาประหยัด นอกจากคุ้มครองอุบัติเหตุแบบมีคู่กรณี ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ก็คุ้มครองกรณีรถสูญหาย และ รถไฟไหม้ เรียกได้ว่าคุ้มครองคุ้มค่า ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ เข้ามาเช็กเบี้ยได้เลย!

The post 5 วิธีถนอมแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. GWM ORA Good Cat

ราคาเริ่มต้น 828,000 บาท

ระยะวิ่งสูงสุด 400 กม.

จุดเด่น

• ดีไซน์น่ารัก ทันสมัย เข้ากับคนรุ่นใหม่ 
• ฟังก์ชั่นครบครัน เช่น ระบบจอดรถอัตโนมัติ มาในราคาไม่แพง

เหมาะกับ : คนชอบความเก๋ไก๋ ต้องการรถที่ไม่เหมือนใคร และชอบรถไม่ใหญ่มาก คันเล็กขับง่าย สะดวกสบาย

2.MG ZS EV

ราคาเริ่มต้น 1,190,000 บาท

ระยะวิ่ง380 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

จุดเด่น

• ดีไซน์ทันสมัย สปอร์ต
• รองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto
• ระบบ ADAS ช่วยให้ขับขี่ปลอดภัย
• พื้นที่ภายในกว้างขวาง เหมาะกับครอบครัว
• ค่าบำรุงรักษาต่ำ

เหมาะกับ : คนที่มีครอบครัว ต้องการรถที่กว้างขวาง คุ้มค่า

3. Nissan Leaf

ราคาเริ่มต้น 1,199,000 บาท

ระยะวิ่ง322 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

จุดเด่น

• เทคโนโลยี e-Pedal ควบคุมการเร่งและเบรกด้วยคันเร่งเพียงแป้นเดียว
• ดีไซน์ล้ำสมัย
• ระบบความปลอดภัย Nissan Safety Shield
• เทคโนโลยี ProPILOT Assist ช่วยให้ขับขี่บนทางด่วนได้อย่างสะดวก

เหมาะกับ : คนที่ชื่นชอบเทคโนโลยีล้ำสมัย

4. Seres 3

ราคาเริ่มต้น 989,000 บาท

ระยะวิ่ง300 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

จุดเด่น

• เทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ระบบ ADAS
• ฟังก์ชั่นครบครัน เช่น ระบบ panoramic sunroof
• ระบบความปลอดภัย

เหมาะกับ : คนที่ชื่นชอบรถสปอร์ต ขับสนุก

5. BYD e2

ราคาเริ่มต้น 918,000 บาท

ระยะวิ่ง305 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

จุดเด่น

• ดีไซน์เรียบง่าย
• ฟังก์ชั่นครบครัน เช่น ระบบกุญแจรีโมท ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ
• ระบบความปลอดภัย

เหมาะกับ : คนที่มองหารถราคาคุ้มค่า ฟังก์ชั่นครบครัน

ทั้งนี้ การเลือกรถไฟฟ้าขึ้นอยู่กับความต้องการ งบประมาณและไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล หากยังคิดไม่ออกว่าควรเลือกแบบไหน อาจลองพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น สถานีชาร์จไฟ ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา หรือมูลค่าขายต่อ อาจช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ส่วนเรื่องประกันภัยรถยนต์ ให้ bolttech ช่วยคุณเอง! แนะนำประกันรถยนต์ชั้น 2+ คุ้มครองคุ้มค่า นอกจากคุ้มครองอุบัติเหตุแบบมีคู่กรณีแล้ว ประกันรถยนต์ชั้น 2+ คุ้มครองกรณีรถสูญหาย และ รถไฟไหม้ เรียกได้ว่าคุ้มครองคุ้มค่า ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ

The post 5 รถยนต์ไฟฟ้าน่าขับ ฉบับมนุษย์เงินเดือน appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. เบี้ยประกัน

โดยทั่วไปแล้ว เบี้ยประกันรถไฟฟ้า จะมีราคาสูงกว่า เบี้ยประกันรถใช้น้ำมัน ประมาณ 10-20% สาเหตุหลัก ๆ 

• ทุนประกัน

รถไฟฟ้า มีราคารถที่สูงกว่ารถใช้น้ำมัน ส่งผลให้ทุนประกันสูงตามไปด้วย ตัวอย่างเช่น รถ Tesla Model 3 ราคาเริ่มต้นประมาณ 3 ล้านบาท เทียบกับรถ Toyota Corolla Altis ราคาเริ่มต้นประมาณ 1 ล้านบาท หมายความว่า ทุนประกันของรถ Tesla Model 3 จะสูงกว่า Toyota Corolla Altis ถึง 2 เท่า

• ค่าซ่อมแซมรถ

อะไหล่ และ ชิ้นส่วนของรถไฟฟ้ามีราคาแพงกว่า เนื่องจากอะไหล่ หรือชิ้นส่วนรถไฟฟ้าต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต ค่าอะไหล่ และค่าซ่อมบำรุงจึงมีต้นทุนสูงตามไปด้วย และมีศูนย์บริการที่รองรับการซ่อมแซมน้อยกว่ารถใช้น้ำมัน

• ความเสี่ยง

เทคโนโลยีรถไฟฟ้า ถือว่าใหม่ และมีข้อมูลไม่มากพอเกี่ยวกับความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ หรือการสูญเสีย หรือเรียกง่ายๆ ว่ามีผู้ขับขี่รถไฟฟ้ายังมีสัดส่วนไม่มากพอ ให้นำมาเก็บข้อมูล เพราะเหตุผลนี้ทำให้บริษัทฯประกันภัยรถยนต์ทำการประเมินความเสี่ยงได้ค่อนข้างยาก ส่งผลต่อเบี้ยประกันภัยที่สูงตามกัน ดังข้อมูลที่กล่าวไปข้างต้น

2. ประเภทของประกัน

ประกันรถไฟฟ้า มีประเภทให้เลือกน้อยกว่า ประกันรถใช้น้ำมัน ตัวอย่างเช่น ประกันชั้น 1 สำหรับรถไฟฟ้า อาจจะไม่มีแบบซ่อมห้าง หรือแบบมีรถสำรองให้ใช้ระหว่างซ่อม ทั้งนี้ ยังรวมถึงการจัด Promotion ด้วยเช่นกัน บริษัทประกันภัยหลายแห่งพยายามที่จะพัฒนาประกันภัยรถยนต์ เพื่อที่จะตอบโจทย์ผู้ขับขี่สูงสุด เช่น ประกันรถยนต์เพื่อรถกระบะ เป็นต้น แต่สำหรับประกันรถไฟฟ้าอาจยังมีไม่มากนัก หรือแทบไม่มีเลย ส่งผลให้ผู้ขับขี่รถไฟฟ้ามีตัวเลือกน้อยกว่าผู้ขับขี่รถยนต์ทั่วไป

3. เงื่อนไขความคุ้มครอง

ประกันรถไฟฟ้า บางบริษัทอาจมีเงื่อนไขความคุ้มครองที่แตกต่างจากประกันรถใช้น้ำมัน ตัวอย่างเช่น อาจจะไม่คุ้มครองกรณีไฟไหม้จากแบตเตอรี่ หรือคุ้มครองค่าสูญเสียจากการชาร์จไฟที่ผิดพลาด 

ยกตัวอย่าง บริษัท A เสนอประกันชั้น 1 สำหรับรถ Toyota Corolla Altis ราคา 10,000 บาทต่อปี แต่สำหรับรถ Tesla Model 3 บริษัท A เสนอประกันชั้น 1 ราคา 13,000 บาทต่อปี และไม่คุ้มครองกรณีไฟไหม้จากแบตเตอรี่ ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่า ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้ายังมีข้อจำกัดด้านความคุ้มครองที่ต่างจากประกันภัยรถยนต์ทั่วไปอยู่

4. บริการเสริม

บริการเสริม มักขึ้นอยู่กับบริษัทฯ ประกันภัยรถยนต์ทั่วไป โดยส่วนมากจะมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินให้หากรถเกิดอุบัติเหตุ หรือรถเสียข้างทาง แต่สำหรับประกันรถไฟฟ้า บางบริษัทอาจมีบริการเสริมเพิ่มเติมมาให้ด้วยเช่นกัน เช่น บริการช่วยเหลือฉุกเฉินกรณีแบตเตอรี่หมด บริการหาสถานีชาร์จไฟ หรือบริการรับประกันแบตเตอรี่ แนะนำว่าให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจะได้คำตอบที่ถูกต้อง และครบถ้วนที่สุด ซึ่ง bolttech เป็นโบรกเกอร์ประกันภัยที่พร้อมให้คำปรึกษาลูกค้าทุกท่าน สามารถเข้ามาสอบถามประกันรถยนต์ได้ที่ bolttech.co.th

ประกันรถยนต์ไฟฟ้า และ ประกันรถยนต์ใช้น้ำมัน มีความแตกต่างกันอยู่หลายประการ ดังนั้นผู้ขับขี่ควรศึกษาข้อมูล เปรียบเทียบราคา และเงื่อนไขความคุ้มครองอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ แล้วที่สำคัญควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัยรถยนต์ เพื่อรับข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นประโยชน์ที่สุด

สุดท้ายนี้ให้ bolttech.co.th ดูแลเรื่อง ประกันภัยรถยนต์ และมอบสิทธิพิเศษให้คุณโดยเฉพาะ ซื้อง่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นประกันชั้น 1/2+/3+ เข้ามาเช็กเบี้ยประกัน พร้อมรู้ราคาได้ทันที มีส่วนลดพิเศษอีกด้วย!

The post ประกันรถยนต์ไฟฟ้า vs รถยนต์ใช้น้ำมัน ต่างกันอย่างไร? appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1) Viauto Boma

รถยนต์ไฟฟ้า (EV Car) ขนาดเล็กเหมาะสำหรับคนเมืองขับชิลๆ เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2024 จากทางค่าย Honri เผยว่ามีแพลนจะนำรถคันนี้เข้ามา เพื่อตอบสนองคนที่ถอยรถเข้าซองไม่เก่ง ไม่ต้องกลัวเรื่องที่จอดรถแคบ พลังงานแบตเตอรี่ลิเธียม กำลัง 30 กิโลวัตต์ แรงบิด 84 นิวตันเมตร  สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 100 กม./ชม.

EV Car รุ่นนี้ประหยัดขั้นสุด เนื่องจากใช้พลังงานไฟฟ้า เพียงแค่กิโลเมตรละ 25 สตางค์  ห้องโดยสารถูกออกแบบให้เป็นสี่เหลี่ยม ภายในกว้างขวาง โดยเฉพาะระหว่างศีรษะและที่วางขา คนตัวสูงขายาวขับได้สบายๆ เก็บสิ่งของได้รวมๆ 2000 ลิตร ถือว่าจุได้เยอะมาก และมีช่องเก็บสัมภาระอีก 16 จุด

รถไฟฟ้า ราคาเริ่มต้น 499,000 บาท

2) BYD Seagull

รถยนต์ไฟฟ้า ขนาดเล็ก ที่คาดว่าน่าจะเข้าไทย เอาใจสายแฮชแบ็คคันเล็ก กะทัดรัด จอดง่ายเหมาะสำหรับผู้หญิง พละกำลัง 73.75 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 102 นิวตันเมตร รุ่นนี้จะมีแบตเตอรี่ Blade Battery LFP 2 ขนาด คือ 30.08 กิโลวัตต์ และ 38.88 กิโลวัตต์ วิ่งได้ระยะทางไกลสูงสุด 304-405 กิโลเมตร 

ภายในห้องโดยสารตกแต่งแบบเรียบง่าย แต่เบาะจะเป็นทรงสปอร์ต เบาะหลังสามารถพับได้ ทำให้เก็บของได้เยอะ เกียร์จะเป็นระบบหมุน มีหน้าจอขนาด 10.1 นิ้ว และมีที่ชาร์จไร้สายอยู่ตรงบริเวณคอนโซลกลาง พวงมาลัยยังคงเป็นแบบสามก้าน

ราคาเริ่มต้นที่ 350,000 บาทขึ้นไป รออัพเดทจากทางค่ายอีกครั้ง

3) NETA V II หรือ NETA AYA

หลังจากรุ่นพี่อย่าง NETA V ประสบความสำเร็จในการกวาดรายได้ของคนไทยไปแล้ว ทางค่ายก็นำรถ EV คันนี้มาโชว์ตัวในงาน เพื่อให้ผู้คนได้ยลโฉมถึงความเป็น Minorchange ที่ปรับดีไซน์ใหม่ทั้งไฟหน้า ไฟท้ายแบบยาว LED Strip ช่องดักลม ด้านหน้าดีไซน์ใหม่ Star Galaxy Grille เพิ่มระบบปัดน้ำฝน กระจกบังลมหลัง 

และเพิ่มสีใหม่สุดน่ารักๆ นั่นคือ สีชานม Milk Tea พละกำลังอยู่ที่ 95 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร  แบตเตอรี่ Lithium-ion LFP ขนาด 40.7 kWh วิ่งได้ระยะทางไกลสุด 384 กิโลเมตร ภายในห้องโดยสารตกแต่งแบบทูโทน

รถไฟฟ้า ราคาประมาณ 549,000 บาท

4) Changan Lumin

ในที่สุดน้องง่วงก็ได้มาที่งาน Motor Show 2024 ครั้งที่ 45 โดยเปิดราคาอย่างเป็นทางการ ในงบที่ไม่เกินครึ่งล้าน ตัวรถยนต์ไฟฟ้าค่อนข้างเล็ก รถขนาดกะทัดรัด พละกำลัง 35 แรงม้า และ 48 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 83 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 27.98 กิโลวัตต์ และ 28.08 กิโลวัตต์ วิ่งได้ระยะทางไกลสุด 301 กิโลเมตร ภายในออกแบบสไตล์มินิมอล

แต่ยังคงความน่ารักด้วยดีไซน์โค้งมน พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน พร้อมเบาะหนังแบบทูโทน ภายในกว้างขวางพอประมาณ  เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบรถไฟฟ้าคันเล็ก

รถไฟฟ้า ราคาเริ่มต้น 479,000 บาท

บอกเลยว่า รถยนต์ไฟฟ้าราคาหลักแสนบาท มีให้เลือกหลายแบรนด์ หลายรุ่น และออฟชั่นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ารุ่นแพงๆ เหมาะสำหรับคนงบน้อย ที่อยากมีรถไว้ใช้งาน หลังจากซื้อรถใหม่แล้ว อย่าลืมซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 เพิ่มความอุ่นใจ สามารถผ่อนบัตรหรือผ่อนเงินสดก็ได้ รับประกันภัยจากบริษัทประกันชั้นนำ คุ้มครองครอบคลุมอุ่นใจที่สุด ทั้งอุบัติเหตุไม่มีคู่กรณี และมีคู่กรณี รถสูญหายจากโจรกรรม รถไฟไหม้ รถน้ำท่วม รวมถึงค่ารักษาพยาบาลผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ซื้อง่ายผ่านออนไลน์ ที่ bolttech.co.th รับสิทธิพิเศษมากมาย

The post รถยนต์ไฟฟ้า ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ในงาน Motor Show 2024 appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. ตลาดรถไฟฟ้าบูมอย่างก้าวกระโดด

จากข้อมูลของสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) คาดการณ์ว่า ยอดขายรถไฟฟ้าในปี 2567 แตะ 100,000 คัน ตัวเลขนี้ สะท้อนการเติบโตแบบก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มียอดขายเพียง 32,004 คัน ปัจจัยหลักที่หนุนหลังการเติบโตนี้ อาจเป็นเพราะผู้บริโภคเริ่มคุ้นเคยกับรถไฟฟ้า ข้อมูลข่าวสาร การรีวิว และประสบการณ์จากผู้ใช้งานจริง ช่วยให้ผู้บริโภคเข้าใจข้อดีของรถไฟฟ้ามากขึ้น

รวมถึงตัวเลือกหลากหลาย รถยนต์ไฟฟ้าที่ครอบคลุมกลุ่มผู้ขับขี่ทุกเซ็กเมนต์ ตั้งแต่รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ไปจนถึงรถ commercial ทั้งนี้ ราคารถไฟฟ้าก็เริ่มถูกลง ส่งผลให้ผู้คนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

2. นโยบายภาครัฐสนับสนุนเต็มรูปแบบ

ภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้า ผ่านนโยบายต่าง ๆ เช่น

• ขยายมาตรการลดภาษีสรรพสามิต ช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย กระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อรถไฟฟ้า
• สนับสนุนสถานีชาร์จไฟฟ้า โดยขยายโครงสร้างพื้นฐาน installing สถานีชาร์จไฟฟ้าทั่วประเทศ เพิ่มความสะดวกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น
• ส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานรองรับ พัฒนาระบบไฟฟ้า รองรับการใช้งานรถไฟฟ้าในวงกว้าง

นโยบายเหล่านี้ ช่วยลดอุปสรรค และเพิ่มแรงจูงใจให้ผู้บริโภคหันมาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น

3. เทคโนโลยีล้ำสมัยขับเคลื่อนอนาคต

เทคโนโลยีรถไฟฟ้า มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อประสบการณ์การใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น แบตเตอรี่ที่มีความจุมากขึ้น ชาร์จเร็วขึ้น ช่วยให้ผู้ใช้เดินทางได้ไกลขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องระยะทาง ระบบขับขี่อัตโนมัติที่พัฒนาขึ้น ช่วยมอบความสะดวกสบาย และปลอดภัยในการขับขี่ ฟังก์ชั่นอัจฉริยะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ควบคุมระบบต่าง ๆ ผ่านหน้าจอสัมผัส 

เทคโนโลยีเหล่านี้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยในการขับขี่ ยกระดับประสบการณ์การใช้รถไฟฟ้าได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

4. แบรนด์ใหม่ ๆ เพิ่มตัวเลือกที่มากขึ้น

ปี 2567 คาดว่าจะมีแบรนด์ใหม่ ๆ เข้ามาทำตลาดรถไฟฟ้าในไทยมากขึ้น โดยเฉพาะค่ายรถจากจีน ที่บุกตลาดอย่างคึกคัก พร้อมนำเสนอตัวเลือกที่หลากหลาย ราคาที่เอื่อมถึงได้ ตัวอย่างรถไฟฟ้าที่น่าจับตามองในปี 2567 Tesla Model Y (Minor Change), MG ZS EV Minor Change, GWM Ora Cat facelift, BYD Seal, หรือ Neta S

รวมถึงแบรนด์สตาร์ทอัพ ที่ต่างพากันพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ นำเสนอรถไฟฟ้าที่มีดีไซน์ล้ำสมัย ฟังก์ชั่นการใช้งานที่แตกต่าง และการแข่งขันที่เข้มข้นนี้ จะช่วยผู้บริโภคมีตัวเลือกรถไฟฟ้าที่หลากหลายมากขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ทุกระดับ

5. กลยุทธ์การชาร์จไฟฟ้า สะดวก รวดเร็ว ทั่วถึง

การขยายสถานีชาร์จไฟฟ้า เป็นหัวใจสำคัญสำหรับการเติบโตของตลาดรถไฟฟ้า ในปี 2567 คาดการณ์ว่าจำนวนสถานีชาร์จไฟฟ้าจะเพิ่มมากขึ้น หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ให้บริการรายใหม่ ๆ ต่างมีแผนขยายสถานีชาร์จไฟฟ้าทั่วประเทศ

เทคโนโลยีการชาร์จไฟฟ้ากำลังจะพัฒนา ชาร์จเร็วขึ้น สะดวกขึ้น รองรับการใช้งานที่หลากหลาย และสุดท้าย โมเดลธุรกิจใหม่ ๆ กำลังจะเกิดขึ้น เช่น โมเดลสมาชิก (Subscription) ช่วยให้ผู้ใช้สามารถชาร์จไฟฟ้าได้ในราคาประหยัด ซึ่งการพัฒนาเหล่านี้ ช่วยให้ผู้ใช้รถไฟฟ้าเข้าถึงสถานีชาร์จไฟฟ้าได้สะดวก รวดเร็ว และทั่วถึง

ปี 2567 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ สำหรับตลาดรถยนต์ไทย เทรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด ผู้บริโภคจะมีตัวเลือกหลากหลาย เทคโนโลยีล้ำสมัย และนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ เทรนด์เหล่านี้ จะขับเคลื่อนอนาคตการเดินทางของไทย มุ่งสู่ยุคแห่งการคมนาคมที่ยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1  กับ bolttech.co.th คุ้มครองครอบคลุมมากที่สุด ทั้งรถสูญหายจากการโจรกรรม ความเสียหายของรถจากภัยน้ำท่วม และภัยไฟไหม้ ที่สำคัญช่วยคุ้มครองทรัพย์สินเสียหายของคู่กรณีอีกด้วย พร้อมรู้ราคาทันที มีโปรโมชันพิเศษอีกด้วย รีบเลย!

The post อัปเดต! เทรนด์รถไฟฟ้า 2024 ในไทย appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1) รถยนต์ไฮบริด (Hybrid)

รถยนต์ไฮบริด เป็นรถยนต์ประเภทลูกครึ่ง ที่ผสมผสานระหว่างการใช้พลังงานไฟฟ้ากับพลังงานน้ำมันเชื้อเพลิง ในส่วนของแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริดนั้นจะมีการผลิตขึ้นสำหรับรถยนต์ไฮบริดโดยเฉพาะ หลักการทำงานคือช่วงที่เราขับขี่ปกติโดยใช้ความเร็วรอบต่ำ เป็นการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ทั้งหมด โดยทั่วไปเราจะรู้จักกันในโหมดการขับขี่แบบปกติ แต่เมื่อไหร่ที่มีการเร่งความเร็วรอบที่สูงขึ้น หรือปรับเป็นโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต จะเป็นการสลับดึงพลังงานเชื้อเพลิงมาใช้

ข้อดีของรถยนต์ไฮบริด คือ หากว่าแบตเตอรี่รถยนต์หมด ยังสามารถขับต่อไปได้  เนื่องจากยังมีพลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองอยู่ เหมาะกับการใช้งานในระยะทางไกล ส่วนข้อเสียคือ รถไฮบริด จะใช้ชิ้นส่วนของอะไหล่เยอะ เนื่องจากเป็นการทำงานทั้ง 2 ระบบ มีขั้นตอนบำรุงค่อนข้างที่เยอะกว่า เสียค่าซ่อมบำรุงมากกว่าเมื่อเทียบกับรถไฟฟ้า 100%

ความแตกต่างระหว่าง การขับขี่โหมดธรรมดากับโหมดสปอร์ต

การขับขี่ด้วยโหมดธรรมดาค่อนข้างง่าย สะดวก สบาย ขับได้เรื่อยๆ ส่วนการขับขี่โหมดสปอร์ตจะช่วยเพิ่มความสนุก ตื่นเต้นในการเร่งความเร็ว การสับเปลี่ยนเกียร์

2) รถยนต์ไฟฟ้า (EV)

รถยนต์ไฟฟ้า หรือที่รู้จักกันในชื่อ รถ EV ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100%  ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การขับเคลื่อน การออกคำสั่ง ส่วนประกอบสำคัญที่สุด คือ แบตเตอรี มอเตอร์ไฟฟ้า และ อุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าวิ่งได้อยู่สม่ำเสมอ ใช้การชาร์จไฟแทนการเติมน้ำมัน ส่วนระยะเวลาชาร์จนานเท่าไรขึ้นอยู่กับรถแต่ละคัน โดยหลักการทำงานคือ ตัวแปลงกระแสไฟฟ้าจะดึงพลังงานจากแบตเตอรีที่เป็นแหล่งเก็บไฟฟ้ากระแสตรง แปลงไปเป็นกระแสสลับแล้วส่งไปที่มอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อให้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถใช้งานได้

ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า คือ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถประหยัดพลังงานได้  โดยชิ้นส่วนอะไหล่มีน้อยทำให้ประหยัดค่าซ่อมบำรุง ส่วนข้อเสียคือ เมื่อแบตเตอรี่หมดจะไม่สามารถขับต่อได้ ขับได้ในระยะทางที่ไม่ไกลมากเวลาจะไปไหนต้องคำนวณระยะทางให้ดี บวกกับสถานีชาร์จรถไฟฟ้าไม่เพียงพอต่อความต้องการ ต้องใช้เวลาในการชาร์จนานกว่าการเติมน้ำมัน เมื่อส่งซ่อมอาจจะต้องรออะไหล่นาน

วิธีเลือกซื้อรถยนต์ ลองคิดพิจารณาดูว่าไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต และความต้องการของคุณเป็นแบบไหน ก็จะช่วยตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เมื่อออกรถใหม่ป้ายแดง เพื่อนๆ อย่าลืมทำ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่คุ้มครองครอบคลุมได้มากที่สุด ทั้งอุบัติเหตุไม่มีคู่กรณีและมีคู่กรณี คุ้มครองรถสูญหายจากโจรกรรม รถไฟไหม้ รถน้ำท่วม รวมถึงค่ารักษาพยาบาลผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ซื้อง่ายผ่านทางออนไลน์ มีทั้งผ่อนบัตรและผ่อนเงินสดก็ได้ กับ bolttech.co.th เช็คเบี้ยประกันเทียบแผนเองได้ รู้ราคาทันที พร้อมรับสิทธิพิเศษเพียบ!

The post รถยนต์ไฟฟ้า VS รถยนต์ไฮบริด ต่างกันอย่างไร? appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1) ระบบมอเตอร์ขัดข้อง

ทำให้การขับรถไม่ปกติ ขับไปแล้วรถกระตุกหรือติดๆ ดับๆ จนไม่สามารถขับต่อได้ เกิดจากระบบซอฟแวร์ที่ใช้ในการสื่อสารของกล่องควบคุมระบบไฟฟ้าทั้งหมด 4 กล่องในตัวรถ ได้แก่ กล้องระบบการชาร์จ EVCC กล่องควบคุมการทำงานโดยรวมของรถ VCU กล่องควบคุมการทำงานของระบบแบตเตอรี่ BMS กล่องควบคุมการทำงานของมอเตอร์ MCU ส่งผลต่อปัญหายิบย่อยที่ตามมา เช่น

• ตัวรถชาร์จไฟไม่เข้า
• ระบบ Regenerative breaking ไม่ทำงาน
• แอพลิเคชันแสดงผลไม่ตรงกันกับค่าจริงของรถยนต์
• ปุ่มควบคุมการเปิดปิดของระบบกระจกไม่ทำงาน
• ระบบสั่งการด้วยเสียง I-Smart ไม่ทำงาน
• ไฟท้ายไม่สว่าง

2) การอัพเดทเฟิร์มแวร์ของระบบไม่ครอบคลุม

ปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวกับระบบไฟฟ้าทั้งหมดเกิดจากทางแบรนด์ใช้ Microchip จากซัพพลายเออร์หลายเจ้า จึงทำให้ไม่สามารถอัพเดทเฟิร์มแวร์ให้รถทุกคันได้ เพราะเป็นปัญหาซับซ้อนเกินกว่าที่ทางแบรนด์ประเมิน แต่หลายแบรนด์ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจที่จะแก้ไขปัญหา และพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าให้มีความเสถียรภาพเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งาน

3) ตู้ชาร์จสาธารณะมีน้อย

เนื่องจากว่า ในปัจจุบันมีผู้ใช้งานรถ ev มากยิ่งขึ้น แต่สถานีชาร์จนั้นมีน้อย จึงไม่เพียงพอต่อความต้องการ ส่งผลให้เกิดความกังวลสำหรับคนที่ขับรถทางไกลหรือไม่ได้ชาร์จมาจากที่บ้านเพราะลืมคำนวณให้ดีก่อน

4) ส่งซ่อมรออะไหล่นาน

มีหลายแบรนด์ที่ให้บริการหลังการขายไม่ค่อยดี เนื่องจากว่ารถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยยังมีการใช้งานได้ไม่นาน ทางบริษัทไม่ได้ทำการสต็อกอะไหล่รถยน์ไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการ หากส่งซ่อมต้องรออะไหล่จากต่างประเทศนาน หรือบางทีไม่สามารถตอบได้ว่าอะไหล่จะเข้าเมื่อไร

ใครที่มีแพลนจะออกรถยนต์ไฟฟ้า ควรมองหาประกันรถยนต์ควบคู่ไปด้วย ซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองครอบคลุมได้มากที่สุด ทั้งอุบัติเหตุไม่มีคู่กรณีและมีคู่กรณี คุ้มครองรถสูญหายจากโจรกรรม ไฟไหม้ น้ำท่วม รวมถึงค่ารักษาพยาบาลผู้ขับขี่และผู้โดยสาร อุ่นใจมากกว่า สนใจเข้ามาซื้อประกันออนไลน์ ที่ bolttech.co.th เปรียบเทียบแผนได้ เช็กเบี้ยฟรี รู้ราคาทันที มีโปรโมชันพิเศษ และสิทธิพิเศษอื่นๆ ที่ร่วมรายการ

The post ปัญหาที่พบบ่อย สำหรับคนใช้รถยนต์ไฟฟ้า appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

ทำไมต้องไปงาน Motor Show 2024 ?

อัปเดตเทรนด์รถครั้งยิ่งใหญ่ที่มัดรวมมาให้แล้ว! พบกับรถใหม่ล่าสุดจากค่ายรถชั้นนำ เปิดตัวรถใหม่มากมาย เช่น รถยนต์ไฟฟ้า (EV) รถยนต์พลังงานทางเลือก รถไฮบริด มอเตอร์โซค์ บิ๊กไบค์ พร้อมสัมผัสเทคโนโลยีสุดล้ำสมัยที่มากกว่าแค่รถใหม่ ได้พบกับนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autonomous Driving) หรือระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ (ADAS) ตื่นตาตื่นใจแน่นอน

มีโปรโมชันสุดพิเศษ! จากค่ายรถต่างๆ ขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมกิจกรรมสนุกๆ ภายในงาน Motor Show 2024 เพื่อลุ้นรับรางวัลพิเศษ พร้อมของแถมที่ร่วมรายการมากมาย

แบรนด์รถยนต์ ในงาน Motor Show 2024

ภายในงานมอเตอร์โชว์ 2024 มีรถหลายรุ่นให้เลือกชม ไม่ว่าจะเป็น Aion, Audi, Bentley, BMW, BYD, Changan, Ford, GWM, Honda, Hyundai, Honri, Isuzu, Jeep, KIA, Lexus, Lotus, Maserati, Mazda, Mercedes-Benz, MG, MINI, Mitsubishi, Neta, Nissan, Peugeot, Pocco, Porsche, Rolls-Royce, Suzuki, Toyota, Vinfast, Volvo, Xpeng และ Zeekr

นอกจากนี้ยังมีแสดงรถยนต์ไฟฟ้าด้วย เช่น New GWM ORA Good Ca, ORA 07, Volvo EX30, AION Y Plus, BYD-Dolphin, BYD Seal Premium, Tesla Model Y Rear-Wheel Drive, BMW iX2 xDrive30 M Sport, NETA V II และรุ่นอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบ สามารถเข้ามาทดลองชมได้ที่งานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ในวันที่ 27 มีนาคม 2567 - 7 เมษายน 2567 ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี

รถยนต์ไฟฟ้า EV ที่งาน Motor Show 2024

พิเศษไปกว่านั้น! มีงานแสดงรถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย เช่น New GWM ORA Good Cat, ORA Good Cat 07, Volvo EX30, AION Y Plus, BYD-Dolphin, BYD Seal Premium, Tesla Model Y Rear-Wheel Drive, BMW iX2 xDrive30 M Sport, NETA V II และรุ่นอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบ หากใครกำลังเล็งรุ่นไหนอยู่ เข้ามาเลือกชมกันก่อนได้

Motor Show 2024 เหมาะกับใคร

มอเตอร์โชว์ 2024 เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่กำลังมองหารถใหม่ ในงานจะมีรถจากค่ายรถชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศมาจัดแสดงครบครัน ให้เปรียบเทียบรุ่น ราคา ฟีเจอร์ ได้อย่างสะดวก รวมถึงโปรโมชันพิเศษจากค่ายรถต่างๆ สามารถรับสิทธิพิเศษมากมายได้ก่อนใคร

วิธีเดินทางไปงาน Motor show 2024

• รถไฟฟ้า BTS ลงสถานีหมอชิต แล้วต่อรถแท็กซี่ รถสองแถวสาย 1015 หรือรถตู้สายสวนจตุจักร – เมืองทองธานี
• รถไฟฟ้า MRT ลงสถานีหลักสี่ ต่อรถแท็กซี่ หรือรถโดยสารประจำทาง สาย 52, 150 และ 356 มาลงที่หน้าอิมแพคฯ
• รถเมย์ สาย 52, 150, 356, 504, 510, 538

สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Bangkok International Motor Show หรือบนเว็บไซต์ https://www.motorshow.in.th/ 

ซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์ ที่ bolttech.co.th

หลังจากซื้อรถใหม่ ในงานมอเตอร์โชว์ 2024 อย่าลืมเตรียมพร้อมซื้อประกันรถยนต์ แนะนำ ประกันรถชั้น 1 คุ้มครองได้ครอบคลุมมากที่สุด ทั้งรถสูญหายจากการโจรกรรม รถน้ำท่วม รถไฟไหม้ และความคุ้มครองอื่นๆ ที่ระบุในกรมธรรม์ อุ่นใจมากขึ้นกว่าเดิม ว่าแล้วมาเปิดประสบการณ์ใหม่ ภายในงาน Motor Show 2024 งานแสดงยานยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ขอให้ทุกท่านสนุกและได้จับจองรถที่ถูกใจกันด้วยนะ

หมายเหตุ: ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลง แนะนำให้ติดตามข่าวสารจากช่องทาง official ของงานมอเตอร์โชว์ 2024

The post งานมอเตอร์โชว์ 2024 รถใหม่ที่น่าจับจอง! appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

ข้อควรระวัง! การล้างรถยนต์ไฟฟ้าด้วยตัวเอง

1. ไม่ควรใช้แรงดันน้ำที่แรงเกินไป

2. ไม่ควรฉีดน้ำบริเวณที่ใกล้กับแบตเตอรี่

3. ไม่ควรปล่อยให้รถเปียกน้ำเป็นเวลานาน

4. ห้ามล้างรถในขณะที่กำลังชาร์จไฟ

5. ไม่ควรฉีดน้ำตรงๆ เพื่อล้างช่องชาร์จ

วิธีการล้างรถยนต์ไฟฟ้าด้วยตัวเอง

ขั้นตอนการล้างรถยนต์ไฟฟ้า สามารถเริ่มได้ง่ายๆ ตั้งแต่ขั้นตอนแรกเป็นต้นไป ดังต่อไปนี้

1. ปิดประตู หน้าต่าง และช่องเสียบไฟต่างๆ ให้สนิท

เนื่องจากว่า รถยนต์ไฟฟ้า (EV Car) นั้นจะใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ในการทำงาน หากว่าต้องล้างรถควรที่จะปิดประตู ปิดหน้าต่าง และช่องเสียบไฟต่างๆ ให้สนิท เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้า เป็นขั้นตอนที่ควรใส่ใจมากเป็นพิเศษ เพราะถ้าปล่อยให้น้ำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า อาจจะเกิดปัญหาตามมาอีก

2. ใส่เกียร์ P เพื่อล็อกล้อเมื่อจอดรถ

ให้จอดรถในที่ราบเรียบและใส่เกียร์ P เพื่อป้องกันไม่ให้รถไหล ไม่ควรจอดรถบริเวณที่เป็นแอ่งหรือมีหลุมมีบ่อลึก เพราะเวลาที่ล้างรถอาจจะทำให้น้ำที่ขับบริเวณพื้นกระเด็นใส่ใต้ท้องรถ และไม่สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ในบางจุด

3. ควรล้างทีละจุด

ทางที่ดีควรล้างทำความสะอาดทีละจุด แล้วค่อยไล่ไปทำความสะอาดบริเวณอื่นๆ หากเช็ดล้างทั่วทั้งคันพร้อมคันอาจจะทำให้รถเปียกน้ำนานเกินไป เมื่อล้างเสร็จแล้วควรเช็ดรถให้แห้งทันที ก่อนเปลี่ยนไปล้างรถจุดถัดไปควรล้างฟองน้ำในน้ำสะอาดก่อนนำไปใช้ เพื่อป้องกันการเกิดรอยขนแมว หรือทำให้รถอีกจุดสกปรก ควรเปลี่ยนผ้าเช็ดรถให้สะอาดอยู่เสมอ

4. ใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดภายในตัวรถ

ภายในห้องโดยสาร สามารถใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดได้ตามปกติ หากต้องใช้ผ้าชุบน้ำหรือชุบน้ำยา เพื่อเช็ดบริเวณคอนโซล ควรระวังการเช็ดบริเวณที่ใกล้ช่องเสียบไฟต่างๆ

สรุปว่า การล้างรถยนต์ไฟฟ้าควรใช้แรงดันน้ำต่ำ หลีกเลี่ยงบริเวณช่องชาร์จ ค่อยๆ ล้างทีละจุด และเน้นการเช็ดถูด้วยผ้าหมาดๆ ก่อนเช็ดให้แห้งสนิท ช่วยให้รถยนต์ไฟฟ้าสะอาดมากขึ้น หากมีรถไม่ควรปล่อยให้ประกันรถยนต์ขาด ซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองครอบคลุมได้มากที่สุด ทั้งอุบัติเหตุไม่มีคู่กรณีและมีคู่กรณี คุ้มครองรถสูญหายจากโจรกรรม รถไฟไหม้ รถน้ำท่วม รวมถึงค่ารักษาพยาบาลผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ซื้อง่ายผ่านช่องทางออนไลน์ พร้อมรับสิทธิพิเศษมากมาย เปรียบเทียบแผนเองได้ รู้ราคาทันที

The post วิธีล้างรถยนต์ไฟฟ้าด้วยตัวเองอย่างถูกวิธี appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.

1. รถยนต์ไฟฟ้าอีวี NETA V 2023 - 2024 

รถยนต์ไฟฟ้าอีวี ขนาดเล็กกะทัดรัดเหมาะสำหรับคนโสดใช้งานในเมืองขับเล่นชิลๆ สบายๆ หน้าตาภายนอกดูสวยงามโดดเด่นแต่แน่นไปด้วยออฟชั่นเสริม จากเดิมใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนชนิด NMC ขนาดความจุ 38.5 kWh เปลี่ยนมาเป็นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนชนิด LFP และเพิ่มขนาดความจุใหม่เป็น 40.7 kWh สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลสุด 384 กิโลเมตรต่อชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน NEDC) ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่เพลาหน้า กำลังสูงสุด 95 แรงม้า และแรงบิด 150 นิวตันเมตร มาพร้อมเทคโนโลยี ระบบความปลอดภัย NETA V ตามมาตรฐาน มีให้เลือกหลายสี แต่ต้องบอกก่อนเลยว่า สีชมพูเป็นสีที่นิยมอย่างมาก

ราคารถยนต์ไฟฟ้า NETA V

• NETA V 2023-2024 ราคา 549,000 บาท

2. รถยนต์ไฟฟ้าอีวี GAC AION Y Plus

รถยนต์ไฟฟ้าอีวีครอสโอเวอร์ SUV น้องใหม่ มาแรง ที่กำลังได้รับความนิยมในไทยเป็นอย่างมาก เหมาะสำหรับรถครอบครัว หรือไปเที่ยวแคมป์ปิ้งกางเต้นท์นอกบ้านก็ได้ ภายในกว้างขวาง มีพื้นที่จัดเก็บของเยอะ เบาะสามารถพับลงแล้วเอาเบาะลมมาปูรองนอนในรถได้สบายๆ เปิดหน้าต่างและซันรูฟด้วยการสัมผัสหน้าจอ เปิดแอร์นอน 23 องศาได้อย่างประหยัดแบตเตอรี่ สามารถวิ่งได้ไกลสุด 550 กิโลเมตร 204 แรงม้า 

หากเป็นรุ่น 490 ELITE จะวิ่งไกลสุด 490 กม./ชาร์จ และ รุ่น 550 ULTRA สามารถวิ่งไกลถึง  550  กม./ชาร์จ ทำความเร็วจาก 0-100 ภายใน 8.5 วินาที มีรับประกันมอเตอร์ไฟฟ้าและคุณภาพตัวรถ 8 ปี หรือ 160,000-200,000 กิโลเมตร บริการช่วยเหลือฉุกเฉินฟรี 24 ชม. หน้าจอแสดงผลมีหลายภาษารวมทั้งภาษาไทย มีระบบ GPS เฉพาะรุ่นท็อป

ราคารถยนต์ไฟฟ้า AION Y Plus

• AION Y Plus รุ่น 490 Elite ราคา 1,069,900 บาท
• AION Y Plus รุ่น 550 Ultra ราคา  1,299,900 บาท

3. รถยนต์ไฟฟ้าอีวี Deepal S07 และ Deepal L07

อีกหนึ่งรถยนต์ไฟฟ้าอีวีที่ได้รับความสนใจจากคนทั่วไปและมีกูรูรีวิวไว้ค่อนข้างเยอะกับเจ้า Deepal S07 เป็นรถเอสยูวี (SUV) พลังงานไฟฟ้าที่เหมาะจะเป็นรถครอบครัว ระบบขับเคลื่อนด้วยล้อหลังที่ถูกออกแบบมาเพื่อกระจายน้ำหนักให้สมดุลทั้ง 4 ล้อ ประตูกระจกแบบไร้ขอบเพิ่มความหรูหราดูสปอร์ต ภายในตกแต่งด้วยเบาะหนังสีดำที่มีระบบจดจำคนขับช่วยปรับเบาะเลื่อนเข้าเลื่อนออกโดยอัตโนมัต และสามารถควบคุมรถผ่านแอพลิเคชั่นบนมือถือได้อีกด้วย วิ่งได้ไกลสุด 540 กิโลเมตร 258 แรงม้า ราคา 1,329,000 บาท มีบริการติดตั้งเครื่องชาร์จฟรีที่บ้าน แถมสายชาร์จฉุกเฉิน รับประกันตัวรถและมอเตอร์ไฟฟ้าที่ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร

รถยนต์ไฟฟ้า Deepal L07 อีกหนึ่งรถซีดานไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้าขนาดกลาง 5 ประตู 5 ที่นั่ง  กำลังสูงสุด 258 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร มีแบตเตอรี่ขนาดความจุ 58.1 กิโลวัตต์-ชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้เวลา 5.9 วินาที ระยะทางวิ่งสูงสุด 515 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง (CLTC) ดีไซน์ภายนอกแบบสปอร์ตซีดาน ใช้ประตูแบบไร้กรอบกระจก ส่วนการตกแต่งภายในจะมี 2 โทนสี คือ สีดำ และสีขาว-ดำ

ราคารถยนต์ไฟฟ้า Deepal S07 / Deepal L07

• Deepal S07 ราคา 1,399,000 บาท
• Deepal L07 ราคา 1,329,000 บาท

4. รถยนต์ไฟฟ้า GWM Ora Good Cat Pro และ GWM Ora Good Cat Ultra

รถยนต์ไฟฟ้าอีวี 2024 รถสปอร์ต สุดน่ารักออกใหม่ มาพร้อมดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ที่หลายคนชื่นชอบ ราคาเริ่มต้นเบาๆ 799,000 บาท เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ใช้กำลังสูงสุด 105 กิโลเมตร แรงบิดสูงสุด 210 N/m ความจุเเบตเออตรี 57.70 kWh ตอบสนองได้ทุกการขับขี่ ส่วนรุ่น New GWM ORA Good Cat Ultra ใช้กำลังสูงสุด 105 กิโลวัตต์ หรือ 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร วิ่งระยะทางไกลมากถึง 480 กิโลเมตร ราคาเริ่มต้น 899,000 บาท รุ่น New GWM ORA Good Cat GT มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 126 กิโลวัตต์ หรือ 171 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร สามารถวิ่งได้ 460 กิโลเมตร โดดเด่นด้วยหลังคากระจก Panoramic Sunroof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า เหมือนกับรุ่น ULTRA ราคาเริ่มต้นเพียง 1,099,000 บาท ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่ได้รับความนิยมจอง จุดเด่นของเขาก็คือมอเตอร์ไฟฟ้าที่แรงขึ้น มีโหมดออกตัว Launch Control ฝาท้ายเปิดปิดด้วยระบบ Hand free ภายในรถยนต์ตกแต่งด้วยเบาะหนังและมีความกว้างสบาย

ราคารถยนต์ไฟฟ้า New GWM ORA Good Cat

• New GWM ORA Good Cat PRO ราคา 799,000 บาท
• New GWM ORA Good Cat ULTRA ราคา 899,000 บาท
• New GWM ORA Good Cat GT ราคา 1,099,000 บาท

5. รถยนต์ไฟฟ้า BYD Atto3 และ BYD Seal 

เราจะสังเกตเห็นได้ตามท้องถนนเดี๋ยวนี้มักจะมี BYD Atto3 วิ่งอยู่แทนจะทุกที่ ต้องบอกเลยว่าเป็นรถ EV อีกรุ่นที่น่าสนใจ เพราะรถยนต์ไไฟ้า BYD Atto3 ทรงเป็นแบบรถ SUV ภายในกว้างขวาง นั่งสบาย กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ BYD Blade Battery ความจุ 50.1 kWh โดยระยะทางวิ่งสูงสุด 410 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ (มาตรฐาน NEDC) หากเป็น BYD ATTO3 รุ่น Extended Range จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน 1 ตัว ขนาด 150 kW ดีไซน์ไฟหน้า ไฟท้าย กระจกข้างที่โดดเด่น มาพร้อมระบบการชาร์จตามมาตรฐานยุโรป มีให้เลือกมากถึง 5 สีด้วยกัน ได้แก่ สีขาว (Frost), สีเทา (Graphite), สีเขียว (Emerald), สีฟ้า (Lagoon), สีแดง (Solar)

ทางด้าน BYD Seal รถไฟฟ้า EV 100% เป็นอีกรุ่นยอดนิยมในปี 2023-2024 สำหรับรถพรีเมี่ยมสปอร์ตซีดานมีเทคโนโลยีล้ำสมัย ด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ในการขับขี่ แบตเตอรี่ BYD Blade Battery ขนาด 82.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง มอเตอร์ใช้กำลังสูงสุด  523 แรงม้า แรงบิด 670 นิวตัน-เมตร สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดถึง 650 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง โดยรถยนต์ไฟฟ้า BYD Seal มีทั้งหมด 4 สี ดังนี้

• BYD SEAL สีขาว Horizon White
• BYD SEAL สีดำ Quantum Black
• BYD SEAL สีเทา Space Grey (เฉพาะ BYD Seal รุ่น Premium RWD และ AWD Performance)
• BYD SEAL สีฟ้า Velocity Blue (เฉพาะ BYD Seal รุ่น AWD Performance)

ราคารถยนต์ไฟฟ้า BYD AUTTO 3 / SEAL

• BYD ATTO 3 รุ่น Standard Range ราคา 1,099,900 บาท
• BYD ATTO 3 รุ่น Extended Range ราคา 1,199,900 บาท
• BYD Seal DYNAMIC RWD ราคา 1,325,000 บาท
• BYD Seal PREMIUM RWD ราคา 1,449,000 บาท
• BYD Seal PERFORMANCE AWD ราคา 1,599,000 บาท

ทั้งหมดนี้คือ รถยนต์ไฟฟ้า EV ที่น่าสนใจ น่าซื้อในปี 2024 ไม่ว่าจะเป็น NETA V, AION Y Plus, Deepal S07, Ora Good Cat Ultra, BYD Atto3, BYD Seal และ รถไฟฟ้าอื่นๆ อีกหลายแบรนด์ หากติดตามงานอีเว้นอย่างเช่น มอเตอร์โชว์ (Motor Show) มีจัดโปรโมชันพิเศษสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งส่วนลด โปรผ่อน ของแถมที่ร่วมรายการ เป็นต้น ไม่ควรพลาด ติดตามข่าวสารกับ bolttech ได้เลย!

หากจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าอีวี อย่าลืมมองหาประกันรถยนต์ ที่ bolttech.co.th รับประกันภัยจากบริษัทประกันชั้นนำ เช็กเบี้ย เทียบแผนได้ รู้ราคาทันที มีทั้งผ่อนบัตรและผ่อนเงินสดก็ได้ ซื้อง่ายผ่านออนไลน์ พร้อมรับสิทธิพิเศษอีกเพียบ

ซื้อรถใหม่แบบนี้ แนะนำ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ bolttech.co.th คุ้มครองครอบคลุมได้มากที่สุด ทั้งอุบัติเหตุไม่มีคู่กรณี และมีคู่กรณี คุ้มครองรถสูญหายจากโจรกรรม รถไฟไหม้ รถน้ำท่วม รวมถึงค่ารักษาพยาบาลผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เช็กเบี้ย เทียบแผนได้ รู้ราคาทันที พร้อมรับสิทธิพิเศษอีกเพียบ ทำประกันไว้อุ่นใจกว่า

The post รถยนต์ไฟฟ้า EV ที่น่าสนใจในปี 2024 appeared first on Bolttech Blog - News & Updates.